8 โปรแกรม VPN ฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ Mac ในปี 2024

ระยะเวลาในการอ่าน: 15 min

  • เพ็ญจรัส ศรีประไพ

    ถูกเขียนขึ้นโดย: เพ็ญจรัส ศรีประไพ นักเขียนด้านเทคโนโลยี

7ในฐานะผู้ใช้งาน MacBook ที่แสนภาคภูมิ ฉันคิดว่าการค้นหาโปรแกรม VPN ฟรีที่รวดเร็วและไว้ใจได้สำหรับ Mac นั้นคงเป็นเรื่องง่าย – แต่ฉันคิดผิด

โปรแกรม VPN ฟรีมากมายไม่มีแอปเฉพาะสำหรับ Mac ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้องดำเนินการผ่านขั้นตอนการตั้งค่าที่ซับซ้อนด้วยตัวเองแทนที่จะสามารถดำเนินการเสร็จได้ในคลิกเดียว โปรแกรมอื่น ๆ ก็ใช้เวลานานมากจนคุณอยากจะยกเลิกการติดตั้งมัน

ที่สำคัญที่สุดคือไม่ใช่ทุกโปรแกรม VPN บน App Store จะสามารถไว้วางใจได้ – โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมันฟรี ฉันพบว่าโปรแกรม VPN ฟรีมากมายจริง ๆ แล้วขายข้อมูลส่วนบุคคลของคุณให้กับนักโฆษณาเพื่อสร้างรายได้ซึ่งทำให้ความเป็นส่วนตัวของคุณตกอยู่ในความเสี่ยงร้ายแรง

เพื่อประหยัดเวลาของคุณและลดความเสี่ยงในการดาวน์โหลดโปรแกรม VPN ที่เป็นอันตราย ฉันจึงได้ทดสอบโปรแกรม VPN ฟรีมากมายเพื่อค้นหาตัวเลือกที่รวดเร็วที่สุดและปลอดภัยที่สุดสำหรับผู้ใช้ Mac โปรแกรม VPN ทั้งหมดในรายการนี้เปิดให้บริการโดยบริษัทที่ไว้ใจได้ซึ่งใช้งานกับ macOS และ iOS ได้และฟรี 100%

ตัวเลือกอันดับหนึ่งของฉันคือ ExpressVPN ซึ่งคุณสามารถใช้งานมันได้ฟรี 30 วันฉันประทับใจมันมากจนฉันลงทะเบียนสมัครสมาชิกใช้งานเองเลยด้วยซ้ำ

ลองใช้ ExpressVPN ฟรีบน Mac!

คำแนะนำลัด: โปรแกรม VPN ฟรี (และปลอดภัย) ที่ดีที่สุดสำหรับ Mac ในปี 2020

  1. ExpressVPN – โปรแกรม VPN อันดับ #1 สำหรับ Mac ที่อนุญาตให้ใช้ข้อมูลได้ไม่จำกัด ฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ทรงพลัง เครือข่ายทั่วโลกที่รวดเร็วและสิทธิ์ในการเข้าถึงบริการสตรีมมิ่งต่าง ๆ ฟรี 30 วัน
  2. Proton VPN -ไม่มีขีดจำกัดข้อมูลและมีนโยบายความเป็นส่วนตัวที่แข็งแกร่ง แต่มีตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ให้บริการเพียง 3 เซิร์ฟเวอร์เท่านั้นในสหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์และญี่ปุ่น
  3. Hide.me – ข้อมูล 10GB ต่อเดือนพร้อมนโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่เข้มงวด แต่ความเร็วไม่ค่อยเสถียร
  4. NordVPN – เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่รวดเร็วและไว้วางใจได้ แต่มีอินเทอร์เฟซผู้ใช้ที่ซับซ้อนในบางแอป
  5. Surfshark – เสนอการเชื่อมต่อในเวลาเดียวกันแบบไม่จำกัด แต่ไม่สามารถไว้วางใจในด้านการเข้าถึงบริการสตรีมมิ่งได้
  6. TunnelBear – การเข้ารหัสที่แข็งแกร่ง แต่ความเร็วช้าและจำกัดข้อมูลเพียง 500MB ต่อเดือน
  7. Hotspot Shield – ข้อมูล 500MB ทุก 24 ชั่วโมงพร้อมความเร็วที่ดี แต่มีโฆษณาและมีตัวเลือกเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกาเพียง 1 เซิร์ฟเวอร์เท่านั้น
  8. Windscribe – ข้อมูล 15GB ต่อเดือนพร้อมความเร็วที่รวดเร็วสม่ำเสมอและการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่จำกัด แต่ไม่สามารถสตรีม Netflix ได้

8 โปรแกรม VPN ฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ Mac (อัปเดตปี 2024)

1. ExpressVPN – VPN พรีเมียมสำหรับ Mac ที่ดีที่สุด (ใช้งานโดยไม่มีความเสี่ยงด้วยการรับประกันยินดีคืนเงิน)

ฟีเจอร์หลัก:

  • ไม่จำกัดข้อมูลในการสตรีม, Torrent และท่องเว็บได้มากเท่าที่คุณต้องการ – ไม่มีขีดจำกัดข้อมูลรายเดือน
  • การเข้ารหัสระดับทหารช่วยดูแลให้กิจกรรมออนไลน์ของคุณไม่ถูกเปิดเผย
  • มีเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกมากกว่า 3000 เซิร์ฟเวอร์เพื่อการเชื่อมต่อที่รวดเร็วจากทุกที่ในโลก
  • ปลดบล็อกเว็บไซต์อย่าง Netflix, Hulu, Disney+ และ Amazon Prime Video ได้อย่างง่ายดาย

แม้ว่าคุณจะต้องจ่ายเงิยล่วงหน้า แต่ ExpressVPN เป็น VPN ที่ดีที่สุดสำหรับ Mac และมันมีการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน นี่หมายความว่าคุณสามารถทดสอบ ExpressVPN ได้โดยไม่มีความเสี่ยงหรือข้อผูกมัด หากคุณไม่พึงพอใจ คุณมีเวลา 30 วันในการขอรับเงินคืน

ตอนที่ฉันเชื่อมต่อกับ ExpressVPN บน MacBook Pro ของฉัน ฉันประทับใจอย่างยิ่งกับความเร็วที่รวดเร็วของเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลก ฉันเปิดการทดสอบความเร็วสำหรับเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนีและออสเตรเลีย – และความเร็วอินเทอร์เน็ตของฉันไม่เคยลดลงต่ำกว่า 89 Mbps เลย ความเร็วดังกล่าวนี้ถือว่ารวดเร็วพอสำหรับกิจกรรมที่ใช้ข้อมูลเยอะของ Mac เช่น การสตรีมมิ่ง, Torrenting และการเล่นเกม

จริง ๆ แล้วฉันปลดบล็อก Disney+ เพื่อรับชมรายการ The Mandalorian ผ่านเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดที่ฉันทดสอบได้อย่างง่ายดาย ฉันสามารถสตรีมทั้งตอนได้โดยไม่ถูกแทรกแซงโดยการสะดุดหรือการกระตุกอีกด้วย

ตัวอย่าง ExpressVPN ที่ทำงานกับห้องสมุด Disney+
ฉันปลดบล็อกแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอย่าง Disney+ ด้วย ExpressVPN ได้อย่างง่ายดาย

ด้วยเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 3000 เซิร์ฟเวอร์ใน 105 ประเทศ การค้นหาเซิร์ฟเวอร์ที่รวดเร็วที่อยู่ใกล้คุณจึงเป็นเรื่องง่าย คุณไม่ต้องเลื่อนดูรายการเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดของ ExpressVPN ด้วยตัวคุณเอง หลังจากที่คุณเลือกประเทศที่เฉพาะเจาะจงแล้ว แอปสำหรับ Mac จะเชื่อมต่อคุณกับเซิร์ฟเวอร์ที่เร็วที่สุดโดยอัตโนมัติตอนที่คุณคลิกที่ปุ่มเปิดขนาดใหญ่ คุณยังสามารถบันทึกทางลัดไปยังเว็บไซต์หรืแอปโปรดของคุณเอาไว้ในหน้าแรกของแอป ExpressVPN ได้อีกด้วย สิ่งที่คุณต้องทำคือเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์และคลิกที่ปุ่มทางลัด

หลังจากที่เชื่อมต่อแล้ว ExpressVPN จะป้องกันเส้นทางเข้าชมอินเทอร์เน็ตของ Mac คุณด้วยการเข้ารหัสระดับทหาร การป้องกันการรั่วไหลและ Kill Switch เพื่อเป็นการป้องกันเพิ่มเติม เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ RAM จะลบข้อมูลผู้ใช้ทั้งหมดออกไปในการรีบูตแต่ละครั้งด้วย ชั้นการป้องกันเหล่านี้ช่วยปิดบังหมายเลข IP ของคุณเอาไว้ตลอดเวลาซึ่งทำให้คุณไม่ถูกเปิดเผยตัวตนทางออนไลน์ จริง ๆ แล้ว ExpressVPN เป็นหนึ่งใน VPN ที่ดีที่สุดสำหรับความเป็นส่วนตัวออนไลน์และความเป็นอิสระ (มันยังทำงานในประเทศจีนได้อีกด้วย!)

คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อคำพูดของฉัน คุณสามารถลองใช้ ExpressVPN ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วันได้โดยไม่มีความเสี่ยง แตกต่างจาก VPN อื่น ๆ ExpressVPN ยังมีแม้กระทั่งนโยบายคืนเงินแบบ “ไม่ต้องตอบคำถาม” นี่ทำให้การใช้การรับประกันยินดีคืนเงินนั้นเป็นไปอย่างรวดเร็วและง่ายดายในกรณีที่คุณรู้สึกว่าโปรแกรมนี้ไม่เหมาะกับคุณ ตอนที่ฉันทดสอบมันด้วยตัวฉันเอง คำขอเงินคืนของฉันผ่านแชทออนไลน์ได้รับการอนุมัติภายในเวลาน้อยกว่า 1 นาที – และฉันได้รับเงินคืนเข้าบัญชีภายใน 4 วันเท่านั้น

เข้ากันได้กับ macOS: 10.9 (Mavericks), 10.10 (Yosemite), 10.11 (El Capitan), 10.12 (Sierra), 10.13 (High Sierra), 10.14 (Mojave) และ 10.15 (Catalina)

ExpressVPN ยังทำงานได้บน: iOS, Windows, Android, Linux, Chromebook, Blackberry, Raspberry PI, Windows Phone, PlayStation, Xbox, Nintendo Switch, Amazon Fire TV, Amazon Fire Stick, Chromecast, เราเตอร์และ Smart TV

อัปเดต 2024! ExpressVPN ปรับลดราคาภายในช่วงระยะเวลาที่จำกัดเหลือเพียง $6.67 ต่อเดือนเท่านั้นในแผนให้บริการแบบ 1 ปี (คุณสามารถประหยัดเงินได้สูงสุดถึง 49%) + รับเพิ่มอีก 3 เดือนฟรี! นี่เป็นข้อเสนอจำกัดเวลา ดังนั้นอย่าลืมคว้ามันเอาไว้เลยตอนนี้ก่อนที่มันจะหายไป ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสนอนี้ได้ที่นี่

2. Proton VPN – ข้อมูลไม่จำกัดสำหรับการเชื่อมต่อไปยังสหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์และญี่ปุ่นบน Mac

ข้อดี:

  • อนุญาตให้ใช้ข้อมูลได้ไม่จำกัดสำหรับการท่องเว็บออนไลน์
  • แอปเฉพาะสำหรับ Mac, iPhone และ iPad
  • นโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน ไม่มีโฆษณาและการเข้ารหัสแบบ AES-256
  • มีฝ่ายบริการลูกค้าผ่านทางอีเมล
  • ตั้งอยู่ในสวิสเซอร์แลนด์และอยู่นอก 14 Eyes Alliance

ข้อเสีย:

  • มีเซิร์ฟเวอร์ให้บริการใน 3 ประเทศเท่านั้น
  • ไม่สามารถสตรีม Netflix, Disney+ และอื่น ๆ ในแผนให้บริการฟรีได้
  • รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์เดียว
  • ไม่มีรองรับ Torrenting หรือการดาวน์โหลดแบบ P2P

Proton VPN มอบข้อมูลไม่จำกัดและฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ทรงพลัง – ทั้งหมดฟรีโดยไม่มีโฆษณา นี่มันฟังดูดีเกินกว่าจะเป็นจริงหรือเปล่า ใช่และไม่ใช่

เส้นทางอินเทอร์เน็ตของคุณจะได้รับการป้องกันด้วยการเข้ารหัสระดับทหารและไม่มีการจัดเก็บข้อมูลใด ๆ ของคุณเอาไว้เนื่องจากนโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่เข้มงวด ที่ดีกว่านั้นคือ Proton VPN ตั้งอยู่ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ซึ่งเป็นประเทศที่ที่กฎหมายการเก็บข้อมูลจำเป็นนั้นไม่ถูกบังคับใช้กับโปรแกรม VPN หากคุณเป็นแฟนบริการอีเมลเข้ารหัส ProtonMail คุณจะมีความสุขที่ได้ทราบว่า Proton VPN ได้รับการพัฒนาโดยทีมงานเดียวกันด้วยความมุ่งมั่นด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยเดียวกัน

เมื่อพูดถึงเรื่องประสิทธิภาพ ข้อเสียอย่างยิ่งก็คือคุณสามารถเชื่อมต่อได้เฉพาะเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์และญี่ปุ่นเท่านั้น นี่เป็นเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่มีขนาดเล็กที่สุดในรายการของฉันและมันจำกัดตัวเลือกของคุณหากคุณต้องการเข้าถึงเนื้อหาในประเทศอื่น ๆ

ความเร็วของฉันนั้นสม่ำเสมอมาก ตอนที่ฉันทดสอบเซิร์ฟเวอร์ของแต่ละประเทศ เซิร์ฟเวอร์เนเธอร์แลนด์มีความเร็วที่เร็วที่สุดที่ 15.48 Mbps – แต่ความเร็วของฉันช้าลงมาถึง 4.92 Mbps ในสหรัฐอเมริกาและ 4.45 Mbps ในญี่ปุ่น เนื่องจากผู้ใช้ฟรีทั้งหมดกำลังเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์เดียวกัน แน่นอนว่าเรื่องนี้ทำให้เซิร์ฟเวอร์แน่นหนา ดังนั้นความเร็วก็จะลดลงในช่วงเวลาที่มีการใช้งานเยอะ

ภาพหน้าจอของ Proton VPN ที่เชื่อมต่อกับเนเธอร์แลนด์และสหรัฐอเมริกาพร้อมผลการทดสอบความเร็ว

คุณสามารถเลือกเซิร์ฟเวอร์ได้ใน 3 ประเทศเท่านั้นซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเร็วของคุณโดยขึ้นอยู่กับที่ที่คุณพำนักอาศัย

เช่นเดียวกันกับโปรแกรม VPN ฟรีอื่น ๆ มากมาย คุณจะพบว่าฝ่ายบริการนั้นให้บริการช้า ฉันส่งอีเมลไปหา Proton VPN เพื่อยืนยันว่ามีเซิร์ฟเวอร์ใดให้บริการในแผนให้บริการฟรีบ้าง (ฉันเห็นข้อมูลนี้ขาดหายไปบนเว็บไซต์) และฉันได้รับการตอบกลับใน 7 ชั่วโมงให้หลัง ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังคงพึงพอใจเพราะการตอบกลับนั้นละเอียดและเป็นมิตรมาก

ผู้ใช้งานฟรีทุกท่านจะได้รับสิทธิ์ในการใช้แผนให้บริการแบบชำระเงินฟรี 7 วันโดยอัตโนมัติ แอปจะเปลี่ยนกลับไปเป็นเวอร์ชันฟรีเมื่อระยะเวลาทดลองใช้งานสิ้นสุดลงและจำกัดฟีเจอร์พรีเมียม ฉันผิดหวังกับการจำกัดของเวอร์ชันฟรีหลังจากที่ช่วงเวลาทดลองฟรีสิ้นสุดลงแม้ว่าแอปสำหรับ macOS จะมอบความเป็นมิตรต่อผู้ใช้งานอย่างมากด้วยเลย์เอาท์ที่สะอาดตาก็ตาม

เพื่อลงทะเบียนเปิดใช้งานบัญชี Proton VPN ฟรี สิ่งที่คุณต้องมีคือที่อยู่อีเมล ไม่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลบัตรเครดิตหรือข้อมูลอื่น ๆ

เข้ากันได้กับ macOS: 10.12 (Sierra), 10.13 (High Sierra), 10.14 (Mojave) และ 10.15 (Catalina)

Proton VPN ยังใช้งานได้บน: iPhone, iPad, Windows, Linux และ Android

3. Hide.me – ข้อมูลฟรี 10GB พร้อมนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่เข้มงวด

ข้อดี:

  • อนุญาตให้ใช้ข้อมูลสำหรับการท่องเว็บและ Torrenting ได้ 10GB ต่อเดือน
  • แอปเฉพาะสำหรับ macOS และ iOS
  • การเข้ารหัสแบบ AES 256-บิต, Kill Switch และนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน
  • ฝ่ายบริการลูกค้าผ่านระบบตั๋วอีเมล
  • ตั้งอยู่ในมาเลเซียและอยู่นอก 14 Eyes Alliance

ข้อเสีย:

  • มีเซิร์ฟเวอร์ให้บริการใน 4 ประเทศเท่านั้น
  • ไม่สามารถปลดบล็อก Netflix, BBC iPlayer และบริการสตรีมมิ่งอื่น ๆ ได้
  • รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ทีละ 1 อุปกรณ์เท่านั้น

Hide.me เสนอข้อมูลฟรี 10GB ต่อเดือนซึ่งเพิ่มจากข้อมูลที่อนุญาตให้ใช้ได้ก่อนหน้านี้ 2GB จำนวนของประเทศที่พร้อมให้บริการก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ตอนนี้คุณสามารถเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา เนเธอร์แลนด์และเยอรมนีได้ (เซิร์ฟเวอร์สิงคโปร์ถูกลบออกไป)

ความเร็วของฉันนั้นรวดเร็วพอสำหรับกิจกรรมทางออนไลน์พื้นฐาน ในระหว่างการทดสอบของฉัน เช่น การท่องอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดีย ความเร็วที่รวดเร็วที่สุดของฉันอยู่ในเยอรมนีที่ 16.27 Mbps และเนเธอร์แลนด์ที่ 10.47 Mbps ทั้งสองประเทศนั้นเป็นประเทศที่อยู่ใกล้กับตำแหน่งที่แท้จริงของฉันในตุรกีมากที่สุด ความเร็วที่ช้าที่สุดของฉันคือจากเซิร์ฟเวอร์สหรัฐอเมริกาที่ 8.59 Mbps และแคนาดาที่ 6.78 Mbps

ภาพหน้าจอของ Hide.me VPN ที่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในเยอรมนีเนเธอร์แลนด์สหรัฐอเมริกาและแคนาดาและผลการทดสอบความเร็ว

ความเร็วของ Hide.me นั้นขึ้นอยู่กับว่าเซิร์ฟเวอร์นั้นอยู่ห่างจากคุณมากแค่ไหน

ผู้ใช้ฟรีจะได้รับการป้องกันขั้นสูงเดียวกันกับแผนให้บริการแบบชำระเงิน นี่รวมถึงการเข้ารหัสแบบ AES 256-บิต นโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่เข้มงวดและ Kill Switch ดังนั้นจึงไม่มีความเสี่ยงที่ข้อมูลของคุณจะถูกเปิดเผย Hide.me ตั้งอยู่ในมาเลเซียซึ่งไม่มีความจำเป็นทางกฎหมายที่จะต้องติดตามและบันทึกข้อมูลของผู้ใช้งาน

Hide.me อ้างว่ามีฝ่ายบริการลูกค้าพร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงสำหรับทั้งผู้ใช้ฟรีและผู้ใช้ชำระเงิน แต่นี่คือเรื่องที่เข้าใจผิด คุณสามารถติดต่อ Hide.me ผ่านทางระบบอีเมลได้เท่านั้น ตอนที่ฉันทดสอบเรื่องนี้ ฉันต้องรอการตอบกลับถึง 3 ชั่วโมง นี่ถือว่าค่อนข้างเร็วสำหรับโปรแกรม VPN ฟรี ดังนั้นฉันจึงไม่ต้องร้องเรียนอะไร

แอปสำหรับ Mac นั้นก็เป็นแอปพื้นฐาน แต่ใช้งานได้ง่ายมาก คุณไม่จำเป็นต้องลงทะเบียน – แค่ดาวน์โหลดแอปเพื่อใช้งาน Hide.me ฟรีได้เลยทันที! แผนให้บริการฟรีจะหมดอายุหลังจาก 30 วัน แต่คุณยังสามารถต่ออายุมันใหม่ได้บ่อยเท่าที่คุณต้องการ

เข้ากันได้กับ macOS: Sierra (10.12), High Sierra (10.13), Mojave (10.14) และ Catalina (10.15)

Hide.me ยังใช้งานได้บน: iPhone, iPad, Windows, Android, Windows Phone, Linux, Blackberry และเราเตอร์

4. NordVPN — VPN พรีเมียมที่มีราคาถูกในแผนให้บริการระยะยาว

ฟีเจอร์หลัก:

  • มีการสมัครสมาชิกในระยะสั้นและระยะยาวพร้อมให้บริการ
  • การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน
  • 6.300 เซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกใน 110 ประเทศ
  • ไม่จำกัดแบนด์วิดธ์
  • ป้องกันได้สูงสุดถึง 10 อุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน

NordVPN เป็นหนึ่งใน VPN ที่ดีที่สุดในตลาด — และคุณสามารถใช้บริการแผนให้บริการที่มีราคาถูกมากได้ตอนที่คุณลงทะเบียนสำหรับแผนให้บริการระยะยาว แต่ถึงอย่างนั้นก็มีเรื่องหนึ่งที่คุณควรทราบ นั่นก็คือเมื่อถึงเวลาต่ออายุการสมัครสมาชิกของคุณ ราคาจะปรับขึ้นค่อนข้างมาก

ฉันประทับใจเป็นอย่างยิ่งกับประสิทธิภาพสูงของเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดที่ฉันทดสอบ แค่เพราะ VPN มีเซิร์ฟเวอร์นับพันเซิร์ฟเวอร์ ไม่ได้หมายความว่าเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดนั้นจะใช้งานได้จริง เซิร์ฟเวอร์อาจประสบปัญหาในการปลดบล็อกเว็บไซต์ในท้องถิ่นได้ — และบางเซิร์ฟเวอร์ก็อาจยะไม่สามารถเชื่อมต่อได้เลย แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็สามารถปลดบล็อก Netflix, Disney+, Hulu, Amazon Prime Video, BBC iPlayer และ HBO Max ด้วยเซิร์ฟเวอร์ต่าง ๆ มากมายในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรได้อย่างง่ายดาย

อย่างไรก็ตาม ฉันพบปัญหากับการใช้งานแอปเฉพาะ Fire TV ของ NordVPN แม้ว่ามันจะทำงานได้และสตรีมบริการสตรีมมิ่งได้บางส่วน แต่บางครั้งมันก็มีปัญหาในการสตรีม Netflix ของสหรัฐอเมริกาและค้างอยู่เรื่อย ๆ นอกจากนี้ฉันยังพบว่าอินเทอร์เฟซผู้ใช้ของ NordVPN สำหรับอุปกรณ์เดสก์ท็อปนั้นมีความเป็นมิตรน้อยกว่า ExpressVPN และ CyberGhost

NordVPN มีฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวดังต่อไปนี้:

  • การเข้ารหัส AES 256-บิต
  • Kill Switch ที่ตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณหากการเชื่อมต่อ VPN ของคุณเกิดหลุดขึ้นมากระทันหัน
  • ตัวปิดกั้นโฆษณาและมัลแวร์ภายในตัวเพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องใช้ตัวปิดกั้นโฆษณาของบุคคลที่สาม
  • นโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่ได้รับการตรวจสอบแล้วโดยสมบูรณ์ (ตรวจสอบโดย PwC) – NordVPN ไม่ได้จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลที่ระบุตัวตนได้เอาไว้ขณะที่คุณเชื่อมต่อกับ VPN

นอกจากนี้แล้ว NordVPN ยังมี Threat Protection ที่จะป้องกันคุณจากไวรัส เว็บไซต์ที่ติดไวรัสและตัวติดตามรวมมาให้ด้วย – และมันทำงานได้เมื่อใดก็ตามที่คุณเปิดแอป NordVPN เอาไว้แม้ว่าคุณจะไม่ได้เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN ก็ตาม

ภาพหน้าจอของแอป NordVPN สำหรับ Windows ที่แสดงคุณลักษณะการป้องกันภัยคุกคามเปิดอยู่เสมอ

NordVPN ปกป้องคุณจากภัยคุกคามออนไลน์ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

คุณสามารถสตรีม, Torrent และท่องเว็บฟรีสูงสุดถึง 30 วันได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงินของ NordVPN มันมีแผนให้บริการที่มีราคาแสนถูกเพียง $4.39 ต่อเดือน เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับเงินของคุณกลับคืนมาจริง ๆ ฉันจึงได้ทดสอบการรับประกันยินดีคืนเงินของ NordVPN ดู ในตอนแรกทีมสนับสนุนพยายามจะมอบระยะเวลาทดลองใช้งานเพิ่มเติมกับฉัน — แต่พวกเขาดำเนินการคืนเงินให้กับฉันทันทีหลังจากที่ฉันบอกพวกเขาว่าฉันไม่สนใจระยะเวลาทดลองใช้งานเพิ่มเติมนั้น ฉันได้รับเงินคืนกลับมาใน 6 วันทำการ

NordVPN ทำงานร่วมกับ: Netflix, Amazon Prime Video, BBC iPlayer, Hulu, Disney+, Vudu, SkyTV, HBO Go, HBO Now, Sky, SHOWTIME, DAZN, ESPN, YouTube TV และอื่น ๆ อีกมากมายได้

NordVPN ทำงานได้บน: Windows, Mac OS, Android, iOS, Windows Phone, Chromebook, Linux, Chrome, Firefox, Fire Stick และ Android TV

5. Surfshark — คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปมากที่สุดด้วยการเชื่อมต่ออุปกรณ์แบบไม่จำกัดและความเร็วที่รวดเร็ว

ฟีเจอร์หลัก:

  • มีการสมัครสมาชิกในระยะสั้นและระยะยาวพร้อมให้บริการ
  • การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน
  • 3200 เซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกใน 100 ประเทศ
  • ไม่จำกัดแบนด์วิดธ์
  • เชื่อมต่ออุปกรณ์ในเวลาเดียวกันได้ไม่จำกัด

Surfshark มอบความคุ้มค่าสำหรับเงินที่คุณจ่ายได้ดีที่สุดในหมู่ VPN พรีเมียมทั้งหมดในตลาด คุณสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ไม่จำกัดในการสมัครสมาชิกเดียว (ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถเชื่อมต่อกันทั้งครอบครัวและแม้กระทั่งเพื่อน ๆ ของคุณได้!)

ฉันทดสอบการเชื่อมต่อที่ไม่จำกัดของ Surfshark บน PC จำนวน 2 เครื่อง, โทรศัพท์จำนวน 2 เครื่อง, Fire Stick จำนวน 4 เครื่องและ iPad หนึ่งเครื่อง การเชื่อมต่อของฉันยังคงเสถียรในอุปกรณ์ทั้งหมด 6 เครื่อง แม้ในขณะที่ฉันสตรีมมิ่งบนอุปกรณ์ทั้งหมดของฉันก็ตาม ความเร็วโดยเฉลี่ยของฉันอยู่ที่ 112 Mbps — ซึ่งถือว่ารวดเร็วมากเพียงพอสำหรับคุณภาพระดับ UltraHD

ตอนที่ฉันเห็นราคาของบริการนี้ ฉันคิดว่ามันอาจจะไม่ได้มีฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับชั้นนำเนื่องจากราคาแสนถูก แต่ฉันก็ต้องประหลาดใจอย่างมาก

Surfshark มีฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวดังต่อไปนี้:

  • การเข้ารหัส AES 256-บิตบนอุปกรณ์ทั้งหมดพร้อมการเข้ารหัส ChaCha พร้อมให้บริการสำหรับผู้ใช้ Android
  • โปรโตคอล Wireguard VPN ถูกเปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้น
  • เซิร์ฟเวอร์บน RAM เท่านั้น ไม่มีดิสก์ เพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัวของคุณ (ไม่สามารถสกัดข้อมูลทางกายภาพจากเซิร์ฟเวอร์ใด ๆ ได้)
  • Kill Switch (แม้ว่าจะไม่ได้ถูกเปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้น)
  • การป้องกันการรั่วไหลของ IP และ DNS

Surfshark มีการยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน (2FA) ในบัญชีของคุณ ฟีเจอร์นี้ต้องการให้คุณกรอกรหัสเพิ่มเติมก่อนที่คุณจะสามารถลงชื่อเข้าใช้เพื่อให้มั่นใจว่ามีแค่คุณเท่านั้น (และคนที่คุณแบ่งปันบัญชีด้วย) ที่สามารถเข้าถึงบัญชีของคุณได้

แม้ว่า Surfshark จะมีเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกน้อยกว่าคู่แข่งอย่าง ExpressVPN CyberGhost และ NordVPN เล็กน้อย แต่ฉันก็ไม่พบกับปัญหาใด ๆ ในระหว่างการทดสอบของฉันฉันเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่ทำงานรวดเร็วได้อย่างง่ายดายทุกครั้งและฉันก็ได้รับความเร็วที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสตรีมมิ่ง Netflix ในความละเอียดระดับ Ultra HD, ดาวน์โหลด Torrent และท่องอินเทอร์เน็ต

คุณสามารถทดลองใช้ Surfshark ด้วยตัวคุณเองได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน มันมีแผนให้บริการที่มีราคาแสนถูกเพียง $2.19 การขอเงินคืนก็เป็นเรื่องง่ายด้วยฟีเจอร์แชทออนไลน์ของ Surfshark แม้ว่าทีมสนับสนุนจะถามถึงเหตุผลที่ฉันต้องการยกเลิกการสมัครสมาชิกของฉัน แต่ฉันก็ไม่พบปัญหาในการขอเงินคืน (และมันใช้เวลาเพียง 4 วันเท่านั้น!)

Surfshark ทำงานร่วมกับ: Netflix, Amazon Prime Video, Disney+, BBC iPlayer, Sling TV, Hotstar, HBO Max, DAZN และอื่น ๆ อีกมากมายได้

Surfshark ทำงานได้บน: Windows, Mac OS, Android, iOS, Linux, Fire Stick, PS4, Xbox One, Nintendo Switch, Samsung Smart TVs, LG Smart TVs, Android TV, Kodi และเราเตอร์ที่เลือก

4. TunnelBear – การเข้ารหัสที่แข็งแกร่ง แต่จำกัดข้อมูลฟรีเพียง 500MB ต่อเดือนเท่านั้น

ข้อดี:

  • แอปเฉพาะที่พร้อมให้บริการสำหรับ macOS และ iOS
  • เซิร์ฟเวอร์ใน 20 ประเทศ
  • การเข้ารหัสระดับทหารพร้อมนโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน
  • เชื่อมต่อในเวลาเดียวกันได้สูงสุด 5 อุปกรณ์
  • รองรับ Torrenting และการแบ่งปันไฟล์แบบ P2P
  • มีฝ่ายบริการลูกค้าให้บริการผ่านทางระบบตั๋วอีเมล

ข้อเสีย:

  • ข้อมูลฟรีเพียง 500MB ต่อเดือนเท่านั้น
  • ความเร็วโดยเฉลี่ยช้า
  • ไม่สามารถเข้าถึง Netflix, BBC iPlayer, Disney+ และอื่น ๆ ได้
  • ตั้งอยู่ในแคนาดาและอยู่ใน 5 Eyes Alliance

แอป macOS ของ TunnelBear อาจมีธีมเป็นเจ้าหมีแสนน่ารัก แต่อย่าประเมินค่าโปรแกรม VPN ฟรีนี้ต่ำไปเชียว มันเป็นเจ้าของโดยบริษัทความปลอดภัยทางไซเบอร์ของสหรัฐอเมริกา McAfee TunnelBear ใช้โปรโตคอลระดับทหารเพื่อเข้ารหัสเส้นทางของคุณและป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลของคุณเมื่อคุณออนไลน์

แม้ว่าผู้ให้บริการจะเป็นบริษัทสหรัฐอเมริกาและตั้งอยู่ในแคนาดาก็ตาม (ส่วนหนึ่งของ 5 Eyes Alliance) แต่ TunnelBear ก็มีนโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่เข้มงวด ไม่มีประวัติหรือข้อมูลการออนไลน์ใด ๆ ของคุณที่จะถูกติดตามหรือเก็บรวบรวมเอาไว้ ดังนั้นคุณจึงไม่ถูกเปิดเผยตัวตนโดยสมบูรณ์

ข้อจำกัดอย่างยิ่งก็คือคุณถูกจำกัดแบนด์วิดธ์ 500MB ต่อเดือน หากคุณต้องการข้อมูลมากกว่านี้เพื่อสตรีม, Torrent หรือดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่เป็นประจำ คุณจะต้องอัปเกรดเป็นแผนแบบชำระเงิน ถึงอย่างนั้นฉันก็พบว่า 500MB นั้นมากเพียงพอสำหรับการท่องเว็บออนไลน์นิด ๆ หน่อย ๆ (ตราบใดที่คุณหลีกเลี่ยงการโหลดรูปภาพและวิดีโอ)

ในระหว่างการทดสอบของฉัน ฉันเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนีและออสเตรเลียและความเร็วที่ฉันได้รับนั้นก็ช้าที่สุดในโปรแกรม VPN ทั้งหมดในรายการนี้ เยอรมนีมีความเร็วช้าที่สุดอยู่ที่ 4.16 Mbps โดยสหราชอาณาจักรมีความเร็วเร็วกว่าเล็กน้อยที่ 7.43 Mbps และออสเตรเลียที่ 7.51 Mbps เซิร์ฟเวอร์สหรัฐอเมริกามีความเร็วที่ดีที่สุดอยู่ที่ 10.54 Mbps

ภาพหน้าจอของเซิร์ฟเวอร์ของ TunnelBear ในเยอรมนีสหราชอาณาจักรสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลียและผลการทดสอบความเร็ว

TunnelBear ไม่ได้มีความเร็วที่เร็วที่สุดและเสถียรที่สุด

เห็นได้ชัดว่าคุณสามารถรับข้อมูลเพิ่มอีก 1GB ได้โดยการทวีตเกี่ยวกับ TunnelBear แต่ฉันเชื่อมั่นว่าแคมเปญนี้หมดอายุลงแล้ว ฉันไม่พบข้อมูลใด ๆ บนเว็บไซต์และตอนที่ฉันติดต่อกับฝ่ายบริการลูกค้า ฉันก็ไม่เคยได้รับการตอบกลับเลย

มันใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการดาวน์โหลด TunnelBear ฟรีลงบน Mac ของคุณ – ลงทะเบียนด้วยชื่อและที่อยู่อีเมลของคุณเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องใช้บัตรเครดิต

เข้ากันได้กับ macOS และ OS X: 10.10 (Yosemite), 10.11 (El Capitan), 10.12 (Sierra), 10.13 (High Sierra), 10.14 (Mojave) และ 10.15 (Catalina)

TunnelBear ยังใช้งานได้บน: iPhone, iPad, Windows, Android, Linux, Chromebook, Raspberry Pi และ Roku

6. Hotspot Shield – ข้อมูลฟรี 15GB ต่อเดือน แต่มีโฆษณา

ข้อดี:

  • ข้อมูล 500MB ทุก 24 ชั่วโมง (รวมเท่ากับ 15GB ต่อเดือน)
  • มีแอปเฉพาะให้บริการสำหรับ macOS และ iOS
  • การเข้ารหัสระดับทหารจะป้องกันกิจกรรมบนอินเทอร์เน็ตของคุณ
  • มีฝ่ายบริการลูกค้าให้บริการผ่านทางอีเมล
  • รองรับกิจกรรม Torrenting และ P2P

ข้อเสีย:

  • แสดงโฆษณาในระหว่างเซสชันท่องเว็บ
  • มีเซิร์ฟเวอร์เสมือนเพียง 1 เซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกา
  • ไม่สามารถปลดบล็อก Netflix, BBC iPlayer, Disney+ และอื่น ๆ อีกมากมายได้
  • ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกาและเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยงานข่าวกรอง 5 Eyes
  • รองรับการเชื่อมต่อ 1 อุปกรณ์

Hotspot Shield เสนอการเข้ารหัสระดับทหาร นโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานและข้อมูล 500MB ทุก 24 ชั่วโมง (รวมแล้ว 15GB ต่อเดือน) แม้ว่าข้อมูลนี้จะไม่เพียงพอสำหรับการดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ แต่คุณก็สามารถนำไปใช้กับโซเชียลมีเดีย ท่องอินเทอร์เน็ตหรือตรวจสอบอีเมลของคุณได้โดยไม่มีปัญหา

มีเซิร์ฟเวอร์เสมือนเพียง 1 เซิร์ฟเวอร์เท่านั้นในสหรัฐอเมริกาสำหรับแผนให้บริการฟรี ตอนที่ฉันทดสอบเซิร์ฟเวอร์สหรัฐอเมริกา ฉันได้รับความเร็วอยู่ที่ 12.05 Mbps จากตำแหน่งของฉันในตุรกี บางทีคุณอาจได้รับความเร็วที่รวดเร็วกว่านี้หากคุณพำนักอาศัยอยู่ในหรืออยู่ใกล้กับสหรัฐอเมริกา

ภาพหน้าจอของเวอร์ชันฟรีของ Hotspot Shield บน Mac ที่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ของสหรัฐอเมริกาพร้อมผลการทดสอบความเร็ว

Hotspot Shield ให้บริการเพียง 1 เซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกาสำหรับแผนให้บริการฟรี

น่าเสียดายที่มีปัญหาด้านความเป็นส่วนตัวอยู่บ้าง แผนให้บริการฟรีของ Hotspot Shield นั้นมีโฆษณา ดังนั้นคุณจะต้องรับได้กับการที่นักโฆษณาจะได้ทราบเกี่ยวกับตำแหน่ง อุปกรณ์และหมายเลข IP ของคุณ

ภาพหน้าจอของนโยบายความเป็นส่วนตัวของ Hotspot Shield ใน Google Ads

นโยบายความเป็นส่วนตัวของ Hotspot Shield ระบุว่าข้อมูลของคุณจะถูกแบ่งปันกับนักโฆษณาบุคคลที่สาม

ไม่มี Kill Switch ในแอปสำหรับ Mac ดังนั้นเส้นทางอินเทอร์เน็ตของคุณจะถูกเปิดโปงหากโปรแกรม VPN เกิดขาดการเชื่อมต่อขึ้นมา Hotspot Shield ยังตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกาและอยู่ภายใต้อำนาจศาลของ 5 Eyes อีกด้วยแม้ว่าจะมีนโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานเพื่อป้องกันไม่ให้กิจกรรมใด ๆ ถูกติดตามในขณะที่คุณเชื่อมต่อกับ VPN ก็ตาม

หากคุณกำลังมองหาบริการที่ปลอดภัยอย่างยิ่ง ฉันขอแนะนำให้เลือก ExpressVPN แต่หากคุณต้องการเพียงชั้นความเป็นส่วนตัวเพิ่มเติมเมื่อใช้บริการ WiFi สาธารณะหรือเครือข่ายที่ไม่ปลอดภัยอื่น ๆ งั้น Hotspot Shield ก็เป็นตัวเลือกที่ดี ดาวน์โหลดแอปฟรีสำหรับ macOS เลยตอนนี้เพื่อท่องเว็บไซต์ที่คุณชื่นชอบอย่างปลอดภัย!

เข้ากันได้กับ macOS: 10.12 (Sierra), 10.13 (High Sierra), 10.14 (Mojave) และ 10.15 (Catalina)

Hotspot Shield ยังใช้งานได้บน: iPhone, iPad, Windows, Android, Windows Phone, Linux, Blackberry และเราเตอร์

7. Windscribe – ข้อมูล 15GB ฟรีและความเร็วที่รวดเร็วสม่ำเสมอบน Mac

ข้อดี:

  • ข้อมูลสูงสุด 15GB ต่อเดือนสำหรับการท่องเว็บและการ Torrenting
  • แอปเฉพาะสำหรับ macOS และ iOS
  • มีเซิร์ฟเวอร์ให้บริการใน 11 ประเทศ
  • การเข้ารหัสขั้นสูงและนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน
  • รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้ไม่จำกัด
  • มีฝ่ายบริการลูกค้าพร้อมให้บริการผ่านแชทบอทและอีเมล

ข้อเสีย:

  • ไม่สามารถเข้าถึง Netflix, Disney+, BBC iPlayer และอื่น ๆ ได้
  • ตั้งอยู่ในแคนาดาที่อยู่ภายใน 5 Eyes Alliance

Windscribe ทำให้ฉันประทับใจด้วยเซิร์ฟเวอร์ที่รวดเร็วและข้อมูลฟรีที่แสนใจกว้างถึง 15GB ต่อเดือน ตอนที่ฉันทดสอบโปรแกรม VPN ฟรีนี้ ฉันพบว่ามีผู้ให้บริการบางส่วนเสนอข้อมูลไม่จำกัด แต่มีความเร็วที่ช้าหรือรับรองถึงความเร็วที่รวดเร็ว แต่ก็ไม่สม่ำเสมอ มีเพียง Windscribe เท่านั้นที่มอบประสิทธิภาพที่ไว้วางใจได้ทุกครั้ง

คุณสามารถเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ได้ใน 11 ประเทศซึ่งรวมถึงสหรัฐอเมริกา แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ โรมาเนีย สวิสเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร ตุรกีและฮ่องกง ทุกเซิร์ฟเวอร์ได้รับการป้องกันด้วยการเข้ารหัสแบบ 256-บิตซึ่งเป็นหนึ่งในอัลกอริธึมการเข้ารหัสที่ปลอดภัยที่สุดที่มีให้บริการ

Windscribe มีความเร็วที่รวดเร็วสม่ำเสมอ ในการทดสอบของฉัน จากตำแหน่งของฉันในตุรกี ฉันได้รับความเร็วอยู่ที่ 15.60 Mbps ในเนเธอร์แลนด์ (เซิร์ฟเวอร์ที่รวดเร็วที่สุด) 12.65 Mbps ในสหรัฐอเมริกา 11.13 Mbps ในสหราชอาณาจักร 11.07 Mbps ในฮ่องกง (เซิร์ฟเวอร์ที่ช้าที่สุด) ความเร็วทั้งหมดเหล่านี้มากเพียงพอสำหรับการทำกิจกรรมทางออนไลน์ส่วนใหญ่ซึ่งรวมถึงการช้อปปิ้ง การดาวน์โหลดไฟล์และแม้กระทั่งสตรีมมิ่งในความคมชัดระดับ HD

ภาพหน้าจอของผลการทดสอบความเร็วของ Windscribe VPN และเซิร์ฟเวอร์ในสหราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์สหรัฐอเมริกาและฮ่องกง

ความเร็วเซิร์ฟเวอร์ของ Windscribe นั้นน่าเชื่อถือ – ไม่ว่าคุณจะเลือกเชื่อมต่อในประเทศใดก็ตาม

เช่นเดียวกับโปรแกรม VPN ฟรีส่วนใหญ่ คุณไม่สามารถใช้งานบริการสตรีมมิ่งที่ต้องมีการสมัครสมาชิกใด ๆ ได้ (บริการนี้ถูกสงวนเอาไว้สำหรับลูกค้าที่เลือกแผนให้บริการแบบชำระเงิน) ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังสามารถเพลิดเพลินไปกับ YouTube และแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งฟรีอื่น ๆ ได้

Windscribe ตั้งอยู่ในแคนาดาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยข่าวกรอง 5 Eyes ร่วมกับสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ นี่หมายความว่าคุณอาจตกอยู่ในความเสี่ยงได้หากรัฐบาลเหล่านี้ร้องขอข้อมูลจาก Windscribe โชคดีที่มีนโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่เข้มงวด ดังนั้นจึงไม่มีการเก็บบันทึกกิจกรรมทางออนไลน์หรือหมายเลข IP ของคุณเอาไว้

มีอีกหนึ่งเรื่อง – คุณสามารถใช้งานข้อมูล 15GB ฟรีได้ทุกเดือน แต่คุณต้องปฏิบัติตามขั้นตอนสองสามขั้นตอนก่อน แผนให้บริการฟรีนั้นจะมาพร้อมกับข้อมูลขนาด 2GB คุณสามารถอัปเกรดเพิ่มเป็น 10GB ได้โดยการลงทะเบียนด้วยที่อยู่อีเมล ส่วนอีก 5GB ที่เหลือนั้นจะพร้อมให้บริการหากคุณโพสต์เกี่ยวกับ Windscribe บน Twitter ซึ่งจะมอบข้อมูลรายเดือนให้กับคุณเท่ากับ 15GB

ภาพหน้าจอของโพสต์ Twitter ที่โปรโมต Windscribe VPN เพื่อรับข้อมูลฟรี 15GB ทุกเดือน

รับข้อมูลฟรีเป็นการตอบแทนสำหรับอีเมลและโพสต์บน Twitter ของคุณ (คุณสามารถลบมันทิ้งทีหลังได้)

โชคดีที่ขั้นตอนเหล่านี้ไม่ต้องใช้เวลานานนักและการติดตั้งแอปลงบน Mac ของคุณก็ใช้เวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! ง่าย ๆ เพียงสร้างชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านเพื่อใช้ Windscribe ฟรี

เข้ากันได้กับ macOS และ OS X: 10.9 (Mavericks), 10.10 (Yosemite), 10.11 (El Capitan), 10.12 (Sierra), 10.13 (High Sierra), 10.14 (Mojave) และ 10.15 (Catalina)

Windscribe ยังใช้งานได้บน: iPhone, iPad, Windows, Linux, Android, เราเตอร์, Amazon Fire TV และ Amazon Fire Stick

เยี่ยมชม Windscribe

ความเสี่ยงที่แอบแฝงมาในโปรแกรม VPN ฟรีสำหรับ Mac

คำเตือน: คุณอาจทำให้ตัวเองตกอยู่ในความเสี่ยงที่รุนแรงได้โดยการใช้โปรแกรม VPN ฟรีสำหรับ Mac! ก่อนที่คุณจะเริ่มต้นใช้งานโปรแกรม VPN ฟรีสำหรับ Mac ของคุณ คุณจะต้องตระหนักถึงอันตรายที่แอบแฝงมาซึ่งโปรแกรม VPN ฟรีไม่อยากให้คุณรู้

1. ข้อมูลของคุณอาจถูกนำไปขาย

โปรแกรม VPN ฟรียังคงต้องหาทางสร้างรายได้ โชคร้ายที่ประวัติการท่องเว็บออนไลน์ของคุณนั้นมีค่ามากพอ ดังนั้นโปรแกรม VPN ฟรีจะติดตาม เก็บรวบรวมและขายข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ

ตัวอย่างเช่น นักโฆษณาสามารถซื้อข้อมูลของคุณเพื่อดูเว็บไซต์ที่คุณเยี่ยมชม สินค้าที่คุณซื้อ วิดีโอที่คุณรับชมและแม้กระทั่งระบุตำแหน่งที่แท้จริงของคุณได้ จากนั้นอุปกรณ์ของคุณก็จะเต็มไปด้วยโฆษณาเจาะจงเป้าหมายสูงซึ่งจะรบกวนกิจกรรมของคุณและชะลอความเร็วของอุปกรณ์ของคุณ (แถมมันยังน่ารำคาญมาก ๆ อีกด้วย)

จริง ๆ แล้วนี่ยังถือเป็นกรณีที่ดีที่สุดหากนักโฆษณาเป็นคนซื้อข้อมูลของคุณไป ในกรณีที่แย่กว่าข้อมูลของคุณอาจถูกขายให้กับใครก็ตามที่มีเงินจ่ายซึ่งรวมถึงรัฐบาล หน่วยงานทางกฎหมายและแม้กระทั่งแฮ็กเกอร์ด้วย

2. ข้อมูลของคุณอาจถูกขายให้กับใครก็ตามที่มีเงินจ่าย

มันเป็นเรื่องที่น่าตกใจที่ได้รู้ว่าโปรแกรม VPN ฟรีจำนวนมากนั้นมีมัลแวร์ซึ่งเป็นหนึ่งในความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่ใหญ่ที่สุด มัลแวร์ที่ซ่อนมาในโปรแกรม VPN สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของคุณซึ่งจากนั้นจะถูกนำไปใช้เพื่อ:

  • ขโมยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่านและข้อมูลบัตรเครดิตของคุณ
  • แย่งชิงบัญชีออนไลน์ของคุณ
  • ทำให้คุณตกเป็นเป้าหมายของสแปมและอีเมลฟิชชิ่ง
  • เก็บรวบรวมข้อมูลของคุณเพื่อขายมันให้กับบุคคลที่สาม
  • ล็อกอุปกรณ์ของคุณและเรียกร้องเงินค่าไถ่เพื่อสิทธิ์ในการเข้าถึง

เนื่องจากฉันใช้ Mac ของฉันเพื่อวัตถุประสงค์ในการทำงานและส่วนตัว มันจึงอาจเป็นเรื่องร้ายแรงได้หากไฟล์ความลับของฉันถูกเปิดเผยทางออนไลน์ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อดาวน์โหลดโปรแกรม VPN ฟรีบน Mac ของฉัน – ความเสี่ยงนี้ไม่คุ้มค่ากับเงินที่ต้องจ่ายเพียงไม่กี่บาทต่อเดือนหรอก

3. คุณไม่สามารถเพลิดเพลินไปกับอินเทอร์เน็ตได้โดยอิสระ

การเปิดให้บริการเครือข่าย VPN ที่ปลอดภัยนั้นมีค่าใช้จ่ายที่แพง ดังนั้นโปรแกรม VPN ฟรีที่ดีที่สุดจึงอาจเสนอฟีเจอร์ที่จำกัดเพื่อดึงดูดให้คุณสมัครใช้บริการแบบชำระเงินแทน

ตัวอย่างเช่น คุณมีแนวโน้มที่จะได้รับข้อมูลที่จำกัดต่อเดือนและหากคุณใช้งานมันเกิน ความเร็วของคุณก็จะช้าลงหรือคุณจะสูญเสียสิทธิ์ในการเข้าถึงโปรแกรม VPN ไปเลย อีกข้อจำกัดหนึ่งที่พบได้ทั่วไปคือข้อบกพร่องในเรื่องตัวเลือกเซิร์ฟเวอร์ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้องแข่งกันผู้ใช้ฟรีรายอื่น ๆ นับร้อยราย น่าเสียดายที่เซิร์ฟเวอร์หนาแน่นจะส่งผลให้เกิดการเชื่อมต่อผิดพลาดและความเร็วที่ช้าจนน่าผิดหวัง

พูดง่าย ๆ ก็คือโปรแกรม VPN ฟรีไม่สามารถให้บริการเซิร์ฟเวอร์นับพันทั่วโลกและมอบข้อมูลไม่จำกัดได้ หากคุณสนใจเพียงการท่องเว็บใน Google หรือตรวจสอบโซเชียลมีเดีย งั้นโปรแกรม VPN ฟรีก็อาจเพียงพอแล้วสำหรับคุณ แต่หากคุณต้องการสตรีมรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์หรือเล่นเกมออนไลน์ งั้นก็มีโอกาสสูงมากที่คุณจะผิดหวัง

ภาพหน้าจอของ TunnelBear เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในสหราชอาณาจักรและไม่สามารถเข้าถึง BBC iPlayer ได้

บริการสตรีมมิ่งอย่าง BBC iPlayer ไม่สามารถให้บริการได้ในโปรแกรม VPN ฟรีอย่าง TunnelBear

การใช้โปรแกรม VPN ฟรีนั้นก็ยังดีกว่าการไม่ใช้อะไรเลยโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณต้องการโปรแกรม VPN ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แต่หากคุณต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตได้อย่างอิสระและปลอดภัย งั้นคุณก็ควรอัปเกรดไปใช้โปรแกรม VPN คุณภาพเพื่อที่คุณจะได้รับการป้องกันพรีเมียมสำหรับ Mac ของคุณ

เคล็ดลับมือโปร: ต้องการโปรแกรม VPN คุณภาพสำหรับ Mac โดยไม่ต้องจ่ายเงินใช่ไหม?ExpressVPN เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับ macOS และมันมีการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วันมาให้ด้วย นี่หมายความว่าคุณสามารถใช้ ExpressVPN ได้ฟรี 30 วัน! สิ่งที่คุณต้องทำคือขอเงินคืนภายในช่วงระยะเวลาการรับประกันยินดีคืนเงิน ฉันสามารถยืนยันได้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง – ฉันทดสอบมันด้วยตัวเองแล้ว!

หลีกเลี่ยงโปรแกรม VPN ฟรีที่เป็นอันตรายสำหรับ Mac เหล่านี้

1. Hola Free VPN Proxy Unblocker

Hola เป็นส่วนขยายเบราว์เซอร์ยอดนิยมบน macOS ที่ให้คุณเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกปิดกั้นได้ฟรี แต่สิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่ทราบก็คือ Hola มีประวัติการละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้

แทนที่จะจัดการเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ของตนเอง Hola กลับใช้ระบบ Peer-to-Peer ที่ที่เส้นทางของคุณผ่านไปยังอุปกรณ์ของผู้อื่น – และของผู้อื่นมายังอุปกรณ์ของคุณแทน นี่หมายความว่าคุณอาจกำลังแบ่งปันหมายเลข IP ของคุณกับแฮ็กเกอร์หรืออาชญากรทางไซเบอร์อยู่และคุณอาจต้องมีปัญหากับเจ้าหน้าโดยไม่ได้ตั้งใจ

จริง ๆ แล้วมันเคยเกิดขึ้นแล้ว เมื่อสองสามปีก่อน Hola ถูกจับได้ว่าใช้ผู้ใช้ฟรีเป็นบอทเน็ต บอทเน็ตคือเครือข่ายของอุปกรณ์ที่บอทติดตั้งตัวเข้าไป เมื่อคุณติดตั้ง Hola บน Mac ของคุณ คุณจะต้องยอมรับการติดตั้งบอทเข้าไป ใครก็ตามที่ควบคุมบอทเน็ตจะมีอำนาจในการควบคุมอุปกรณ์ของคุณ ในกรณีนี้ Hola ได้ขายสิทธิ์ในการเข้าถึงบอทเน็ตกับแฮ็กเกอร์ผู้ที่ใช้เครือข่ายนี้ในการทำการโจมตีทางไซเบอร์ในเว็บไซต์ 8chan

ที่น่ากังวลยิ่งกว่านั้นคือ Hola ยังคงไม่เปลี่ยนโมเดลธุรกิจนับตั้งแต่ที่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ข้อบกพร่องด้านความปลอดภัยเหล่านี้ทำให้ฉันสงสัยมากว่าพวกเขาได้รีวิว 5 ดาวบน Chrome Web Store ได้อย่างไร คุณไม่สามารถไว้วางใจใช้ Hola บน Mac ของคุณหรืออุปกรณ์อื่น ๆ ได้

ภาพหน้าจอของ Hola Free VPN Proxy Unblocker บนที่เก็บส่วนขยายของ Google Chrome

รีวิวหลอกลวง – นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงค้นคว้าและทดสอบโปรแกรม VPN ที่ดีที่สุดสำหรับ Mac ทั้งหมด

2. VPN Gate

VPN Gate เป็นโปรแกรม VPN ฟรีที่เปิดให้บริการโดยอาสาสมัครทั่วโลก ใช่ ฟังถูกแล้ว – ไม่ว่าใครก็สามารถอาสาเพื่อให้บริการเซิร์ฟเวอร์กับ VPN Gate ได้ นี่ยังหมายความว่าใคร ๆ ก็สามารถสอดแนมกิจกรรมบนอินเทอร์เน็ตของคุณได้ซึ่งถือเป็นปัญหาด้านความเป็นส่วนตัวอย่างยิ่ง

แถมข้อมูลผู้ใช้ทั้งหมดของคุณยังถูกติดตาม เก็บรวบรวม บันทึกและแสดงบนเว็บไซต์สำหรับการดูแบบสาธารณะด้วย ขอบคุณที่หมายเลข IP ของคุณยังคงถูกปิดบังเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังถูกจัดเก็บเอาไว้ในฐานข้อมูลภายในอยู่ดี

ภาพหน้าจอล็อกผู้ใช้ของ VPNGate บนเว็บไซต์

แม้ว่าผู้ให้บริการนี้จะสามารถช่วยให้คุณก้าวข้ามไฟร์วอลล์และการเซ็นเซอร์ได้ แต่ VPN Gate เป็นตัวเลือกที่แย่หากคุณให้คุณค่ากับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของคุณ ตัวเลือกที่ดีกว่าคือการดาวน์โหลดโปรแกรม VPN ที่มีนโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่เข้มงวดและเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่ปลอดภัย

วิธีเลือกโปรแกรม VPN ฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ Mac

ฉันรู้ว่าการเลือกโปรแกรมที่ดีที่สุดท่ามกลางโปรแกรม VPN ทั้งหมดนี้อาจเป็นเรื่องยากโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณไม่เคยใช้งานโปรแกรม VPN มาก่อน ดังนั้นฉันจึงได้สร้างรายการฟีเจอร์สำคัญที่คุณควรมองหานี้ขึ้น:

  • ความเร็วที่รวดเร็ว – คุณต้องการความเร็วที่รวดเร็วสำหรับการท่องอินเทอร์เน็ต ช้อปปิ้ง การธนาคาร ใช้โซเชียลมีเดีย ส่งอีเมล สตรีมวิดีโอและดาวน์โหลดไฟล์
  • ข้อมูลที่อนุญาตให้ใช้ที่แสนใจกว้าง – ได้รับข้อมูลที่มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อที่คุณจะไม่ได้ถูกจำกัดกิจกรรมที่ใช้ข้อมูลจำนวนมากอย่างการสตรีมมิ่ง, Torrenting หรือการเล่นเกม
  • เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลก – ค้นหาโปรแกรม VPN ที่มีเซิร์ฟเวอร์มากมายทั่วโลกเพื่อที่คุณจะได้พบกับเซิร์ฟเวอร์ที่พร้อมให้บริการที่อยู่ใกล้กับตำแหน่งของคุณเสมอ
  • นโยบายความเป็นส่วนตัวที่ชัดเจน – โปรแกรม VPN ที่ไว้วางใจได้จะบอกคุณอย่างชัดเจนว่าพวกเขาเก็บข้อมูลอะไรบ้าง เช่นเดียวกับจะทำอะไรกับข้อมูลนี้ด้วย
  • การป้องกันสำหรับอุปกรณ์ต่าง ๆ – โปรแกรม VPN ต้องเข้ากันได้กับ macOS และอุปกรณ์อื่น ๆ ของคุณด้วยไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต โทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ททีวี
  • แอปสำหรับ Mac ที่ใช้งานง่าย – คุณไม่จำเป็นต้องมีความรู้ทางเทคนิคเพื่อเชื่อมต่อกับโปรแกรม VPN ดังนั้นตรวจสอบให้แน่ใจว่ามันมีอินเตอร์เฟซที่เป็นมิตรกับผู้ใช้

ฉันประเมินโปรแกรม VPN ฟรีสำหรับ Mac มากมายตามเกณฑ์ข้างต้น – และนั่นคือเหตุผลว่าทำไม ExpressVPN ถึงเป็นตัวเลือกอันดับ #1 ของฉัน คุณสามารถลองใช้ ExpressVPN ได้ฟรี 30 วันและเพลิดเพลินไปกับข้อมูลไม่จำกัด ความเร็วที่ยอดเยี่ยมและสิทธิ์ในการเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์นับพันทั่วโลกได้

คำถามที่พบบ่อย: โปรแกรม VPN ฟรีและ Mac

AMac เป็นระบบปฏิบัติการที่ปราศจากไวรัสไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมฉันถึงต้องมีโปรแกรม VPN สำหรับ Mac ของฉัน?

มีความเชื่อยอดนิยมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของ Apple ว่า “Mac ไม่สามารถติดไวรัสได้และปลอดภัยมากกว่า Windows” แต่ความจริงก็คือ Mac สามารถติดไวรัสและมัลแวร์ได้ – เช่นเดียวกันกับ Windows Mac เคยมีโอกาสในการติดไวรัสน้อยกว่าเมื่อเทียบกับ Windows แต่นั่นก็เพราะฐานข้อมูลผู้ใช้ขนาดเล็กที่ไม่คุ้มค่ากับความพยายามของแฮ็กเกอร์ ตอนนี้ Mac กลายมาเป็นระบบปฏิบัติการยอดนิยมมากเพียงพอที่จะกลายมาเป็นเป้าหมายสำคัญสำหรับอาชญากรทางไซเบอร์แล้ว

ตัวอย่างเช่นการโจม KRACK ที่มีชื่อเสียง เมื่อสองสามปีที่ผานมา ผู้ใช้ macOS และ iOS ถูกแฮ็กผ่านเครือข่าย WiFi ที่บ้านและที่ทำงาน โปรโตคอลเข้ารหัส WPA2 (WiFi Protected Access) ซึ่งป้องกันอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ WiFi ถูกเจาะได้ รหัสผ่าน อีเมล รูปภาพและไฟล์ข้อมูลที่เป็นความลับอื่น ๆ ถูกขโมย จริง ๆ แล้วอุปกรณ์ใด ๆ ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตต่างก็ได้รับผลกระทบซึ่งรวมถึงสมาร์ททีวีและภาพจากกล้องรักษาความปลอดภัยด้วย

เมื่อความเป็นส่วนตัวของคุณถูกเปิดเผยทางออนไลน์ การย้อนคืนความเสียหายก็สายเกินไปซะแล้ว แม้เครือข่าย WiFi จะมีรหัสผ่าน แต่คุณก็ไม่สามารถมั่นใจได้ว่ามันปลอดภัยโดยสมบูรณ์ และทุกสิ่งที่คุณทำบนอินเทอร์เน็ตนั้นก็ถูกบันทึกเก็บเอาไว้: เว็บไซต์ที่คุณเยี่ยมชม ผลิตภัณฑ์ที่คุณซื้อและแม้กระทั่งข้อความส่วนตัวในอีเมลและโซเชียลมีเดียของคุณด้วย

หากคุณจริงจังเกี่ยวกับการป้องกันความเป็นส่วนตัวของคุณ แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดคือการดาวน์โหลดโปรแกรม VPN เพื่อป้องกันใครก็ตามไม่ให้มาสอดแนมคุณได้ซึ่งรวมถึงรัฐบาล ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) นักโฆษณาและแฮ็กเกอร์

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาฉันไว้วางใจ ExpressVPN ให้ปกป้องประวัติการท่องเว็บและไฟล์ข้อมูลความลับอื่น ๆ บน Mac ของฉัน มักป้องกันฉันจากแฮ็กเกอร์และมัลแวร์ได้ไม่ว่าฉันจะอยู่ที่บ้าน ที่ทำงานหรือใช้เครือข่าย WiFi สาธารณะ ExpressVPN เสนอการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน ดังนั้นคุณจึงสามารถใช้บริการได้เป็นระยะเวลา 30 วันและจากนั้นก็ขอเงินคืนเต็มจำนวนได้

โปรแกรม VPN (ฟรี) ที่ดีที่สุดสำหรับ Mac ที่เหมาะสำหรับการสตรีมมิ่ง Netflix คือโปรแกรมใด?

เนื่องจากฉันเป็นคนรักการสตรีมมิ่งบน MacBook ของฉัน ฉันจึงผิดหวังที่ได้รู้ว่าไม่มีโปรแกรม VPN ฟรีที่น่าเชื่อถือใดที่ใช้งานกับ Netflix ได้ ฟีเจอร์นี้ถูกสงวนเอาไว้สำหรับลูกค้าที่ชำระเงินเท่านั้น เมื่อใดก็ตามที่ฉันพยายามโหลด Netflix ด้วยโปรแกรม VPN ฟรี ฉันก็จะพบกับข้อความผิดพลาดพร็อกซีของ Netflix แทน:

ภาพหน้าจอของข้อความแสดงข้อผิดพลาดของ Netflix เมื่อใช้ VPN พร็อกซีหรือตัวปลดบล็อก

เฉพาะโปรแกรม VPN คุณภาพเท่านั้นที่สามารถหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดพร็อกซีของ Netflix ได้

ไม่ได้มีเพียง Netflix เท่านั้นที่ไม่สามารถใช้งานกับโปรแกรม VPN ฟรีได้ คุณยังถูกปิดกั้นจากการเข้าถึงบริการสตรีมมิ่งยอดนิยมอื่น ๆ อย่าง Disney+, BBC iPlayer, Hulu, Amazon Prime Video, ESPN+ และอื่น ๆ อีกมากมายด้วย

หากคุณต้องการสตรีมรายการโทรศัพท์ ภาพยนตร์และแม้กระทั่งการถ่ายทอดสดทั่วโลก ฉันขอแนะนำให้ฉัน ExpressVPN นอกจากว่ามันเป็นโปรแกรม VPN พรีเมียมแล้ว คุณยังสามารถใช้ ExpressVPN ฟรี 30 วันและรับสิทธิ์ในการเข้าถึง Netflix และอื่น ๆ ได้ไม่จำกัดอีกด้วย

ฉันสามารถใช้โปรแกรม VPN ฟรีสำหรับ Mac ในประเทศจีนได้ไหม?

การหาโปรแกรม VPN ฟรีที่ใช้งานในประเทศจีนได้นั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก มันยากยิ่งกว่าการหาโปรแกรม VPN ฟรีที่ไว้ใจได้และจะซ่อนตัวตนของคุณจากเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นอย่างเหมาะสมซะอีก แม้แต่ผู้ให้บริการพรีเมียมอย่าง ExpressVPN ก็ไม่สามารถเจาะผ่านการเซ็นเซอร์ทางอินเทอร์เน็ตของประเทศจีนได้แล้ว

เว็บไซต์รีวิวบางเว็บไซต์กล่าวอ้างว่าโปรแกรม VPN ฟรีสำหรับ Mac บางโปรแกรมอย่าง Hotspot Shield และ Hide.me ใช้งานได้ – แต่จริง ๆ แล้วไม่เป็นแบบนั้นเลย เมื่อไม่นานมานี้ฉันได้ทดสอบโปรแกรม VPN ทั้งหมดที่อ้างว่าใช้งานในประเทศจีนได้และฉันก็พบว่ามีโปรแกรม VPN เพียง 3 โปรแกรมเท่านั้นที่สามารถก้าวข้ามการปิดกั้นดังกล่าวได้สำเร็จ

นอกจากผู้ให้บริการ 3 รายเหล่านี้แล้ว โปรแกรม VPN ที่ดีที่สุดสำหรับ Mac สำหรับการใช้งานในประเทศจีนก็คือ ExpressVPN ฉันทดสอบแอปเฉพาะสำหรับ macOS 10.10 (Yosemite) และสูงกว่าและมันเป็นมิตรต่อผู้ใช้มาก ๆ หากคุณต้องเดินทางไปประเทศจีนเป็นระยะเวลาน้อยกว่าหนึ่งเดือน คุณจะไม่ต้องจ่ายเงินซื้อ ExpressVPN ด้วยซ้ำ มันมีการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน ดังนั้นคุณจะสามารถใช้บริการนี้ก่อนและขอเงินคืนในภายหลัง

ฉันสามารถใช้โปรแกรม VPN สำหรับ Mac บน iPhone ของฉันด้วยได้ไหม?

ได้! โปรแกรม VPN ฟรีทั้งหมดในรายการของฉันใช้งานได้บน Mac, iPhone และ iPad ที่จริงแล้วการป้อง iPhone และ iPad ของคุณด้วยโปรแกรม VPN นั้นก็เป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน

หากคุณมีอุปกรณ์ที่ไม่ใช่ Apple งั้นฉันขอแนะนำให้ใช้ ExpressVPN ผู้ให้บริการนี้ทำงานได้ดีบน Windows, Android, Linux, Blackberry, Amazon Fire TV, Amazon Fire Stick และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยส่วนตัวแล้วฉันใช้ ExpressVPN บน Mac และ iPhone ของฉันและแบ่งปันการสมัครสมาชิกของฉันกับโทรศัพท์ Android และแล็ปท็อป Windows กับแฟนของฉัน

คุณสามารถทำเช่นเดียวกันนี้ได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วันของ ExpressVPN – แค่อย่าลืมยกเลิกการสมัครสมาชิกของคุณภายใน 30 วันเพื่อรับเงินคืนเต็มจำนวน ExpressVPN รองรับการเชื่อมต่อในเวลาเดียวกันสูงสุด 6 อุปกรณ์ ดังนั้นทั้งครอบครัวของคุณจะได้รับการป้องกัน นอกจากนี้คุณยังสามารถคลิกที่นี่เพื่อดูโปรแกรม VPN ที่ดีที่สุดสำหรับอุปกรณ์ใด ๆ ได้

ต้องมีข้อมูลมากเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอสำหรับหนึ่งเดือน? 2GB, 10GB หรือ 15GB?

นี่ขึ้นอยู่กับกิจกรรมทางออนไลน์ของคุณ สำหรับฉันแล้ว ข้อมูลฟรี 15GB ต่อเดือนนั้นไม่เพียงพอเนื่องจากมันเทียบเท่ากับ 500MB ต่อวันเท่านั้น ฉันรับชมวิดีโอจำนวนมากบนโซเชียลมีเดีย ดาวน์โหลดและจัดส่งไฟล์ผ่านอีเมลและช้อปออนไลน์ ดังนั้นฉันคงจะใช้ข้อมูลรายเดือนหมดภายในวันเดียว

แม้ว่าคุณจะจำกัดกิจกรรมทางออนไลน์ของคุณ แต่การใช้งานโดยมีขีดจำกัดข้อมูลการใช้งานนั้นก็ยังคงเป็นเรื่องยากอยู่ดี ๆ แค่การเชื่อมต่อกับโปรแกรม VPN ก็ถือเป็นการใช้ข้อมูลแล้ว!

นี่คือเคล็ดลับของฉันเพื่อทำให้ข้อมูลของคุณใช้ได้นานขึ้น:

  • ใช้โทรศัพท์มือถือของคุณ: เว็บไซต์ที่เป็นมิตรต่อมือถือได้รับการปรับแต่งมาให้ใช้ข้อมูลน้อยที่สุดเพื่อความเร็วในการโหลดที่เร็วกว่า อย่าลืมปิดแอปที่ใช้งานข้อมูลเบื้องหลังด้วย
  • ท่องอินเทอร์เน็ตตามปกติ: คุณจะไม่ได้ใช้ข้อมูลมากนักจากการค้นหาบน Google
  • หลีกเลี่ยงการรับชมวิดีโอ: คุณสามารถใช้โซเชียลมีเดียได้ แต่อย่าอัปโหลดไฟล์และอย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจว่าปิดการใช้งานการเล่นวิดีโออัตโนมัติแล้ว
  • ระมัดระวังเวลาตรวจสอบอีเมล: คุณสามารถอ่านและตอบอีเมลได้ แต่อย่าดาวน์โหลดไฟล์แนบที่มีขนาดใหญ่
  • ใช้เครื่องมือปิดกั้นโฆษณา: โฆษณาจะใช้ข้อมูลของคุณโดยสิ้นเปลืองและเพิ่มระยะเวลาในการโหลดหน้า

น่าเศร้าที่คุณไม่สามารถรับชมวิดีโอ ดาวน์โหลด Torrent หรือเล่นเกมออนไลน์ได้ด้วยข้อมูลเพียง 500MB ต่อวัน

หากคุณไม่ต้องการจำกัดกิจกรรมทางออนไลน์ของคุณ งั้นฉันขอแนะนำให้อัปเกรดไปใช้โปรแกรม VPN พรีเมียม คุณไม่ต้องเสียเงินสักบาท – คุณสามารถใช้ ExpressVPN ที่ไม่จำกัดข้อมูลฟรีได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน

โปรแกรม VPN คืออะไร?

มันเป็นคำย่อของคำว่าเครือข่ายส่วนตัวเสมือน (Virtual Private Network) โปรแกรม VPN จะเข้ารหัสเส้นทางอินเทอร์เน็ตของ Mac คุณทั้งหมดและส่งมันไปยังเซิร์ฟเวอร์ทันที ตัวอย่างเช่น ExpressVPN มีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 1,800 เซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกา เมื่อคุณเชื่อมต่อ Mac ของคุณกับเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกา เส้นทางอินเทอร์เน็ตทั้งหมดของคุณจะถูกเข้ารหัสและตอนนี้ก็จะปรากฎว่ามาจากสหรัฐอเมริกา

คุณจะไม่ถูกเปิดเผยตัวตนเนื่องจากอุปกรณ์และตำแหน่งของคุณถูกซ่อนไม่ให้บุคคลที่สาม เช่น เจ้าหน้าที่รัฐบาล นักโฆษณาและแม้กระทั่งแฮ็กเกอร์สอดแนมได้ ด้วยโปรแกรม VPN คุณจะสามารถหลีกเลี่ยงไฟร์วอลล์และการเซ็นเซอร์ทางอินเทอร์เน็ตเพื่อเข้าถึงเว็บไซต์ต่าง ๆ ในประเทศอื่น ๆ ได้

โปรแกรม VPN คุณภาพยังมีฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวมากมาย เช่น เซิร์ฟเวอร์ที่ปลอดภัยสำหรับการสตรีมมิ่งและการ Torrenting เครื่องมือปิดกั้นโฆษณาและการป้องกันมัลแวร์ ExpressVPN เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของฉันสำหรับ Mac เนื่องจากมันเสนอการใช้งานฟีเจอร์พรีเมียมไม่จำกัด – ทั้งหมดนี้ฟรีเมื่อคุณใช้การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน

อย่าปล่อยให้ Mac ของคุณตกอยู่ในความเสี่ยง – ป้องกันตัวคุณเองด้วยโปรแกรม VPN!

การค้นหาโปรแกรม VPN ฟรีสำหรับ Mac นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โปรแกรม VPN ฟรีมากมายไม่น่าเชื่อถือและบางโปรแกรมก็อันตรายอย่างมาก นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงทดสอบโปรแกรม VPN ทั้งหมดที่ฉันแนะนำข้างต้น ด้วยหนึ่งในโปรแกรม VPN ฟรีที่ไว้วางใจได้ของฉัน คุณจะสามารถปกป้องข้อมูลส่วนตัวของคุณในขณะใช้งาน Mac ได้

แต่แม้แต่โปรแกรม VPN ฟรีที่ดีที่สุดในรายการของฉันก็มีข้อจำกัด เช่น ความเร็วที่ช้ากว่า ตัวเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่น้อยกว่า ข้อมูลที่ใช้งานได้ไม่มากและไม่มีสิทธิ์ในการเข้าถึงบริการสตรีมมิ่งอย่าง Netflix และ BBC iPlayer

นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงแนะนำให้ใช้ ExpressVPN เนื่องจากฟีเจอร์พรีเมียมของพวกเขานั้นใช้งานได้ฟรี 30 วัน คุณจะสามารถเพลิดเพลินไปกับ:

  • ฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ทรงพลังเพื่อดูแลให้ Mac ของคุณปลอดภัยจากการโจมตีทางไซเบอร์
  • โปรโตคอลการเข้ารหัสที่แข็งแกร่งเพื่อป้องกันตัวตนและกิจกรรมทางออนไลน์ของคุณจากการสอดแนมที่ไม่พึงประสงค์
  • แบนด์วิดธ์ไม่จำกัดสำหรับการ Torrenting และการสตรีมมิ่ง Netflix ของสหรัฐอเมริกา, Disney+ และ Amazon Prime Video
  • เข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกปิดกั้นเนื่องจากการเซ็นเซอร์ทางอินเทอร์เน็ตหรือไฟล์วอลล์ได้

สรุป: VPN ชั้นนำอื่น ๆ สำหรับ Mac ในปี 2024

อันดับสูงสุด ตัวเลือกยอดนิยม
ExpressVPN
$ 6.67 / month ประหยัด  49%
CyberGhost VPN
$ 2.19 / month ประหยัด  83%
Private Internet Access
$ 2.03 / month ประหยัด  83%
NordVPN
$ 4.39 / month ประหยัด  69%
Surfshark
$ 2.19 / month ประหยัด  86%
พวกเราจัดอันดับผู้ให้บริการตามการทดสอบและการค้นคว้าอย่างเข้มงวด แต่ก็จะมีการคำนึงถึงความคิดเห็นของคุณและค่าคอมมิชชั่นจากผู้ให้บริการด้วย ผู้ให้บริการบางรายนั้นจะมีบริษัทแม่แห่งเดียวกันกับพวกเรา เรียนรู้เพิ่มเติม

Wizcase ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2018 ในฐานะเว็บไซต์รีวิวบริการ VPN อย่างอิสระและเว็บไซต์ข่าวเกี่ยวกับเรื่องความเป็นส่วนตัว วันนี้ ทีมงานนักวิจัยความปลอดภัยทางไซเบอร์, นักเขียน และบรรณาธิการนับร้อยของพวกเราได้ช่วยผู้อ่านให้ต่อสู้เพื่ออิสรภาพทางออนไลน์ผ่านการจับมือกับ Kape Technologies PLC ซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ดังต่อไปนี้: ExpressVPN, CyberGhost, Intego และ Private Internet Access ซึ่งอาจจะได้รับการจัดอันดับและรีวิวบนเว็บไซต์ของเราด้วย รีวิวที่ได้รับการเผยแพร่บน Wizcase นั้นมีความแม่นยำถึงวันที่ทำการเผยแพร่ และแต่ละรีวิวก็จะถูกเขียนขึ้นโดยอ้างอิงมาตรฐานที่เข้มงวดด้านการรีวิวซึ่งจะเน้นความเป็นอิสระและการค้นคว้าวิจัยอย่างซื่อสัตย์และเป็นมืออาชีพของนักรีวิว โดยจะเน้นไปถึงความสามารถและคุณภาพของผลิตภัณฑ์รวมถึงความคุ้มค่าที่มันมีต่อผู้ใช้งาน การจัดอันดับและรีวิวที่พวกเราเผยแพร่นั้นอาจจะคำนึงถึงการเป็นเจ้าของเดียวกันที่กล่าวถึงด้านบน และค่าคอมมิชชั่นที่พวกเราได้รับในกรณีที่มีการสั่งซื้อผ่านลิงก์บนเว็บไซต์ของเราด้วย พวกเราไม่ได้ทำการรีวิวผู้ให้บริการ VPN ทั้งหมด และข้อมูลที่เผยแพร่นั้นจะมีความแม่นยำถึงวันที่เผยแพร่แต่ละบทความ

คุณชอบบทความนี้ไหม?
โหวตให้คะแนนเลยสิ!
ฉันเกลียดมัน ฉันไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ พอใช้ได้ ค่อนข้างดี รักเลย!
4.50 ได้รับการโหวตให้คะแนนโดย 3 ผู้ใช้
ชื่อเรื่อง
ความคิดเห็น
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของคุณ
Please wait 5 minutes before posting another comment.
Comment sent for approval.

แสดงความคิดเห็น

แสดงเพิ่มเติม...