หลังจากที่ได้เปรียบเทียบ VPN เหล่านี้ เราได้ผู้ชนะแล้ว!
Witopia และ PureVPN มีความเร็วอยู่ในระดับกลางๆแต่ก็ช้ากว่า vpn ชั้นนำอย่าง ExpressVPN หรือ NordVPN และถ้าพูดถึงความสม่ำเสมอของเซิร์ฟเวอร์ PureVPN ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด
| ผู้ให้บริการ VPN |
|
|
|---|---|---|
| การลดความเร็วในการดาวน์โหลด | 40% (UK) | 57% (UK) |
| การลดความเร็วในการอัพโหลด | 37% (FRA) | 66% (FRA) |
| เวลา Ping ไปยัง Google.com | 41ms | 456ms |
| เวลาเฉลี่ยในการเชื่อมต่อ (วินาที) | 11ms | 19ms |
| สามารถหลบหลีกการบล็อคได้สำเร็จสำหรับ |
|
|
| เยี่ยมชมเว็บไซต์ | เยี่ยมชมเว็บไซต์ |
ความเร็วถือเป็นปัจจัยที่สำคัญเมื่อเลือก VPN ซึ่งความเร็วในการใช้ VPN จะมาพร้อมกับค่าใช้ที่เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามยิ่ง VPN มีความเร็วมากเท่าใด คุณยิ่งจะสามารถเข้าใกล้ความเร็วสูงสุดของเน็ตเวิร์คของคุณได้มากเท่านั้น เวลา Ping มีความสำคัญเทียบเท่ากับความเร็วในการดาวน์โหลด/อัพโหลดสำหรับการสตรีมมิ่ง เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับความเร็วในการรับข้อมูล เวลา ping ที่น้อยกว่าและแบนด์วิธในการดาวน์โหลดที่สูงจะช่วยให้การสตรีมมิ่งเป็นไปได้อย่างไม่มีสะดุด การใช้เวลาในการเชื่อมต่อที่สั้นกว่าจะช่วยป้องกันความวุ่นวาย ส่วนการเชื่อมต่อที่เสถียรถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการสตรีมมิ่งหรือทำกิจกรรมใด ๆ ที่ความเป็นส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญ
PureVPN มีเซิร์ฟเวอร์กว่า 750+ เครื่องในกว่า 140 ประเทศซึ่งมีตัวเลือกเยอะ Witopia มีประมาณ 300+ เครื่องในกว่า 45 ประเทศซึ่งดูเหมือนจะเป็นเหตุผลว่าทำไมความเร็วถึงไม่สมเหตุสมผลกับปริมาณผู้ใช้งาน พวกเขากำลังเพิ่มจำนวนเซิร์ฟเวอร์ และในบางพื้นที่ก็มีความเร็วสูงกว่า
| ผู้ให้บริการ VPN |
|
|
|---|---|---|
| ตำแหน่งของเซิฟเวอร์ | 180 | 42 |
| ประเทศที่ตั้งเซิฟเวอร์ | 141 | 45 |
| IP Address | 750 | 74 |
| การสลับเซิฟเวอร์แบบไดนามิค | ||
| เยี่ยมชมเว็บไซต์ | เยี่ยมชมเว็บไซต์ |
เซิฟเวอร์จำนวนมากจะหมายถึงความแออัดที่น้อยลงและความเร็วที่มากยิ่งขึ้น ตำแหน่งที่มากยิ่งขึ้นจะเพิ่มตัวเลือกที่มากยิ่งขึ้น แต่คุณก็ควรตรวจสอบพื้นที่ที่คุณต้องการปลดบล็อกเว็บไซต์ การมี IP addresses จำนวนมากจะช่วยในเรื่องความเป็นส่วนตัว ในขณะที่การสลับเซิฟเวอร์แบบไดนามิคจะเป็นตัวที่ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดียิ่งขึ้นและติดตามได้ยากยิ่งขึ้น
คุณภาพด้านการบริการลูกค้าของ VPN ทั้งสองนี้เท่า ๆ กัน ทั้ง Witopia และ PureVPN มีแชทสดที่ตอบรวดเร็วและยังมีบริการตั๋วอีเมลที่เป็นระบบ แต่ส่วนใหญ่ Witopia สามารถให้บริการเฉพาะสำหรับผู้ใช้งานได้มากกว่า และส่วนบริการสนับสนุนบนเว็บไซต์ก็เต็มไปด้วยข้อมูลและคู่มือการแนะนำการใช้งาน
| ผู้ให้บริการ VPN |
|
|
|---|---|---|
| ระยะเวลาในการตอบอีเมล | 7 | 11 |
| ช่วยเหลือ 24/7 | ||
| การแชท | ||
| ฐานความรู้ | ||
| วิดีโอแนะนำการใช้งาน | ||
| เยี่ยมชมเว็บไซต์ | เยี่ยมชมเว็บไซต์ |
ถึงแม้ว่าผู้คนส่วนใหญ่จะคิดว่าการช่วยเหลือที่ดีมีความจำเป็นเฉพาะในช่วงการติดตั้ง VPN แต่จริง ๆ แล้วก็อาจมีอย่างอื่นที่ท่านอาจต้องการความช่วยเหลือนี้ได้เช่นกัน เช่น การเชื่อมต่อไปยังเซิฟเวอร์บางแห่ง การเปลี่ยนโปรโตคอล และการปรับค่า VPN บนเราท์เตอร์ เป็นต้น เราได้ตรวจสอบ VPN แต่ละตัวเพื่อดูว่ามีการช่วยเหลือเวลาใดบ้าง (ถึงแม้ในช่วงกลางดึก), ระยะเวลาที่พวกเขาตอบสนอง และพวกเขาได้ตอบคำถามเราหรือไม่
แอปของ PureVPN ใช้งานง่ายสำหรับผู้ใช้งาน VPN มือใหม่ และยังมีการปรับตั้งค่าที่เหมาะกับผู้ใช้งานที่มีประสบการณ์แล้ว อินเทอร์เฟซพื้นฐานก็เรียบง่ายและคุณเพียงต้องเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องการและคลิก Connect และมีการตั้งค่าโปรโตคอลให้อัตโนมัติ แต่คุณสามารถเลือกตัวเลือกอื่น ๆ ได้จากรายชื่อที่มี นอกจากนี้ยังมีแท็บที่ให้ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าและปรับแต่งแอปให้เป็นไปตามต้องการได้
PureVPN มีแอปสำหรับแพลตฟอร์มหลัก ๆ ทั้งหมด และยังมี browser extension อีกด้วย และยังมีเซิร์ฟเวอร์ให้เลือกมากมาย รวมถึงเซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการสตรีมมิ่ง การดูการถ่ายทอดกีฬาออนไลน์ การแชร์ไฟล์แบบไม่เปิดเผยตัวตน และการรักษาข้อมูลที่ปลอพภัย หรือคุณสามารถเลือกเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่มีความเร็วสูงที่สุดสำหรับแต่ละประเทศได้ PureVPN ทำงานได้บนโทรศัพท์มือถือ และยังให้คุณสามารถเข้าถึง Netflix และ Hulu ได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้งานในประเทศจีนได้ด้วย
Witopia ติดตั้งและใช้งานได้ง่ายและยังให้คุณเชื่อมต่อกับความเร็วสูงที่สุดได้อัตโนมัติและมีตัวเลือกให้คุณเลือก Server ด้วยตนเองหากคุณต้องการ ทางบริษัทเพิ่งมีการพัฒนาอินเตอร์เฟซซึ่งน่าจะทำให้ผู้ใช้งานเก่าๆชอบเพราะตอนนี้ทุกอย่างดูสะอาดเป็นระเบียบและใช้งานได้ง่ายตั้งแต่ครั้งแรก
มีแผนที่ที่ให้คุณดูการเชื่อมต่อที่สามารถใช้ได้แต่มันจะดีกว่านี้ถ้ามันเป็นแผนที่แบบ interactive
Witopia ทำงานได้กับอุปกรณ์ทุกรูปแบบรวมถึงเครื่อง e-reader อย่าง Kindle Fire ซึ่งเป็นสิ่งที่หายากในผู้ให้บริการ vpn อื่นๆแต่น่าเสียดายที่มันมีปัญหาในการเข้าถึง Netflix และบริการสตรีมมิ่งอื่นๆแต่มันสามารถหลบเลี่ยง Firewall ของประเทศจีนได้ดี
WizCase เป็นเว็บไซต์รีวิวอิสระ เราได้รับการสนับสนุนจากผู้อ่าน ดังนั้นเราจึงอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นเมื่อคุณสั่งซื้อผ่านลิงก์บนเว็บไซต์ของเรา คุณไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มสำหรับอะไรก็ตามที่คุณสั่งซื้อบนเว็บไซต์ของเรา — ค่าคอมมิชชั่นของเรามาจากเจ้าของผลิตภัณฑ์โดยตรง
สนับสนุน WizCase เพื่อช่วยเรารับประกันคำแนะนำที่ซื่อสัตย์และยุติธรรม แชร์เว็บไซต์ของเราเพื่อสนับสนุนเรา!
