ถูกเขียนขึ้นโดย: เอนีมาลิ โอกวอลิ

ภาพรวม Kaspersky 2024

Kaspersky เป็นแอนตี้ไวรัสยอดนิยม แต่ชื่อเสียงของบริษัทนั้นได้รับผลกระทบอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีมานี้เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาลของรัสเซีย ฉันชอบ Kaspersky เสมอมาเพราะมันมีการป้องกันมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นฉันจึงกังวลว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวนี้เป็นจริงหรือไม่

หลังจากที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงมากมายโดยละเอียด ฉันก็ไม่พบหลักฐานที่เหมาะสมในการสนับสนุนข่าวลือในเชิงลบดังกล่าว ฉันมั่นใจมากยิ่งขึ้นกับการริเริ่มของ Kaspersky ในการพิสูจน์ตนว่าเป็นบริการที่น่าเชื่อถือ บริษัทได้ย้ายข้อมูลลูกค้าทั้งหมดไปยังสวิสเซอร์แลนด์และตอนนี้อนุญาตให้ผู้ใช้ปิดการเก็บรวบรวมข้อมูลได้ด้วย แม้ว่าเรื่องนี้มันจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณเอง แต่โดยส่วนตัวแล้วฉันไม่กังวลอะไรกับเรื่องนี้และฉันเชื่อมั่นว่าโปรแกรมแอนตี้ไวรัสฟรีของ Kaspersky เป็นหนึ่งในโปรแกรมที่ดีที่สุดที่มีให้บริการ แตกต่างจากคู่แข่ง มันไม่จำกัดฟีเจอร์ความปลอดภัยที่สำคัญเอาไว้เฉพาะสำหรับการสมัครสมาชิกแบบพรีเมียมเท่านั้น ดังนั้นคุณจึงสามารถเข้าถึงการป้องกันแรนซัมแวร์และการป้องกันตามเวลาจริงที่ยอดเยี่ยมได้

ฉันประทับใจกับแผนให้บริการแบบชำระเงินของ Kaspersky น้อยกว่าเพราะมันมอบความคุ้มค่ากับเงินให้ได้น้อยกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Norton, TotalAV และ McAfee (ตัวเลือกทั้งหมดนี้มีราคาที่น่าคบหาที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ทำงานได้ดีกว่า) อย่างไรก็ตามถ้าคุณต้องการการป้องกันมัลแวร์ที่ใช้งานง่ายและแข็งแกร่ง แผนให้บริการของ Kaspersky ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดี

ลองใช้Try Kaspersky ฟรีวันนี้!

ไม่มีเวลาอ่านใช่ไหม? นี่คือบทสรุปฉบับ 1 นาที

ความปลอดภัย

- 8

การสแกนไวรัส (Virus Scans) — รูปแบบการสแกน 8 รูปแบบสำหรับอุปกรณ์ภายในและภายนอก

Kaspersky ตรวจจับมัลแวร์ที่เพิ่งถูกค้นพบใน 4 สัปดาห์ในระหว่างการทดสอบได้สำเร็จถึง 99.7% อัตราการป้องกันนี้ตรวจข้อมูลที่ระบุผิดพลาด (ไฟล์ที่ปลอดภัยถูกระบุว่าเป็นอันตราย) เพียง 3 ข้อมูลเท่านั้นซึ่งถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม ไฟล์ที่ถูกลบหรือถูกแก้ไขโดย Kaspersky จะถูกเก็บไว้ในรูปแบบที่ไม่ก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อระบบเพื่อให้มั่นใจว่าคุณสามารถเรียกคืนข้อมูลที่ระบุผิดพลาดที่ถูกลบทิ้งใด ๆ ได้

Kaspersky มีตัวเลือกในการสแกน 8 ตัวเลือก:

  • Full Scan: ดำเนินการสแกนทั้งอุปกรณ์โดยละเอียด
  • Quick Scan: ตรวจสอบไฟล์และโฟลเดอร์ที่ที่มักมีไฟล์ติดมัลแวร์ซ่อนตัวอยู่อย่างรวดเร็ว
  • Selective Scan: สแกนโฟลเดอร์ที่เฉพาะเจาะจงที่คุณเลือก
  • Scan from Context Menu: ให้คุณค้นหาฮาร์ดไดร์ฟหรือโฟลเดอร์แยกต่างหาก
  • External Device Scan: ตรวจสอบอุปกรณ์ที่คุณเชื่อมต่อภายนอกเพื่อมองหาภัยคุกคาม
  • Idle Scan: ค้นหาไฟล์ที่ติดไวรัสเมื่อคุณปิดล็อกหรือปล่อยอุปกรณ์ของคุณเอาไว้
  • Vulnerability Scan: มองหาช่องโหว่ในแอปพลิเคชันของคุณ
  • Rootkit Scan: ให้คุณค้นหาพื้นที่ที่ซอฟต์แวร์สามารถซ่อนไฟล์และกิจกรรมที่เป็นอันตรายต่ออุปกรณ์ของคุณ

คุณจะต้องใช้จริง ๆ แค่ Full Scan และ Quick Scan เท่านั้นในการดูแลอุปกรณ์ของคุณให้ปลอดภัย ยกเว้นแต่ว่าคุณจะเป็นผู้ใช้งานขั้นสูง

ภาพหน้าจอผลการสแกนด่วนของแอป Kaspersky Antivirus บนเดสก์ท็อป
การสแกนแบบรวดเร็ว (Quick Scan) ใช้เวลาในการตรวจสอบไฟล์ 2753 ไฟล์ที่ที่มัลแวร์มักไปซ่อนตัวอยู่เพียง 2 นาทีเท่านั้น

สำหรับการสแกนแบบเต็ม (Full Scan) Kaspersky ใช้เวลาในการสแกนไฟล์ 222,812 ไฟล์ 13 นาที 20 วินาที แม้จะดูเหมือนว่ามันส่งผลกระทบต่อระบบเพียงเล็กน้อย แต่ฉันก็สังเกตเห็นว่าความเร็วในการสแกนนั้นช้ากว่าตัวเลือกแอนตี้ไวรัสอื่น ๆ ในการทดสอบเดียวกัน Norton 360 สแกนได้เร็วกว่ามากโดยการสแกน 778,00 ไฟล์ภายในเวลา 12 นาที

แม้ว่าความเร็วในการสแกนจะช้า แต่ฉันก็พึงพอใจที่ได้พบว่า Kaspersky เป็นตัวเลือกที่ดีหากคุณเป็นผู้ใช้งานขั้นสูงที่ต้องการเปลี่ยนแปลงและตั้งค่าความลึกในการสแกนของคุณด้วยตัวเอง ฉันพบว่าการตั้งค่านั้นมีความละเอียดและยังพบด้วยว่าคุณสามารถเปลี่ยนแปลงและตั้งค่าการสแกนในแบบที่คุณต้องการได้ ตัวเลือกนั้นรวมถึงการตรวจจับตามการวิเคราะห์ตามลายเซ็น (Signature Analysis) และการวิเคราะห์การศึกษาการสำนึก (Heuristic Analysis) เช่นเดียวกันกับการสแกนไฟล์ตามรูปแบบหรือส่วนขยาย นอกจากนี้คุณยังสามารถสแกนการตั้งค่าระบบที่อ่อนแอบนอุปกรณ์ของคุณที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยโดยรวมของคุณได้อีกด้วย

การป้องกันตามเวลาจริง — การตรวจจับที่แข็งแกร่งผ่านเครือข่ายความปลอดภัยของ Kaspersky

การตรวจจับตามเวลาจริงของ Kaspersky ปิดกั้นภัยคุกคามในการทดสอบได้ 100% — ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจสำหรับแอนตี้ไวรัสทั้งหมด เพื่อทดสอบการป้องกันตามเวลาจริง ทีมงานและฉันจึงได้ใช้คอมพิวเตอร์ระบบปฏิบัติการ Windows 10 64-บิตเข้าถึงเว็บไซต์ที่รู้ว่าโฮสต์มัลแวร์อยู่ มีการป้องกันตามเวลาจริงอันยอดเยี่ยมนี้ใน Security Cloud เวอร์ชันฟรีของ Kaspersky ด้วยซึ่งทำให้มันเป็นหนึ่งในตัวเลือกแอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดที่คุณสามารถหาได้

ซอฟต์แวร์ใช้โครงสร้างพื้นฐาน KSN (Kaspersky Security Network) ซึ่งตรวจจับและหยุดภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นได้ มันทำสิ่งนี้โดยการให้ AI และผู้เชี่ยวชาญที่เป็นมนุษย์วิเคราะห์ข้อมูลของผู้ใช้ด้วยอัลกอริทึมที่ใช้วิทยาศาสตร์ในระดับโลก อย่างไรก็ตามเรื่องสำคัญที่ควรทราบไว้ก็คือ Kaspersky เก็บรวบรวมข้อมูลของผู้ใช้ผ่านบริการ Security Network ซึ่งเพิ่มความน่ากังวลด้านความเป็นส่วนตัว โชคดีที่ฉันพบวิธีในการปิดการเก็บรวบรวมข้อมูล ดังนั้นคุณจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับข้อมูลของคุณ

จากการทดสอบ ฉันสังเกตเห็นว่า Kaspersky ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพระบบเล็กน้อย มันถือเป็นเรื่องปกติสำหรับซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสที่จะทำให้อุปกรณ์ของคุณทำงานช้าลง แต่ฉันก็พบความแตกต่างดังกล่าวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในการทดสอบสิ่งนี้ ทีมงานและฉันได้ลองเปิดใช้งานอุปกรณ์ที่ไม่มีแอนตี้ไวรัสติดตั้งเอาไว้ก่อน เราดาวน์โหลดแอปพลิเคชันมากมายและคัดลอกไฟล์ไปยังโฟลเดอร์ต่าง ๆ (ทั้งภายในเครื่องและเครือข่าย) ฉันทำแบบนี้หลายครั้งก่อนที่จะเปิดใช้งานมันอีกครั้งโดยมีการติดตั้งและการเปิดใช้งาน Kaspersky

การทดสอบของฉันยืนยันว่ามีความล่าช้า 8.5% เมื่อเทียบกับปกติซึ่งถือเป็นผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม — น้อยกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่อยู่ที่ 23% ถึง 3 เท่า

การป้องกันแรนซัมแวร์ — อัตราการตรวจจับสูงผ่านการเฝ้าระวังระบบ (System Watcher)

Kaspersky มี System Watcher เครื่องมือแอนตี้แรนซัมแวร์ที่แข็งแกร่งให้บริการในผลิตภัณฑ์ทั้งหมดซึ่งรวมถึงเวอร์ชันฟรีของ Kaspersky Security Cloud ด้วย สิ่งนี้ทำให้มันเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดหากคุณกำลังมองหาแอนตี้ไวรัสฟรี — ตัวเลือกฟรีส่วนใหญ่อย่าง Bitdefender และ Panda Security จะจำกัดฟีเจอร์นี้เอาไว้ให้เฉพาะกับผู้ใช้พรีเมียมเท่านั้น

แรนซัมแวร์เป็นไฟล์ที่เป็นอันตรายที่เข้ารหัสและปิดกั้นคุณจากการเข้าถึงอุปกรณ์ของคุณเอาไว้จนกว่าคุณจะปฏิบัติตามความต้องการของผู้โจมตี (มักจะต้องจ่ายเป็นเงิน) การตรวจจับที่แข็งแกร่งอย่าง System Watcher ช่วยลดความเสี่ยงของแรนซัมแวร์ได้อย่างมากโดยการตรวจจับและจัดการกับพฤติกรรมที่น่าสงสัยโดยอัตโนมัติ

สกรีนช็อตของหน้าจอการตั้งค่า Kaspersky System Watcher ที่อนุญาตให้ปรับแต่งการป้องกันแรนซัมแวร์
System Watcher ตรวจสอบอุปกรณ์ของคุณเพื่อมองหาแอปพลิเคชันที่ไม่ได้รับอนุญาตอย่างต่อเนื่อง

ฉันพบการตั้งค่าเพิ่มเติมที่ให้ฉันเลือกชุดรูปแบบผสมของรหัสบนคีย์บอร์ดของฉันเพื่อหลีกเลี่ยงการพยายามปิดล็อกหน้าจอที่เป็นอันตราย นี่คือเคล็ดลับของแรนซัมแวร์ที่มักใช้งานกันโดยทั่วไป ดังนั้นฉันจึงประทับใจกับระดับการป้องกันอุปกรณ์เพิ่มเติมที่มีมาให้นี้

การป้องกันคลาวด์ — ความปลอดภัยขั้นสูงในราคาความเป็นส่วนตัว

การป้องกันคลาวด์ (Cloud Protection) ของ Kaspersky มอบการป้องกันตามเวลาจริงที่ยอดเยี่ยมโดยการใช้โครงสร้างพื้นฐาน KSN มันรับข้อมูลไซเบอร์ที่ซับซ้อนจากผู้ใช้เพื่อมอบระดับการป้องกันสูงสุด แต่ก็เป็นจุดที่เพิ่มความน่ากังวลด้านความเป็นส่วนตัวเนื่องจากการรวบรวมข้อมูลผู้ใช้ทั่วโลกตามระบบภาพหน้าจอของ Kaspersky desktop Cloud Protection แสดงสถิติ Kaspersky Security Network

KSN ตรวจจับวัตถุที่มีความน่าสงสัยทุกวันเพื่อช่วยดูแลให้ผู้ใช้ปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม Kaspersky ใช้ข้อมูลดังกล่าวที่มันเก็บรวบรวมในการช่วยระบุภัยคุกคามใหม่และเพื่อเป็นประโยชน์ต่อฐานข้อมูลผู้ใช้ทั้งหมด ตัวอย่างเช่นเทคโนโลยีแอนตี้ฟิชชิ่งที่แข็งแกร่งของ Kaspersky ได้รับการขับเคลื่อนด้วยบริการคลาวด์ KSN มันสแกนอีเมลทั้งหมดของฉันเพื่อมองหาฟิชชิ่งและลิงก์ที่เป็นอันตรายได้สำเร็จในขณะที่มอบการแจ้งเตือนเมื่อมันตรวจพบกับข้อความที่น่าสงสัย

เพื่อให้มั่นใจว่าแนวทางการเก็บรวบรวมข้อมูลของ Kaspersky ไม่ทำให้ความปลอดภัยส่วนบุคคลของฉันตกอยู่ในความเสี่ยง ฉันจึงได้ดำเนินการตรวจสอบข้อตกลงผู้ใช้งานเครือข่ายความปลอดภัยของ Kaspersky (Kaspersky Security Network) ในเชิงลึก ฉันพบว่าซอฟต์แวร์เก็บรวบรวมข้อมูลอย่างรายละเอียดอุปกรณ์ของคุณ แอปพลิเคชันที่ติดตั้งบนอุปกรณ์ของคุณและเว็บไซต์ทั้งหมดที่คุณเยี่ยมชม

ภาพหน้าจอผลการสแกนด่วนของแอป Kaspersky Antivirus บนเดสก์ท็อป
ไม่จำเป็นต้องมีคำอธิบาย KSN และซอฟต์แวร์ก็ทำงานตามปกติเมื่อปิดใช้งานมัน

โชคดีที่การปิดการใช้งานการเก็บรวบรวมข้อมูลของ Kaspersky เป็นเรื่องง่าย หากคุณให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของคุณเหมือนกับฉัน คุณสามารถปิดใช้งานตัวเลือกนี้ทั้งในเวอร์ชันเดสก์ท็อปและมือถือได้ สำหรับเดสก์ท็อป ให้คลิกสัญลักษณ์เฟืองด้านล่างและไปยัง “การตั้งค่าเพิ่มเติม” จากนั้นให้เลือก “เครื่องมือการจัดการและการป้องกันเพิ่มเติม” และปฏิเสธ “คำอธิบายเครือข่ายความปลอดภัยของ Kaspersky (Kaspersky Security Network Statement)”

เมื่อคุณดาวน์โหลดซอฟต์แวร์บนมือถือ มันจะขอให้คุณยอมรับโดยการติ๊กถูกช่อง 4 ช่อง หากคุณไม่ติ๊กถูกที่ 2 ช่องล่าง แอปจะยังให้คุณใช้งานได้ต่อไปโดยไม่ยอมรับการส่งข้อมูลของคุณ

ภาพหน้าจอของแอพมือถือ Kaspersky Antivirus แสดงหน้าจอเลือกไม่ใช้การรวบรวมข้อมูลบนเมนูต้อนรับ
หน้าจอต้อนรับของ iOS และ Android มอบตัวเลือกให้คุณปิดใช้งานการเก็บรวบรวมข้อมูล

แนวทางการเก็บรวบรวมข้อมูลของ Kaspersky นั้นเป็นที่น่าสงสัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยข่าวสารของซอฟต์แวร์ว่าถูกแบนอย่างเป็นทางการในสหรัฐอเมริกาเมื่อไม่นานมานี้ ฉันพบว่าการแบนนี้หมายความว่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลของสหรัฐอเมริกาและผู้รับเหมาไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้หรือทำงานกับ Kaspersky แต่สำหรับบุคคลทั่วไปและธุรกิจยังคงสามารถใช้งานได้ น่าเสียดายที่ความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับรัฐบาลสหรัฐอเมริกานั้นมาจากข้อกล่าวหาของ Kaspersky ที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลรัสเซียและสมาชิก KGB

แม้ว่าข้อกล่าวอ้างเหล่านี้จะได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง แต่คุณสามารถพิจารณาแอนตี้ไวรัสชั้นนำอื่น ๆ อย่าง Norton 360 ได้หากคุณยังคงกังวลเกี่ยวกับการใช้บริการนี้ Norton เป็นบริษัทแอนตี้ไวรัสที่ได้รับความเชื่อถือสูงและเป็นที่ไว้วางใจทั่วโลกที่มีประวัติขาวสะอาด

การกักกันและไฟร์วอลล์ — การป้องกันอัจฉริยะที่ไม่จำเป็นต้องมีการปรับแต่งใด ๆ

จากการทดสอบโดยละเอียด ฉันไม่พบปัญหาในการยอมรับ Kaspersky Firewall และการปฏิเสธการเชื่อมต่อใด ๆ ฉันพบว่าโดยค่าเริ่มต้นแล้ว มันจะไม่ส่งการแจ้งเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่เครือข่ายและเลือกโฆษณาบริการ VPN ของ Kaspersky กับฉันแทน เพื่อแก้ไขในเรื่องนี้ ฉันจึงต้องป้องกัน Kaspersky Secure Connection (บริการ VPN) ไม่ให้ทำงานบนระบบของฉันผ่าน Task Manager จริง ๆ แล้วฉันต้องยกเลิกการติดตั้งซอฟต์แวร์ในตอนท้ายหลังจากที่ฉันค้นพบว่า VPN นั้นมีข้อจำกัดมากแค่ไหน

ฟีเจอร์พิเศษอย่างหนึ่งที่ฉันพบว่ามันโดดเด่นใน Kaspersky คือไฟร์วอลล์ที่ไม่หยุดทำงานจนกระทั่งระบบปฏิบัติการถูกปิดลง มันมอบชั้นความปลอดภัยเพิ่มเติมให้หากมีไฟล์ที่เป็นอันตรายพยายามทำให้อุปกรณ์ติดไวรัสในขณะที่มีการสลับเปลี่ยนปิดระบบ ภัยคุกคามใด ๆ ที่พบจะถูกกักกันเอาไว้อย่างรวดเร็วและถูกเปลี่ยนให้อยู่ในรูปที่ปลอดภัยหากมันพบผลบวกผิดพลาดใด ๆ

ภาพหน้าจอของการตั้งค่าไฟร์วอลล์เดสก์ท็อป Kaspersky ที่ช่วยให้คุณปรับแต่งกฎและตัวกรองได้
การตั้งค่าไฟร์วอลล์ของ Kaspersky ช่วยให้ฉันเปลี่ยนตัวกรอกงสำหรับเครือข่ายในเครื่องและกฎสำหรับแอปพลิเคชันได้

ไฟร์วอลล์นั้นสามารถปรับแต่งได้และใช้งานได้ง่ายแม้ว่าฉันจะรู้สึกว่าควรจะมีการแสดงตัวเลือกต่าง ๆ ให้ดีกว่านี้ก็ตาม แตกต่างจากตัวเลือกแอนตี้ไวรัสอื่น ๆ หน้าไปยังการปรับแต่งแอปพลิเคชันและชุดกฎสำหรับไฟล์วอลล์นั้นจะถูกซ่อนเอาไว้ที่ด้านล่างของหน้า มันมอบตัวเลือกในการปรับแต่งพอร์ตและเส้นทางเครือข่ายกับฉันด้วยเช่นกัน

ฟีเจอร์ส

- 8

Kaspersky มีฟีเจอร์มากมายซึ่งรวมถึง VPN, ผู้จัดการรหัสผ่านและแผงควบคุมสำหรับผู้ปกครอง น่าเสียดายที่มันมีข้อจำกัดอย่างมาสำหรับแต่ละฟีเจอร์หากคุณใช้แผนให้บริการฟรี นี่ถือเป็นการบังคับให้คุณอัปเกรดเป็นหนึ่งในแพ็กเกจแบบชำระเงิน

Secure Connection VPN — ได้รับการขับเคลื่อนโดย Hotspot Shield แต่มาพร้อมกับข้อจำกัดมากมาย

Kaspersky มอบแอป Secure Connection VPN ที่คุณจะต้องดาวน์โหลดและติดตั้งแยกต่างหาก ท่ามกลางฟีเจอร์เสริมทั้งหมด VPN ภายในตัวของ Kaspersky เป็นฟีเจอร์ที่น่าผิดหวังมากที่สุด แม้ว่ามันจะได้รับการขับเคลื่อนโดย Hotspot Shield ที่เป็นผู้ให้บริการ VPN ที่น่าเชื่อถือและทำงานได้ดี แต่ VPN ของ Kaspersky ก็ไม่ใช่คำตอบที่คุ้มค่าสำหรับการอัปเกรดแพ็กเกจแอนตี้ไวรัส ฉันทดสอบชุดแอนตี้ไวรัสมากมายและสามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่ามีคู่แข่งที่เสนอแพ็กเกจที่มาพร้อมกับ VPN ที่ดีกว่าและมีราคาย่อมเยาวกว่า

ภาพหน้าจอของ Kaspersky Secure Connection เวอร์ชันฟรี
ฉันพบว่าข้อบกพร่องในเรื่องตัวเลือกเซิร์ฟเวอร์ของ Kaspersky Secure Connection เป็นสิ่งที่น่าผิดหวังมาก

Secure Connection VPN อนุญาตให้ใช้ข้อมูลรายวันได้เพียงเล็กน้อยที่ 200MB ซึ่งสามารถเพิ่มได้อีก 500MB หากคุณเชื่อมต่อกับบัญชี Security Cloud ของคุณ — ซึ่งถือว่าไม่พอสำหรับการท่องเว็บทั่วไปแม้ว่าจะมีข้อมูลเพิ่มมาให้อีก 300MB ก็ตาม

จากประสบการณ์การใช้งานของฉัน VPN ของ Kaspersky เป็นตัวเลือกที่รวดเร็ว แต่มันจะเลือกเซิร์ฟเวอร์ให้กับคุณโดยอัตโนมัติ สิ่งนี้ทำให้คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการควบคุมแม้ว่าคุณจะจ่ายเงินสำหรับบริการแอนตี้ไวรัสพรีเมียมก็ตาม เมื่อเทียบกับบริการ VPN แบบไม่จำกัดของ Norton 360 (ซึ่งมีมาให้ในการสมัครสมาชิกแอนตี้ไวรัส) บริการที่จำกัดของ Kaspersky จึงไม่คุ้มค่า

ผู้จัดการรหัสผ่าน (Password Manager) — เก็บรหัสผ่านได้สูงสุดถึง 15 รหัสผ่านในเวอร์ชันฟรี

ผู้จัดการรหัสผ่านของ Kaspesrky เก็บข้อมูลต่าง ๆ ได้มากกว่าแค่รหัสผ่าน คุณสามารถใช้มันเพื่อจัดเก็บบัตรธนาคาร เอกสารสำคัญและที่อยู่ได้ มันจะเข้ารหัสข้อมูลเอาไว้ให้ปลอดภัยและสามารถเข้าถึงได้เพียงเฉพาะด้วยรหัสผ่านมาสเตอร์ของคุณซึ่งคุณต้องกรอกมันก่อนจึงจะใช้แอปพลิเคชันได้เท่านั้น

ฉันพบว่าผู้จัดการรหัสผ่านนั้นเรียบง่ายและใช้งานง่าย แต่เวอร์ชันฟรีค่อนข้างมีข้อจำกัด คุณสามารถจัดเก็บรหัสผ่านต่าง ๆ ได้สูงสุด 15 รหัสผ่านเท่านั้นซึ่งถือว่าไม่เพียงพอสำหรับผู้ใช้โดยเฉลี่ย

คุณสามารถใช้ผู้จัการรหัสผ่านในรูปแบบแอปแยกต่างหากหรือดาวน์โหลดส่วนขยายเบราว์เซอร์ (พร้อมให้บริการสำหรับ Google Chrome, Mozilla Firefox และ Microsoft Edge) ได้

ภาพหน้าจอของแอปพลิเคชัน Kaspersky Password Manager พร้อมตัวเลือกในการเพิ่มรหัสผ่านบัตรธนาคารที่อยู่และเอกสาร
ฉันมีความสุขที่ได้เห็นว่าอินเทอร์เฟซของผู้จัดการรหัสผ่านมีความคล้ายกันกับเลย์เอาท์แอนตี้ไวรัส

หากคุณอัปเกรดเป็นเวอร์ชันพรีเมียม คุณจะสามารถจัดเก็บรหัสผ่านได้ไม่จำกัด อย่างไรก็ตามฉันไม่คิดว่ามันดีพอที่จะเป็นเหตุผลให้อัปเกรด แตกต่างจาก Kaspersky Norton มีผู้จัดการรหัสผ่านฟรีซึ่งไม่จำกัดจำนวนรหัสผ่านที่คุณสามารถจัดเก็บได้! คุณยังสามารถลองใช้มันในรูปแบบผลิตภัณฑ์แยกต่างหากหรือรับมันจากในแพ็กเกจแอนตี้ไวรัสครบวงจรของ Norton 360 ได้

การป้องกันความเป็นส่วนตัว (Privacy Protection) — มีการป้องกันเว็บแคม การตรวจสอบบัญชีและฟีเจอร์การท่องเว็บส่วนตัว

แผนให้บริการ Security Cloud และ Internet Security ของ Kaspersky มีการป้องกันเว็บแคมซึ่งอนุญาตให้คุณดูว่าแอปใด ๆ ใช้กล้องของคุณเมื่อไหร่ ฉันยังพบด้วยว่าคุณสามารถปิดล็อกการเข้าถึงกล้องของคุณจากแอปพลิเคชันทั้งหมดแม้กระทั่งแอปพลิเคชันที่เชื่อถือชั่วคราวได้อีกด้วย มันเป็นฟีเจอร์เล็ก ๆ แต่มีประโยชน์ในการทำให้คุณรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นและรู้สึกว่าไม่มีใครคอยแอบดูเวลาที่คุณใช้อุปกรณ์ของคุณ

ภาพหน้าจอของตัวเลือกการปกป้องความเป็นส่วนตัวบนเดสก์ท็อปของ Kaspersky
การป้องกันความเป็นส่วนตัว (Privacy Protection) ให้คุณปิดกั้นการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการคลิกง่าย ๆ

ภายในแท็บความเป็นส่วนตัวเดียวกัน ฉันพบฟีเจอร์ที่มีชื่อว่าการตรวจสอบบัญชี (Account Check) ซึ่งให้คุณกรอกที่อยู่อีเมลของคุณและระบุว่าข้อมูลของคุณถูกรุกรานในการรั่วไหลใด ๆ หรือไม่ นอกจากนี้มันยังช่วยตรวจสอบบัญชีใด ๆ ก็ตามที่คุณใช้เวลาลงชื่อเข้าใช้บนเว็บไซต์ซึ่งทำให้คุณได้รับการอัปเดตเกี่ยวกับการรั่วไหลใหม่ ๆ แม้ว่าฉันจะพบว่าการตรวจสอบบัญชี (Account Check) นั้นมีประโยชน์ แต่ฉันก็สามารถหาข้อมูลเดียวกันทางออนไลน์ได้ฟรีโดยไม่จำเป็นต้องมีซอฟต์แวร์ติดตามทุกบัญชีที่คุณใช้

เครื่องมือการป้องกันความเป็นส่วนตัวสุดท้ายคือส่วนขยายเบราว์เซอร์ซึ่งช่วยป้องกันและตรวจสอบกิจกรรมบนเว็บไซต์ของคุณ ปลั๊กอินนี้มอบสิทธิ์ในการเข้าถึงคีย์บอร์ดบนหน้าจอ ความสามารถในการปิดกั้นโฆษณาและหยุดการเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมดจากเว็บไซต์ที่คุณเยี่ยมชมกับคุณ

แผงควบคุมสำหรับผู้ปกครอง (Safe Kids) — ตรวจสอบกิจกรรมในอุปกรณ์และกำหนดเวลาใช้งานหน้าจอ

ซอฟต์แวร์แผงควบคุมสำหรับผู้ปกครองเป็นส่วนหนึ่งของชุด Kaspersky แต่มันก็มีให้บริการในรูปแบบแอปแยกต่างหากด้วย คุณต้องติดตั้ง Safe Kids ทั้งบนอุปกรณ์ของผู้ปกครองและเด็ก ๆ ก่อน มันจึงจะสามารถทำงานได้ หลังจากการติดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว มันจะมอบคำแนะนำจากนักจิตวิทยาเด็กเกี่ยวกับการดูแลให้เด็ก ๆ ออนไลน์อย่างปลอดภัยที่ดีกับคุณ ฉันคิดว่านี่เป็นฟีเจอร์ที่ดีจำ Kaspersky เนื่องจากมันช่วยให้ฉันตระหนักว่าบริษัทนั้นจริงจังกับความปลอดภัยของผู้ใช้ที่ยังเป็นเด็กมากแค่ไหน

ภาพหน้าจอของโปรไฟล์ส่วนตัวของ Kaspersky Safe Kids
Safe Kids ป้องกันลูก ๆ ของคุณทั้งบนอุปกรณ์เดสก์ท็อปและมือถือ

เวอร์ชันฟรีจะปิดกั้นเนื้อหาเว็บไซต์ที่น่าสงสัยผ่าน Kaspersky Safe Browser และจำกัดการใช้งานแอปพลิเคชันควบคู่กับระยะเวลาใช้งานหน้าจอ เวอร์ชันพรีเมียมทำได้มากกว่าและอนุญาตให้คุณตรวจสอบตำแหน่ง GPS, กิจกรรม Facebook, การแจ้งเตือนตามเวลาจริงและการตั้งค่าพื้นที่ปลอดภัย (เช่น บ้าน) กับคุณ มันพร้อมให้บริการเฉพาะหากคุณซื้อ Kaspersky Total Security และ Kaspersky Security Cloud Family เท่านั้น

แม้ว่าเราจะพบตัวเลือกแบบชำระเงินที่ดีกว่า แต่ฉันก็ขอแนะนำให้ใช้ Safe Kids เวอร์ชันฟรี มันช่วยให้คุณใช้ฟีเจอร์หลัก ๆ อย่างการปิดกั้นเนื้อหาเว็บไซต์ที่น่าสงสัยและจำกัดแอปพลิเคชันหรือระยะเวลาใช้งานหน้าจอบนอุปกรณ์ของลูกคุณได้ซึ่งทำให้การอัปเกรดเป็นเวอร์ชันแบบชำระเงินเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น

Safe Money — ป้องกันการชำระเงินของคุณและปรับแต่งเบราว์เซอร์ของคุณ

Safe Money เสนอความสามารถในการเข้าถึงเว็บไซต์ในเบราว์เซอร์ที่ปลอดภัยซึ่งถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะหากคุณมักชำระเงินหรือทำการธนาคารออนไลน์อยู่บ่อย ๆ น่าเสียดายที่การเข้าถึงฟีเจอร์นี้ถูกจำกัดเอาไว้เฉพาะสำหรับแพ็กเกจ Kaspersky Security Cloud Personal, Family และ Total Security เท่านั้น

ภาพหน้าจอของแอปพลิเคชัน Kaspersky Safe Money ที่ให้คุณเพิ่มเว็บไซต์เพื่อการใช้งานที่ปลอดภัย
ฉันสามารถเพิ่มบัญชี PayPal ของฉันไปยัง Safe Money เพื่อสร้างชั้นความปลอดภัยเพิ่มเติมได้

สามารถติดตั้ง Safe Money ได้ง่าย ๆ หลังจากที่คุณเพิ่ม URL เว็บไซต์แล้ว ให้เปิดเบราว์เซอร์ของคุณและไปยังหน้าดังกล่าว จากนั้นหน้าจอจะเปิดหน้าต่างใหม่และแสดงกรอบสีเขียวขึ้นมาเพื่อแสดงให้เห็นว่าการเชื่อมต่อของคุณและหน้านั้น ๆ ปลอดภัย มันทำสิ่งนี้โดยการปิดกั้นปลั๊กอินและการซิงค์ใด ๆ ภายในเบราว์เซอร์และนอกจากนี้มันยังมีคีย์บอร์ดบนหน้าจอสำหรับชั้นความปลอดภัยเพิ่มเติมด้วย

ภาพหน้าจอของ Kaspersky Security Cloud Protected Browser พร้อมการแจ้งเตือนที่ปลอดภัย
Kaspersky แจ้งเตือนคุณเมื่อคุณเข้าถึงเบราว์เซอร์ที่ปลอดภัยโดยจะมีหน้าต่างสีเขียวเล็ก ๆ ปรากฏขึ้น

ชั้นการป้องกันอีกชั้นหนึ่งในขณะท่องเว็บคือการตั้งค่าเบราว์เซอร์ (Browser Configuration) ฉันพบมันตอนที่สำรวจซอฟต์แวร์ Kaspersky และมันเหมาะสำหรับการใช้งานร่วมกับ Safe Money เครื่องมือนี้จะเปลี่ยนการตั้งค่าเบราว์เซอร์ของคุณโดยอัตโนมัติเพื่อให้มั่นใจว่ามันไม่ได้มีช่องโหว่และคุณควรจะใช้งานมันทุกครั้งที่เบราว์เซอร์ของคุณมีการอัปเดต

ด้วยความมุ่งเน้นในเรื่องของประสบการณ์การท่องเว็บที่ปลอดภัยอย่างมาก มันจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ Kaspersky ได้เป็นหนึ่งใน 3 แบรนด์แอนตี้ไวรัสเท่านั้นที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการในเรื่องการธนาคารออนไลน์ ใบรับรองนี้ถูกมอบให้โดย MRG (Malware Research Group) Effitas ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกที่ดำเนินการทดสอบซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสอย่างละเอียดและเข้มงวด นี่ทำให้มั่นใจว่ามีเพียงโปรแกรมที่ดีที่สุดเท่านั้นที่ได้รับการรับรอง

พื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ (Cloud Storage) — การสำรองข้อมูลที่สำคัญเอาไว้บน Dropbox

การฟีเจอร์การสำรองข้อมูลและการกู้คืนข้อมูล (Backup and Restore) ให้คุณสำรองข้อมูลทั้งหมดหรือข้อมูลที่เลือกซึ่งคุณสามารถบันทึกมันไปยังไดร์ฟในเครื่องหรือผ่านคลาวด์ได้ ตัวเลือกคลาวด์โดยค่าเริ่มต้นของ Kaspersky คือ Dropbox ซึ่งคุณจะต้องสร้างบัญชีและมันมาพร้อมกับพื้นที่จัดเก็บข้อมูลฟรีขนาด 2GB

แม้ว่าการมีสิทธิ์ในการเข้าถึงพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์จะมีประโยชน์ แต่สิ่งที่ Kaspersky มีให้บริการนั้นก็มีจำกัดเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ในทางกลับกัน Norton มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลขั้นต่ำ 10GB สำหรับแผน 360 Standard ถึงสูงสุดที่ 500GB สำหรับการสมัครสมาชิก Ultimate Plus

เครื่องมือกำจัดไฟล์ถาวร (File Shredder) — ลบไฟล์ที่ละเอียดอ่อนอย่างถาวร

เมื่อคุณลบไฟร์ตามปกติ มันจะสามารถถูกกู้คืนโดยใครก็ได้ที่มีสิทธิ์ในการเข้าถึงฮาร์ดไดร์ฟของคุณได้อย่างรวดเร็ว เครื่องมือกำจัดไฟล์ถาวร (File Shredder) ให้คุณได้เลือกมาตรฐานกระบวนการการลบตามอัลกอริทึมมากมายซึ่งจะลบไฟล์ที่ละเอียดออกไปอย่างถาวร นี่หมายความว่าคุณสามารถป้องกันการเข้าถึงที่ไม่พึงประสงค์จากบุคคลที่สามได้

เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพเพิ่มเติม — เครื่องมือทำความสะอาดข้อมูลที่ไม่ได้ใช้ (Unused Data Cleaner), เครื่องมือทำความสะอาดความเป็นส่วนตัว (Privacy Cleaner) และอื่น ๆ อีกมากมาย

Kaspersky มีฟีเจอร์ที่มีประโยชน์ที่พึ่งพาตัวช่วยซอฟต์แวร์ในการล้างข้อมูลของคุณ:

  • เครื่องมือทำความสะอาดข้อมูลที่ไม่ได้ใช้ (Unused Data Cleaner): ลบไฟล์ชั่วคราวและไฟล์ที่ไม่ได้ใช้
  • เครื่องมือทำความสะอาดความเป็นส่วนตัว (Privacy Cleaner): ลบการติดตามกิจกรรมของคุณ
  • การแก้ไขปัญหา Microsoft Windows (Microsoft Windows Troubleshooting): ลบการติดตามของวัตถุที่เป็นอันตรายต่อระบบ

ฉันพบว่าเครื่องมือเหล่านี้มักถูกประเมินค่าต่ำเกินไป เครื่องมือทั้งหมดนี้สามารถช่วยคุณรักษาความสะอาดของฮาร์ดไดร์ฟได้โดยการกำจัดไฟล์ที่ไม่ได้ใช้หรือแอปพลิเคชันที่ทำให้ระบบของคุณช้าลงซึ่งอาจช่วยเพิ่มอายุการใช้งานอุปกรณ์ของคุณได้

ความง่ายต่อการใช้งาน

- 7

Kaspersky มีแอปพลิเคชันมากมายบน Windows (8 หรือสูงกว่า), Mac (OS X 10.12 Sierra หรือสูงกว่า), Android (4.4 หรือสูงกว่า) และ iOS (12 หรือสูงกว่า) ทั้งหมดนี้มอบประสบการณ์ที่เสถียรซึ่งช่วยให้คุณป้องกันอุปกรณ์ของคุณได้อย่างรวดเร็ว

ในแง่ของโฆษณา มันมีปุ่มสีแดงขนาดใหญ่บนเวอร์ชันฟรีที่จะคอยย้ำเตือนให้คุณอัปเกรด แต่นอกจากนั้นแล้วฉันก็ไม่พบการแจ้งเตือนบน Windows, มือถือหรือ Mac แต่อย่างใด มีครั้งหนึ่งที่ Kaspersky ผลักดันให้ฉันไปยังการสั่งซื้อแผนให้บริการพรีเมียม นั่นคือตอนที่ฉันพยายามใช้ฟีเจอร์ที่ถูกปิดกั้นที่เฉพาะเจาะจงบางอย่างภายในแอปพลิเคชัน

อินเทอร์เฟซเดสก์ท็อป — มีแอปมากมาย (และน่าสับสน) สำหรับ Windows และ Mac

ฉันพบว่ากระบวนการติดตั้งนั้นเป็นไปอย่างเรียบง่ายทั้ง Windows และ Mac โดยซอฟต์แวร์จะติดตั้งตัวเองโดยอัตโนมัติภายในไม่กี่นาที มีเวอร์ชันเดียวที่ต้องการข้อมูลส่วนบุคคล ณ เวลาการติดตั้งคือ Kaspersky Security Cloud Free ซึ่งจะบังคับให้คุณสร้างบัญชีก่อนจึงจะสามารถเข้าถึงมันได้ ในความคิดเห็นของฉัน นี่ถือเป็นความต้องการที่สมเหตุสมผลสำหรับซอฟต์แวร์ฟรี แต่แข็งแกร่ง

ฉันทดสอบซอฟต์แวร์ของ Kaspersky ต่าง ๆ มากมายทั้งบน Windows และ Mac เวอร์ชันทั้งหมดมีอินเทอร์เฟซที่เหมือนกัน แต่เสนอจำนวนฟีเจอร์ที่แตกต่างกันไป Kaspersky Anti-Virus (มีเพียงเวอร์ชันนี้เท่านั้นที่ไม่พร้อมให้บริการบน Mac), Kaspersky Internet Security และ Kaspersky Total Security เป็นส่วนหนึ่งของชุด Kaspersky ดั้งเดิม

เวอร์ชันที่ใหม่กกว่าจะประกอบไปด้วย Kaspersky Security Cloud Free, Kaspersky Security Cloud Personal และ Kaspersky Security Cloud Family ซึ่งทำให้ฉันมีตัวเลือกมากขึ้นเมื่อติดตั้งบนเดสก์ท็อปและอุปกรณ์มือถือ

ภาพหน้าจอของเดสก์ท็อป Kaspersky Security Cloud Free ที่แสดงคุณสมบัติที่ล็อกเทียบกับเวอร์ชันพรีเมียม
ฉันสังเกตเห็นว่าอินเทอร์เฟซนั้นเกือบจะเหมือนกันใน Kaspersky ทุกรูปแบบ

หลังจากตรวจสอบดูผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ฉันรู้สึกว่า Kaspersky ต้องทำให้ชัดเจนกว่านี้ว่ามันมีให้อะไรให้บริการบ้าง ตัวเลือกนี้น่าสับสนจนเกินไปสำหรับผู้ใช้งานโดยเฉลี่ยและอาจเป็นเรื่องที่เข้าใจได้อย่างเนื่องจากมีความคล้ายกันอย่างเห็นได้ชัดในฟีเจอร์ต่าง ๆ แพ็กเกจที่ได้รับการยกเว้นในเรื่องนี้คือ Kaspersky Security Cloud เวอร์ชันฟรีซึ่งโดดเด่นในเรื่องการมอบการป้องกันฟรีโดยไม่มีชื่อที่น่าสับสนหรือความหลากหลายของราคา นอกจากนี้ Kaspersky ยังมีแอปเฉพาะในภาษาไทยอีกด้วย

แอปสำหรับมือถือ — ความปลอดภัยพอใช้สำหรับ Android แต่การป้องกันพื้นฐานสำหรับ iOS

ประสบการณ์การใช้งานของฉันนั้นราบรื่นและรวดเร็วตอนที่ใช้งานแอปมือถือของ Kaspersky Kaspersky Security Cloud เปิดให้บริการฟรีบน Android และ iOS หรือมีมาให้ในหนึ่งในแผนให้บริการแบบชำระเงินของ Kaspersky กระบวนการติดตั้งนั้นเรียบง่ายทั้งสองระบบปฏิบัติการณ์ แม้ว่า iOS จะขาดซอฟต์แวร์เสริมบางอย่างไป — Kaspersky Internet Security — พบได้ใน Android

ผู้ใช้งาน Android สามารถเข้าถึง Internet Security เวอร์ชันฟรีภายในแอป Security Cloud หรือดาวน์โหลดมันแยกต่างหากได้ ฉันสังเกตเห็นว่าความมุ่งเน้นหลักของแอปคือการป้องกันสปายแวร์ที่แข็งแกร่ง แต่มันยังขาดการป้องกันตามเวลาจริงไป เพื่อใช้งานฟีเจอร์นี้และตรวจสอบอุปกรณ์มือถือของคุณอย่างต่อเนื่อง คุณจะต้องลงชื่อเข้าใช้สำหรับแผนให้บริการแบบชำระเงิน

ฉันไม่มั่นใจจว่าทำไมซอฟต์แวร์นี้ถึงขาดหายไปจาก iOS ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจติดต่อฝ่ายสนับสนุนทางโทรศัพท์ของ Kaspersky เพื่อค้นหาคำตอบ ตัวแทนยืนยันกับฉันว่าแพลตฟอร์ม iOS นั้นโดยทั่วไปแล้วได้รับการป้องกันจากความปลอดภัยอันแข็งแกร่งของ Apple ใน App Store ซึ่งเป็นเพียงที่เดียวที่คุณสามารถติดตั้งไฟล์ได้ ไฟล์ที่เป็นอันตรายต่ออุปกรณ์จึงไม่สามารถติดตั้งหรือดำเนินการคำสั่งใด ๆ ได้เพราะเรื่องนี้ ดังนั้นในมุมมองของ Kaspersky แล้ว แอป Internet Security จึงไม่มีความจำเป็น

โปรดทราบว่าการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วันของ Kaspersky จะไม่สามารถใช้งานได้หากคุณดาวน์โหลดมันผ่าน Google Play หรือ iOS App Store คุณจะต้องดาวน์โหลดแอปโดยตรงจากเว็บไซต์ของ Kaspersky เพื่อให้มีสิทธิ์สำหรับการขอเงินคืน

ภาพหน้าจอของ Kaspersky Security Cloud บน iOS เทียบกับเวอร์ชัน Android
แอป Internet Security บน Android (ทางขวา) ให้คุณเข้าถึงการสแกนไวรัสได้ ไม่เหมือนกับตัวเลือก iOS (ทางซ้าย)

แม้ว่าฉันจะประทับใจกับประสิทธิภาพของ Kaspersky บน Android แต่แอป iOS ก็ทำอะไรไม่ได้มากนักสำหรับฉัน ยกเว้นแต่จะเสนอคำแนะนำในการเปลี่ยนการตั้งค่าอุปกรณ์และความสามารถในการป้องกันการถ่ายรูปภาพหน้าจอ หากคุณต้องการแอนตี้ไวรัสสำหรับ iOS ฟรีที่มีฟีเจอร์มากกว่านี้ Avira มีการสแกนอุปกรณ์ การป้องกันตัวตนและฟีเจอร์ขั้นสูงอื่น ๆ มากกว่า อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก iOS มีการตั้งค่าความปลอดภัยที่แข็งแกร่งในตัวเองอยู่แล้ว การขาดการป้องกันตามเวลาจริงในแอป Kaspersky จึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร

ป้องกันอุปกรณ์ของคุณด้วย Kaspersky

บริการลูกค้า

- 6

Kaspersky มีฝ่ายสนับสนุนผ่านแชทออนไลน์ โทรศัพท์หรือแบบฟอร์ม เว็บไซต์ของบริษัทอ้างว่าแชทออนไลน์ของพวกเขาเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง แต่นี่ไม่เป็นความจริง ตอนที่ฉันทดสอบมัน ฉันเห็นการประกาศที่บอกว่าพวกเขาเปิดให้บริการระหว่างเวลา 8:00 น. ถึง 17:30 น. GMT อย่างรวดเร็ว — ฉันลองติดต่อในช่วงเวลาเปิดทำการดังกล่าวดูและพวกเขาก็ยังคงไม่พร้อมให้บริการ! ชั่วโมงทำการดังกล่าวนั้นเหมือนกันกับบริการความช่วยเหลือทางโทรศัพท์โดยมีแค่แบบฟอร์มเท่านั้นที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง แต่ฉันพบว่ามันเป็นเรื่องน่าประทับใจที่ฉันได้รับตัวเลือกในการติดต่อฝ่ายสนับสนุนลูกค้าในภาษาไทยได้

หากคุณกำลังใช้แผนให้บริการฟรีของ Kaspersky ตัวเลือกในการติดต่อฝ่ายบริการก็ไม่ได้แย่นัก คู่แข่งอย่าง Sophos และ Bitdefender ไม่มีตัวแทนช่วยเหลือลูกค้าแบบตัวต่อตัวให้บริการ ยกเว้นแต่คุณจะเป็นลูกค้าที่ชำระเงิน

บริการนี้จะแตกต่างออกไปหากคุณเป็นลูกค้าพรีเมียม — ในกรณีดังกล่าว บริการโดยรวมถือว่าน่าผิดหวังเมื่อเทียบกับตัวเลือกอย่าง Norton และ TotalAV บริษัทเหล่านี้มอบสิทธิ์ในการเข้าถึงที่ง่ายและมีแชทออนไลน์พร้อมให้บริการทันทีซึ่งทำให้การรับการตอบกลับภายในช่วงเวลาที่เหมาะสมเป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้น

แชทออนไลน์ — ไม่เป็นไปตามที่โฆษณาที่บอกว่าพร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

ฉันผิดหวังกับความพร้อมใช้งานที่ไม่สม่ำเสมอและการโฆษณาที่ไม่เป็นจริงว่าแชทออนไลน์พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ตอนที่ฉันพยายามเชื่อมต่อกับแชทออนไลน์ บริการดังกล่าวยังคงออฟไลน์แม้ในช่วงระยะเวลาเปิดทำงานที่โฆษณา ฉันดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติมและพบว่าแชทในภาษาเยอรมัน อิตาลี ดัตช์ เคิร์ดและฝรั่งเศสนั้นใช้งานได้และพร้อมให้บริการ อย่างไรก็ตามเวอร์ชันภาษาอังกฤษ โปรตุเกสและสเปนกลับยังคงออฟไลน์

ภาพหน้าจอของการสนับสนุนแชทสดของ Kaspersky ที่แสดงเวลาทำการ
แชทออนไลน์ปิดให้บริการ แต่มีการโฆษณาว่าเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

บริการความช่วยเหลือผ่านทางโทรศัพท์ — ระยะเวลารอไม่นานพร้อมคำแนะนำที่เป็นมิตร

แตกต่างจากแชทออนไลน์ ฉันพบว่าตัวเลือกผ่านทางโทรศัพท์ของ Kaspersky เป็นตัวเลือกที่ดีและฉันได้รับการเชื่อมต่อกับตัวแทนฝ่ายบริการลูกค้าภายใน 5 นาที

อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ ฉันติดต่อตัวแทนทางโทรศัพท์เกี่ยวกับซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสที่ขาดหายไปใน iOS และพวกเขาก็มีความมั่นใจและให้ความช่วยเหลือในการตอบคำถามของฉันได้ดี ตัวแทนให้ฉันสอบถามคำถามใด ๆ โดยที่ไม่พูดตามบทสคริปต์และตอบคำถามฉันด้วยคำตอบที่มีประโยชน์ ก่อนที่จะจบบทสนทนาทางโทรศัพท์ พวกเขาขอให้ฉันเขียนหมายเลขอ้างอิงสำหรับการติดต่อหากฉันต้องการติดต่อพวกเขาอีกครั้งในเรื่องเดิม นี่ถือเป็นคำแนะนำที่ดีมาก ๆ

ฉันพูดคุยกับแผนกความช่วยเหลือมามากมายในช่วงหลายปีมานี้และฉันหวังว่าพวกเขาจะนำวิธีการนี้ไปปรับใช้ การมีหมายเลขอ้างอิงสามารถช่วยลดระยะเวลารอและช่วยให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนค้นหาโซลูชั่นให้กับคุณได้เร็วมากขึ้น

บริการความช่วยเหลือทางอีเมล — ระยะเวลาการตอบกลับที่รวดเร็ว แต่โทรศัพท์เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

หากคุณกำลังมองหาการขอเงินคืน ช่องทางที่รวดเร็วที่สุดคือการกรอกแบบฟอร์ม Kaspersky บอกว่ามันจะตอบกลับกระบวนการยกเลิกของคุณภายในหนึ่งวันและฉันได้รับการตอบกลับคำขอของฉันภายใน 6 ชั่วโมงเท่านั้น นอกจากนี้ฉันยังได้รับคำตอบโดยละเอียดเกี่ยวกับคำถามทั่วไปแม้ว่าจะไม่ได้ละเอียดเท่ากับบริการความช่วยเหลือผ่านทางโทรศัพท์ที่ฉันได้รับก็ตาม

ภาพหน้าจอคำขอการสนับสนุน Kaspersky บนเว็บไซต์ Kaspersky
Requests are simple and easy to manage via the Kaspersky website

ราคา

- 6

Kaspersky มีแผนให้บริการต่าง ๆ ในราคาที่น่าสับสน น่าเสียดายที่ข้อมูลบนเว็บไซต์เป็นข้อมูลที่ล้าหลัง ดังนั้นมันจึงไม่ใช่แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ ฉันไม่มั่นใจว่าทำไม Kaspersky ถึงทำให้มันซับซ้อนนัก แต่นี่คือรายละเอียดจากประสบการณ์การทดลองใช้งานแต่ละแผนให้บริการโดยส่วนตัวของฉัน

Kaspersky Security Cloud Free — หนึ่งในแผนให้บริการฟรีที่ดีที่สุดที่มีให้บริการ

ฉันขอแนะนำให้ใช้แผนให้บริการฟรีของ Kaspersky เป็นอย่างยิ่งเนื่องจากฉันเชื่อมั่นว่ามันเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมในหมู่ผลิตภัณฑ์ของ Kaspersky มันมี:

  • การป้องกันแอนตี้ไวรัส (ซึ่งรวมถึงการป้องกันแรนซัมแวร์)
  • การป้องกันคลาวด์
  • VPN (จำกัด 200MB และเพิ่มได้สูงสุด 500MB หากคุณสร้างบัญชีฟรี Kaspersky)
  • ผู้จัดการรหัสผ่าน (สูงสุด 15 รหัสผ่าน)
  • แผงควบคุมสำหรับผู้ปกครอง Safe Kids

เว็บไซต์ Kaspersky ไม่ได้กล่าวถึงสิ่งนี้ แต่คุณสามารถเข้าถึงเครื่องมือด้านล่างนี้ได้:

  • เครื่องมือกำจัดไฟล์ถาวร (File shredder)
  • เครื่องมือทำความสะอาดข้อมูลที่ไม่ได้ใช้ (Unused data cleaner)
  • เครื่องมือทำความสะอาดความเป็นส่วนตัว (Privacy cleaner)
  • การแก้ไขปัญหา Microsoft Windows (Microsoft Windows troubleshooting)

Kaspersky เป็นหนึ่งในแอนตี้ไวรัสฟรีเพียงโปรแกรมเดียวที่ไม่ได้จำกัดการป้องกันแรนซัมแวร์เอาไว้เฉพาะสำหรับการสมัครสมาชิกแบบพรีเมียมเท่านั้นและการดาวน์โหลดฟีเจอร์นี้เพียงฟีเจอร์เดียวแยกต่างหากก็ถือเป็นเรื่องที่คุ้มค่า นอกจากนี้คุณยังได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงการป้องกันคลาวด์ (Cloud Protection) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกันกับที่ใช้ในเวอร์ชันแบบชำระเงินทั้งหมดด้วย

Kaspersky Anti-Virus — แผนให้บริการที่มีราคาถูกที่สุด (สำหรับ Windows เท่านั้น)

Kaspersky เวอร์ชันนี้มอบระดับการป้องกันเดียวกันกับที่พบในเวอร์ชันฟรีและเป็นแผนให้บริการที่มีราคาถูกที่สุดในหมู่แผนให้บริการพรีเมียม ฉันพบว่ามันมอบชุดเครื่องมือที่เหมือนกันกับ Kaspersky Secure Cloud Free — แค่ออกแบบใหม่ให้มีความพิเศษสำหรับ Windows โดยไม่มีฟีเจอร์ที่ถูกปิดล็อกไว้บนหน้าจอโปรแกรม หากคุณกำลังมองหาตัวเลือกพื้นฐาน ให้เลือก Kaspersky Security Cloud เวอร์ชันฟรีและประหยัดเงินของคุณ

Kaspersky Internet Security — แผนให้บริการที่มีราคาถูกที่สุด (สำหรับ Mac เท่านั้น)

นี่เป็นแผนให้บริการสำหรับ Mac ที่มีความเท่าเทียมกันกับแผนให้บริการ Anti-Virus สำหรับ Windows มันเป็นแผนให้บริการพรีเมียมที่มีราคาน่าคบหาที่สุดหากคุณเป็นผู้ใช้ Mac (และคุณต้องการการป้องกันเฉพาะสำหรับ Mac เท่านั้น)

Kaspersky Internet Security — แผนให้บริการที่มอบความคุ้มค่ามากที่สุด

Kaspersky Internet Security เป็นแผนให้บริการแบบชำระเงินของบริษัทที่มอบความคุ้มค่าให้ได้ดีที่สุด เข้ากันได้กับ Windows, Mac และ Android มันมอบฟีเจอร์ที่มุ่งเน้นด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น เช่น:

  • ส่วนขยายเบราว์เซอร์ Safe Money
  • การป้องกันความเป็นส่วนตัว (รวมถึงการป้องกันเว็บแคม การตรวจสอบบัญชีและการท่องเว็บอย่างเป็นส่วนตัว)
  • VPN (ไม่จำกัดข้อมูล)

แม้ว่า Kaspersky Internet Security จะเป็นแพ็กเกจแอนตี้ไวรัสที่ค่อนข้างดี แต่มันก็ไม่ได้มอบความคุ้มค่าที่ดีที่สุดในตลาด ตัวอย่างเช่น แผนให้บริการ Norton 360 Deluxe มีราคาที่ถูกกว่า Kaspersky และมีฟีเจอร์เสริมที่ล้ำค่าอย่าง VPN และการสำรองข้อมูลบนคลาวด์ของ PC

Kaspersky Total Security — แพ็กเกจพรีเมียม

นี่ถือเป็นแผนให้บริการที่มีราคาแพงที่สุด แต่ฉันไม่พบว่ามันคุ้มค่ากับราคาที่เพิ่มขึ้นเลย คุณจะได้รับฟีเจอร์ใหม่เพิ่มเข้ามาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น:

  • แผงควบคุมสำหรับผู้ปกครอง Safe Kids (ไม่จำกัด)
  • ผู้จัดการรหัสผ่าน (ไม่จำกัด)
  • การสำรองข้อมูลบนคลาวด์ (จำกัด 2GB บน Dropbox)
  • การป้องกันไฟล์

Kaspersky Security Cloud — ชุดครบวงจร

นี่เป็นแผนให้บริการ Security Cloud Free เวอร์ชันพรีเมียมและมันมาพร้อมกับตัวเลือกในการสมัครสมาชิกแบบส่วนตัวและครอบครัว

ตัวเลือกแบบส่วนตัวจะรวมทุกอย่างในแผนให้บริการ Internet Security — มันเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้งานรายบุคคลเนื่องจากคุณสามารถเลือกใบรับรองอุปกรณ์ได้ 3 หรือ 5 อุปกรณ์ ตัวเลือกสำหรับครอบครัวจะครอบคลุมฟีเจอร์ทั้งหมดในแผนให้บริการ Total Security และมันเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับครัวเรือนขนาดใหญ่เนื่องจากมันครอบคลุมได้ถึง 10 อุปกรณ์

แผนให้บริการ Security Cloud จะให้คุณจ่ายเงินในราคาที่แพงกว่าตัวเลือกอื่น ๆ ของ Kaspersky อย่างไรก็ตาม มันมอบความคุ่มค้าให้ได้น้อยกว่าเมื่อเทียบกับ Norton 360 ซึ่งเสนอแพ็กเกจในราคาที่น่าคบหามากกว่าและมีฟีเจอร์ที่ดีกว่า

ช่วงเวลาทดลองใช้งานฟรี 30 วัน — ไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

Kaspersky มีเวอร์ชันทดลองใช้งานฟรี 30 วันสำหรับ Kaspersky Anti-Virus, Internet Security, Security Cloud Personal, Security Cloud Family และ Total Security ไม่ต้องลงทะเบียนหรือกรอกข้อมูลบัตรเครดิตเพื่อใช้เวอร์ชันทดลองใช้งานฟรี มันช่วยมอบโอกาสในการทดสอบตัวเลือกต่าง ๆ ก่อนที่คุณจะตัดสินใจซื้อได้ดี

การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน

Kaspersky มีการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน แต่มันพร้อมให้บริการเฉพาะหากคุณสั่งซื้อโดยตรงจากเว็บไซต์ของบริษัทเท่านั้น หากคุณสั่งซื้อผ่าน Google Play หรือ Apple App Store คุณจะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากข้อเสนอนี้ได้

วิธีที่เรียบง่ายที่สุดในการรับเงินคืนคือการกรอกแบบฟอร์มและส่งมันโดยตรง มันอาจจะใช้เวลานานมากกว่า 1 วันทำการในการตอบกลับ (พวกเขาใช้เวลาสองสามชั่วโมงในการติดต่อฉัน) และฉันก็ได้รับเงินคืนเข้าบัญชีธนาคารของฉันหลังจาก 7 วันทำการ

Kaspersky Premium
$ 149.99 $ 74.99 ต่อ ปี
You Save 50%
Kaspersky Standard
$ 69.99 $ 38.49 ต่อ ปี
You Save 45%
Kaspersky Plus
$ 99.99 $ 52.99 ต่อ ปี
You Save 47%

บทสรุป

จากการทดสอบของฉัน ฉันเป็นแฟนแผนให้บริการฟรีของ Kaspersky เนื่องจากคุณจะได้รับการป้องกันแอนตี้ไวรัสคุณภาพเทียบเท่าแพ็กเกจพรีเมียม หากเหตุการณ์อย่างรัสเซียทำให้คุณไม่มั่นใจ โปรดทราบว่าคุณสามารถปิดการเก็บรวบรวมข้อมูลของคุณและดูแลให้ข้อมูลของคุณเป็นส่วนตัวได้ง่าย ๆ

แม้ว่า Kaspersky จะเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์แอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดในตลาด แต่ฉันไม่สามารถแนะนำแผนให้บริการแบบชำระเงินใด ๆ ของ Kaspersky ได้ ประสิทธิภาพโดยรวมของฟีเจอร์เสริมนั้นยังไม่ดีนัก พูดง่าย ๆ ก็คือ VPN, ผู้จัดการรหัสผ่านและแผงควบคุมสำหรับผู้ปกครองยังมอบความคุ้มค่ากับเงินที่เราต้องจ่ายไปไม่ได้ คุณควรจะใช้แอนตี้ไวรัสชั้นนำอย่าง Norton ซึ่งมีฟีเจอร์ที่ครอบคลุมมากกว่าและฟีเจอร์ทั้งหมดก็ทำงานได้ดีมาก ๆ

หากคุณไม่ต้องการจ่ายเงินเพื่อการป้องกันสูงสุด แผนให้บริการฟรีของ Kaspersky ก็ดีพอที่จะป้องกันคุณจากการโจมตีทางไซเบอร์ส่วนใหญ่ มันแตกต่างอย่างชัดเจนในการเปรียบเทียบกับโปรแกรมแอนตี้ไวรัสฟรีอื่น ๆ เช่น Sophos และ Avira เนื่องจากมันมีฟีเจอร์มากมายที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว แม้ว่าฟีเจอร์ทั้งหมดจะมีข้อจำกัด แต่แผนให้บริการฟรีของ Kaspersky ก็เหนือกว่าการป้องกันมัลแวร์ธรรมดา ๆ ทั่วไป

ลองใช้ Kaspersky ฟรีวันนี้!

คำถามที่พบบ่อย: แอนตี้ไวรัส Kaspersky

ฉันสามารถไว้วางใจ Kaspersky ได้ไหม?

ได้ สถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับรัสเซียนั้นมีหลักฐานไม่ชัดเจน ในการพยายามสร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่นที่มีต่อผู้ใช้ Kaspersky ได้ย้ายเครือข่ายส่วนใหญ่ออกมาอยู่นอกรัสเซียแล้ว การค้นคว้าของฉันได้ระบุถึงปัญหาบางอย่างเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัวของบริษัท แต่ Kaspersky ก็รับรองกับผู้ใช้ว่ามันจะถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการวิเคราะห์เท่านั้น

ทำไม Kaspersky ถึงถูกแบนในสหรัฐอเมริกา?

เนื่องจากมีข้อกล่าวอ้างว่ามันทำงานร่วมกับหน่วยงานรัฐบาลของรัสเซียอย่าง KGB จึงทำให้มีการแบนชั่วคราวเกิดขึ้นในปี 2018 การแบนดังกล่าวกลายเป็นเรื่องถาวรในปี 2020 โดยเจ้าหน้าที่รัฐบาลและผู้รับเหมาของสหรัฐอเมริกาต้องหยุดใช้งาน Kaspersky หากแนวคิดการเก็บรวบรวมข้อมูลของ Kaspersky ไม่เหมาะกับคุณ คุณฏ็สามารถเลือกที่จะปิดการตั้งค่าดังกล่าวได้ง่าย ๆ

Kaspersky เวอร์ชันฟรีปลอดภัยไหม?

ใช่ มันปลอดภัย จริง ๆ จากผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของ Kaspersky ฉันขอแนะนำให้ใช้งานเวอร์ชันฟรี มันมอบการป้องกันแอนตี้ไวรัสที่ไม่มีใครเทียบได้ในระเดียวกันกับตัวเลือกพรีเมียมและมีแม้กระทั่งการป้องกันแรนซัมแวร์ — สิ่งที่คุณจะพบว่าขาดไปในตัวเลือกแอนตี้ไวรัสฟรีอื่น ๆ แม้ว่ามันจะขาดฟีเจอร์บางอย่างไปสองสามอย่าง แต่ Kaspersky Security Cloud Free ก็ยังมอบเครื่องมือป้องกันข้อมูลอย่างเครื่องมือกำจัดไฟล์ถาวร (File Shredder) และเครื่องมือทำความสะอาดความเป็นส่วนตัว (Privacy Cleaner) ซึ่งช่วยดูแลคุณให้ปลอดภัย

Kaspersky ช่วยป้องกันฉันจากลิงก์ฟิชชิ่ง โทรจัน ไวรัสและสปายแวร์ได้ไหม?

ได้ ทุกเวอร์ชันต่างก็เสนอการป้องกันอันแข็งแกร่งที่เหมือนกัน ในการทดสอบ มันมอบความปลอดภัยต่อภัยคุกคามใด ๆ ที่ทีมงานและฉันใช้ทดสอบได้ แม้กระทั่ง Kaspersky Security Cloud เวอร์ชันฟรีเองก็มอบอัตราการป้องกันที่ยอดเยี่ยมซึ่งทำให้มันเป็นหนึ่งในตัวเลือกแอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดที่มีให้บริการ นอกจากนี้มันยังมีการป้องกันแรนซัมแวร์มาให้ด้วยซึ่งแตกต่างจากตัวเลือกฟรีอื่น ๆ ที่มักจำกัดฟีเจอร์สำคัญเอาไว้ให้เฉพาะสำหรับการสมัครสมาชิกแบบพรีเมียมเท่านั้น!
อันดับสูงสุด ตัวเลือกยอดนิยม
Norton
$ 29.99 / year ประหยัด  58%
TotalAV
$ 19.00 / year ประหยัด  84%
Intego
$ 19.99 / year ประหยัด  61%
พวกเราจัดอันดับผู้ให้บริการตามการทดสอบและการค้นคว้าอย่างเข้มงวด แต่ก็จะมีการคำนึงถึงความคิดเห็นของคุณและค่าคอมมิชชั่นจากผู้ให้บริการด้วย ผู้ให้บริการบางรายนั้นจะมีบริษัทแม่แห่งเดียวกันกับพวกเรา เรียนรู้เพิ่มเติม

Wizcase ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2018 ในฐานะเว็บไซต์รีวิวบริการ VPN อย่างอิสระและเว็บไซต์ข่าวเกี่ยวกับเรื่องความเป็นส่วนตัว วันนี้ ทีมงานนักวิจัยความปลอดภัยทางไซเบอร์, นักเขียน และบรรณาธิการนับร้อยของพวกเราได้ช่วยผู้อ่านให้ต่อสู้เพื่ออิสรภาพทางออนไลน์ผ่านการจับมือกับ Kape Technologies PLC ซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ดังต่อไปนี้: ExpressVPN, CyberGhost, Intego และ Private Internet Access ซึ่งอาจจะได้รับการจัดอันดับและรีวิวบนเว็บไซต์ของเราด้วย รีวิวที่ได้รับการเผยแพร่บน Wizcase นั้นมีความแม่นยำถึงวันที่ทำการเผยแพร่ และแต่ละรีวิวก็จะถูกเขียนขึ้นโดยอ้างอิงมาตรฐานที่เข้มงวดด้านการรีวิวซึ่งจะเน้นความเป็นอิสระและการค้นคว้าวิจัยอย่างซื่อสัตย์และเป็นมืออาชีพของนักรีวิว โดยจะเน้นไปถึงความสามารถและคุณภาพของผลิตภัณฑ์รวมถึงความคุ้มค่าที่มันมีต่อผู้ใช้งาน การจัดอันดับและรีวิวที่พวกเราเผยแพร่นั้นอาจจะคำนึงถึงการเป็นเจ้าของเดียวกันที่กล่าวถึงด้านบน และค่าคอมมิชชั่นที่พวกเราได้รับในกรณีที่มีการสั่งซื้อผ่านลิงก์บนเว็บไซต์ของเราด้วย พวกเราไม่ได้ทำการรีวิวผู้ให้บริการ VPN ทั้งหมด และข้อมูลที่เผยแพร่นั้นจะมีความแม่นยำถึงวันที่เผยแพร่แต่ละบทความ