VPNCity รีวิว 2024: สมควรซื้อหรือเปล่า?

ภาพรวม VPNCity 2024

VPNCity เป็นโปรแกรม VPN ราคาถูกที่ฉันไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน ดังนั้นฉันจึงไม่ได้คาดหวังว่ามันจะทำงานได้ดีเท่าไหร่นัก

ฉันทดลองเซิร์ฟเวอร์ของ VPNCity มากกว่า 40 เซิร์ฟเวอร์บนอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อทดสอบความเร็ว ความสามารถในการสตรีมมิ่ง ความปลอดภัยและบริการลูกค้า หลังจากการทดสอบโดยละเอียด ฉันก็ได้ข้อสรุปว่า VPNCity มอบฟีเจอร์มากมายสำหรับโปรแกรม VPN พื้นฐาน มีตัวเลือกที่ราคาเป็นมิตรในตลาดไม่มากนักที่สามารถเอาชนะความสามารถของ VPNCity ได้:

  • มอบการเข้ารหัสระดับทหารในการป้องกันอุปกรณ์ทั้งหมดของคุณ
  • ปลดบล็อกรายการโปรดของคุณและภาพยนตร์บน Netflix, Disney Plus, Amazon Prime Video และบริการสตรีมมิ่งหลักอื่น ๆ ได้
  • เข้าถึงเว็บไซต์และการสตรีมบนอุปกรณ์ต่าง ๆ ในเวลาเดียวกันได้โดยไม่มีปัญหาด้านการเชื่อมต่อ
  • ดาวน์โหลด Torrent ได้อย่างปลอดภัยและไม่เปิดเผยตัวตน

อย่างไรก็ตามหากคุณต้องการความเร็วที่รวดเร็วมั่นคง ตัวเลือกความปลอดภัยเพิ่มเติมและฟีเจอร์ขั้นสูงกว่า (เช่น โปรแกรม VPN ที่ใช้งานในประเทศจีนได้) ในราคาที่ถูกกว่า Surfshark เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า VPNCity นอกจากนี้ Surfshark ยังมีการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วันมาให้ด้วย ดังนั้นคุณจึงสามารถลองใช้ฟีเจอร์ต่าง ๆ ด้วยตัวเองได้ฟรี 30 วัน! หากคุณไม่พึงพอใจ คุณสามารถติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าในภาษาไทยและขอเงินคืนได้

ลองใช้ Surfshark ฟรี!

ไม่มีเวลาอ่านใช่ไหม? นี่คือบทสรุปฉบับ 1 นาที

ลองใช้ VPNCity วันนี้!

VPNCity ปลดบล็อก HBO NOW, Hulu, BBC iPlayer, YouTube Premium ได้

สำหรับผู้ให้บริการขนาดเล็กแบบนี้ โปรแกรม VPN นี้ถือว่าทำได้ดีมากในเรื่องการหลีกเลี่ยงการปิดกั้นทางภูมิศาสตร์ นอกจาก Netflix แล้ว ฉันยังสามารถปลดบล็อก unblocked HBO, Hulu, BBC iPlayer และ YouTube Premium ได้อย่างเต็มรูปแบบอีกด้วย ตัวโปรแกรมมีแม้กระทั่งเซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการปรับแต่งสำหรับการสตรีมมิ่งสำหรับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่เฉพาะเจาะจงด้วย!

Netflix: ปลดบล็อกได้

VPNCity มีเซิร์ฟเวอร์สตรีมมิ่งที่ใช้งานกับ Netflix ได้ในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักรและออสเตรเลียซึ่งสามารถหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดพร็อกซีของ Netflix ได้สำเร็จ ฉันสามารถรับชมเนื้อหาในท้องถิ่นในทุกคลังข้อมูลเนื้อหาที่ฉันทั้งสอบทั้งหมดได้โดยไม่มีการโหลด หลังจากได้รับการยืนยันแล้วว่าเซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการปรับแต่งสำหรับการสตรีมมิ่งใช้งานได้ ฉันก็อยากดูว่าฉันจะสามารถปลดบล็อกเนื้อหาในภูมิภาคอื่นใดได้บ้าง (แม้ว่าจะไม่มีเซิร์ฟเวอร์สำหรับการสตรีมมิ่งเฉพาะสำหรับ Netflix ในรายการก็ตาม) ฉันทดสอบเซิร์ฟเวอร์ของ VPNCity ในเยอรมนี ญี่ปุ่นและโมรอกโกและแต่ละเซิร์ฟเวอร์ก็อนุญาตให้ฉันเข้าถึงรายการโทรทัศน์ในท้องถิ่นและภาพยนตร์บน Netflix ได้!

ภาพหน้าจอของ Netflix สตรีมมิ่ง Dogs of Berlin ในขณะที่ VPNCity เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในเยอรมนี
ฉันสามารถใช้เซิร์ฟเวอร์ของ VPNCity ในเยอรมนีเพื่อรับชม Dogs of Berlin บน Netflix ได้โดยไม่มีการกระตุก

รับชม Netflix ด้วย VPNCity

Amazon Prime Video: ปลดบล็อกได้บางส่วน

VPNCity ไม่มีเซิร์ฟเวอร์เฉพาะสำหรับการสตรีมมิ่ง Amazon Prime Video อย่างไรก็ตามันมี 3 เซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักรและออสเตรเลียที่ถูกติดป้ายไว้ว่า “บริการสตรีมมิ่งอื่น ๆ” เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้ปลดบล็อกคลังข้อมูลเนื้อหาของ Prime Video ในสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลียได้ แต่ไม่สามารถปลดบล็อกคลังข้อมูลของสหราชอาณาจักรได้ ฉันประหลาดที่ผู้ให้บริการขนาดเล็กน้อยใช้งานกับบริการสตรีมมิ่งยอดนิยมได้ ด้วยการใช้เซิร์ฟเวอร์สำหรับการสตรีมมิ่งในซิดนีย์ ฉันสามารถรับชม Guava Island ได้และไม่เคยต้องรอให้โหลดเลย

ภาพหน้าจอของการสตรีมวิดีโอ Amazon Prime Guava Island ขณะล็อกอินเข้าสู่เซิร์ฟเวอร์ VPNCity ในออสเตรเลีย
แม้ว่า VPNCity จะไม่มีเซิร์ฟเวอร์สำหรับ Amazon Prime Video แต่ฉันก็สามารถลงชื่อเข้าใช้และรับชม Guava Island ได้

ฉันลองใช้เซิร์ฟเวอร์อื่น ๆ ในออสเตรีย แคนาดา เยอรมนี โปแลนด์และอุรุกวัย — แต่ไม่มีเซิร์ฟเวอร์ใดเลยที่ใช้งานได้ แต่ถึงอย่างนั้นคลังข้อมูลเนื้อหาของสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลียก็มอบสิทธิ์ในการเข้าถึงเนื้อหาสตริมมิ่งของ Amazon Prime Video ส่วนใหญ่กับคุณแล้ว ดังนั้นคุณจะไม่พลาดรายการยอดนิยมใด ๆ

รับชม Prime Video ด้วย VPNCity

Disney+: ปลดบล็อกได้บางส่วน

ด้วยการใช้เซิร์ฟเวอร์สตรีมมิ่งสำหรับ Disney+ จำนวน 3 เซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักรและออสเตรเลีย ฉันสามารถลงชื่อเข้าใช้และรับชม Hamilton ได้โดยไม่มีปัญหา

ภาพหน้าจอของแฮมิลตันที่เล่นบน Disney + ขณะเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์สตรีมมิ่ง DIsney Plus Australia ของ VPNCity
ฉันรับชม Hamilton บน Disney+ ได้โดยการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ของ VPNCity ในออสเตรเลีย

ฉันสงสัยว่าฉันสามารถปลดบล็อกเนื้อหาของ Disney+ ในประเทศอื่น ๆ ได้ไหม แต่ฉันก็ต้องผิดหวัง ฉันลองใช้เซิร์ฟเวอร์ปกติของ VPNCity ที่อยู่ในฝรั่งเศส แคนาดา อิตาละและอินเดีย แต่ฉันก็พบกับข้อความผิดพลาดของ Disney+ ทั้งหมด

รับชม Disney+ ด้วย VPNCity

HBO NOW: ปลดบล็อกได้

VPNCity มาพร้อมกับเซิร์ฟเวอร์สำหรับการสตรีมมิ่ง HBO NOW และมันทำงานได้ดีเลยทีเดียว ฉันสามารถลงชื่อเข้าใช้บัญชี HBO ของฉันได้ทันทีและรับชม Bohemian Rhapsody ในความคมชัดระดับ HD ได้โดยไม่มีการกระตุกหรือการโหลด

ภาพหน้าจอของ HBO NOW ที่เล่น Bohemian Rhapsody ขณะเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์สตรีมมิ่ง HBO Now ของ VPNCity
เซิร์ฟเวอร์สตรีมมิ่งสำหรับ HBO NOW ของ VPNCity ทำงานได้ดี — ฉันรับชม Bohemian Rhapsody ในความคมชัดระดับ HD ได้โดยไม่ต้องรอโหลด

ความเร็วนั้นรวดเร็วในช่วงตอนกลางวัน แต่ฉันเกรงว่าฉันจะไม่ได้มีตัวเลือกอื่นหากเซิร์ฟเวอร์สตรีมมิ่งของ VPNCity หนาแน่นและช้า ฉันพยายามลงชื่อเข้าใช้จากเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกา แต่ไม่มีเซิร์ฟเวอร์ใดที่ใช้งานได้เลย

รับชม HBO ด้วย VPNCity

Hulu: ปลดบล็อกได้

แม้ว่า VPNCity จะไม่ได้มีเซิร์ฟเวอร์เฉพาะสำหรับ Hulu แต่ตัวเลือกเซิร์ฟเวอร์นิวยอร์กก็อนุญาตให้ฉันลงชื่อเข้าใช้ Hulu ได้ทันทีและรับชม Futurama แม้ในความคมชัดระดับ HD ได้ การสตรีมของฉันนั้นเริ่มเล่นทันทีและฉันไม่เคยต้องรอให้มันโหลดเลย

ภาพหน้าจอของการสตรีม Futurama บน Hulu ขณะที่ VPNCity เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในนิวยอร์กซิตี้สหรัฐอเมริกา
ฉันพบเซิร์ฟวเรอ์ VPNCity ในสหรัฐอเมริกาที่ปลดบล็อก Hulu ได้ทันที — แต่มันเป็นเพียงเซิร์ฟเวอร์เดียวเท่านั้นที่ใช้งานได้

หลังจากดำเนินการทดสอบเพิ่มเติม ฉันก็ตระหนักได้ว่าเซิร์ฟเวอร์นิวยอร์กและเซิร์ฟเวอร์ “บริการสตรีมมิ่งอื่น ๆ ในสหรัฐอเมริกา” เป็นเซิร์ฟเวอร์เดียวกัน — มันมีหมายเลข IP เดียวกัน ไม่มีเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกาอื่นใดที่ใช้งานกับ Hulu ได้ในระหว่างการทดสอบของฉัน แม้ว่าจะเล่น Futurama ได้โดยไม่มีการโหลดหรือการลดคุณภาพก็ตาม แต่คุณจะไม่มีตัวเลือกเซิร์ฟเวอร์อื่นให้สลับไปใช้ได้หากเซิร์ฟเวอร์สหรัฐอเมริกาดังกล่าวเกิดหนาแน่นอนในช่วงที่มีการใช้งานเยอะ

รับชม Hulu ด้วย VPNCity

BBC iPlayer: ปลดบล็อกได้

ด้วยเซิร์ฟเวอร์เฉพาะสำหรับการสตรีมมิ่ง BBC iPlayer ฉันปลดบล็อกแพลตฟอร์มและรับชม EastEnders โดยไม่กระตุกได้ทันที

ภาพหน้าจอของ BBC iPlayer สตรีม EastEnders ขณะเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์สตรีมมิ่ง BBC iPlayer ของ VPN City
หลังจากที่ฉันเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ BBC iPlayer ด้วย VPNCity EastEnders ก็เล่นได้ทันทีโดยไม่กระตุก

หลังจากทดสอบเซิร์ฟเวอร์ BBC iPlayer ในลอนดอน ฉันก็มีความสงสัยเซิรืฟเวอร์สหราชอาณาจักรอื่น ๆ (ตั้งอยู่ในแมนเชสเตอร์) ว่าใช้งานได้ไหม ฉันดีใจที่ได้พบว่ามันใช้งานได้เช่นเดียวกันกับเซิร์ฟเวอร์สำหรับการสตรีมมิ่ง เป็นเรื่องดีที่มีเซิร์ฟเวอร์มากมายสำหรับการรับชม BBC เผื่อในกรณีที่หนึ่งในเซิร์ฟเวอร์ดังกล่าวช้าเพราะมีผู้ใช้งานมากจนเกินไป

รับชม BBC iPlayer ด้วย VPNCity

YouTube Premium: ปลดบล็อกได้

VPNCity มีเซิร์ฟเวอร์ YouTube Premium ในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักรและออสเตรเลียและเซิร์ฟเวอร์ทั้ง 3 เซิร์ฟเวอร์ที่พร้อมให้บริการก็ปลดบล็อก YouTube Premium ได้ทันที ความเร็วก็รวดเร็วพอสำหรับการสตรีมหนึ่งในรายการ YouTube ที่ฉันชอบ Could You Survive the Movies? ในความคมชัดระดับ HD โดยไม่ต้องโหลด

ภาพหน้าจอของ YouTube Premium ที่เล่นในรูปแบบ HD ในขณะที่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์สตรีมมิ่ง YouTube Premium ของ VPNCity ในสหราชอาณาจักร
ฉันรับชมรายการ YouTube Premium ที่ชื่นชอบจากเซิร์ฟเวอร์สำหรับการสตรีมมิ่งในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักรและออสเตรเลียได้

รับชม YouTube Premium ด้วย VPNCity

ความเร็ว

- 4.0 / 10

ความเร็วเซิร์ฟเวอร์ของ VPNCity นั้นไม่สม่ำเสมอ บางครั้งฉันก็ได้รับความเร็วที่รวดเร็วมากและในเวลาอื่น ๆ เซิร์ฟเวอร์ก็ชะลอความเร็วการเชื่อมต่อของฉันอย่างมาก ตอนที่ความเร็วช้าที่สุด ความเร็วของฉันอยู่ที่เพียง 2.6 Mbps จากเซิร์ฟเวอร์ลอนดอน สหราชอาณาจักรซึ่งไม่เร็วพอในการรับชมในความคมชัดระดับ HD บน 1 อุปกรณ์

ภาพหน้าจอของผลลัพธ์ Speedtest.net แสดงความเร็วใน 4 ประเทศที่แตกต่างกัน
VPNCity มีความเร็วไม่สม่ำเสมอและคุณอาจได้รับความเร็วที่ล่าช้าในช่วงที่มีการใช้งานเยอะ

ความเร็วที่ช้าลงอาจเป็นปัญหาใหญ่ในการรับชมโทรทัศน์และภาพยนตร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากฉันมีเซิร์ฟเวอร์ VPNCity เพียง 1 เซิร์ฟเวอร์ที่ปลดบล็อกบริการสตรีมมิ่งนั้น ๆ ได้ หากความเร็วของคุณช้าลง คุณจะไม่มีตัวเลือกเซิร์ฟเวอร์อื่นให้เปลี่ยนไปใช้

ฉันลองรับชม Netflix บนอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อดูว่าการเชื่อมต่ออุปกรณ์จำนวนมากนั้นจะก่อให้เกิดการกระตุกหรือไม่ ตอนที่รับชม Stranger Things บน Windows PC และโทรศัพท์ Android 2 เครื่อง ฉันก็ไม่พบกับการกระตุกใด ๆ จากเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้ฉันที่สุดเลย (ในสหรัฐอเมริกา) ในขณะที่ทดสอบจำนวนอุปกรณ์เดียวกันนี้กับเซิร์ฟเวอร์เยอรมนี ฉันต้องรอสองสามวินาทีเพื่อให้การสตรีมเริ่มต้นขึ้น

คุณสามารถลองใช้ VPNCity ฟรี 30 วันได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงินเพื่อให้มันใจว่ามันเร็วพอสำหรับการรับชมบนอุปกรณ์ทั้งหมดของคุณหรือไม่ก่อนที่คุณจะตัดสินใจสมัครสมาชิก หากคุณไม่ต้องการรับมือกับปัญหาที่ฉันเผชิญ ฉันขอแนะนำให้คุณลองใช้ ExpressVPN ฉันสามารถรับชมรายการโปรดของฉันได้โดยมีการโหลดเพียงไม่กี่วินาทีและไม่มีการล่าช้าในตอนต่าง ๆ ทั้งหมด

ลองใช้ ExpressVPN ฟรี

ความสำคัญของความเร็วและสิ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อเลือก VPN?

ความเร็วถือเป็นปัจจัยที่สำคัญเมื่อเลือก VPN ซึ่งความเร็วในการใช้ VPN จะมาพร้อมกับค่าใช้ที่เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามยิ่ง VPN มีความเร็วมากเท่าใด คุณยิ่งจะสามารถเข้าใกล้ความเร็วสูงสุดของเน็ตเวิร์คของคุณได้มากเท่านั้น เวลา Ping มีความสำคัญเทียบเท่ากับความเร็วในการดาวน์โหลด/อัพโหลดสำหรับการสตรีมมิ่ง เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับความเร็วในการรับข้อมูล เวลา ping ที่น้อยกว่าและแบนด์วิธในการดาวน์โหลดที่สูงจะช่วยให้การสตรีมมิ่งเป็นไปได้อย่างไม่มีสะดุด การใช้เวลาในการเชื่อมต่อที่สั้นกว่าจะช่วยป้องกันความวุ่นวาย ส่วนการเชื่อมต่อที่เสถียรถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการสตรีมมิ่งหรือทำกิจกรรมใด ๆ ที่ความเป็นส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญ

เซิร์ฟเวอร์

- 5.0 / 10

เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ — เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่สำหรับผู้ให้บริการที่มีขนาดเล็ก

ฉันประทับใจกับเครือข่ายของ VPNCity ที่มีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 3,000 เซิร์ฟเวอร์ในประเทศต่าง ๆ กว่า 30 ประเทศ เซิร์ฟเวอร์ของพวกเขาทำงานได้ดีในเรื่องการตอบโจทย์ความต้องการในการสตรีมมิ่งของฉันซึ่งถือเป็นเรื่องดีเมื่อพิจารณาถึงว่าผู้ให้บริการขนาดเล็กส่วนใหญ่ไม่มีเซิร์ฟเวอร์ที่ปรับแต่งสำหรับการสตรีมมิ่ง

ภาพหน้าจอของอินเทอร์เฟซผู้ใช้ของ VPNCity แสดงรายการเซิร์ฟเวอร์สตรีมมิ่ง
ฉันประทับใจที่ VPNCity มีเซิร์ฟเวอร์หลายพันเซิร์ฟเวอร์แม้ว่ามันจะเป็นผู้ให้บริการ VPN ขนาดเล็กก็ตาม

ความปลอดภัย — การเข้ารหัสที่ทรงพลังและการปิดกั้นโฆษณาภายในตัว

VPNCity อ้างว่าใช้การเข้ารหัสระดับทหาร 256-บิตซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ตำแหน่งของคุณและข้อมูลส่วนตัวจะไม่มีวันรั่วไหล ฉันทดสอบการเข้ารหัสกับการรั่วไหลของ DNS เพื่อดูว่าหมายเลข IP ที่แท้จริงของฉันถูกเปิดเผยหรือไม่ หลังจากที่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในสวีเดน การทดสอบ DNS แสดงให้เห็นว่าหมายเลข IP ที่แท้จริงของฉันถูกปิดบังเอาไว้ นี่หมายความว่าการเชื่อมต่อของฉันปลอดภัยและการเข้ารหัสก็กำลังทำงาน

ภาพหน้าจอของ VPNCity ที่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์สวีเดนและผ่านการทดสอบการรั่วไหลของ DNS
VPNCity สอบผ่านการทดสอบการรั่วไหลของ DNS ของฉันซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าไม่มีข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ ของฉันที่ถูกเปิดเผย

เนื่องจากผู้ให้บริการ VPN ขนาดเล็กจำนวนมากไม่มีเครื่องมือปิดกั้นโฆษณามาให้ ดังนั้นฉันจึงค่อนข้างประหลาดใจที่ VPNCity ปิดกั้นโฆษณาใด ๆ บนเว็บเบราว์เซอร์ของฉัน (แม้ว่าฉันจะต้องเปิดใช้งานมันด้วยตัวเองก็ตาม) นี่ถือเป็นโบนัสที่สำคัญสำหรับฉันเพราะโฆษณามักมีมัลแวร์ซึ่งสามารถขโมยข้อมูล เช่น ข้อมูลลงชื่อเข้าใช้และข้อมูลบัตรเครดิตของคุณได้ อย่างไรก็ตามมันไม่มีเครื่องมือปิดกั้นมัลแวร์จริง ๆ มาให้ นี่หมายความว่าการคลิกลิงก์ที่เป็นอันตรายอาจเป็นการติดตั้งมัลแวร์ที่เป็นอันตรายกับอุปกรณ์ของคุณได้

ปิดกั้นโฆษณาด้วย VPNCity

ความเป็นส่วนตัว — Kill Switch ป้องกันตัวตนของคุณ แต่นโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานยังไม่ได้รับการทดสอบ

VPNCity บอกว่าตนเป็นผู้ให้บริการ VPN ที่ไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานโดยกล่าวอ้างว่าไม่มีการบันทึกข้อมูลการท่องเว็บใด ๆ ของคุณเอาไว้ อย่างไรก็ตามแม้ว่านโยบายความเป็นส่วนตัวจะระบุว่าไม่มีการบันทึกข้อมูลเอาไว้ แต่มันก็ไม่เคยถูกตรวจสอบหรือทดสอบเลย ฉันจะรู้สึกมั่นใจมากกว่านี้หาก VPNCity รับการทดสอบจากบริษัทภายนอกที่พิสูจน์ว่านโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานของพวกเขานั้นเป็นเรื่องจริง

VPNCity ยังมี Kill Switch ซึ่งจะเปิดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและการถ่ายโอนข้อมูลของคุณหากคุณยกเลิกการเชื่อมต่อจากโปรแกรม VPN นี่จะป้องกันหมายเลข IP ที่แท้จริง ตำแหน่งและข้อมูลอื่น ๆ ของคุณไม่ให้ถูกเปิดเผย คุณแค่ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เปิดใช้งานมันแล้วในเมนูการตั้งค่า

การ Torrenting — รองรับการ Torrent ในทุกเซิร์ฟเวอร์ แต่ไม่มีการป้องกันมัลแวร์

VPNCity ไม่มีเซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการปรับแต่งสำหรับการ Torrenting แต่มันกล่าวอ้างว่าเซิร์ฟเวอร์ของพวกเขานั้นรองรับการดาวน์โหลดแบบ P2P หลังจากที่ทดสอบเซิร์ฟเวอร์ต่าง ๆ มากมายในเกือบทุกทวีป เซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดอนุญาตให้ฉัน Torrent เอกสารบน Pirate Bay ได้ ความกังวลอย่างยิ่งในการดาวน์โหลด Torrent ของฉันคือความปลอดภัยและ VPNCity ก็มีฟีเจอร์ที่น่าเชื่อถือ (เช่น นโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน การเข้ารหัสระดับสูงและ Kill Switch) ซึ่งจะดูแลให้ฉันปลอดภัยทางออนไลน์

ฉันแค่อยากให้ VPNCity มีเครื่องมือปิดกั้นมัลแวร์มาให้ด้วย เว็บไซต์ Torrent นั้นเต็มไปด้วยโฆษณาที่อาจจะพยายามติดตั้งมัลแวร์ลงบนคอมพิวเตอร์ของคุณเพื่อติดตามหรืออ่านข้อมูลของคุณก็เป็นได้

ดาวน์โหลด Torrent ด้วย VPNCity

ใช้ VPNCity ในประเทศจีนได้ไหม? (ไม่น่าไว้วางใจ)

แม้ว่าเว็บไซต์รีวิวโปรแกรม VPN อื่น ๆ จะบอกว่าใช้ได้ แต่ VPNCity ใช้งานในประเทศจีนไม่ได้ ที่จริงแล้วมีโปรแกรม VPN เพียงไม่กี่โปรแกรมเท่านั้นที่มีเทคโนโลยีในการหลีกเลี่ยงไฟร์วอลล์อินเทอร์เน็ตของประเทศจีน เว็บไซต์ VPNCity และเว็บไซต์รีวิวโปรแกรม VPN อื่น ๆ บอกว่ามันใช้งานในประเทศจีนได้ แต่ไม่สามารถรับประกันได้ 100% ว่าจะใช้งานได้ ExpressVPN เป็นโปรแกรม VPN ทางเลือกที่ฉันเคยใช้ในช่วงเดินทางไปยังประเทศจีนและมันก็หลีกเลี่ยงการเซ็นเซอร์ได้เสมอโดยที่รัฐบาลไม่สามารถดูกิจกรรมทางออนไลน์ของฉันได้

ท่องเว็บอย่างเป็นส่วนตัวด้วย ExpressVPN

ตำแหน่งของเซิฟเวอร์

ซีเรีย
นอร์เวย์
บัลแกเรีย
ประเทศจีน
ประเทศญี่ปุ่น
ประเทศมอริเตเนีย
ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
ประเทศอังกฤษ
ประเทศเยอรมัน
ปานามา
ฝรั่งเศส
ลักเซมเบิร์ก
สวีเดน
สหรัฐ
สาธารณรัฐเช็ก
ดูตำแหน่งที่รองรับทั้งหมด...

เป็นมิตรต่อผู้ใช้

- 7.0 / 10

การเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ในเวลาเดียวกัน — อนุญาตให้ใช้งานได้สูงสุด 12 อุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน

VPNCity อนุญาตให้คุณเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ในเวลาเดียวกันได้ 6, 8, 10 หรือ 12 อุปกรณ์โดยขึ้นอยู่กับประเภทการสมัครสมาชิกของคุณ ยิ่งสมัครสมาชิกนานแค่ไหน อุปกรณ์ที่คุณสามารถเชื่อมต่อได้ก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ฉันทดลองสตรีมมิ่งบนอุปกรณ์ต่าง ๆ จำนวน 5 อุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน ได้แก่ Windows PC จำนวน 2 เครื่อง โทรศัพท์ Android จำนวน 2 เครื่องและ Amazon Fire Stick ในระหว่างการทดสอบของฉัน ฉันไม่พบกับปัญหาการเชื่อมต่อหรือความเร็วที่ช้าลงใด ๆ

ความเข้ากันได้กับอุปกรณ์ — อุปกรณ์ต่าง ๆ มากมายและส่วนขยายเบราว์เซอร์

VPNCity ทำงานได้บนอุปกรณ์ แอปและระบบปฏิบัติการต่าง ๆ มากมาย มันเข้ากันได้กับ Windows, Android, macOS, iOS, Android TV, Fire TV Stick, Chrome, Firefox และ Shadowsocks ได้ เนื่องจากฉันมักใช้งาน Amazon Fire Stick เพื่อรับชมรายการต่าง ๆ กับครอบครัวของฉัน ฉันจึงมีความสุขที่ได้เห็นว่ามันเข้ากันได้กับ VPNCity นอกจากนี้ฉันยังมีความสุขที่ได้เห็นว่ามันทำงานกับ Smart TV ใด ๆ ก็ตามที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android TV ได้อีกด้วย (โปรแกรม VPN ขนาดเล็กส่วนใหญ่จะไม่สามารถทำได้)

ฉันพบว่าการใช้งานส่วนขยายเบราว์เซอร์ที่ผสานรวมสำหรับ Chrome และ Firefox เป็นเรื่องที่สะดวกสบายและใช้งานง่าย อย่างไรก็ตามหากคุณกำลังมองหาโปรแกรม VPN เพื่อป้องกันเกมคอนโซลอย่าง Xbox หรือ PS4 VPNCity จะใช้งานไม่ได้

การตั้งค่าและการติดตั้ง — ตั้งค่าง่าย แต่มีปัญหาด้านประสิทธิภาพอยู่บ้างบน Windows

  1. ไปยัง VPNCity.com, สร้างบัญชีและดาวน์โหลดแอปสำหรับอุปกรณ์ของคุณ
    ภาพหน้าจอของ VPNCity.com แสดงหน้าจอการลงทะเบียนและดาวน์โหลด
  2. เปิดตัวติดตั้งและใช้ตัวเลือกตั้งค่าเริ่มต้นทั้งหมด
    ภาพหน้าจอจากหน้าจอการติดตั้งของ VPNCity
  3. เปิดโปรแกรมและคลิก “คลิกเพื่อเชื่อมต่อ” เพื่อเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่รวดเร็วที่สุดโดยอัตโนมัติ!
    ภาพหน้าจอของอินเทอร์เฟซ VPNCity

มีเว็บไซต์รีวิวเว็บไซต์หนึ่งอ้างว่าเมนูการตั้งค่าของ VPNCity ใช้งานไม่ได้ แต่ฉันสามารถเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าได้โดยไม่มีปัญหาใด ๆ สิ่งหนึ่งที่คุณควรทราบคือคุณไม่สามารถเปลี่ยนตัวเลือกบางอย่างได้เมื่อคุณเชื่อมต่อแล้ว ดังนั้นคุณอาจจะต้องยกเลิกการเชื่อมต่อก่อน ฉันได้รับการแจ้งเตือนตอนที่ฉันเชื่อมต่อหรือยกเลิกการเชื่อมต่อ ดังนั้นการดูว่ากิจกรรมทางออนไลน์ของฉันได้รับการป้องกันหรือไม่จึงเป็นเรื่องง่าย

บางครั้งฉันก็ประสบกับปัญหาเล็กน้อยเกี่ยวกับประสิทธิภาพของ VPNCity บน Windows — แอปมีการกระตุก หากฉันต้องการย้ายหน้าต่างของแอปหรือเลือกเซิร์ฟเวอร์ใหม่ มันจะมีช่วงระยะเวลาดีเลย์ประมาณ 3-5 วินาทีก่อนที่แอปจะตอบกลับ ฉันไม่มั่นใจว่าอะไรที่ทำให้เป็นแบบนี้ แต่มันเกิดขึ้นประมาณ 25% ของระยะเวลาที่ VPN ถูกเปิดใช้งาน โชคดีที่ฉันไม่พบกับการล่าช้าหรือการค้างใด ๆ บนเวอร์ชัน Android แม้ว่าฉันจะเปิดแอปอื่น ๆ ในเวลาเดียวกันจำนวนมากก็ตาม

ยกเลิกการติดตั้ง VPNCity ได้อย่างรวดเร็ว

บน Windows PC ของฉัน ฉันยกเลิกการติดตั้งมันผ่านเครื่องมือโปรแกรม Add/Remove ใน Control Panel ได้เลย สิ่งที่ฉันต้องทำก็คือลากไอคอนมาทิ้งลงในถังขยะเท่านั้น — ง่ายมาก

หากคุณต้องการทดสอบว่าแอปทำงานได้เป็นอย่างไรบนอุปกรณ์ของคุณ VPNCity มีการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วันให้คุณได้ทดสอบด้วยตัวเอง

บริการลูกค้า

- 6.0 / 10

ฝ่ายบริการลูกค้าของ VPNCity ตอบกลับคำถามของฉัน แต่ฉันไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการตอนที่ฉันพยายามจะแก้ไขปัญหา ฉันติดต่อพวกเขาผ่านทางอีเมลและแชทออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อสอบถามว่า VPNCity ใช้งานในประเทศจีนได้ไหม ในแชทออนไลน์ ฉันได้รับการตอบกลับจากตัวแทนฝ่ายบริการลูกค้าในเวลาน้อยกว่าหนึ่งนาที แต่เธอไม่ได้ตอบคำถามของฉัน ฉันถามอีกครั้งและตัวแทนก็ตามฉันว่า “โดยปกติ” แล้วมันใช้งานได้และฉันสามารถทดลองใช้งานมันได้ฟรี 7 วัน

ภาพหน้าจอของการสนับสนุนแชทสดของ VPNCity.com
แม้ว่าฉันจะขอให้พวกเขาอธิบายให้ชัดเจน แต่ตัวแทนฝ่ายบริการลูกค้าก็ไม่ยืนยันว่า VPNCity ใช้งานในประเทศจีนได้หรือไม่

ตอนที่ฉันถามคำถามเดียวกันนี้ผ่านทางอีเมล เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการลูกค้าก็บอกฉันว่า “พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่” เพื่อให้ VPN ใช้งานในประเทศจีนได้ จากนั้นก็ส่งลิงก์เวอร์ชันทดลองใช้งานฟรี 7 วันมาให้กับฉันเพื่อทดลองดูว่ามันใช้งานได้หรือไม่ ทั้งตัวแทนในแชทออนไลน์และตัวแทนทางอีเมลไม่สามารถให้คำตอบสำหรับคำถามของฉันอย่างชัดเจนได้ นี่ถือว่าไม่น่าไว้วางใจอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโปรแกรม VPN ขนาดใหญ่กว่าอย่าง ExpressVPN ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถหลีกเลี่ยงไฟร์วอลล์ของประเทศจีนได้อย่างปลอดภัยและไม่เปิดเผยตัวตน

ทำไมฉันถึงต้องดูที่การช่วยเหลือ ในเมื่อฉันสามารถทำได้เอง?

ถึงแม้ว่าผู้คนส่วนใหญ่จะคิดว่าการช่วยเหลือที่ดีมีความจำเป็นเฉพาะในช่วงการติดตั้ง VPN แต่จริง ๆ แล้วก็อาจมีอย่างอื่นที่ท่านอาจต้องการความช่วยเหลือนี้ได้เช่นกัน เช่น การเชื่อมต่อไปยังเซิฟเวอร์บางแห่ง การเปลี่ยนโปรโตคอล และการปรับค่า VPN บนเราท์เตอร์ เป็นต้น เราได้ตรวจสอบ VPN แต่ละตัวเพื่อดูว่ามีการช่วยเหลือเวลาใดบ้าง (ถึงแม้ในช่วงกลางดึก), ระยะเวลาที่พวกเขาตอบสนอง และพวกเขาได้ตอบคำถามเราหรือไม่

ราคา

- 7.0 / 10

คุณสามารถจ่ายเงินซื้อ VPNCity ได้ด้วยบัตรเครดิตและบัตรเดบิต, PayPal, Alipay หรือสกุลเงินดิจิทัล ฉันชื่นชมที่พวกเขามีตัวเลือกสกุลเงินดิจิทัลเนื่องจากมันทำให้ฉันมั่นใจได้ว่าการชำระเงินของฉันจะไม่ถูกเปิดเผย VPNCity มีแผนให้บริการต่าง ๆ มากมาย — แต่เช่นเดียวกันกับโปรแกรมอื่น ๆ คุณจะประหยัดเงินได้มากกว่าในแผนการสมัครสมาชิกระยะยาว แต่ละแผนมาพร้อมกับการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วันซึ่งถือเป็นระยะเวลามาตรฐานในโปรแกรม VPN พรีเมียมส่วนใหญ่ แต่ไม่เพียงเท่านั้น มันยังมีเวอร์ชันทดลองใช้งานฟรี 7 วันมาให้ด้วย ดังนั้นคุณจึงสามารถลองใช้งานโดยไม่มีความเสี่ยงได้ตลอดทั้งสัปดาห์

ตอนที่ฉันทดสอบนโยบายการคืนเงินผ่านแชทออนไลน์ของ VPNCity ฉันถูกถามสองครั้งก่อนที่คำขอของฉันจะได้รับการดำเนินการ ฉันขอเงินคืนครั้งแรกและเจ้าหน้าที่ก็บอกฉันเพียงแต่วิธีการยกเลิกบัญชีของฉัน หลังจากที่ฉันสอบถามเป็นครั้งที่สอง เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการลูกค้าจึงส่งลิงก์ให้ฉันส่งคำขอคืนเงิน หากฉันไม่สอบถามอีกครั้ง ฉันคงจะได้ทำแค่ยกเลิกการสมัครสมาชิกของฉันและการชำระเงินต่อเนื่องใด ๆ โดยไม่ได้รับเงินคืน ถึงแม้ว่าจุดนี้จะเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง แต่ฉันก็ได้รับเงินคืนเข้าบัญชีของฉันภายในเวลาน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมง (คุณจะได้รับเงินคืนเร็วขึ้นหากคุณใช้ PayPal เหมือนกับฉัน)

ภาพหน้าจอของการสนทนาด้วยแชทสด VPNCity ที่แสดงขั้นตอนการขอเงินคืน
ตอนที่ฉันขอเงินคืน ฉันกลับได้รับคำตอบเกี่ยวกับวิธีการยกเลิกการชำระเงินต่อเนื่องแทน

หากคุณสั่งซื้อการสมัครสมาชิก VPNCity ของคุณบนอุปกรณ์มือถือของคุณ เงินคืนของคุณจะได้รับการดำเนินการผ่าน App Store หรือ Google Play Store นี่อาจใช้เวลานานมากกว่าผ่านทางแชทออนไลน์ของ VPNCity

เคล็ดลับลับ: ฉันได้รับการเสนอส่วนลด 50% ตอนที่ฉันขอให้ยกเลิก หากคุณต้องการยกเลิกทันทีหลังจากที่คุณสมัครสมาชิก พวกเขาอาจมอบส่วนลดให้คุณครึ่งหนึ่งเพื่อที่คุณจะได้เป็นลูกค้าต่อไป!

แม้ว่ามันจะมีฟีเจอร์และเซิร์ฟเวอร์น้อยกว่าโปรแกรม VPN ที่ทรงพลังกว่าอย่าง ExpressVPN แต่ VPNCity ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดีหากคุณไม่ต้องการจ่ายเงินมากในแผนให้บริการระยะสั้น

ลองใช้ VPNCity ฟรี!

VPNCity มีแพลนดังต่อไปนี้

1-month plan
 
$ 9.95
ต่อ เดือน
 
ดูแพลน
2-year plan
$9.95
$ 1.69
ต่อ เดือน
ประหยัด 83%
ดูแพลน
ดูแพลน
ประหยัด 83%
1-year plan
$9.95
$ 4.16
ต่อ เดือน
ประหยัด 58%
ดูแพลน
ดูแพลน
ประหยัด 58%

บทสรุป

หากคุณมีงบประมาณที่จำกัดและต้องการใช้โปรแกรม VPN ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น VPNCity เป็นตัวเลือกครบวงจรที่ไว้วางใจได้ ฉันพึงพอใจกับเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ ความสามารถในการปลดบล็อก ฟีเจอร์ความปลอดภัยและการเชื่อมต่ออุปกรณ์จำนวนมาก หากคุณต้องการดาวน์โหลด Torrent โดยไม่มีปัญหาและมั่นใจว่าไม่มีการเก็บบันทึกกิจกรรมของคุณ งั้นคุณควรลองใช้ Surfshark แทน ไม่เพียงแต่ว่ามันจะมีราคาถูกเท่านั้น แต่คุณยังสามารถทดลองใช้งานมันได้ฟรี 30 วัน!

คำถามที่พบบ่อย

? ฉันสามารถใช้ VPNCity ฟรีได้ไหม?

VPNCity มีเวอร์ชันทดลองใช้งานฟรี 7 วัน ดังนั้นคุณจึงสามารถทดลองใช้ฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้ฟรีในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แม้ว่าหลังจากที่คุณสมัครสมาชิกแล้ว คุณก็ยังสามารถขอรับเงินคืนได้หากคุณยกเลิกภายใน 30 วัน นี่เป็นทางเลือกที่ดีกว่าการใช้โปรแกรม VPN ฟรีที่อาจทำให้ข้อมูลของคุณตกอยู่ในความเสี่ยง โปรแกรม VPN ฟรีมากมายขายข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ ทำให้คุณเสี่ยงกับแฮกเกอร์และภัยคุกคามมัลแวร์ โปรแกรม VPN ฟรียังมีตัวเลือกเซิร์ฟเวอร์จำนวนไม่มาก จำกัดการใช้งานข้อมูลและมีปัญหาในการปลดบล็อกบริการสตรีมมิ่ง คุณจะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาเหล่านี้เมื่อใช้ฟีเจอร์ความปลอดภัย เซิร์ฟเวอร์นับพันเซิร์ฟเวอร์ แบนด์วิดธ์ไม่จำกัดและความสามารถในการปลดบล็อกบริการสตรีมมิ่งหลักทั้งหมดของ VPNCity

หากคุณตัดสินใจสมัครสมาชิก VPNCity มีโปรแกรมแนะนำแสนใจกว้างที่ที่คุณสามารถใช้งานได้ฟรีเมื่อคุณแนะนำเพื่อนหรือครอบครัวของคุณ การแนะนำคน 1 คนจะทำให้คุณใช้งานได้ฟรีหนึ่งเดือน ถ้าได้ 2 คน คุณจะได้รับ 6 เดือนฟรีและ 3 คนขึ้นไป คุณจะใช้งานได้ฟรี 3 ปี หากคุณรู้จักใครสักคนที่ต้องการโปรแกรม VPN ข้อเสนอแนะนำนี้จะเป็นวิธีที่ดีในการใช้งานโดยไม่ต้องเสียเงินสักบาท

? VPNCity เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าโปรแกรม VPN ราคาแพงหรือเปล่า?

หากคุณต้องการโปรแกรม VPN ที่มีฟีเจอร์พื้นฐาน งั้น VPNCity ก็เป็นตัวเลือกราคาถูกที่ดี มันไม่มีเซิร์ฟเวอร์หรือฟีเจอร์มากเหมือนกับคู่แข่งที่ขนาดใหญ่กว่า (ExpressVPN มีเซิร์ฟเวอร์มากกว่าหนึ่งพันเซิร์ฟเวอร์ที่มอบความเร็วที่รวดเร็วและการเชื่อมต่อที่มั่นคง) แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมอบความคุ้มค่าที่ดีสำหรับการสมัครสมาชิกในระยะสั้น

? VPNCity สามารถดูแลให้ฉันปลอดภัยได้จริงหรือเปล่า?

ฉันทดสอบการเข้ารหัสระดับทหารของ VPNCity และสามารถยืนยันได้ว่ามันดูแลให้ข้อมูลของคุณปลอดภัยจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต แฮกเกอร์และรัฐบาลได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้มันยังมีเครื่องมือปิดกั้นโฆษณาที่ป้องกันเครื่องมือติดตามและป๊อปอัพที่มีไวรัสได้อีกด้วย แม้ว่ามันจะมีเครื่องมือปิดกั้นมัลแวร์แยกต่างหาก แต่คุณก็ยังคงต้องระมัดระวัง — มันจะไม่ป้องกันคุณหากคุณคลิกลิงก์ที่เป็นอันตรายเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ โปรแกรม VPN ที่ดีที่สุดสำหรับ Windows และระบบปฏิบัติการอื่น ๆ ส่วนใหญ่มีระบบการปิดกั้นมัลแวร์มาให้ในตัว

ลองใช้ VPNCity วันนี้!

เปรียบเทียบกับตัวเลือกอื่น
9.8
/ 10
เยี่ยมชม
9.6
/ 10
เยี่ยมชม
9.4
/ 10
เยี่ยมชม
5.8  / 10
พวกเราจัดอันดับผู้ให้บริการตามการทดสอบและการค้นคว้าอย่างเข้มงวด แต่ก็จะมีการคำนึงถึงความคิดเห็นของคุณและค่าคอมมิชชั่นจากผู้ให้บริการด้วย ผู้ให้บริการบางรายนั้นจะมีบริษัทแม่แห่งเดียวกันกับพวกเรา เรียนรู้เพิ่มเติม

Wizcase ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2018 ในฐานะเว็บไซต์รีวิวบริการ VPN อย่างอิสระและเว็บไซต์ข่าวเกี่ยวกับเรื่องความเป็นส่วนตัว วันนี้ ทีมงานนักวิจัยความปลอดภัยทางไซเบอร์, นักเขียน และบรรณาธิการนับร้อยของพวกเราได้ช่วยผู้อ่านให้ต่อสู้เพื่ออิสรภาพทางออนไลน์ผ่านการจับมือกับ Kape Technologies PLC ซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ดังต่อไปนี้: ExpressVPN, CyberGhost, Intego และ Private Internet Access ซึ่งอาจจะได้รับการจัดอันดับและรีวิวบนเว็บไซต์ของเราด้วย รีวิวที่ได้รับการเผยแพร่บน Wizcase นั้นมีความแม่นยำถึงวันที่ทำการเผยแพร่ และแต่ละรีวิวก็จะถูกเขียนขึ้นโดยอ้างอิงมาตรฐานที่เข้มงวดด้านการรีวิวซึ่งจะเน้นความเป็นอิสระและการค้นคว้าวิจัยอย่างซื่อสัตย์และเป็นมืออาชีพของนักรีวิว โดยจะเน้นไปถึงความสามารถและคุณภาพของผลิตภัณฑ์รวมถึงความคุ้มค่าที่มันมีต่อผู้ใช้งาน การจัดอันดับและรีวิวที่พวกเราเผยแพร่นั้นอาจจะคำนึงถึงการเป็นเจ้าของเดียวกันที่กล่าวถึงด้านบน และค่าคอมมิชชั่นที่พวกเราได้รับในกรณีที่มีการสั่งซื้อผ่านลิงก์บนเว็บไซต์ของเราด้วย พวกเราไม่ได้ทำการรีวิวผู้ให้บริการ VPN ทั้งหมด และข้อมูลที่เผยแพร่นั้นจะมีความแม่นยำถึงวันที่เผยแพร่แต่ละบทความ