ภาพรวม Bark 2023
การอัปเดตที่สำคัญ:
- เพิ่มการควบคุมการจัดการหน้าจอ สรุป: มีความก้าวหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้อง แต่ยังต้องได้รับการปรับปรุงมากกว่านี้
- แอป Bark Kids กลับมาใน App Store แล้ว สรุป: ข่าวดีสำหรับผู้ใช้ iPhone และ iPad
- โครงสร้างราคาใหม่
Bark อ้างว่าแอปของตนนั้นมีจุดประสงค์ในการสร้างความไว้วางใจระหว่างเด็ก ๆ และผู้ปกครอง ฉันไม่มั่นใจว่า “ความไว้วางใจ” เป็นคำที่ฉันควรใช้ไหม แต่ตัวแอปนั้นก็ทำให้ฉันสบายใจที่ได้ทราบว่าฉันไม่ต้องมานั่งดูบัญชีโซเชียลมีเดียของลูก ๆ ของฉันเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาไม่ได้ถูกรังแกบนโลกไซเบอร์ ใช้คำหยาบคาย ค้นหายา อาวุธหรือพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่ฉันควรต้องกังวล
สิ่งแรกที่ทำให้ฉันสนใจคือจำนวนเครือข่ายโซเชียลมีเดียที่ Bark สามารถตรวจสอบได้ มันสามารถตรวจสอบได้ตั้งแต่แบรนด์ใหญ่ ๆ อย่าง Facebook และ Snapchat ไปจนถึงความคิดเห็นใน Google Docs Bark ส่งการแจ้งเตือนให้ฉันเมื่อใดก็ตามที่มีความคิดเห็น การค้นหาหรือวิดีโอที่น่าสงสัย มันยังแจ้งเตือนฉันเกี่ยวกับข้อความที่รุนแรงในมีมอีกด้วย
ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่ฉันพบใน Bark คือในฐานะที่ไม่ใช่ผู้ที่พำนักอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา ฉันจึงไม่สามารถรับการแจ้งเตือนทาง SMS ได้และต้องพึงพาเพียงการแจ้งเตือนอีเมลเท่านั้น ตอนที่ฉันตรวจสอบเรื่องนี้กับฝ่ายสนับสนุนลูกค้าของ Bark เพื่อดูว่ามีวิธีที่ฉันสามารถกรอกหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่ใช่หมายเลขในสหรัฐอเมริกาได้ไหม พวกเขาก็บอกฉันว่าพวกเขารองรับเฉพาะผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
ในฐานะคุณพ่อของลูกห้าคนที่มีอายุตั้งแต่ 5 ขวบถึง 16 ปี ฉันเข้าใจถึงความสำคัญของการค้นหาแอปแผงควบคุมสำหรับผู้ปกครองที่อนุญาตให้ฉันตรวจสอบระยะเวลาการใช้งานบนอุปกรณ์ของพวกเขา ฉันจึงตัดสินใจที่จะทดสอบแอปต่าง ๆ มากกว่า 50 แอปและจัดอันดับมันโดยอ้างอิงตามความง่ายในการกำหนดค่า การจัดการเวลาที่ใช้ในอุปกรณ์เหล่านั้นและลูก ๆ ของฉันค้นพบวิธีในการหลีกเลี่ยงตัวกรองได้ง่าย ๆ เลยไหม ฉันหวังว่าคุณจะใช้การค้นคว้าของฉันเพื่อคัดสรรแอปที่ดีที่สุดที่ตอบโจทย์ความต้องการของครอบครัวคุณ ในกรณีของ Bark คุณสามารถใช้ประโยชน์ของเวอร์ชันทดลองใช้งานฟรี 7 วันและทดสอบมันด้วยตัวคุณเองได้โดยไม่มีความเสี่ยง
ฟีเจอร์ส
9.8ตอนที่ฉันเริ่มต้นใช้งาน Bark ครั้งแรก ข้อร้องเรียนอย่างมากสำหรับฉันเลยก็คือมันเครื่องมือการจัดการเวลาหน้าจอยังมีข้อบกพร่อง มันเป็นซอฟต์แวร์ตรวจสอบที่แจ้งเตือนและถ่ายรูปภาพหน้าจอเนื้อหาที่น่าสงสัยทั้งหมดที่ถูกส่งมาทางอีเมล ส่งหรือได้รับจากข้อความหรือพบบนบัญชีโซเชียลมีเดียของลูกฉัน อย่างไรก็ตามแอปเวอร์ชันล่าสุดนั้นได้เพิ่มการจัดการเวลาหน้าจอและตัวกรองเว็บไซต์มาควบคู่กับเครื่องมือการตรวจสอบอันทรงพลังนี้
Bark ตรวจสอบอุปกรณ์ อีเมลและเครือข่ายโซเชียลมีเดีย
จุดแข็งของแอป Bark คือวิธีการรับรู้เนื้อหาที่น่าเป็นห่วงในเครือข่ายโซเชียลมีเดีย อุปกรณ์และบัญชีอีเมลที่หลากหลาย แอป Bark จะบันทึกและถ่ายรูปภาพหน้าจอทุการแจ้งเตือนเพื่อที่จะได้ไม่มีการสับสนหรือบริบทขาดหาย
Bark สามารถตรวจสอบสิ่งต่อไปนี้ได้:
อุปกรณ์
Bark สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้แพลตฟอร์มหลักส่วนใหญ่ได้: Android, iOS, Chromebook, Chrome Browser, Amazon Fire และ Kindle
อีเมล
Bark สามารถอ่านอีเมลจากบริการดังต่อไปนี้ได้: Gmail, Yahoo, Outlook, Comcast, AOL, iCloud
โซเชียลมีเดีย
Bark สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายโซเชียลมีเดียได้มากกว่า 25 เครือข่าย:
- Android และ iOS: WhatsApp, Twitter, Facebook, Slack, Google Drive, OneDrive, Spotify, OneNote, Kik, Dropbox, Flickr, Pinterest, Reddit, Kidzworld, GroupMe, LiveMe, YouTube (ฟังก์ชันจำกัดสำหรับ iOS), Instagram (ฟังก์ชันจำกัดสำหรับ iOS)
- เฉพาะ Android เท่านั้น: Snapchat, TikTok, Skype, Discord, Messenger Kids, VSCO, Holla, Houseparty, Lipsi
ฉันต้องลงชื่อเข้าใขบัญชีโซเชียลมีเดียของลูกฉันแต่ละคนเพื่อเริ่มต้นใช้งาน นี่หมายความว่าฉันต้องให้พวกเขากรอกชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านสำหรับแต่ละบัญชี แม้ว่านี่จะใช้เวลานาน แต่ฉันก็รู้ว่ามันเป็นการดำเนินการเพียงครั้งเดียว (แม้ว่า Facebook จะให้คุณเชื่อมต่อใหม่อีกครั้งทุกเดือนก็ตาม) และเมื่อขั้นตอนดังกล่าวเสร็จสิ้น ฉันก็ไม่ต้องทำมันอีกครั้ง หนึ่งในข้อดีสำหรับเรื่องนี้คือมันต้องการให้ฉันเปิดอกคุยกับลูก ๆ ของฉันเกี่ยวกับอันตรายในโลกออนไลน์
ฟีเจอร์การจัดการเวลาพื้นฐานมาก ๆ
แม้ว่าแอป Bark 3.0 ล่าสุดจะไม่มีขีดจำกัดเวลารายวัน แต่ก็ยังมีตัวเลือกในการกำหนดเวลาเข้านอนสำหรับวันธรรมดาและวันหยุด

ส่วนเสริมใหม่อีกอย่างหนึ่งก็คือฟีเจอร์ “หยุดพัก (Pause)” ซึ่งจะปิดกั้นอินเทอร์เน็ตที่เปิดอยู่ในอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อทั้งหมด ข้อเสียหนึ่งอย่างของฟีเจอร์นี้ก็คือแอปหรือเกมที่ไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตจะยังคงทำงานได้โดยไม่มีปัญหา

ตัวกรองเว็บไซต์แบบกำหนดเอง
มีหมวดหมู่ 17 หมวดหมู่ที่ Bark จะคัดกรองซึ่งรวมถึงเว็บไซต์สตรีมมิ่ง อาวุธ ยา แอลกอฮอล์และการพนัน ศาสนาและอื่น ๆ อีกมากมาย

ฉันได้ผลลัพธ์ที่ทั้งดีและไม่ดีในขณะที่ทดสอบตัวกรอง ตัวอย่างเช่น ตอนที่ฉันให้ลูกชายของฉันค้นหา “วิธีการเล่นแบล็กแจ็ก” เขาไม่พบปัญหาในการเปิดหน้าต่าง ๆ จากผลลัพธ์ดังกล่าวซึ่งรวมถึงการรับชมวิดีโอแนะนำด้วย อย่างไรก็ตามตอนที่เขาลองค้นหา “วิธีเล่นโป๊กเกอร์ออนไลน์” — หน้าทั้งหมดที่เขาเปิดถูกปิดกั้น

ส่งคำขอเช็กอินให้กับลูกของคุณ
แม้ว่าจะไม่มีการติดตาม GPS แต่ก็มีฟีเจอร์เช็กอิน ฉันสามารถส่งคำขอไปให้ลูกชายของฉันเช็กอินได้และนอกจากนี้ยังมีตัวเลือกที่เด็ก ๆ สามารถเช็กอินด้วยตัวเองได้ด้วย ตอนที่ลูกชายของฉันเช็กอิน Bark จะส่งการแจ้งเตือนมาให้ฉันรู้ตำแหน่งปัจจุบันของเขาโดยอ้างอิง GPS ของโทรศัพท์ของเขา

รับการแจ้งเตือนบนแดชบอร์ดของคุณ
สิ่งหนึ่งที่ฉันชอบเกี่ยวกับ Bark อย่างมากคือฉันไม่ต้องอ่านทุกข้อความที่ส่งหรือได้รับ เพลงที่เล่นบน Spotify หรืออีเมลที่ลูก ๆ ของฉันส่งหรือได้รับเพื่อทราบว่าชีวิตของพวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง Bark จะดูแลการตรวจสอบและมันจะส่งการแจ้งเตือนให้ฉันเมื่อใดก็ตามที่มันพบกับกิจกรรมที่ไม่เหมาะสม การแจ้งเตือนนั้นจะแสดงให้ฉันเห็นรายละเอียดว่าทำไมมันถึงไม่เหมาะสม เช่น เนื้อหาอีเมลหรือเนื้อเพลงของเพลงบน Spotify
Bark มีระดับความเข้มงวดสามระดับสำหรับการเปิดใช้งานการแจ้งเตือนซึ่งถือว่าดีเพราะในตอนแรกฉันได้รับข้อความแจ้งเตือนเยอะมากซึ่งรวมถึง “ผลบวกผิดพลาด” มากมายด้วย ตัวอย่างเช่น อีเมลที่มีอีโมจิถือแก้วไวน์ก็เรียกใช้การแจ้งเตือนแอลกอฮอล์ ฉันสามารถระบุระดับความเข้มงวดสำหรับแต่ละแอปที่มันตรวจสอบได้ซึ่งถือว่าช่วยลดจำนวนการแจ้งเตือนได้อย่างมาก

รับคำแนะนำจากผู้ปกครองท่านอื่น
แอป Bark มีฟอรั่มที่มีการใช้งานสำหรับผู้ปกครองจากทั่วโลก ฉันพบว่าฟอรั่มนี้เป็นพื้นที่ดีสำหรับการถามคำถาม เช่น วิธีพูดคุยกับลูก ๆ เกี่ยวกับสื่อลามก เว็บไซต์ที่ควรดูหรือเรียนรู้คำศัพท์แสลงใหม่ ๆ ฟอรั่มนั้นได้รับการจัดเรียงตามอายุของลูกคุณ ดังนั้นคุณจึงสามารถค้นหาคำแนะนำที่เกี่ยวข้องกับลูกของคุณได้

การติดตั้ง
9.5มีการติดตั้ง Bark อยู่ด้วยการสองส่านเพื่อตรวจสอบกิจกรรมบนโซเชียลมีเดียของลูกคุณ ส่วนแรกคือฉันต้องสร้างบัญชี Bark (ฉันรับข้อเสนอดี ๆ จากหน้าลับนี้) และจากนั้นก็เพิ่มบัญชีสำหรับลูกสำหรับลูก ๆ แต่ละคนของฉัน หลังจากที่ถูกถามเกี่ยวกับชื่อและอายุของลูกแต่ละคนแล้วก็เหลืออีกสองขั้นตอนที่ฉันต้องดำเนินการให้เสร็จ:
- มอบสิทธิ์อนุญาตให้ Bark เข้าถึงแต่ละเว็บไซต์
มีบางแอป เช่น WhatsApp ที่ต้องการให้คุณดาวน์โหลดแอปลงบนอุปกรณ์ของลูกคุณ นี่คือจุดที่อาจเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับบางคน Bark ได้ลบแอป Bark for Kids จาก Google Play เพราะข้อจำกัดที่ Google กำหนดสำหรับแอปตรวจสอบ แอป Bark สำหรับผู้ปกครองนั้นพร้อมให้บริการผ่าน Google Play และสามารถดาวน์โหลดได้เหมือนกับแอปอื่น ๆ เมื่อมันดาวน์โหลดลงบนโทรศัพท์ของคุณเรียบร้อยแล้ว ให้ลงชื่อเข้าใช้ด้วยข้อมูลลงชื่อเข้าใช้เดียวกันกับที่ใช้ตอนซื้อแอปและคุณจะเข้าถึงแดชบอร์ดของคุณได้โดยทันที
วิธีดาวน์โหลด Bark Kids บน Android
ใช้เบราว์เซอร์ Chrome บนอุปกรณ์ของลูกคุณ ไปยัง Bark.us/android และดาวน์โหลดไฟล์

หากคุณยังไม่ได้ดำเนินการสิ่งนี้ คุณจะต้องอนุญาตให้โทรศัพท์ของคุณติดตั้งแอปจากแหล่งข้อมูลที่ไม่รู้จัก คลิกที่ตั้งค่าและเปิดใช้งานตัวเลือกอนุญาตจากแหล่งข้อมูล (แถบเลื่อนควรจะเป็นสีฟ้า)

สิ่งที่เหลือคือการคลิกที่ปุ่มติดตั้งและ Bark for Kids จะถูกดาวน์โหลดและติดตั้งลงบนโทรศัพท์ทันที

วิธีติดตั้ง Bark for Kid บน iOS
หลังการอัปเดตล่าสุด คุณสามารถดาวน์โหลด Bark ได้จาก App Store นอกจากนี้คุณยังต้องดาวน์โหลด Bark for Desktop ลงบน Mac หรือ PC ของคุณเพราะแอปจะสำรองข้อมูล การแจ้งเตือนและรูปภาพหน้าจอทั้งหมดเมื่อแอปทั้งสองเชื่อมต่อบนเครือข่าย WiFi เดียวกัน
ความง่ายต่อการใช้งาน
9.6เมื่อคุณดำเนินการขั้นตอนการดาวน์โหลดและติดตั้งเรียบร้อยแล้ว คุณก็จะต้องใช้เวลาในการเชื่อมต่อบัญชีโซเชียลมีเดียของลูกแต่ละคนของคุณกับ Bark ฉันสามารถเชื่อมต่อกับบัญชีส่วนใหญ่ของพวกเขาผ่านแอปสำหรับเดสก์ท็อปได้ แต่มีสองสามแอปที่ต้องการให้มีแอป Bark อยู่บนอุปกรณ์ของลูกคุณเพื่อให้มันทำงานได้
ขั้นตอนทั้งหมดนั้นค่อนข้างกินเวลาโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณใช้มันกับลูกหลายคน ฉันใช้เวลาประมาณ 15 นาทีต่อลูกหนึ่งคนในการกำหนดค่าทุกอย่างอย่างเหมาะสม
เมื่อการตั้งค่าเสร็จสิ้นแล้ว Bark จะทำงานในพื้นหลังโดยอัตโนมัติและฉันสามารถตรวจสอบกิจกรรมทางออนไลน์ของลูกฉันได้
บริการลูกค้า
9.8Bark มีตัวเลือกแชทออนไลน์ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าตัวแทนฝ่ายสนับสนุนลูกค้านั้นจะพร้อมให้บริการเสมอ บริการดังกล่าวเปิดให้บริการเฉพาะในช่วงชั่วโมงทำการปกติเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องรอเวลาสักพักกว่าจะมีใครตอบคำถามของฉัน
ฉันทดสอบฟีเจอร์แชทออนไลน์เพื่อดูว่าในฐานะที่ไม่ได้พำนักอาศัยในสหรัฐอเมริกา ฉันสามารถกรอกหมายเลขโทรศัพท์ของฉันเพื่อที่ฉันจะได้รับการแจ้งเตือนทาง SMS แทนที่จะพึ่งพาอีเมลได้หรือไม่ ฉันส่งคำถามไปก่อนที่แชทออนไลน์จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการและได้รับการตอบกลับในอีกสองสามชั่วโมงให้หลัง เมื่อตัวแทนออนไลน์ ฉันก็สามารถถามคำถามอื่น ๆ ได้ซึ่งรวมถึงเหตุการณ์ปัจจุบันบางอย่างซึ่งทำให้ฉันสามารถยืนยันได้ว่ามันไม่ใช่บอท

Bark ยังมีตัวเลือกในการส่งอีเมลด้วยหากคุณไม่ต้องการรอแชทออนไลน์และส่วนคำถามที่พบบ่อยนั้นก็สามารถตอบคำถามที่พบบ่อยทั่วบางอย่างไปได้
คำถามที่พบบ่อย
ราคา
9.8Bark มีตัวเลือกราคาสองราคา:
- Bark Jr: มีเฉพาะการจัดการเวลาหน้าจอ ตัวกรองเว็บไซต์และฟีเจอร์เช็กอิน
- Bark: มีฟีเจอร์ของ Bark ทั้งหมด
ไม่มีการจำกัดจำนวนอุปกรณ์ในทั้งสองแผนให้บริการ ดังนั้นคุณจึงสามารถตรวจสอบทุกคนในครอบครัวของคุณได้
Bark มีช่วงเวลาทดลองใช้งานฟรี 7 วัน แต่คุณจะต้องกรอกข้อมูลบัตรเครดิตของคุณตอนสร้างบัญชี คุณจะไม่ถูกเรียกเก็บเงินจนกว่าจะหลัง 7 วันไปแล้ว
มีตัวเลือกอยู่ด้วยกันสองตัวเลือกเมื่อพูดถึงการสั่งซื้อการสมัครสมาชิก ได้แก่ รายเดือนและรายปี เพื่อการประหยัดเงินให้ได้มากที่สุด ฉันขอแนะนำให้ไปยังหน้าส่วนลดลับของพวกเขา คุณจะประหยัดเงินได้อย่างมากหากคุณเลือกสมัครสมาชิกแบบรายปี
สิ่งที่สำคัญที่สุด
Bark ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน มันต้องมีความไว้วางใจระหว่างเด็ก ๆ และผู้ปกครองในระดับหนึ่งและให้เด็ก ๆ มอบสิทธิ์ในการเข้าถึงบัญชีโซเชียลมีเดียของพวกเขากับผู้ปกครอง
หากคุณยังคงอยากลองดูว่านี่เป็นตัวเลือกที่ใช่สำหรับคุณหรือไม่ คุณสามารถลองใช้งานมันได้โดยไม่มีความเสี่ยงและใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาทดลองใช้ฟรี 7 วันได้ สิ่งนี้จะมอบช่วงเวลาให้คุณได้ตรวจสอบดูว่ามันทำงานได้เป็นอย่างไรและมันใช้งานได้ดีทั้งสำหรับคุณและลูกของคุณหรือไม่
หลังจากที่ดำเนินการทดสอบมาสักพักหนึ่ง ฉันก็หวังว่าฟีเจอร์การจำกัดเวลาจะมีความยืดหยุ่นมากกว่านี้ แต่มันก็เป็นฟีเจอร์ใหม่และหวังว่า Bark เองก็จะพัฒนาได้มากกว่านี้ในอนาคต สรุปก็คือ Bark ทำงานได้ยอดเยี่ยมในฟีเจอร์หลัก มันเป็นแอปตรวจสอบที่ส่งการแจ้งเตือนเมื่อใดก็ตามที่มันพบกิจกรรมที่น่าสงสัย