Tor vs VPN – อันไหนปลอดภัยที่สุด
เมื่อคุณต้องการปกป้องข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของคุณในขณะที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตมีโปรแกรมและแอปที่คุณสามารถใช้งานได้ ทั้ง Tor และ VPN เป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยม แต่อันไหนที่ดีที่สุดสำหรับคุณล่ะ บทความนี้จะแนะนำคุณเกี่ยวกับวิธีการทำงานของแต่ละตัวเลือกและดูว่าอันไหนดีกว่าสำหรับคุณ
Tor คืออะไร
ทอร์เป็นตัวย่อของ The Onion Router ซึ่งเป็นวิธีการเข้ารหัสข้อมูลที่ถูกสร้างขึ้นโดยกองทัพเรือสหรัฐ เป็นการเข้ารหัสแบบชั้นซึ่งหมายความว่าข้อมูลถูกเข้ารหัสอีกหลายครั้ง ข้อมูลจะถูกส่งผ่านเซิร์ฟเวอร์ต่าง ๆ ที่เลือกแบบสุ่ม
เครือข่ายนี้มีซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่ระบุตัวตน ซึ่งแตกต่างจาก VPN Tor จะส่งสัญญาณของคุณผ่านเซิร์ฟเวอร์ต่าง ๆ ซึ่งสามารถดูที่อยู่ IP ด้านหน้าและด้านหลังเซิร์ฟเวอร์เท่านั้น ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถเห็นเส้นทางทั้งหมดจากเว็บไซต์ที่คุณกำลังเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ
ทอร์ได้รับการยกย่องว่าเป็นวิธีที่ปลอดภัยในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตแบบไม่ระบุตัวตน ได้รับการรับรองโดยกลุ่มเสรีภาพพลเรือนต่าง ๆ เนื่องจากนักข่าวและพนักงานด้านสิทธิมนุษยชนจำนวนมากสามารถทำงานออนไลน์ได้โดยไม่ถูกปิดกั้นโดยเฉพาะงานที่ต้องใช้ในการเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกแบน แต่น่าเสียดายที่สิ่งนี้ยังช่วยให้อาชญากรสามารถลงมือได้โดยไม่ระบุตัวตน แต่ส่วนใหญ่ทอร์จะอนุญาตให้เข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกแบนในพื้นที่นั้น ๆ
วิธีการทำงานของ Tor
ดังที่ได้กล่าวมาแล้วเมื่อใช้ Tor ข้อมูลจะถูกส่งผ่านระหว่างเซิร์ฟเวอร์ที่เลือกแบบสุ่มต่าง ๆ ซึ่งเข้ารหัสข้อมูลด้วยการส่งแต่ละครั้ง เซิร์ฟเวอร์ทราบว่าสัญญาณมาจากที่ไหนและอยู่ที่ไหน แต่ไม่สามารถมองเห็นเส้นทางทั้งหมดที่ข้อมูลกำลังถ่าย
วงจรเซิร์ฟเวอร์มีการรีเซ็ตทุก ๆ 10 นาทีแบบสุ่มเพื่อให้การทำงานของคุณไม่สามารถเชื่อมโยงกันได้ ทุกเซิร์ฟเวอร์มีอาสาสมัครที่ดูแลระบบ ดังนั้นยิ่งมีอาสาสมัครเป็นจำนวนมาก เครือข่ายระบบนี้ยิ่งมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การติดตั้ง Tor
การติดตั้ง Tor นั้นทำได้ง่ายมากทั้งบนอุปกรณ์ของคุณและ OSX, Windows, Android และ Linux / Unix คุณเพียงแค่ดาวน์โหลดแพคเกจ Tor และใช้งาน มันดึงข้อมูลตั้งได้เองและไม่มีไฟล์การติดตั้งเพิ่มเติม เมื่อดึงข้อมูลแล้วคลิกปุ่ม ‘เชื่อมต่อ’ ซึ่งจะเริ่มการเชื่อมต่อ
เมื่อคุณเชื่อมต่อแล้วคุณสามารถใช้เบราว์เซอร์ Firefox แบบพาพกที่กำหนดค่าเองซึ่งกินเนื้อที่ไม่มากเพื่อคุณสามารถเก็บไว้บน USB เพื่อใช้กับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นได้ คุณสามารถเปิดและปิด Tor โดยใช้ไอคอน Tor
VPN คืออะไร
Virtual Private Network หรือ VPN เป็นเครือข่ายท้องถิ่นแบบจำลอง (LAN) ซึ่งมีเครือข่ายไปทั่วอินเทอร์เน็ตเพื่อให้คุณสามารถเข้าเยี่ยมชมไซต์ได้โดยไม่ระบุตัวตนโดยไม่คำนึงถึงตำแหน่งทางภูมิศาสตร์หรือการปิดกั้นของคุณ ข้อมูลที่ออกจากคอมพิวเตอร์ของคุณจะได้รับการเข้ารหัสเพื่อให้ข้อมูลการท่องเว็บของคุณถูกเก็บไว้แบบไม่ระบุตัวตนและปลอดภัย
VPN นำเสนอข้อได้เปรียบอย่างมากเนื่องจากจำกัดโอกาสที่กิจกรรมออนไลน์ของคุณจะถูกตรวจสอบข้อมูลสำคัญของคุณได้รับการปกป้องจากแฮกเกอร์และภัยคุกคามอื่น ๆ มี VPN สำหรับองค์กรและผู้บริโภคที่พร้อมใช้งาน แต่เรากำลังพูดถึง VPN สำหรับผู้บริโภค
VPN ทำงานอย่างไร
VPN เชื่อมต่อคุณกับเซิร์ฟเวอร์ระยะไกลที่เข้ารหัสการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ของคุณ โดยทั่วไปจะทำหน้าที่แทนอุปกรณ์ของคุณเมื่อคุณออนไลน์ มันปลอดภัยมากกว่า Tor เนื่องจากการเข้ารหัสมีความปลอดภัยสูงมักเป็นแบบ AES 256-bit และประวัติการเรียกดูของคุณจะไม่ถูกบันทึกหรือเก็บไว้เมื่อใช้ VPN ที่ดี เนื่องจากคุณสามารถใช้ที่อยู่ IP ได้จากทุกที่ในโลกผ่านเซิร์ฟเวอร์ VPN คุณสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกปิดกั้นทางภูมิศาสตร์และสามารถซ่อนตำแหน่งของคุณได้
Tor vs VPN
เป็นธรรมดาที่เห็นว่า Tor และ VPN มีจุดประสงค์หลักเดียวกัน คือเพื่อปกป้องข้อมูลของคุณเมื่อคุณอยู่บนอินเทอร์เน็ตและหลีกเลี่ยงไฟร์วอลล์ นอกจากนี้ Tor ยังสามารถใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดกั้นทางภูมิศาสตร์โดยการเชื่อมต่อใหม่จนกว่าจะเจอเซิร์ฟเวอร์ที่สามารถเชื่อมต่อจากประเทศที่ไม่ได้ปิดกั้นได้
เพื่อความเป็นส่วนตัวสูงสุดคุณสามารถใช้พวกมันร่วมกันกับ VPN ที่อนุญาตให้มีการเชื่อมต่อ Tor ผ่าน VPN ด้วยวิธีนี้คุณจะได้รับประโยชน์จากแต่ละโปรแกรม
แต่สิ่งที่คุณจะสังเกตได้ก็คือเทคโนโลยีนี้แตกต่างกันและวิธีที่คุณใช้ก็แตกต่างกัน แต่ละโปรแกรมมีข้อดีและข้อเสียที่ต้องพิจารณา
ข้อดีของ Tor
- คุณสามารถเข้าถึงเนื้อหาและเว็บไซต์ที่ถูกจำกัดได้
- IP ภายนอกของคุณไม่สามารถตรวจสอบได้
- เนื่องจากเครือข่ายมีการกระจายอยู่มาก แทบสามารถปิดระบบได้
- คุณสามารถใช้เครือข่ายและซอฟต์แวร์ได้ฟรี
- ที่อยู่ IP ของคุณจะถูกเก็บไว้แบบไม่ระบุตัวตน
ข้อเสียของ Tor
- เนื่องจากข้อมูลของคุณถูกตีกลับระหว่างเซิร์ฟเวอร์ การใช้ Tor อาจช้ามาก
- Tor เป็นวิธีที่ไม่ได้ผลสำหรับการปลอมแปลงตำแหน่ง
- ทุกคนสามารถเป็นอาสาสมัครและสามารถสอดแนมกิจกรรมของคุณได้
- เครือข่าย Tor สามารถเข้าถึงได้จากเบราว์เซอร์หรือแอปที่ติดตั้ง Tor Access เท่านั้น
- เนื่องจากเซิร์ฟเวอร์ Tor เป็นอิสระและดำเนินการโดยอาสาสมัครไม่มีการบำรุงรักษาหรือความรับผิดชอบใด ๆ
- การใช้ Tor บ่อย ๆ สามารถทำให้คุณถูกจับตาได้
ข้อดีของ VPN
- มีความเร็วสูงมีความล่าช้าน้อยมากในแบนด์วิดท์ของคุณ
- การปลอมแปลงตำแหน่งของคุณทำได้ง่ายมาก
- เหมาะสำหรับการแชร์ไฟล์ P2P
- มี VPN ฟรีและปลอดภัย (แม้ว่าจะไม่แนะนำ)
- VPN แบบชำระเงินช่วยให้มั่นใจได้ว่าเครือข่ายจะได้รับการบำรุงรักษา ให้การรักษาความปลอดภัย ฟังก์ชันการทำงานและความพร้อมใช้งานที่ดีเยี่ยม
- VPN ปกป้องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทุกครั้งที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ของคุณ
- Kill switchบน VPN ช่วยปกป้องคุณจากการรั่วไหลของข้อมูล
ข้อเสียของ VPN
- ผู้ให้บริการ VPN สามารถดูกิจกรรมออนไลน์ของคุณได้
- มีค่าใช้จ่าย(ผู้ใช้บริการที่ให้บริการคุณภาพสูง)
- ผู้ให้บริการ VPN บางรายเก็บบันทึกของคุณ
สรุป
หนึ่งในประโยชน์ของการใช้ Tor คือคุณไม่ต้องไว้วางใจคนอื่น – คุณสามารถกลายเป็นบุคคลที่ไม่ระบุตัวตนทางอินเทอร์เน็ตได้โดยการติดตั้ง Tor แต่น่าเสียดายที่ Tor ค่อนข้างช้าและไม่เหมาะสำหรับกิจกรรมส่วนใหญ่ที่คุณมักใช้กับ VPN เช่นการเข้าถึงเนื้อหาที่จำกัดทางภูมิศาสตร์และการแชร์ไฟล์ P2P
เมื่อเลือกผู้ให้บริการ VPN ที่น่าเชื่อถือที่ไม่ได้จัดเก็บบันทึกการใช้งานของคุณ คุณจะมีตัวเลือกการใช้งานที่ปลอดภัยและเป็นส่วนตัวซึ่งจะช่วยให้มีความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพมากกว่าสิ่งที่ Tor ให้ได้ แน่นอนว่าไม่มีบริการที่สามารถนำเสนอการปกปิดได้ 100% ไม่ว่าคุณจะเลือกแบบไหน มีข้อบกพร่องช่องโหว่หรือข้อผิดพลาดเล็กน้อยที่อาจส่งผลต่อความเป็นส่วนตัวของคุณ แต่เมื่อเปรียบเทียบ Tor กับ VPN ตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุดคือ VPN ซึ่งเป็นตัวเลือกที่เราแนะนำ
