10 แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดในปี 2023: Windows, Android, iOS & Mac

ซาวันนาห์ ลูคัส
อัพเดทครั้งล่าสุดโดย ซาวันนาห์ ลูคัส ใน กันยายน 27, 2022

มีแอนตี้ไวรัสทางเลือกนับร้อยรายการในตลาดและทั้งหมดนั้นต่างก็อ้างว่าสามารถป้องกันอุปกรณ์ของคุณจากมัลแวร์และภัยคุกคามดิจิทัลอื่น ๆ ได้ดีที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นในระหว่างการทดสอบโดยละเอียดของฉัน ฉันก็ได้เห็นว่าโปรแกรมแอนตี้ไวรัสเหล่านี้จริง ๆ แล้วทำงานได้แย่มากแค่ไหน

แอนตี้ไวรัสสมัยใหม่ไม่เสนอการป้องกันมัลแวร์อีกต่อไป แต่ผสมผสานฟีเจอร์มากมายเพื่อสร้างชุดความปลอดภัยที่ดีที่สุดที่มีให้บริการ ฉันวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแอนตี้มัลแวร์หลัก เช่นเดียวกันกับจำแนกฟีเจอร์ ประสิทธิภาพ ราคา ฝ่ายสนับสนุนลูกค้าและอื่น ๆ อีกมากมายสำหรับแอนตี้ไวรัสแต่ละโปรแกรมเพื่อค้นหาตัวเลือกที่ดีที่สุดในปี 2023

เมื่อพิจารณาถึงว่าภัยคุกคามทางออนไลนืสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วมากแค่ไหร ฉันก็เดตรายการนี้เพื่อให้มั่นใจว่าตัวเลือกที่ดีที่สุดนั้นพร้อมสำหรับการทำงาน แต่ถึงอย่างนั้นปีนี้ ฉันประทับใจกับ Norton 360 ด้วยอัตราการตรวจจับมัลแวร์ที่ดีที่สุดและฟีเจอร์เสริมที่แข็งแกร่งซึ่งรวมถึง VPN ที่ดีที่สุด ฉันพบว่า Norton 360 คว้าอันดับหนึ่งในฐานะแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดในปี 2023

ลองใช้ Norton โดยปราศจากความเสี่ยง!

คำแนะนำลัด: ซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดในปี 2023

  1. Norton 360 – แอนตี้ไวรัสอันดับ #1 ที่มาพร้อมกับอัตราการตรวจจับที่สมบูรณ์แบบและฟีเจอร์ที่ครอบคลุม
  2. McAfee – VPN ภายในตัวที่รวดเร็วมากสำหรับการเชื่อมต่อที่รวดเร็วและปลอดภัย แต่มีฝ่ายสนับสนุนลูกค้าให้บริการทางโทรศัพท์เท่านั้น
  3. TotalAV – ใช้ผู้ให้บริการเทคโนโลยีขั้นสูงที่มีอยู่เพื่อผลประโยชน์ด้านประสิทธิภาพสูง แต่ฝ่ายสนับสนุนลูกค้าตอบกลับช้า
  4. IOLO – สมดุลที่ดีระหว่างแอนตี้ไวรัสและการเพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์ที่มีประโยชน์จริง ๆ แต่มันรองรับแค่ Windows เท่านั้น
  5. Bitdefender – มีฟีเจอร์ดี ๆ มากมาย แต่ข้อมูลสำหรับ VPN ถูกจำกัดในทุกแผนให้บริการ ยกเว้นแผนเดียว

ฉันจะอันดับและเปรียบเทียบแอนตี้ไวรัสชั้นนำอย่างไรในปี 2023

ฉันทดสอบชุดแอนตี้ไวรัสมากกว่า 30 ชุดและฉันได้พบกับผลิตภัณฑ์ที่ดี (และไม่ดี) มากมายในระหว่างสร้างรายการนี้ นี่คือเกณฑ์ที่ฉันใช้เพื่อตัดสินว่าแอนตี้ไวรัสนั้น ๆ คู่ควรแก่การติดตั้งหรือไม่:

  • กลไกแอนตี้ไวรัสที่แข็งแกร่ง – ฉันมองหาอัตราการตรวจจับมัลแวร์ที่สูงในการทดสอบ เนื่องจากภัยคุกคามทางดิจิทัลมีความก้าวหน้ามากขึ้นทุกวัน ดังนั้นคุณจึงต้องใช้แอนตี้ไวรัสที่สามารถรับมือกับมัลแวร์ล่าสุดเหล่านั้นได้ นี่รวมถึงไวรัส แรนซัมแวร์ รูทคิท การโจมตีฟิชชิ่งและอื่น ๆ อีกมากมาย
  • ไม่มีผลบวกผิดพลาด (หรือถูกจำกัด) – แม้ว่าจะค่อนข้างไม่เป็นอันตราย แต่ผลบวกผิดพลาดอาจสร้างความสำคัญให้กับการแก้ไขได้หากมันส่งผลกระทบต่อไฟล์ที่สำคัญ
  • ฟีเจอร์เสริมคุณภาพ – ฉันเหนื่อยหน่ายกับฟีเจอร์เสริมที่ได้รับการโปรโมท แต่ไม่ได้มอบคุณค่าอะไรให้เลยหรือแย่ยิ่งกว่าเวอร์ชันฟรีที่คุณสามารถหาที่ไหนก็ได้ หากแอนตี้ไวรัสมีฟีเจอร์เสริมมาให้ด้วย ฟีเจอร์เหล่านั้นจะต้องมีประโยชน์ – ไม่ได้เป็นแค่ฟีเจอร์ไร้ประโยชน์ที่เพิ่มเข้ามา
  • ความเร็วที่รวดเร็ว – ฉันสร้างรายการชุดแอนตี้ไวรัสที่เสนอการผสมผสานของความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูง ดังนั้นแม้แต่ฮาร์ดแวร์ที่ล้าหลังก็สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ ความปลอดภัยที่แข็งแกร่งนั้นยอดเยี่ยม แต่จะต้องไม่ใช้ประสิทธิภาพของอุปกรณ์ของคุณจำนวนมาก
  • แอปมีความเป็นมิตรต่อผู้ใช้ – ฉันใส่ใจกับว่าคำอธิบายนั้นละเอียดมากแค่ไหน เมนูต่าง ๆ ใช้งานง่ายหรือไม่และการเข้าถึงตัวเลือกที่ใช้งานบ่อยนั้นง่ายมากแค่ไหน ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์หรือเป็นมือใหม่โดยสมบูรณ์ การใช้งานซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสนั้นควรเป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย ๆ
  • ความเข้ากันได้กับอุปกรณ์ – โดยหลักการแล้ว ฉันมองหาแอนตี้ไวรัสที่รองรับอุปกรณ์ต่าง ๆ มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ตั้งแต่ Windows ไปจนถึง Mac และแม้กระทั่งความปลอดภัยบนมือถือ
  • ความคุ้มค่ากับเงิน – ฉันตรวจสอบประสิทธิภาพฟีเจอร์ของแต่ละแบรนด์ ใบรับรองอุปกรณ์และมีช่วงเวลาทดลองใช้งานฟรีหรือการรับประกันยินดีคืนเงินหรือไม่ โดยส่วนตัวแล้วฉันรู้สึกว่าแอนตี้ไวรัสทั้งหมดในรายการนี้คุ้มค่าแก่การลงทุน
  • ฝ่ายสนับสนุนที่มีการตอบสนอง – จะดียิ่งขึ้นหากมีบริการผ่านช่องทางมากมายโดยให้ความสำคัญกับแชทออนไลน์เป็นพิเศษ

10 แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับทุกอุปกรณ์ (ทดสอบแล้วใน 2023)

1. Norton – การป้องกันมัลแวร์และไวรัสอันดับ #1 สำหรับอุปกรณ์ทั้งหมด

ภาพรวมแบบย่อ: ผลลัพธ์ของ Norton

ความปลอดภัย ขั้นสูง – อัตราการป้องกัน 100%, การสแกน 3 รูปแบบ, ไฟร์วอลล์ขั้นสูง, การป้องกันแรนซัมแวร์, การป้องกันฟิชชิ่งและส่วนขยายเบราว์เซอร์ Safe Web
ฟีเจอร์ ยอดเยี่ยม – การสำรองข้อมูลบนคลาวด์, แผงควบคุมสำหรับผู้ปกครอง, VPN, ผู้จัดการรหัสผ่านและเครื่องมือปิดกั้นเว็บแคม SafeCam
แอปเฉพาะ อุปกรณ์หลักทั้งหมด – Windows, Mac, Android และ iOS
การเชื่อมต่ออุปกรณ์ สูงสุด 10 อุปกรณ์ (ขึ้นอยู่กับแผนให้บริการที่เลือก)
ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า แชทออนไลน์ โทรศัพท์และฟอรั่มคอมมูนิตี้
การรับประกันยินดีคืนเงิน 60 วัน
ข้อเสียเล็กน้อย ไม่รองรับการ Torrenting ใน VPN
ราคาที่ดีที่สุด $19.99/ปี

ลองใช้ Norton ฟรี 60 วัน!

Norton มีความโดดเด่นในฐานะแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดในปี 2023 ด้วยความปลอดภัยที่แข็งแกร่งและฟีเจอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง นี่รวมถึงการสแกนและอัตราการป้องกันตามเวลาจริงที่ดีที่สุดที่ฉันเคยทดสอบ พื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ขนาดใหญ่และข้อมูล VPN ไม่จำกัด คุณจะได้รับทั้งหมดนี้ในราคาที่สมเหตสมผลสำหรับชุดที่ครอบคลุมเช่นนี้

ที่ดีไปกว่านั้นคือการสแกนทั้งสองแบบและการป้องกันตามเวลาจริงตรวจพบภัยคุกคาม 100%! สิ่งนี้ทำให้ Norton ได้ขึ้นเป็นผู้นำในกระดานผู้นำแอนตี้ไวรัสและทำให้มันเป็นตัวเลือกอันดับ #1 ของฉันสำหรับการป้องกันภัยคุกคามที่ครอบคลุม ตอนที่ Norton ตรวจพบภัยคุกคาม มันจะแสดงการแจ้งเตือนและจากนั้นคุณก็สามารถเลือกได้ว่าต้องการลบ กักกันหรือเพิกเฉยต่ออันตรายดังกล่าว

ฉันประทับใจอย่างยิ่งกับความสามารถในการสแกนของ Norton ในขณะที่ทดสอบ การสแกนแบบรวดเร็วใช้เวลา 2 นาทีในการวิเคราะห์ไฟล์ประมาณ 11,400 ไฟล์ ในขณะที่การสแกนแบบเต็มใช้เวลา 12 นาทีสำหรับ 778,000 ไฟล์ ฉันประทับใจกับระยะเวลาเหล่านี้ – ฉันไม่สังเกตเห็นว่าอุปกรณ์ของฉันทำงานช้าลงเลยในขณะที่สแกนกำลังทำงานอยู่

ภาพหน้าจอของผลการสแกนด่วนของ Norton 360
คุณสามารถตั้งเวลาการสแกนแบบรวดเร็วของ Norton ให้ตรวจสอบอุปกรณ์ของคุณทุกครั้งที่บูตระบบได้

ฉันเชื่อมั่นว่าแอนตี้ไวรัสควรป้องกันได้อย่างเหมาะสมที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ – คุณคงไม่อยากต้องมานั่งใช้เวลาตั้งค่าทุกอย่างด้วยตัวคุณเอง โชคดีที่ไฟล์วอลล์ของ Norton ได้รับการกำหนดค่ามาอย่างดีโดยค่าเริ่มต้น ดังนั้นคุณจึงจะได้รับการป้องกันทันที มันมีรายการอนุญาตโปรแกรมที่มันเชื่อว่าปลอดภัยภายในตัวและเรียนรู้ผ่านการตรวจสอบและปิดกั้นโปรแกรมหากมันสังเกตเห็นพฤติกรรมที่น่าสงสัย

แบรนด์แอนตี้ไวรัสมากมายมีฟีเจอร์เสริมที่ทั้งไม่มีประโยชน์หรือไม่ได้รับการพัฒนามาเป็นอย่างดี แต่ฟีเจอร์ของ Norton นั้นเพิ่มความคุ้มค่าได้อย่างมาก ฉันชอบ VPN ซึ่งพร้อมให้บริการในทุกแผนให้บริการของ Norton เป็นอย่างยิ่ง VPN ใช้การเข้ารหัส L2TP/IPsec เพื่อปิดบังข้อมูลของคุณจาก ISP ของคุณ แฮกเกอร์และแม้กระทั่งหน่วยงานรัฐบาล มันยังแทนที่หมายเลข IP ของคุณเพื่อที่คุณจะได้สามารถปลดบล็อกแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอย่าง Netflix ของสหรัฐอเมริกาและ HBO Max ได้จากทุกที่ ความเร็วนั้นมีทั้งดีและไม่ดีผสมกันไป – ฉันได้รับความเร็วสูงถึง 98Mbps ในเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ในยุโรป แต่ 11Mbps ในเซิร์ฟเวอร์ลอสแองเจลิส

ภาพหน้าจอของ Norton Secure VPN ทำงานร่วมกับ Netflix
ฉันเพลิดเพลินการเข้าถึง Netflix สหรัฐอเมริกาและ HBO ไม่จำกัดที่ Norton Secure VPN มีให้บริการ

เครื่องมือที่ฉันชอบอีกเครื่องมือหนึ่งก็คือ Cloud Backup เข้ารหัสซึ่งให้คุณจัดเก็บไฟล์ที่ล้ำค่าที่สุดของคุณพื้นที่จัดเก็บได้สูงสุดถึง 50GB แม้ว่าแรนซัมแวร์จะเข้าถึงอุปกรณ์ของคุณได้ แต่ไฟล์ที่คุณเก็บไว้ในคลาวด์จะยังคงปลอดภัย นอกจากนี้คุณยังได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงฟีเจอร์แผงควบคุมสำหรับผู้ปกครองด้วยหากคุณเลือกแผนให้บริการ Deluxe หรือสูงกว่านี้ มันจะช่วยคุณปิดกั้นเว็บไซต์และแอปที่เฉพาะเจาะจง ติดตามระยะเวลาที่ลูกของคุณใช้ไปกับหน้าจอหรือล็อกอุปกรณ์โดยสมบูรณ์

แผนราคาที่ถูกที่สุดของ Norton คือ $19.99 ฉันขอแนะนำให้ใช้แผนให้บริการ Deluxe เนื่องจากมันเสนอความคุ้มค่าโดยรวมที่ดีที่สุดสำหรับเงินของคุณ คุณจะได้รับใบรับรอง 5 ใบต่อชุดความปลอดภัยโดยรวม, Norton Secure VPN, พื้นที่จัดเก็บข้อมูลเข้ารหัสขนาด 50GB และแผงควบคุมสำหรับผู้ปกครอง สิ่งนี้ช่วยสร้างสมดุลที่ยอดเยี่ยมของการครอบคลุมที่เพียงพอในอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยไม่มีการป้องกันโจรขโมยตัวตนอย่างเต็มรูปแบบและการกู้คืนที่หลายคนจะพบว่าไม่จำเป็น

คุณสามารถลองใช้ Norton ฟรี 60 วันได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงินและดูว่ามันทำงานบนอุปกรณ์ของคุณได้เป็นอย่างไร การขอรับเงินคืนนั้นง่ายมาก เพียงติดต่อฝ่ายสนับสนุนของ Norton ผ่านแชทออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง ฉันได้ทดสอบสิ่งนี้ด้วยตัวเองแล้วเพื่อให้มั่นใจว่ากระบวนการทั้งหมดเป็นไปอย่างถูกกฎหมาย การอนุมัติการคืนเงินใช้เวลาน้อยกว่า 5 นาทีและฉันได้รับเงินคืนเข้าบัญชีของฉันภายใน 5 วันต่อมา นอกจากนี้คุณยังสามารถติดต่อฝ่ายสนับสนุนลูกค้าในภาษาไทยได้อีกด้วย

ลองใช้ Norton ฟรี 60 วัน!

อ่านรีวิว Norton โดยละเอียดเพื่อดูข้อมูลที่ครอบคลุมเกี่ยวกับการทดสอบความปลอดภัย ฟีเจอร์เสริม ราคาและอื่น ๆ มากยิ่งขึ้น

2. McAfee Total Protection – แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตที่ครอบคลุม

ภาพรวมแบบย่อ: ผลลัพธ์ของ McAfee Results

ความปลอดภัย ขั้นสูง – ผลลัพธ์การป้องกัน 100%, รูปแบบการสแกน 3 รูปแบบ, การปิดกั้นแรนซัมแวร์, การป้องกันการขโมยสกุลเงินดิจิทัล, ไฟร์วอลล์ขั้นสูง, การป้องกันฟิชชิ่ง, สแกนเนอร์ช่องโหว่
ฟีเจอร์ ยอดเยี่ยม – VPN ความเร็วสูง, เครื่องมือกำจัดไฟล์, ผู้จัดการรหัสผ่าน, แผงควบคุมสำหรับผุ้ปกครอง, เครื่องมือทำความสะอาดไฟล์ QuickClean, การป้องกันโจรขโมยตัวตน (เฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น)
แอปเฉพาะ อุปกรณ์หลักทั้งหมด – Windows, Mac, Android และ iOS
การเชื่อมต่ออุปกรณ์ ไม่จำกัด (ขึ้นอยู่กับแผนให้บริการที่เลือก)
ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า แชทออนไลน์ โทรศัพท์และฟอรั่มคอมมูนิตี้
การรับประกันยินดีคืนเงิน 30 วัน
ข้อเสียเล็กน้อย ฝ่ายสนับสนุนแชทออนไลน์ตอบช้า
การเพิ่มราคาหลังจากการสมัครสมาชิกปีแรก
ราคาที่ดีที่สุด $44.99/ปี

ลองใช้ McAfee 30 วันฟรี!

McAfee เป็นแอนตี้ไวรัสที่ยอดเยี่ยมที่มาพร้อมกับการป้องกันมัลแวร์ตามเวลาจริงที่แข็งแกร่ง แม้ว่ามันจะมีฟีเจอร์น้อยกว่า Bitdefender แต่ฟีเจอร์ของ McAfee ทั้งหมดก็ทำงานได้ดีเป็นพิเศษและทำให้แอนตี้ไวรัสนี้มอบความคุ้มค่ากับเงินได้อย่างแท้จริง

ในระหว่างการทดสอบ การสแกนของ McAfee ตรวจจับภัยคุกคามมัลแวร์ได้ถึง 100% (ความสำเร็จที่น่าประทับใจที่มีแอนตี้ไวรัสจำนวนไม่มากที่ทำได้) คุณสามารถเลือกการสแกนแบบรวดเร็ว การสแกนแบบเต็มและการสแกนแบบกำหนดเองได้โดยขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการสแกนส่วนที่เปราะบางที่สุดของอุปกรณ์ของคุณหรือทั้งฮาร์ดไดร์ฟ การป้องกันตามเวลาจริงของ McAfee ยังตรวจจับการโจมตีทางไซเบอร์ใหม่ล่าสุดได้ถึง 100% มันใช้ระบบ Global Threat Intelligence เพื่อวิเคราะห์มัลแวร์และไวรัสที่มีอยู่เพื่อคาดการณ์ภัยคุกคามในอนาคต

นอกจากนี้เครื่องมือ Ransom Guard ของ McAfee ยังตรวจสอบอุปกรณ์ของคุณเพื่อมองหาการเปลี่ยนแปลงไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่อาจเป็นอันตรายด้วย หากมันตรวจพบอะไร คุณจะได้รับการแจ้งเตือนจากแอปให้ดำเนินการ ฉันพบว่านี่เป็นฟีเจอร์ที่ดีแม้ว่ามันจะไม่มีฟีเจอร์สำรองข้อมูลบนคลาวด์ที่ทำให้การป้องกันแรนซัมแวร์ของ Norton โดดเด่นก็ตาม

ในแง่ของฟีเจอร์เสริม ฉันประทับใจเป็นอย่างยิ่งกับ VPN ของ McAfee มันปลดบล็อกได้แม้กระทั่ง Netflix ของสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักรและเยอรมนี น่าเสียดายที่ฉันไม่สามารถเข้าถึงบริการสตรีมมิ่งอื่น ๆ อย่าง Disney+ หรือ Amazon Prime Video

ได้ นอกจาก VPN แล้ว คุณยังจะได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงผู้จัดการรหัสผ่าน (มันยังจัดเก็บข้อมูลบัตรเครดิตและโน้ตด้วย) และแผงควบคุมสำหรับผู้ปกครอง ฉันพบว่า “My Home Network” เป็นแอดออนที่มีค่า ฟีเจอร์นี้จะทำแผนที่อุปกรณ์ทั้งหมดในเครือข่าย Wi-Fi ที่บ้านของคุณซึ่งจะมอบภาพรวมความปลอดภัยทางออนไลน์ที่เข้าใจง่ายพร้อมความสามารถในการปิดกั้นแฮกเกอร์

หนึ่งในฟีเจอร์ที่โดดเด่นกว่านี้ของ McAfee คือเครื่องมือกำจัดไฟล์ที่ปลอดภัย หากคุณเก็บข้อมูลความลับใด ๆ เอาไว้ในคอมพิวเตอร์ของคุณ คุณคงไม่อยากลบมันด้วยวิธีปกติ ไม่งั้นมันอาจถูกกู้คืนกลับมาได้อย่างง่ายดายหากใครสักคนเข้าถึงอุปกรณ์หรือไดร์ฟของคุณได้ เครื่องมือ File Shredder ของ McAfee จะเขียนทับข้อมูลของคุณสูงสุดถึง 10 ครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าไฟล์ที่เป็นความลับของคุณถูกลบอย่างปลอดภัย แอนตี้ไวรัสอื่น ๆ บางโปรแกรมก็มีเครื่องมือนี้มาให้ แต่มันไม่ได้เป็นฟีเจอร์ที่พบเห็นได้ทั่วไปเหมือนกับฟีเจอร์อื่น ๆ

ภาพหน้าจอของคุณสมบัติ McAfee Shredder
คุณสามารถมั่นใจได้ว่าไฟล์ที่เป็นความลับของคุณถูกลบออกไปอย่างปลอดภัยได้ด้วย File Shredder ของ McAfee

แผนราคาที่ถูกที่สุดของ Norton คือ $44.99 ฉันขอแนะนำให้ใช้แผนให้บริการ Deluxe เนื่องจากมันเสนอความคุ้มค่าโดยรวมที่ดีที่สุดสำหรับเงินของคุณ คุณจะได้รับใบรับรอง 5 ใบต่อชุดความปลอดภัยโดยรวม, Norton Secure VPN, พื้นที่จัดเก็บข้อมูลเข้ารหัสขนาด 50GB และแผงควบคุมสำหรับผู้ปกครอง สิ่งนี้ช่วยสร้างสมดุลที่ยอดเยี่ยมของการครอบคลุมที่เพียงพอในอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยไม่มีการป้องกันโจรขโมยตัวตนอย่างเต็มรูปแบบและการกู้คืนที่หลายคนจะพบว่าไม่จำเป็น

หากคุณกำลังมองหาแอนตี้ไวรัสที่แข็งแกร่งที่มี VPN ที่รวดเร็บ ฉันขอแนะนำให้ใช้ McAfee เป็นอย่างยิ่ง คุณสามารถลองใช้งานมันฟรี 30 วันได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงิน แม้ว่าฉันจะไม่ชอบที่ฉันต้องส่งคำขอให้ฝ่ายสนับสนุนลูกค้าโทรกลับเพื่อสอบถามเกี่ยวกับการขอเงินคืน แต่กระบวนการดังกล่าวนั้นรวดเร็วมาก! ใช้เวลาโดยรวมตั้งแต่ส่งคำขอจนถึงได้รับการโทรกลับและอนุมัติการคืนเงินเพียง 15 นาทีเท่านั้น

ลองใช้ McAfee 30 วันฟรี!

ดูผลการทดสอบในรีวิว McAfee สำหรับข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวการทดสอบด้านความปลอดภัย ประสบการณ์ผู้ใช้ ราคาและอื่น ๆ

3. TotalAV – เหมาะสำหรับมือใหม่พร้อมแอปที่ใช้งานง่ายx

ภาพรวมแบบย่อ: ผลลัพธ์ของ TotalAV

ความปลอดภัย ขั้นสูง – อัตราการตรวจจับ 100% ในขณะสแกนและ 99% ในระหว่างการป้องกันตามเวลาจริง, แรนซัมแวร์, สปายแวร์, การป้องกันแอดแวร์และไฟร์วอลล์
ฟีเจอร์ ยอดเยี่ยม – VPN, ผู้จัดการรหัสผ่าน, ส่วนขยายเบราว์เซอร์ Web Shiel, เครื่องมือปิดกั้นโฆษณาและการแจ้งเตือนข้อมูลรั่วไหล
แอปเฉพาะ อุปกรณ์หลักทั้งหมด – Windows, Mac, Android และ iOS
การเชื่อมต่ออุปกรณ์ สูงสุด 10 อุปกรณ์ (ขึ้นอยู่กับแผนให้บริการที่เลือก)
ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า แชทออนไลน์ อีเมล โทรศัพท์และฐานข้อมูลความรู้ออนไลน์
การรับประกันยินดีคืนเงิน 30 วัน
ข้อเสียเล็กน้อย ฝ่ายสนับสนุนลูกค้าที่ไม่ให้ความช่วยเหลือและตอบกลับช้ามาก
การเพิ่มราคาหลังจากการสมัครสมาชิกปีแรก
ราคาที่ดีที่สุด $19.00/ปี

ลองใช้ TotalAV ฟรี 30 วัน!

TotalAV เป็นแอนตี้ไวรัสชั้นนำที่เสนอการป้องกันจากมัลแวร์ทุกรูปแบบซึ่งรวมถึงแรนซัมแวร์ สปายแวร์ แอดแวร์และการโจมตีเครือข่าย มันมีฟีเจอร์ความปลอดภัยเพิ่มเติมที่ดีมากมายอย่าง VPN และผู้จัดการรหัสผ่านมาให้ด้วย นอกจากนี้ฉันยังพบว่าแอปของ TotalAV นั้นใช้งานง่ายจนน่าทึ่งซึ่งทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ดีหากคุณเป็นมือใหม่กับซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสหรือต้องการซอฟต์แวร์ที่ใช้งานง่าย

ในการทดสอบ TotalAV มีอัตราการตรวจจับ 100% ในขณะสแกนและ 99% ในระหว่างการป้องกันตามเวลาจริง นี่ทำให้มันเป็นหนึ่งในแอนตี้ไวรัสที่ปลอดภัยที่สุดในตลาดและทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยในขณะท่องเว็บ คุณสามารถเลือกรูปแบบการสแกนได้ 3 รูปแบบโดยขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณ – การสแกนแบบเต็ม การสแกนแบบรวดเร็วหรือการสแกนแบบกำหนดเอง คุณยังสามารถใช้ Smart Scan เพื่อลบการติดตามคุกกี้จากเบราว์เซอร์ของคุณ ไฟล์ซ้ำเพื่อเพิ่มพื้นที่ดิสก์ว่างมากขึ้นและดูว่าโปรแกรมใดที่ทำให้อุปกรณ์ของคุณทำงานช้าลงตอนสตาร์ทอัป

TotalAV ยังใช้ผู้ให้บริการความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่มีอยู่ Windscribe ในการเปิดให้บริการ VPN สิ่งทำให้มันมีข้อได้เปรียบทางด้านประสิทธิภาพมากกว่า VPN ของแอนตี้ไวรัสอื่น ๆ ที่สร้างโครงสร้างพื้นฐานของตัวเอง ฉันได้รับความเร็วในการดาวน์โหลดเฉลี่ย 107Mbps ในเซิร์ฟเวอร์สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนีและออสเตรเลีย นี่ถือว่าเป็นความเร็วที่มากสำหรับการท่องเว็บ สตรีมมิ่งและแม้กระทั่งสำหรับการดาวน์โหลดอย่างหนักหน่วง – ซึ่งคุณสามารถใช้ประโยชน์จากเซิร์ฟเวอร์ข้อมูลไม่จำกัดได้อย่างเต็มที่ ฉันยังสามารถเข้าถึงคลังข้อมูลของ Netflix มากมาย (สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา เยอรมนี), Disney+, Hulu, และ HBO Max ได้ด้วย TotalAV

ภาพหน้าจอของ Total AV VPN ที่ปลดบล็อก Hulu, Disney +, Netflix และ HBO Max
ฉันเพลิดเพลินกับสิทธิ์ในการเข้าถึงแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่าง ๆ มากมายได้ด้วย VPN ของ TotalAV

คุณยังจะได้รับฟีเจอร์ความปลอดภัยเพิ่มเติมที่มีประโยชน์อีกมากมายใน TotalAV ด้วยตู้นิรภัยรหัสผ่าน คุณจะต้องจำแค่รหัสผ่านมาสเตอร์เพียงรหัสเดียวเท่านั้น; มันจะกรอกข้อมูลลงชื่อเข้าใช้ในทุกเว็บไซต์ที่คุณเยี่ยมชมโดยอัตโนมัติ การปิดกั้นโฆษณาจะลบโฆษณาที่น่ารำคาญและมักเป็นอันตรายออกไปเพื่อประสบการณ์การท่องเว็บที่น่าพึงพอใจมากขึ้น สุดท้ายส่วนขยายเบราว์เซอร์ Web Shield จะแจ้งเตือนคุณเมื่อใดก็ตามที่คุณกำลังจะไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่ถูกทำเครื่องหมายว่าเป็นภัยคุกคามเพื่อดูแลให้คุณออนไลน์อย่างปลอดภัยมากขึ้น

หากคุณกำลังมองหาตัวเลือกที่มีราคาถูกที่สุดของ TotalAV คุณจะพบมันในราคา $19.00 ด้วยแผนให้บริการ Antivirus Pro (3 อุปกรณ์) มันเป็นข้อเสนอที่ดีแม้ว่ามันจะไม่มีการรองรับอุปกรณ์เพิ่มเติมและการเชื่อมต่อ VPN ที่คุณจะได้จากแผนให้บริการ Internet Security และตัวปิดกั้นโฆษณาและเครื่องมือจัดการรหัสผ่านของแผนให้บริการ Total Security แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็จะพบตัวปิดกั้นโฆษณาและเครื่องมือจัดการรหัสผ่านบุคคลที่สามที่ดี ดังนั้นฉันจึงแนะนำให้เลือกตัวเลือกระดับกลางอย่าง Internet Security

หากคุณกำลังมองหาแอนตี้ไวรัสที่มีการป้องกันขั้นสูงและฟีเจอร์ที่มีประโยชน์รวมมาให้ในแพ็กเกจที่ใช้งานง่าย TotalAV เป็นตัวเลือกที่ดี ฉันขอแนะนำให้คุณลองใช้ TotalAV ฟรี 30 วันด้วยการรับประกันยินดีคืนเงิน ฉันได้ทดสอบด้วยตัวเองโดยการลงทะเบียนแผนสมัครสมาชิกรายปีและทดลองใช้งานมันเป็นเวลาสองสามสัปดาห์ก่อนที่จะติดต่อฝ่ายสนับสนุนผ่านอีเมล พวกเขาใช้เวลาในการตอบกลับฉัน 2 วัน แต่หลังจากที่ฉันได้รับการตอบกลับ ฉันก็ได้รับการยืนยันการคืนเงินใน 3 ชั่วโมงต่อมา

ลองใช้ TotalAV ฟรี 30 วัน!

อ่านรีวิว TotalAV โดยละเอียดเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการทดสอบด้านความปลอดภัย ฟีเจอร์โบนัส ประสิทธิภาพและอื่น ๆ

4. iolo – แอนตี้ไวรัสสำหรับ Windows เท่านั้นที่มาพร้อมกับฟีเจอร์เพิ่มประสิทธิภาพระดับชั้นนำ

ภาพรวมแบบย่อ: ผลลัพธ์ของ iolo

ความปลอดภัย ขั้นสูง – อัตราการป้องกัน 100% สำหรับอุปกรณ์ Windows, ประเภทการสแกน 2 ประเภท, ไฟร์วอลล์และการป้องกันแรนซัมแวร์
ฟีเจอร์ ยอดเยี่ยม – เครื่องมือทำความสะอาด PC, เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพตอนเปิดเครื่อง, เครื่องมือเพิ่มความเร็ว, เครื่องมือทำความสะอาดไดร์ฟ, ฟีเจอร์ค้นหาและกู้คืนและเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน
แอปเฉพาะ เฉพาะ Windows เท่านั้น
การเชื่อมต่ออุปกรณ์ ไม่จำกัด
ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า แชทออนไลน์ โทรศัพท์และฐานข้อมูลความรู้
การรับประกันยินดีคืนเงิน 30 วัน
ข้อเสียเล็กน้อย
รองรับเฉพาะ Windows เท่านั้น
VPN ไม่ได้รวมอยู่ในซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัส
ราคาที่ดีที่สุด $23.99/ปี

ลองใช้ iolo โดยปราศจากความเสี่ยง 30 วัน

หากคุณเป็นผู้ใช้เฉพาะ Windows เท่านั้น iolo เสนอการผสมผสานที่ดีของการตรวจจับมัลแวร์ที่น่าเชื่อถือควบคู่ไปกับการเพิ่มประสิทธิภาพ PC โดยเฉพาะ หากคุณต้องการดูแลให้ PC ของคุณทำงานอย่างราบรื่นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในขณะที่ดูแลให้มันปลอดภัย iolo อาจเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับคุณ

ในระหว่างการทดสอบกับตัวอย่างมัลแวร์ EICAR iolo สามารถตรวจจับและกักกันไฟล์ที่เป็นอันตรายทั้งหมดในรบบของฉันได้ สำหรับซอฟต์แวร์ที่ทำการตลาดสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพของ Windows เป็นหลักมากกว่าความปลอดภัย สิ่งนี้ทำให้ฉันประทับใจ

ข้อเสียอย่างมากคือระยะเวลาของ Deep Scan ซึ่งใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง 20 นาที (เทียบกับระยะเวลา 12 นาทีของ Norton หรืแม้แต่ 53 นาทีของ McAfee) หากคุณต้องการการสแกนความเร็วสูง งั้น Quick Scan ก็เป็นตัวเลือกที่ดี — มันใช้เวลาน้อยกว่า 1 นาทีในการสแกนและมุ่งเน้นที่ส่วนที่เป็นช่องโหว่มากที่สุดในระบบของคุณ

สกรีนช็อตของ iolo ที่บล็อกการดาวน์โหลดไฟล์ที่เป็นอันตราย
ฉันประหลาดใจกับ iolo ที่สามารถปิดกั้นมัลแวร์ได้อย่างดีสำหรับซอฟต์แวร์ที่แรกเริ่มเป็นซอฟต์แวร์เพิ่มประสิทธิภาพ

นอกจากการตรวจจับมัลแวร์แล้ว iolo ยังมุ่งเน้นที่การเพิ่มประสิทธิภาพของ Windows เกือบทั้งหมด สิ่งนี้รวมถึงการทำความสะอาดไฟล์ขยะ, รายการรีจิสทรีที่ไม่จำเป็น, ข้อมูลการท่องเว็บ, ไฟล์ชั่วคราวและอื่น ๆ อีกมากมาย โชคดีที่มันทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมในด้านการค้นหาและทำความสะอาดพื้นที่ส่วนใหญ่ในฮาร์ดไดร์ฟของฉันในระหว่างการทดสอบ

ฟีเจอร์โปรดของฉันน่าจะเป็น Startup Optimizer ซึ่งลดเวลาการเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ของฉันลงมากกว่าครึ่งหนึ่ง นอกจากนี้มันยังเป็นฟีเจอร์ที่ไม่ได้พบในแอนตี้ไวรัสอื่น ๆ มากมายในรายการนี้ iolo ยังแสดงโปรแกรมต่าง ๆ ที่ Windows เองไม่แจ้งเตือนฉันว่าทำงานในตอนเปิดเครื่องซึ่งนี่แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่เหนือกว่าข้อเสนอทั่วไป

ฉันไม่ชอบจำนวนที่ Windows ติดตามข้อมูลส่วนบุคคลของฉันอยู่เสมอและต้องขอบคุณฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวของ iolo ที่ทำให้มั่นใจว่ามันจะเป็นข้อมูลที่น้อยที่สุด มันปิดการใช้งานบริการเก็บรวบรวมข้อมูลของ Microsoft, ปิดกั้นโปรแกรมที่เฉพาะเจาะจงไม่ให้โหลดขึ้นมาและป้องกันลายนิ้วมือบนเบราว์เซอร์ ตัวเลือก Privacy Shield เหล่านี้เป็นตัวเลือกที่ไม่ค่อยพบนักในซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสแม้ว่าฉันจะเชื่อว่ามันควรเป็นส่วนหนึ่งของความคิดด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่รอบคอบในทุกวันนี้ก็ตาม

แพ็กเกจ Malware Killer พื้นฐานของ iolo มีราคาขั้นต่ำ $23.99 แต่ถึงอย่างนั้นหากคุณเลือก iolo งั้นคุณก็มีแนวโน้มที่จะใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์เพิ่มประสิทธิภาพ PC อื่น ๆ ฉันขอแนะนำแผนให้บริการ System Mechanic Ultimate Defense เนื่องจากมันมีฟีเจอร์เพิ่มประสิทธิภาพของ iolo ในขณะที่ยังคงฟีเจอร์การป้องกันความเป็นส่วนตัวและการต่อสู้กับมัลแวร์เอาไว้

คุณยังสามารถติดตั้ง iolo บน PC ต่าง ๆ ได้ไม่จำกัดด้วยแผนให้บริการเดียวได้อีกด้วยตราบใดที่มันอยู่ในเครือข่ายเดียวกัน นี่ถือเป็นนโยบายที่ใจกว้างอย่างน่าเหลือเชื่อ — แม้แต่ตัวเลือกอันดับหนึ่งของฉันอย่าง Norton หรือ McAfee เองก็มีข้อจำกัดในการติดตั้ง

ฉันขอแนะนำให้คุณลองใช้ iolo โดยปราศจากความเสี่ยงเป็นระยะเวลา 30 วันด้วยการรับประกันยินดีคืนเงิน ฉันทดสอบนโยบายนี้ด้วยตัวเองแล้ว — ขั้นตอนนั้นง่ายเพียงส่งอีเมลไปยังผู้ประมวลผลการชำระเงินพันธมิตรของ iolo และแจ้งหมายเลขคำสั่งซื้อและเหตุผลในการยกเลิกของคุณ ฉันได้รับการตอบกลับในเชิงบวกภายในระยะเวลาน้อยกว่า 24 ชั่วโมงและได้รับเงินคืนเข้าบัญชีธนาคารของฉันในเวลาเพียง 3 วันหลังจากนั้นเท่านั้น

ลองใช้ iolo โดยปราศจากความเสี่ยง!

5. Bitdefender – แอนตี้ไวรัสที่แข็งแกร่งที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ยอดเยี่ยม

ภาพรวมแบบย่อ: ผลลัพธ์ของ Bitdefender

ความปลอดภัย ขั้นสูง – การตรวจจับมัลแวร์ 100% และการป้องกันตามเวลาจริง 99.7%, รูปแบบการสแกน 3 รูปแบบ, การป้องกันแรนซัมแวร์, ไฟร์วอลล์ขั้นสูง, การป้องกันการฟิชชิ่งและ Vulnerability Scanner
ฟีเจอร์ ยอดเยี่ยม – ผู้จัดการรหัสผ่าน, ส่วนขยายเบราว์เซอร์ SafePay, แผงควบคุมสำหรับผู้ปกครอง, VPN, เครื่องมือกำจัดไฟล์และเครื่องมือปิดกั้นเว็บแคมและเสียง
แอปเฉพาะ อุปกรณ์หลักทั้งหมด – Windows, Mac, Android, iOS และอุปกรณ์ IoT ที่เข้าร่วม
การเชื่อมต่ออุปกรณ์ สูงสุด 10 อุปกรณ์ (ขึ้นอยู่กับแผนให้บริการที่เลือก)
ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า แชทออนไลน์ อีเมล โทรศัพท์และฟอรั่มคอมมูนิตี้
การรับประกันยินดีคืนเงิน 30 วัน
ข้อเสียเล็กน้อย แผงควบคุมสำหรับผู้ปกครองส่งผลกระทบต่อ PC ทั้งหมด (ไม่ใช่แต่ละบัญชี)
VPN มีขีดจำกัดข้อมูลรายวัน 200MB ในทุกแผนให้บริการ ยกเว้น 1 แผน
ราคาที่ดีที่สุด $19.99/ปี – มีแผนให้บริการฟรีพร้อมให้บริการ

ลองใช้ Bitdefender ฟรี 30 วัน!

Bitdefender เสนอชุดแอนตี้ไวรัสที่ครอบคลุมสำหรับมือใหม่และผู้ใช้ขั้นสูง มันมีการผสมผสานของอัตราการตรวจจับที่เกือบจะสมบูรณ์แบบและฟีเจอร์ที่มีประโยชน์จริง ๆ เพื่อให้เหมาะกับความปลอดภัยของอุปกรณ์ของคุณในหลาย ๆ ด้าน

กลไกแอนตี้ไวรัสของ Bitdefender มีอัตราการตรวจจับประเภทมัลแวร์ที่รู้จัก 100% และการทดสอบในเวลาจริง 99.7% ฉันประทับใจเป็นอย่างยิ่งกับเครื่องมือ Ransomware Remediation ซึ่งจะวิเคราะห์ว่าไฟล์ใดตกอยู่ในความเสี่ยงในเวลาจริงและสำรองข้อมูลนั้นไว้อย่างปลอดภัย หลังจากที่มันจัดการกับภัยคุกคามแรนซัมแวร์ได้แล้ว มันจะสามารถกู้คืนข้อมูลของคุณได้ – โดยไม่สูญเสียไฟล์แม้แต่ไฟล์เดียวในระหว่างกระบวนการ คุณยังสามารถใช้เครื่องมือถอดรหัสเพื่อพยายามกู้คืนข้อมูลของคุณได้ในกรณีที่คุณไม่ได้สำรองข้อมูลเอาไว้ เมื่อรวมกันแล้ว เครื่องมือเหล่านี้สามารถช่วยลดความอันตรายของแรนซัมแวร์ลงได้อย่างมาก

การแจ้งเตือนภัยคุกคามบนเดสก์ท็อป Bitdefender
Bitdefender ป้องกันฉันไม่ให้ไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่เป็นอันตรายใด ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ

Bitdefender มีฟีเจอร์ที่มีประโยชน์มากมาย เช่น File Shredder เพื่อลบไฟล์ที่เป็นความลับโดยสมบูรณ์ เครื่องมือปิดกั้นเว็บแคมและเสียงเพื่อป้องกันการสอดแนมทางดิจิทัล ส่วนขยายเบราว์เซอร์ SafePay เพื่อการทำธุรกรรมทางออนไลน์อย่างปลอดภัย ฉันชอบผู้จัดการรหัสผ่านของ Bitdefender เป็นอย่างมาก โดยปกติแล้วฉันจะใช้ LastPass ซึ่งอาจใช้เวลาหลายวินาทีในการโหลดและกรอกข้อมูลอัตโนมัติบนเว็บไซต์ ในการทดสอบของฉัน Bitdefender กรอกข้อมูลลงชื่อเข้าใช้ของฉันบนเว็บไซต์ที่ทดสอบทั้งหมดได้ภายในเสี้ยววินาที! การติดตั้งนั้นง่ายดายและไม่เพียงแต่สามารถจัดเก็บได้เฉพาะข้อมูลลงชื่อเข้าใช้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงข้อมูลธนาคาร อีเมล รหัสผ่าน Wi-Fi และอื่น ๆ ได้อีกด้วย

หากคุณมีครอบครัว คุณจะชอบเครื่องมือแผงควบคุมสำหรับผู้ปกครอง – คุณสามารถติดตามระยะเวลาที่ลูกของคุณใช้บนเว็บไซต์และแอปที่เฉพาะเจาะจงหรือปิดกั้นมันร่วมกันได้ น่าเสียดายที่แผงควบคุมสำหรับผู้ปกครองนั้นจะมีผลบังคับใช้กับอุปกรณ์ทั้งหมด (ไม่ใช่กับผู้ใช้ที่กำหนด) ดังนั้นนี่จึงอาจเป็นปัญหาได้หากคุณใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกันกับลูกของคุณ ในทางกลับกัน Norton เชื่อต่อบัญชีผู้ใช้กับลูกแต่ละคนซึ่งทำให้การตรวจสอบข้อมูลพื้นฐานรายบุคคลได้ง่ายกว่า

Bitdefender ยังเป็นหนึ่งในชุดแอนตี้ไวรัสที่ดีที่มาพร้อมกับ VPN ซึ่งแบ่งปันโครงสร้างกับ Hotspot Shield ที่มีชื่อเสียง เฉพาะแผนให้บริการที่มีราคาแพงที่สุดเท่านั้นที่เสนอข้อมูล VPN ไม่จำกัด – แพ็กเกจอื่น ๆ ทั้งหมดมอบข้อมูลให้ใช้งานได้เพียง 200MB ต่อวันเท่านั้น ข้อมูลที่ใช้งานได้นั้นถือว่าดีพอสำหรับการท่องเว็บทั่วไปและการตรวจสอบอีเมลเท่านั้น

สำหรับราคา $29.99 คุณจะได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงแผนให้บริการ Antivirus Plus ของ Bitdefender ซึ่งถือเป็นตัวเลือกที่ดีพอใช้หากคุณมีการตั้งค่าไฟร์วอลล์อยู่แล้วและไม่ต้องการแผงควบคุมสำหรับผู้ปกครอง แต่ถึงอย่างนั้นโดยส่วนตัวแล้วฉันใช้และขอแนะนำแผนให้บริการ Total Security มันมีฟีเจอร์พื้นฐานทั้งหมดและเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน เครื่องมือกำจัดไฟล์ถาวร ไฟร์วอลล์และเครื่องมือป้องกันโจร

คุณสามารถลองใช้ Bitdefender ฟรี 30 วันได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงิน เพื่อยืนยันว่าการรับประกันนี้ใช้งานได้ ฉันจึงได้ส่งอีเมลร้องขอคืนเงินไปยัง Bitdefender พวกเขาใช้เวลา 5 วันในการตอบกลับ ดังนั้นฉันจึงขอแนะนำให้คุณส่งคำขอของคุณล่วงหน้าหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่ระยะเวลา 30 วันจะสิ้นสุดลง โชคดีที่ตัวแทนฝ่ายสนับสนุนลูกค้าไม่ทำให้ฉันเสียเวลาด้วยการถามคำถามต่าง ๆ และฉันได้รับเงินคืนเข้าบัญชีภายใน 5 วันต่อมา

ลองใช้ Bitdefender 30 วันฟรี!

อ่านรีวิว Bitdefender เพื่อดูการวิเคราะห์สิทธิประโยชน์ด้านความปลอดภัย ฟีเจอร์และตัวเลือกแผนให้บริการโดยละเอียด

5. Panda – การป้องกันมัลแวร์ที่แข็งแกร่งพร้อมฟีเจอร์ที่โดดเด่น

ภาพรวมแบบย่อ: ผลลัพธ์ของ Panda

ความปลอดภัย ดี – อัตราการตรวจจับมัลแวร์ 99.7% และอัตราการป้องกันตามเวลาจริง 100%, การป้องกันแรนซัมแวร์, การป้องกันสปายแวร์และการป้องกันแอดแวร์
ฟีเจอร์ พอใช้ – Rescue Kit, การตรวจสอบการดำเนินการ, การควบคุมแอป, ผู้จัดการรหัสผ่าน, แผงควบคุมสำหรับผู้ปกครอง, VPN, โหมดสำหรับเล่นเกม, การป้องกันขโมย, ความปลอดภัยของข้อมูลและการป้องกันเว็บไซต์
แอปเฉพาะ อุปกรณ์หลักทั้งหมด – Windows, Mac, Android และ iOS
การเชื่อมต่ออุปกรณ์ ไม่จำกัด (ขึ้นอยู่กับแผนให้บริการที่เลือก)
ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า แชทออนไลน์ อีเมล โทรศัพท์และฟอรั่มคอมมูนิตี้
การรับประกันยินดีคืนเงิน 30 วัน
ข้อเสียเล็กน้อย VPN มีขีดจำกัดข้อมูลรายวัน 150MB ในทุกแผนให้บริการ ยกเว้นแผนเดียว
ฝ่ายสนับสนุนลูกค้าผ่านทางแชทออนไลน์และอีเมลตอบกลับช้าและช่วยอะไรไม่ได้
ราคาที่ดีที่สุด $19.20/ปี – มีแผนให้บริการฟรีให้บริการ

ลองใช้ Panda ฟรี 30 วัน!

Panda เป็นแอนตี้ไวรัสที่แข็งแกร่งสำหรับการป้องกันมัลแวร์เป็นหลักโดยมีส่วนเสริมที่โดดเด่นและฟีเจอร์ที่ยอดเยี่ยมที่ทำให้มันเป็นแอนตี้ไวรัสที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ด้วยอัตราการตรวจจับ 99.7% ในระหว่างการสแกนมัลแวร์และการป้องกัน 100% ในสภาพแวดล้อมตามเวลาจริง Panda พิสูจน์แล้วว่าดีตัวเองนั้นดีพอที่จะได้รับการจัดอันดับในหมู่แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดในตลาด

ฉันเชื่อว่าฟีเจอร์ควบคุมแอปพลิเคชันของ Panda เป็นฟีเจอร์ที่ไม่สามารถพบได้ในแอนตี้ไวรัสอื่น ๆ คุณสามารถเลือกให้โปรแกรมที่ติดตั้งบน PC ใดของคุณให้ทำงานได้ซึ่งจะเปลี่ยนให้ PC ของคุณเป็นระบบปิดที่มีความปลอดภัยมากขึ้น หากแอปพยายามจะติดตั้งตัวเองหรือเปลี่ยนการตั้งค่าของคุณ Panda จะแจ้งเตือนคุณ

ภาพหน้าจอของเมนูการกำหนดค่าการควบคุมแอปพลิเคชันของ Panda
เพื่อความปลอดภัยเพิ่มเติม คุณสามารถกำหนดให้ Panda อนุญาตให้โปรแกรมที่เฉพาะเจาะจงทำงานได้

Rescue Kit เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่โดดเด่น – มันช่วยให้คุณสร้างไดร์ฟ USB ช่วยชีวิตเพื่อกู้คืนคอมพิวเตอร์ของคุณที่ติดไวรัสรุนแรงมากจนไม่สามารถบูตขึ้นรวมทั้งตรวจจับไวรัสขั้นสูงด้วย Cloud Cleaner ที่มีการสแกนแบบลึก ฉันยังชอบเครื่องมือป้องกันขโมยที่คุณสามารถใช้เพื่อติดตามหรือลบข้อมูลทั้งหมดในอุปกรณ์ของคุณจากระยะไกล ถ่ายรูปคนที่พยายามจะลงชื่อเข้าใช้และอื่น ๆ อีกมากมายได้ ฉันไม่ค่อยประทับใจกับผู้จัดการรหัสผ่านของ Panda (ซึ่งสร้างปัญหามากกว่าโปรแกรมอื่น ๆ ที่ฉันเคยใช้), VPN (ซึ่งมีความเร็วที่ดี แต่มีข้อมูลที่จำกัดอย่างมากในทุกแผน ยกเว้นแผนเดียว) และโหมดสำหรับเล่น (ซึ่งทำงานได้ดี แต่ก็ไม่ดีเท่ากับ BullGuard)

ที่ราคา $19.20 แผนให้บริการ Dome Essential ของ Panda เป็นแผนให้บริการที่มีราคาน่าคบหาที่สุด มันมีการสแกนมัลแวร์และการป้องกันตามเวลาจริง แต่ขาดการป้องกันแรนซัมแวร์ แผงควบคุมสำหรับผู้ปกครองและเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน แผนให้บริการ Complete ของ Panda เสนอความคุ้มค่าที่ดีที่สุดซึ่งมีฟีเจอร์ทั้งหมดที่กล่าวถึงข้างต้น การเชื่อมต่อ VPN แบบไม่จำกัดจำนวนข้อมูลนั้นพร้อมให้บริการเฉพาะในแผนให้บริการ Premium ของ Panda เท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ขอแนะนำให้คุณใช้ Panda ร่วมกับหนึ่งใน VPN ชั้นนำในตลาดอื่น ๆ เนื่องจาก VPN ของพวกเขาไม่สามารถทำให้ฉันประทับใจได้เท่าไหร่นัก

คุณสามารถลองใช้ฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ Panda ได้ด้วยช่วงเวลาทดลองใช้งานฟรี 30 วัน คุณยังสามารถใช้ช่วงเวลารับประกันยินดีคืนเงิน 30 วันต่อจากนั้นได้ซึ่งเท่ากับว่าคุณสามารถใช้งานได้โดยไม่มีความเสี่ยงรวม 60 วัน ฉันยืนยันนโยบายการคืนเงินโดยการลงทะเบียนเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน ทดสอบฟีเจอร์ต่าง ๆ และก็ส่งคำขอคืนเงินไปยังแบบฟอร์มออนไลน์ การขอเงินคืนของฉันได้รับการอนุมัติภายใน 3 ชั่วโมงและฉันได้รับเงินคืนใน 8 วัน

ลองใช้ Panda ฟรี 30 วัน!

ดูรีวิว Panda โดยละเอียดสำหรับผลการค้นคว้าและการทดสอบเพิ่มเติม

7. Avira – อัตราการตรวจจับที่น่าทึ่งพร้อมผลบวกผิดพลาดเล็กน้อย

ภาพรวมแบบย่อ: ผลลัพธ์ของ Avira

ความปลอดภัย ดี – การตรวจจับมัลแวร์ 95% และการป้องกันตามเวลาจริง 99.96%, ประเภทการสแกน 2 ประเภท, การป้องกันแรนซัมแวร์และการป้องกันฟิชชิ่ง
ฟีเจอร์ พอใช้ – เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพ, VPN, เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน, Avira Safe Shopping, เครื่องมือกำจัดไฟล์ถาวรและ Disk Defragmenter
แอปเฉพาะ อุปกรณ์หลักทั้งหมด – Windows, Mac, Android และ iOS
การเชื่อมต่ออุปกรณ์ 25
ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า แชทออนไลน์ อีเมล โทรศัพท์และฐานข้อมูลความรู้
การรับประกันยินดีคืนเงิน 60 วัน
ข้อเสียเล็กน้อย การสนับสนุนทางอีเมลและโทรศัพท์ที่พึ่งพาไม่ได้
การพยายามยกเลิกการขายในแอป
ราคาที่ดีที่สุด $26.99/ปี — มีแผนให้บริการฟรีพร้อมให้บริการ

ลองใช้ Avira ฟรี

Avira ทำได้ยอดเยี่ยมในการตรวจจับมัลแวร์โดยบรรลุอัตราการตรวจจับ 95% ในระหว่างการสแกนและ 99.96% เกือบสมบูรณ์แบบในการป้องกันตามเวลาจริง Avira เป็นหนึ่งในโปรแกรมแอนตี้ไวรัสไม่มากที่ผสานรวมการสแกนบนคลาวด์อย่างเต็มรูปแบบกับการสแกนตามปกติทั้งสองการสแกน เช่นเดียวกันกับการป้องกันตามเวลาจริงซึ่งช่วยให้มันทันกับภัยคุกคามล่าสุด เช่นเดียวกันก็ช่วยลดความหนักในระบบของคุณด้วย

นอกจากอัตราการตรวจจับอันยอดเยี่ยมของ Avira แล้ว มันยังทำให้ฉันและทีมงานประหลาดใจด้วยจำนวนผลบวกผิดพลาดที่ต่ำจนน่าประทับใจ (แค่ 6 — ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมอยู่ที่ 16!) ผลบวกผิดพลาดคือตอนที่โปรแกรมแอนตี้ไวรัสทำเครื่องหมายไฟล์ที่ไม่มีอันตรายว่าเป็นไฟล์ที่อันตราย ผลลัพธ์ของเรื่องนี้อาจสร้างความรำคาญให้เล็กน้อยไปจนถึงสร้างปัญหาใหญ่อย่าตอนที่ไฟล์ที่สำคัญที่ทำงานอยู่บนระบบของคุณหรือโปรแกรมที่เฉพาะเจาะจงถูกลบ โชคดีที่เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับฉันตอนใช้ Avira

ภาพหน้าจอของ Avira Antivirus บน Windows
แอปของ Avira มีระบบนำทางและใช้งานได้ง่ายในอุปกรณ์ที่รองรับทั้งหมด

แม้ว่าไม่ใช่ฟีเจอร์เสริมทั้งหมดของ Avira นั้นจะคู่ควรแก่การกล่าวถึง แต่ฉันก็พบสองสามฟีเจอร์ที่ช่วยทำให้มันแตกต่างจากคู่แข่ง เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพของอุปกรณ์ (เช่น เครื่องมือทำความสะอาดไฟล์ขยะ) นั้นมีประโยชน์สำหรับการเพิ่มความเร็ว PC ของคุณและการล้างพื้นที่เพิ่มเติมบนฮาร์ดไดร์ฟของคุณ เครื่องมือ Hyper Boost ยังลดระยะเวลาการเปิดเครื่องตามปกติของ PC จาก 180 วินาทีเหลือเพียง 62 วินาทีเท่านั้น — รวดเร็วที่ Avira โฆษณาไว้ที่ 25% มาก Game Booster ยังเป็นฟีเจอร์ที่คู่ควรแก่การกล่าวถึงด้วยเรื่องจากมันจำกัดแอปที่ทำงานในพื้นหลังและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบของคุณเพื่อที่เกมของคุณจะได้ทำงานได้อย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น

ประสบการณ์ของฉันกับ VPN ของ Avira นั้นดีจนน่าประหลาดใจด้วยความเร็วและการเชื่อมต่อที่ดีสม่ำเสมอ มันไม่สามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งได้มากเท่า Secure VPN ของ Norton แต่ก็สามารถเข้าถึง Netflix และ Disney+ ได้ตลอด บางทีสิ่งที่น่าประทับใจมากที่สุดคือคุณสามารถติดตั้ง Phantom VPN ของ Avira บนอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ไม่จำกัดจำนวนซึ่งถือว่าหาได้ยากใน VPN โดยรวม ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึง VPN ที่มีมาให้ในแอนตี้ไวรัส

สำหรับราคา $26.99 คุณจะได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงแผนให้บริการ Internet Security ของ Avira ซึ่งเสนอการป้องกันแอนตี้ไวรัส เครื่องมือจัดการรหัสผ่านและเครื่องมืออัปเดตซอฟต์แวร์ จริง ๆ แล้วมันมีราคาถูกมากกว่าแผนให้บริการ Antivirus Pro พื้นฐาน (เฉพาะการป้องกันแอนตี้ไวรัสเท่านั้น) แต่ถึงอย่างนั้นก็โปรดทราบว่าการต่ออายุในปีที่ 2 นั้นมีราคาแพงกว่า วิธีเดียวที่จะได้ใช้ทั้ง VPN และเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพของ Avira คือด้วยแผนให้บริการ Prime (ซึ่งมีราคาถูกมากกว่าการซื้อ VPN อย่างเดียว) นอกจากนี้มันยังเป็นแผนให้บริการที่เสนอการรับรองอุปกรณ์ถึง 5 อุปกรณ์แทนที่จะเป็น 1 อุปกรณ์ซึ่งทำให้มันเป็นตัวเลือกที่มีความคุ้มค่าสำหรับครอบครัวหรือหากคุณต้องการการครอบคลุมสำหรับอุปกรณ์กมากมาย

ฉันขอแนะนำให้คุณลองใช้ Avira โดยปราศจากความเสี่ยงเป็นระยะเวลา 60 วันด้วยการรับประกันยินดีคืนเงิน คุณจะต้องติดต่อฝ่ายสนับสนุน Avira ทางอีเมลเพื่อขอเงินคืน ดังนั้นคุณควรติดต่อพวกเขาล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วันก่อนระยะเวลาคืนเงินจะสิ้นสุด โชคดีที่ฉันได้รับการตอบกลับในเชิงบวกภายใน 1 วันและได้รับเงินคืนเข้าบัญชีของฉันหลังจากวันดังกล่าว

ลองใช้ Avira โดยปราศจากความเสี่ยง!

8. Intego – แอนตี้ไวรัสสำหรับ macOS ที่ดีที่สุด

ภาพรวมแบบย่อ: ผลลัพธ์ของ Intego

ความปลอดภัย ขั้นสูง – การตรวจจับมัลแวร์ 100%, VirusBarrier, ประเภทการสแกน 2 ประเภท, ไฟร์วอลล์ 2 ทางสำหรับ macOS, การป้องกันแรนซัมแวร์และการป้องกันฟิชชิ่ง
ฟีเจอร์ พอใช้ – การท่องเว็บที่ปลอดภัย, แผงควบคุมสำหรับผู้ปกครองขั้นสูง, เครื่องมือทำความสะอาด Mac และการสำรองข้อมูลส่วนบุคคล
แอปเฉพาะ Windows และ Mac
การเชื่อมต่ออุปกรณ์ 5
ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า แชทออนไลน์ อีเมล โทรศัพท์และฐานข้อมูลความรู้
การรับประกันยินดีคืนเงิน 30 วัน
ข้อเสียเล็กน้อย แอปของ Window เป็นแอปเปล่า ๆ เมื่อเทียบกับไคลเอนต์ของ Mac
แชทออนไลน์ไม่พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
ราคาที่ดีที่สุด $19.99/ปี

ลองใช้ Intego โดยปราศจากความเสี่ยงเป็นระยะเวลา 30 วัน!

Intego เป็นแอนตี้ไวรัสที่มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษที่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย: การเป็นแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ macOS ด้วยการป้องกันจากภัยคุกคามล่าสุดระดับชั้นนำบน Mac (ซึ่งรวมถึงมัลแวร์ที่พุ่งเป้าไปที่อุปกรณ์ Windows หรือ Linux) และผสมรวมกันกับชุดฟีเจอร์ที่มีประโยชน์ Intego จึงเป็นตัวเลือกที่นำเสนอความคุ้มค่าสำหรับผู้ใช้ Mac

Intego ตรวจจับไฟล์ที่เป็นอันตรายได้ถึง 100% ในการทดสอบ Macbook ของเราซึ่งถือว่าล้ำหน้าแอนตี้ไวรัส macOS โดยเฉลี่ยที่ 85% ไปมาก ผลลัพธ์นี้ไม่ได้ปรับใช้แค่เพียงกับมัลแวร์ที่พุ่งเป้าไปที่ Mac เท่านั้น แต่ยังรวมถึง Windows และ Linux ด้วยเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของมัลแวร์แฝงในอุปกรณ์ต่าง ๆ ในเครือข่ายเดียวกัน มันเป็นส่วนเสริมที่ดีที่เหมาะสำหรับครัวเรือนที่มีอุปกรณ์ต่าง ๆ มากมาย

ฉันประหลาดใจอย่างยิ่งที่การป้องกันระดับสูงนี้ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพระบบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในการทดสอบของฉัน Intego เอาชนะค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมได้ในทุกมาตรวัดตั้งแต่ประสิทธิภาพในระหว่างการเปิดใช้งานแอปพลิเคชัน (เร็วขึ้น 50%) ไปจนถึงการถ่ายโอนไฟล์ไปยังไดร์ฟนอก (เร็วขึ้นมากกว่า 90%)

นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้งานฟีเจอร์อื่น ๆ ของ Intego ซึ่งฉันแทบไม่เคยเห็นในแพ็กเกจอื่น ๆ ใน macOS นี่รวมถึงฟีเจอร์แผงควบคุมสำหรับผู้ปกครองที่แข็งแกร่งที่สามารถนำมาใช้เพื่อปิดกั้นเว็บไซด์ที่เฉพาะเจาะจง ตรวจสอบหรือปิดกั้นโปรแกรมแชท สร้างตารางเวลาใช้งานหน้าจอและอื่น ๆ อีกมากมายได้ ฟีเจอร์ Washing Machine เองก็เป็นฟีเจอร์ที่ดีที่ไม่มีอะไรโดดเด่นมากจนเกินไป — มันจะล้างพื้นที่ให้ว่างขึ้นและจัดเรียงพื้นที่บนอุปกรณ์ของคุณ บางที่ฟีเจอร์ที่ฉันชื่นชอบมากที่สุดและแข็งแกร่งมากที่สุดคือ NetBarrier ซึ่งเป็นไฟร์วอลล์แบบ 2 ทางที่สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของคุณ เนื่องจากมันเป็นแบบ 2 ทาง มันหมายความว่ามันสามารถตรวจสอบและปิดกั้นเส้นทางการเข้าชมขาออกในเครือข่ายของคุณได้ด้วย แทนที่จะเป็นเส้นทางการเข้าชมขาเข้าเท่านั้นซึ่งนี่ทำหน้าที่เป็นชั้นความปลอดภัยเพิ่มเติม

ภาพหน้าจอของอินเทอร์เฟซผู้ใช้ Intego NetBarrier ปกป้องการรับส่งข้อมูลเครือข่ายขาเข้าและขาออก
ไฟร์วอลล์แบบ 2 ทางของ Intego เป็นฟีเจอร์ที่แข็งแกร่งที่หาได้ยากบน macOS

คุณสามารถลงทะเบียนสำหรับแผนให้บริการ Internet Security X9 พื้นฐานของ Intego ได้ในราคา $19.99 ซึ่งมาพร้อมกับการป้องกันแอนตี้ไวรัสหลักและไฟร์วอลล์ NetBarrier สำหรับ 1, 3 หรือ 5 อุปกรณ์ หากคุณกังวลเกี่ยวความปลอดภัยพื้นฐาน นี่คือตัวเลือกที่เหมาะสำหรับคุณ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็พบว่า Premium Bundle X9 ของ Intego นั้นมอบความคุ้มค่าได้มากที่สุดโดยรวมเนื่องจากมันประกอบไปด้วยทั้งสองอย่างข้างต้น รองรับอุปกรณ์จำนวน 5 อุปกรณ์ตามมาตรฐาน แถมยังมี Personal Backup, แผงควบคุมสำหรับผู้ปกครอง ContentBarrier และ Washing Machine ด้วย

หากคุณอยากดูว่า Intego เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับอุปกรณ์ macOS ของคุณหรือไม่ คุณสามารถลองใช้งานมันโดยไม่มีความเสี่ยงเป็นระยะเวลา 30 วันได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงิน ฉันลงทะเบียนเพื่อทดสอบบริการดังกล่าวด้วยตัวเองและจากนั้นก็ติดต่อฝ่ายสนับสนุนทางแชทออนไลน์ของ Intego เพื่อร้องขอเงินคืนภายในเดือนดังกล่าว เจ้าหน้าที่อนุมัติคำขอของฉันทันทีโดยไม่ถามคำถามใด ๆ และฉันก็ได้เงินคืนกลับมาภายใน 10 วัน

ลองใช้ Intego โดยปราศจากความเสี่ยง!

9. MacKeeper – แอนตี้ไวรัสสำหรับ Mac เท่านั้นที่มาพร้อมกับฟีเจอร์อันเป็นนวัตกรรมบางอย่าง

ภาพรวมแบบย่อ: ผลลัพธ์ของ MacKeeper

ความปลอดภัย พอใช้ – การตรวจจับมัลแวร์ 100%, ประเภทการสแกน 2 ประเภท, เครื่องมือทำความสะอาดมัลแวร์และการป้องกันแรนซัมแวร์
ฟีเจอร์ พอใช้ – VPN, ตัวปิดกั้นโฆษณา, ID theft guard, เครื่องมือทำความสะอาดดิสก์และเครื่องมือยกเลิกการติดตั้งอัจฉริยะ
แอปเฉพาะ Mac
การเชื่อมต่ออุปกรณ์ 3
ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า แชทออนไลน์ อีเมลและโทรศัพท์
การรับประกันยินดีคืนเงิน 30 วัน
ข้อเสียเล็กน้อย รองรับเฉพาะ Mac เท่านั้น — ไม่รองรับ iOS
ไม่สามารถกำจัดรูทคิทได้
ราคาที่ดีที่สุด $5.95/เดือน

ลองใช้ MacKeeper โดยปราศจากความเสี่ยงเป็นระยะเวลา 30 วัน

MacKeeper เป็นแอนตี้ไวรัสชั้นนำสำหรับ Mac เท่านั้นที่มาพร้อมกับความสามารถในการตรวจจับที่แข็งแกร่งเพื่อป้องกันอุปกรณ์ของคุณ นอกจากนี้ฉันยังประทับใจกับฟีเจอร์เสริมที่มีประโยชน์มากมายที่จะช่วยให้อุปกรณ์ของคุณทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพขณะที่อุดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

ในระหว่างการทดสอบในห้องปฏิบัติการของเรา MacKeeper ตรวจจับไวรัส โทรจัน เวิร์มและไฟล์แรนซัมแวร์ที่เผยแพร่ในช่วงนานกว่า 4 เดือนได้ 100% — ซึ่งทำให้มันเป็นแพ็กเกจที่ยอดเยี่ยม ข้อเสียหลักอย่างเดียวคือ MacKeeper ไม่สามารถตรวจจับรูทคิดซึ่งเป็นโปรแกรมอันตรายที่สามารถให้สิทธิ์การเข้าถึงเชิงลึกในอุปกรณ์แก่บุคคลภายนอกที่เป็นอันตรายได้ นอกจากนี้มันยังข้ามการป้องกันฟิชชิ่งซึ่งกำลังเติบโตและเป็นการโจมตีที่สำคัญมาก ๆ ในขณะเดียวกัน แอนตี้ไวรัสสำหรับ macOS ชั้นนำอื่น ๆ อย่าง Intego นั้นไม่มีปัญหาในการตรวจจับภัยคุกคามทั้งสองอย่างเหล่านี้

MacKeeper มีฟีเจอร์เสริมากมาย ด้วย VPN, ID Theft Guard และ Update Tracker ทำให้มันโดดเด่นเป็นอย่างมาก จริง ๆ แล้ว VPN เองก็ค่อนข้างทำงานได้ดีด้วยตัวเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่ดีและความเร็วในระดับพอใช้ (แต่ไม่ได้ดี) ID Theft Guard จะแจ้งเตือนคุณเมื่อใดก็ตามที่มีการตรวจพบข้อมูลลงชื่อเข้าใช้ของคุณในการรั่วไหลของข้อมูลซึ่งช่วยให้คุณเปลี่ยนแปลงข้อมูลดังกล่าวได้อย่างรวดเร็วก่อนที่จะเกิดความเสียหายขึ้น ในแง่ของความปลอดภัยของอุปกรณ์เพียงอย่างเดียว Update Tracker เป็นส่วนเสริมที่ดีเนื่องจากมันลดจำนวนโปรแกรมล้าสมัยที่อาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตี

รูปภาพของ MacKeeper Update Tracker ระบุแอปที่ต้องการอัปเดต
การดูแลให้ซอฟต์แวร์ได้รับการอัปเดตอยู่เสมอนั้นเป็นส่วนสำคัญในการหลีกเลี่ยงการโจมตีของมัลแวร์ที่อาจเกิดขึ้น

ปัจจัยเดียวที่กำหนดราคาของ MacKeeper คือความยาวของแผนให้บริการและจำนวนอุปกรณ์ที่คุณต้องการป้องกัน เนื่องจากฉันมีอุปกรณ์ Mac เพียง 1 อุปกรณ์เท่านั้นในครัวเรือนของฉัน ฉันจึงเลือกแผนให้บริการที่มีราคาถูกที่สุดที่ $5.95 แต่ถึงอย่างนั้นหากคุณมีอุปกรณ์ Mac มากกว่า 1 อุปกรณ์ในครัวเรือนของคุณ แผนให้บริการรายปีที่ครอบคลุม 3 อุปกรณ์นั้นคุ้มค่ากว่ามากเนื่องจากมันมีราคาแพงกว่าเพียง 25% เท่านั้น

หากคุณไม่มั่นใจว่าจะสมัครสมาชิกใช้บริการดีหรือไม่ คุณสามารถลองใช้ MacKeeper โดยไม่มีความเสี่ยงเป็นระยะเวลา 30 วันได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงิน (หรือ 14 วันด้วยแผนให้บริการแบบรายเดือน) เพื่อร้องขอเงินคืน คุณจะต้องใช้แบบฟอร์มขอเงินคืนทางออนไลน์ซึ่งไม่ใช่รูปแบบที่สะดวกเท่าไหร่นักในการทำเรื่องนี้ แค่สองสามชั่วโมงหลังจากที่ฉันดำเนินการเรื่องนี้ด้วยตัวเองเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็ติดต่อฉันและเสนอส่วนขยายฟรีให้กับฉัน หลังจากที่ฉันปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว คำขอคืนเงินของฉันก็ได้รับการอนุมัติอย่างรวดเร็วและฉันก็ได้รับเงืนคืนกลับมาในอีก 3 วันหลังจากนั้น

ลองใช้ MacKeeper โดยไม่มีความเสี่ยง!

10. Vipre – การป้องกันมัลแวร์หลักที่มีราคาน่าคบหาและไว้วางใจได้

ภาพรวมแบบย่อ: ผลลัพธ์ของ Vipre

ความปลอดภัย ดี – การตรวจจับมัลแวร์ 100%, อัตราการป้องกันตามเวลาจริง 99.5%, การป้องกันแรนซัมแวร์, ไฟร์วอลล์, การป้องกันอีเมลและการป้องกันฟิชชิ่ง
ฟีเจอร์ พอใช้ – VPN, ตัวปิดกั้นเว็บแคม, Secure File Eraser และ Document Vault
แอปเฉพาะ อุปกรณ์ส่วนใหญ่ – Windows, Mac และ Android
การเชื่อมต่ออุปกรณ์ 5
ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า อีเมล โทรศัพท์และฐานข้อมูลความรู้
การรับประกันยินดีคืนเงิน 30 วัน
ข้อเสียเล็กน้อย ฟีเจอร์เสริมที่มีให้บริการเฉพาะในแผนให้บริการพรีเมียมที่มีราคาสูงเท่านั้น
การตอบกลับลูกค้าช้า
ราคาที่ดีที่สุด $19.99/ปี

ลองใช้ Vipre โดยไม่มีความเสี่ยงเป็นระยะเวลา 30 วัน!

ในระหว่างการทดสอบของฉัน ฉันประหลาดใจอย่างยิ่งกับประสิทธิภาพของ Vipre มันบรรลุอัตราการตรวจจับ 100% ระหว่างการสแกนมัลแวร์และเกือบสมบูรณ์แบบที่ 99.5% ในอัตราการตรวจจับในเวลาจริง นี่ทำให้มันอยู่อันดับต้น ๆ ในการจัดอันดับการป้องกันมัลแวร์ของเราแม้ว่าจะไม่สามารถเทียบเท่าระดับเดียวกันกับ Norton ได้ก็ตาม มันไม่หนักเครื่องเลย — ฉันไม่เห็นความล่าช้าในเครื่องที่ใช้ทดสอบของฉัน

ความปลอดภัยหลักจริง ๆ แล้วเป็นเหตุผลหลักที่ฉันแนะนำ Vipre — ฉันไม่มั่นใจว่าฟีเจอร์เสริมนั้นคุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่ายเพิ่มไหมเมื่อเทียบกัโปรแกรมบแอนตี้ไวรัสชั้นนำในรายการนี้ แต่ถึงอย่างนั้นหากทั้งหมดที่คุณต้องการคือการป้องกันมัลแวร์ที่แข็งแกร่งพร้อมราคาส่วนลดในปีแรก มันก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่แย่ ปัญหาหลักคือราคานั้นพุ่งสูงขึ้นอย่างมากหลังจากราคาแสนถูกในปีแรก — แต่หากคุณยินดีที่จะลงทะเบียนแค่ 1 ปีเท่านั้น มันก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดี

สกรีนช็อตของอินเทอร์เฟซ Vipre หลังจากสแกนไวรัสสำเร็จ
การตรวจจับแอนตี้มัลแวร์หลักที่แข็งแกร่งของ Vipre ช่วยยกระดับให้มันอยู่เหนือโปรแกรมแอนตี้ไวรัสอื่น ๆ มากมาย

น่าเสียดายที่แผนให้บริการนั้นยังคงน่าสับสนเล็กน้อย คุณสามารถใช้แผนให้บริการ Antivirus Plus ได้ในราคาเพียง $19.99 แม้ว่ามันจะรองรับแค่ Windows เท่านั้น แผนให้บริการที่มีราคาแพงกว่าทั้งสองแผน Advanced Security และ Ultimate Security Bundles รองรับ Windows และ macOS แต่ถึงอย่างนั้น VPN นั้นเป็นฟีเจอร์พรีเมียมที่รองรับบน Mac เท่านั้น (และเฉพาะในแผนให้บริการ Ultimate ที่มีราคาแพงที่สุดเท่านั้น) หากคุณต้องการการป้องกันบน macOS คุณควรเลือก Intego หรือ MacKeeper จะดีกว่า

แม้ว่า Vipre จะไม่ได้ทำให้มันชัดเจนจนเกินไป แต่คุณสามารถลองใช้งานมันโดยปราศจากความเสี่ยงเป็นระยะเวลา 30 วันได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงิน มีทางเลือกในการขอเงินคืนเพียง 2 ทางเลือกเท่านั้น นั่นคือทางอีเมลหรือโทรศัพท์ ดังนั้นหลังจากที่ทดสอบมาเป็นระยะเวลาสองสามสัปดาห์ ฉันก็ส่งอีเมลไปเพื่อขอเงินคืน ฉันดีใจที่ได้รับอีเมลตอบกลับมาหลังจาก 1 ชั่วโมงเท่านั้นพร้อมการอนุมัติโดยไม่ต้องตอบคำถาม ฉันได้รับเงินกลับคืนมาในอีกสองสามวันต่อมา

ลองใช้ Vipre โดยไม่มีความเสี่ยง!

ตารางเปรียบเทียบลัด: แอนตี้ไวรัสใดที่ดีที่สุดในปี 2023?

อัตราการตรวจจับมัลแวร์มากกว่า 99% ไฟร์วอลล์ VPN แผนให้บริการฟรี การรับประกันยินดีคืนเงิน, วัน
1. Norton 60
2. McAfee 30
3. TotalAV 30
4. IOLO 30
5. Bitdefender 30
6. Panda 30
7. Avira 60
8. Intego 30
9. MacKeeper 30
10. Vipre 30

คำเตือน! หลีกเลี่ยงแบรนด์แอนตี้ไวรัส 2 แบรนด์นี้

1. Avast

Avast และ AVG (ที่ Avast เป็นเจ้าของ) เป็นแบรนด์แอนตี้ไวรัสยอดนิยม แต่ไม่สามารถรับการจัดอันดับจากฉันได้อีกต่อไป นี่เป็นเพราะ Avast ถูกจับได้ว่ารวบรวมและขายข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้อย่างลับ ๆ ซึ่งรวมถึงการค้นหาใน Google ของผู้คนและการเยี่ยมชมเว็บไซต์สำหรับผู้ใช้ ความบกพร่องในเรื่องจริยธรรมของบริษัทเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังอย่างยิ่งโดยเฉพาะเนื่องจากก่อนหน้านี้ฉันค่อนข้างเป็นแฟนความสามารถแอนตี้ไวรัสที่แข็งแกร่งของ Avast และ AVG แม้ว่าบริษัทจะกล่าวอ้างว่าได้หยุดให้การดำเนินการขายข้อมูลดังกล่าวแล้ว แต่ความไว้วางใจของฉันก็ยังคงสั่นคลอนที่จะจัดอันดับตัวเลือกนี้ในรายการของฉัน

2. Microsoft Defender

Microsoft Defender เป็นตัวเลือกฟรีที่มีมาให้ในอุปกรณ์ Windows ทั้งหมด (ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้งานบน Mac, Android หรือ iOS ได้) แม้ว่า Microsoft Defender จะเสนอชั้นความปลอดภัยเสริม แต่มันก็ห่างไกลจากโซลูชันแอนตี้ไวรัสที่สมบูรณ์ มันขาดฟีเจอร์ของแอนตี้ไวรัสพรีเมียมสมัยใหม่มากมาย เช่น VPN และแผงควบคุมสำหรับผู้ปกครองที่ทำงานได้อย่างเต็มที่ แทนที่จะเน้นการป้องกันมัลแวร์และฟิชชิ่งอย่างเดียว มัลแวร์มใหม่ ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นมันจึงเป็นปัญหาเมื่อ Microsoft ไม่ได้อัปเดต Defender เป็นประจำมากพอที่จะทำเครื่องหมายภัยคุกคามใหม่ ๆ

วิธีเลือกแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับระบบปฏิบัติการของคุณ

Windows: Nortonโปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่ส่วนใหญ่มุ่งเน้นที่ Windows ซึ่งหมายความว่ามันมีราคาให้เลือกมากมาย ต้องขอบคุณคะแนนการสแกนมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยม ประสิทธิภาพสูงและฟีเจอร์พรีเมียม Norton เป็นแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ Windows

Mac: Intego — บ่อยครั้งที่แอนตี้ไวรัสเสนอการรองรับ macOS ที่จำกัดเนื่องจากมันมุ่งเน้นที่ Windows เป็นหลัก เนื่องจากวิธีที่ macOS แซนด์บ็อกซ์แอป แอนตี้ไวรัสบนแพลตฟอร์มนี้จึงจำเป็นต้องอุดรูใด ๆ ที่มีอยู่ในการตั้งค่าความปลอดภัยและสร้างอินเทอร์เฟซที่เรียบง่ายสำหรับผู้ใช้ ด้วยเหตุผลข้างต้นนี่เอง แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ macOS ของฉันจึงเป็น Intego

Android: Norton — ภัยคุกคามบนมือถือนั้นค่อนข้างแตกต่างจากมัลแวร์ที่มุ่งเน้นที่คอมพิวเตอร์และแอนตี้ไวรัสบนมือถือส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถทำงานได้ Norton เป็นแอนตี้ไวรัสที่ครบวงจรสำหรับ Android ด้วยการสแกนมัลแวร์ที่แข็งแกร่ง การเพิ่มประสิทธิภาพของอุปกรณ์และฟีเจอร์ที่มีประโยชน์ในการดูแลให้คุณปลอดภัยในระหว่างเดินทาง

iOS: McAfee — iOS ถูกสร้างขึ้นเพื่อที่มัลแวร์จะได้ไม่สามารถสร้างผลกระทบต่อมันได้เหมือนกับระบบปฏิบัติการอื่น ๆ แต่มันก็สามารถใช้ประโยชน์จากซอฟต์แวร์ความปลอดภัยที่ดีได้ ตัวอย่างเช่น McAfee คุณจะได้รับการป้องกันจากลิงก์ที่เป็นอันตายและฟิชชิ่งและยังสามารถใช้มันเพื่อการป้องกันโจรและการเข้ารหัสไฟล์ความลับของคุณได้อีกด้วย

คำถามที่พบบ่อย: ซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสในปี 2023

โปรแกรมแอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดคือโปรแกรมใด?

โปรแกรมแอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดคือ Avira ซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสฟรีมักมาพร้อมกับข้อเสนออย่างมาก แต่แผนให้บริการฟรีของ Avira นั้นเสนอโซลูชันแอนตี้ไวรัสที่แข็งแกร่งโดยไม่มีข้อเสียเยอะจนเกินไป มันมีอัตราการตรวจจับมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยมและอัตราการตรวจจับในเวลาจริงที่แทบจะไร้ที่ติในทั้ง Windows และ macOS แม้ว่ามันจะไม่มีฟีเจอร์พรีเมียมบางอย่าง เช่น VPN ที่ไม่จำกัดข้อมูล เครื่องมือกำจัดไฟล์ถาวรและการเข้ารหัสและอื่น ๆ อีกมากมาย ข้อเสนอฟรีของ Avira ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่แข็งแกร่ง

ฉันจำเป็นต้องมีซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสไหม?

ใช่ ซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างแน่นอนlในโลกออนไลน์ที่เต็มไปด้วยภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ แม้สามัญสำนึกนั้นเป็นสิ่งสำคัญในการหลีกเลี่ยงภัยคุกคามทางออนไลน์มากมาย แต่ส่วนใหญ่แล้วคุณจะต้องการแอนตี้ไวรัสแน่ ๆ เพื่อช่วยคุณเฝ้าดูภัยคุกคามที่มองไม่เห็นและในช่วงเวลาที่คุณอาจพลาด

การคลิกพลาด การดาวน์โหลดไฟล์หรือการตกเป็นเหยื่อของการสแกมฟิชชิ่งเพียงครั้งเดียวอาจทำลายวัน ๆ หนึ่งของคุณได้ (และน่าจะนานกว่าแค่วันเดียว) เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทราบเอาไว้ว่าการป้องกันปัญหาเหล่านี้ตั้งแต่แรกนั้นง่ายกว่าการต้องมานั่งพยายามย้อนกลับความเสียหาย

แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดในปี 2023 คือแอนตี้ไวรัสใด?

Norton เป็นแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดแห่งปี 2023 มันมีอัตราการตรวจจับ 100% สำหรับทั้งการสแกนไฟล์และการป้องกันตามเวลาจริงซึ่งทำให้มันเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดในความปลอดภัยแอนตี้มัลแวร์ที่แท้จริง นอกจากนี้มันยังมาเป็นชุดร่วมกันกับฟีเจอร์ที่มีประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย เช่น การป้องกันแรนซัมแวร์และการป้องกันฟิชชิ่ง, VPN ที่ไม่จำกัดข้อมูล, พื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์เข้ารหัส, แผงควบคุมสำหรับผู้ปกครองและอื่น ๆ อีกมากมาย เมื่อคุณพิจารณาฟีเจอร์พรีเมียมทั้งหมดเหล่านี้ในราคา $19.99 Norton นำเสนอคุณค่าที่แข็งแกร่ง

แอนตี้ไวรัสทำงานอย่างไร?

ซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสจะสแกนอุปกรณ์อย่างต่อเนื่องเพื่อมองหาภัยคุกคามที่รู้จักและไม่รู้จัก นี่รวมถึงไวรัส แรนซัมแวร์ คีย์ล็อกเกอร์และการติดตามต่าง ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถถูกดาวน์โหลดได้ง่าย ๆ ด้วยการคลิกลิงก์ที่เป็นอันตรายหรือดาวน์โหลดและเปิดใช้งานไฟล์ที่ดูเหมือนจะไม่เป็นอันตราย แม้ว่ามัลแวร์ในอดีตนั้นมักจะสร้งความเสียหายให้กับอุปกรณ์ของคุณได้อย่างต่อเนื่อง แต่ทุกวันนี้สิ่งที่ดึงดูดใจนั้นส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการเงิน

โปรแกรมแอนตี้ไวรัสสมัยใหม่มีฐานข้อมูลลายเซ็นของมัลแวร์ที่ได้รับการยืนยันแล้วขนาดใหญ่ซึ่งพวกเขาใช้มันเพื่อเปรียบเทียบกับไฟล์ที่เพิ่งค้นพบใหม่ หากมันตรงกัน ไฟล์ดังกล่าวจะถูกกักกันเพื่อรอการลบที่อาจเกิดขึ้น ซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสขั้นสูงกว่ายังใช้ AI และการเรียนรู้กลไกเพื่อตรวจจับภัยคุกคามที่ยังไมได้อยู่ฐานข้อมูลซึ่งช่วยให้คุณได้รับการป้องกันจากภัยคุกคามที่ยังไม่มีใครรู้จัก

ลองใช้ Norton โดยปราศจากความเสี่ยง!

ดูแลอุปกรณ์ของคุณให้ปลอดภัยด้วยแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดแห่งปี 2023

เนื่องจากแอนตี้ไวรัสสมัยใหม่นั้นไม่ได้มุ่งเน้นที่การป้องกันไวรัสเพียงอย่างเดียวเท่านั้นอีกต่อไปแล้ว พวกมันมีฟีเจอร์อื่น ๆ ที่ทำให้พวกมันโดดเด่นยิ่งขึ้น การค้นหาทางเลือกที่เหมาะกับคุณมากที่สุดอาจเป็นเรื่องท้าทาย มันขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ของคุณ จำนวนอุปกรณ์ที่คุณต้องการป้องกันและฟีเจอร์เสริม มีจำนวนตัวเลือกที่เป็นไปได้มากมาย

แต่ถึงอย่างนั้นหลังจากการทดสอบหลายชั่วโมง ฉันก็พบว่า Norton 360 เป็นแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดแห่งปี 2023 มันมีอัตราการตรวจจับมัลแวร์ 100%, การป้องกันฟิชชิ่งที่น่าทึ่ง, VPN ความเร็วสูง, ความเข้ากันได้กับอุปกรณ์มากมายและฟีเจอร์โบนัสใหม่อย่างแผงควบคุมสำหรับผู้ปกครองและพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์เข้ารหัส เมื่อพูดถึงว่า Norton ทำงานได้ดีแค่ไหน มันยังเป็นเรื่องที่น่าประทับใจที่ได้ทราบด้วยว่ามันเป็นหนึ่งในแพ็กเกจที่มีราคาน่าคบหามากที่สุดในรายการนี้ ในขณะที่ทดสอบแอนตี้ไวรัสมากมาย ฉันก็พบว่าตัวเองเปรียบเทียบทางเลือกเหล่านั้นกับ Norton เป็นมาตรฐานซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าอะไร ๆ เป็นไปอย่างไม่ดีมากแค่ไหน


บทสรุป — ซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดในปี 2023

ตัวเลือกยอดนิยม
Norton
$19.99 / ปี ประหยัด  60%
McAfee
$44.99 / ปี ประหยัด  70%