ความเร็ว | 5.0 / 10 |
เซิร์ฟเวอร์ | 4.0 / 10 |
เป็นมิตรต่อผู้ใช้ | 4.0 / 10 |
บริการลูกค้า | 5.0 / 10 |
ราคา | 6.0 / 10 |
Norton Secure VPN รีวิว 2024: สมควรซื้อหรือเปล่า?
ภาพรวม Norton Secure VPN 2024
แม้ว่า Norton Secure VPN จะไม่ได้มีชื่อเสียงทางออนไลน์ที่ดีที่สุด แต่ฉันก็อยากรู้ว่าประสิทธิภาพของมันนั้นคู่ควรกับราคาแสนถูกหรือเปล่า ฉันอยากเห็นว่ามันทำงานได้ดีแค่ไหนเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่แข็งแกร่งที่มีแผนให้บริการราคาถูกและฟีเจอร์ที่ใกล้เคียง
เพื่อค้นหาคำตอบ ฉันจึงทดสอบความสามารถในการสตรีมมิ่ง ความเร็วเซิร์ฟเวอร์ ฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ความสามารถในการเล่นเกมและ Torrenting และประสบการณ์ผู้ใช้งานโดยรวม น่าเสียดายที่ฉันผิดหวังกับคุณภาพและความเร็วในการสตรีมและกังวลเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาดูผลการทดสอบโดยละเอียดของฉันที่ด้านล่าง หากคุณอยากทดสอบ Norton Secure VPN ด้วยตัวคุณเอง คุณสามารถลองใช้งานฟรีสูงสุด 60 วันได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงิน สำหรับตัวเลือกที่มีความปลอดภัยมากกว่าในราคาและความเร็วสตรีมมิ่งที่ดีกว่า คุณสามารถลอง CyberGhost ดูได้
ไม่มีเวลาอ่านใช่ไหม? นี่คือบทสรุปฉบับย่อ (ใช้เวลาอ่านเพียง 1 นาที)
- ปลดบล็อกบริการสตรีมมิ่งได้บางส่วนซึ่งรวมถึง Netflix ของสหรัฐอเมริกา ฉันสามารถเข้าถึง Netflix ของสหรัฐอเมริกา, HBO Max, HBO NOW และ UKTV ได้ แต่ถูกปิดกั้นจาก Disney+, Hulu, Amazon Prime Video และ BBC iPlayer ดูว่ามีเว็บไซต์สตรีมมิ่งใดบ้างที่ฉันปลดบล็อกได้
- เซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้เคียงทำงานได้รวดเร็ว ฉันได้รับความเร็วที่รวดเร็วจากเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้ในเยอรมนีและสหราชอาณาจักรในขณะที่สหรัฐอเมริกาและออสเตรเลียมีความเร็วที่ช้าจนน่าประหลาดใจ ข้ามไปดูผลการทดสอบความเร็ว
- ฟีเจอร์ความปลอดภัยพื้นฐาน ฉันผิดหวังกับการมีการเข้ารหัสพื้นฐาน แต่ไม่มี Kill Switch ยกเว้นสำหรับ Android ดูว่ามีฟีเจอร์ความปลอดภัยอะไรให้บริการบ้าง
- นโยบายความเป็นส่วนตัวที่น่ากังวล บริษัทอ้างว่ามันไม่ได้บันทึกข้อมูล แต่นโยบายความเป็นส่วนตัวนั้นระบุในเชิงว่าอาจมีการเก็บรวบรวมข้อมูล อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัว
- ใช้งานในประเทศจีนไม่ได้ คุณจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเซ็นเซอร์ได้หากคุณใช้โปรแกรมนี้ในประเทศจีน อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกว่าทำไม Norton Secure VPN ถึงใช้ในประเทศจีนไม่ได้
- ราคาขึ้นอยู่กับจำนวนรวมของอุปกรณ์ คุณสามารถเลือกแผนให้บริการตามจำนวนอุปกรณ์ที่ต้องการป้องกัน ดูตัวเลือกราคาทั้งหมด
Norton Secure VPN ปลดบล็อก Netflix, HBO Max และ HBO NOW ได้ แต่ไม่สามารถเข้าถึง Disney+, Hulu, Amazon Prime Video หรือ BBC iPlayer ได้
หากคุณต้องการโปรแกรม VPN เพื่อรับชมรายการหรือภาพยนตร์ Norton Secure VPN ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด ในระหว่างการทดสอบ ฉันสามารถเข้าถึง Netflix (สหรัฐอเมริกา), HBO Max, HBO NOW และ UKTV ได้ น่าเสียดายที่ฉันพบกับข้อผิดพลาดใน Hulu, Disney+, Amazon Prime Video และ BBC iPlayer หรือเว็บไซต์เหล่านี้อาจไม่โหลดเลย หากคุณต้องการการเข้าถึงบริการสตรีมมิ่งมากมาย Norton Secure VPN จะจำกัดตัวเลือกของคุณ ดังนั้นฉันขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้คุณลองใช้ ExpressVPN เพื่อปลดบล็อกแพลตฟอร์มยอดนิยมใด ๆ
Netflix: ปลดบล็อกได้
แม้ว่าฉันจะสามารถปลดบล็อก Netflix ของสหรัฐอเมริกาด้วย Norton Secure VPN ได้อย่างรวดเร็ว แต่ฉันไม่สามารถเข้าถึงคลังข้อมูลเนื้อหาอื่นใดได้ ตอนที่ฉันทดสอบเซิร์ฟเวอร์ในประเทศอื่น ๆ ฉันจะถูกนำมายัง Netflix ของสหรัฐอเมริกา นี่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรเนื่องจาก Netflix ของสหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งในคลังข้อมูลเนื้อหาที่ใหญ่ที่สุดที่มีให้บริการ — ฉันได้รับรายการและภาพยนตร์มากมายที่สามารถรับชมได้
ข้อเสียอย่างยิ่งที่สามารถรับชม Netflix ของสหรัฐอเมริกาได้คือหากคุณอาศัยอยู่ห่างจากเซิร์ฟเวอร์เหมือนกับฉัน ฉันอยู่ในยุโรปกลางและเซิร์ฟเวอร์ที่พร้อมให้บริการเพียงเซิร์ฟเวอร์เดียวนั้นอยู่ในลอสแองเจลิส — ซึ่งอยู่ห่างออกไปเกือบ 10,000 กม. มันใช้เวลาในการโหลด 20 วินาทีและเกือบ 40 วินาทีในการให้คุณความการสตรีมเพิ่มขึ้นเป็น Full HD
หาก Netflix เป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอันดับ #1 ของคุณ คุณสามารถดูคำแนะนำนี้เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดการสตรีมมิ่งของ Netflix และรับสิทธิ์ในการเข้าถึงแคตตาล็อกมากมายทั่วโลกได้
HBO Max และ HBO NOW: ปลดบล็อกได้
ทั้ง HBO Max และ HBO NOW ต่างก็ทำงานได้ดีกับ Norton Secure VPN ฉันรับชม Curb Your Enthusiasm บน HBO Max และ Long Shot บน HBO NOW ได้ แม้ว่าการสตรีมมิ่งนั้นจะใช้เวลาในการโหลดประมาณ 25 วินาที แต่ฉันก็ไม่พบกับการกระตุกในขณะรับชมเลย
UKTV: ปลดบล็อกได้
ฉันทดสอบ UKTV เพื่อดูว่า Norton Secure VPN สามารถปลดบล็อกบริการในท้องถิ่นที่มีขนาดเล็กกว่าได้ไหมและฉันสามารถรับชมมันได้โดยไม่มีปัญหาใด ๆ ฉันลองรับชม Abandoned Engineering และ Taskmaster ในช่วงเวลาที่แตกต่างกันและสตรีมมิ่งทั้งหมดนั้นใช้เวลาโหลดน้อยกว่า 5 วินาที
Disney+: ถูกปิดกั้น
ฉันไม่สามารถเข้าถึงคลังข้อมูลใด ๆ ของ Disney+ ด้วย Norton Secure VPN ได้ แม้ว่าบริการดังกล่าวจะไม่ได้แสดงข้อความผิดพลาดใด ๆ แต่มันโหลดไปเรื่อย ๆ และไม่สามารถแสดงหน้าแรกได้
ดูเหมือนว่า Norton Secure VPN จะไม่ได้ให้ความสำคัญกับการปลดบล็อกเว็บไซต์สตรีมมิ่งเนื่องจากมันไม่ได้อัปเดตหมายเลข IP เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดกั้นเป็นประจำ ในขณะที่ใช้บริการ ฉันสังเกตเห็นแม้ว่าจะหลังยกเลิกการเชื่อมต่อและเชื่อมต่อใหม่ในประเทศเดิมอยู่หลายครั้ง ฉันก็ยังได้รับหมายเลข IP เดิม ด้วยจำนวนหมายเลข IP ที่มีไม่มากดังกล่าว ฉันจึงไม่ประหลาดใจที่มันไม่สามารถเข้าถึงบริการมากมายได้
โชคดีที่คุณสามารถเข้าถึง Disney+ ในคุณภาพสูงได้ด้วย ExpressVPN ฉันทดสอบ ExpressVPN กับบริการสตรีมมิ่งยอดนิยมมากมายและมีความสุขเป็นอย่างยิ่งกับการสตรีมคุณภาพสูง
Hulu: ถูกปิดกั้น
แม้ว่าฉันจะสามารถเปิดหน้าแรกของ Hulu ได้ แต่ฉันก็พบกับข้อความผิดพลาด (รหัส P-EDU101) เมื่อฉันคลิกที่สตรีม:
“It looks like you’re using an anonymous proxy or VPN. You’ll need to disable it to watch Hulu.”
“ดูเหมือนว่าคุณจะกำลังใช้งานพร็อกซีที่ไม่เปิดเผยตัวตนหรือโปรแกรม VPN คุณจะต้องปิดใช้งานมันเพื่อรับชม Hulu”
สาเหตุน่าจะเกิดจากการที่ Norton Secure VPN ไม่มีทรัพยากรที่มุ่งเน้นการปลดบล็อกบริการสตรีมมิ่ง ฉันขอแนะนำให้คุณลองใช้ ExpressVPN หากคุณกำลังมองหาโปรแกรม VPN สำหรับการสตรีมมิ่งที่ไว้วางใจได้
Amazon Prime Video: ถูกปิดกั้น
ฉันไม่สามารถเข้าถึง Amazon Prime Video ด้วย Norton Secure VPN ได้ หลังจากที่ฉันเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในสหราชอาณาจักรและเปิดหน้าแรกของ Prime Video ฉันก็พบกับข้อความผิดพลาดนี้ตอนที่ฉันเลื่อนเมาส์ไปชี้ที่รูปย่อของรายการหรือภาพยนตร์:
“Your device is connected to the Internet using a VPN or proxy service. Please disable it and try again. For more help, go to amazon.co.uk/vpn.”
“อุปกรณ์ของคุณเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตโดยใช้โปรแกรม VPN หรือบริการพร็อกซี กรุณาปิดใช้งานและลองใหม่อีกครั้ง สำหรับความช่วยเหลือเพิ่มเติม กรุณาไปที่ go to amazon.co.uk/vpn”
ปัญหาคือ (เช่นเดียวกับเว็บไซต์สตรีมมิ่งอื่น ๆ) Norton Secure VPN มักใช้หมายเลข IP เดิมอยู่บ่อย ๆ ซึ่งน่าจะถูกปิดกั้นไปแล้ว แต่คุณสามารถลองใช้ ExpressVPN เพื่อรับสิทธิ์ในการเข้าถึงเพื่อปลดบล็อก Prime Video ได้ง่าย ๆ
BBC iPlayer: ถูกปิดกั้น
เนื่องจาก BBC ปิดกั้นโปรแกรม VPN มากมายไม่ให้เข้าถึง iPlayer ได้ Norton Secure VPN ไม่สามารถใช้งานกับ BBC iPlayer ได้ ฉันได้รับแค่ข้อความผิดพลาดที่บอกว่า:
“BBC iPlayer only works in the UK. Sorry, it’s due to rights issues.”
“BBC iPlayer เปิดให้บริการเฉพาะในสหราชอาณาจักรเท่านั้น ขออภัย แต่นี่เป็นปัญหาทางด้านลิขสิทธิ์”
คุณสามารถลองใช้ ExpressVPN เพื่อปลดบล็อกเว็บไซต์สตรีมมิ่งหลักทั้งหมดดูได้
รับชม BBC iPlayer ด้วย ExpressVPN
หมายเหตุจากบรรณาธิการ: เราให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ของเรากับผู้อ่าน และเรามุ่งมั่นที่จะได้รับความไว้วางใจจากคุณด้วยการทำงานด้วยความโปร่งใสและความซื่อสัตย์ เว็บของเราอยู่ในกลุ่มเจ้าของเดียวกันกับผลิตภัณฑ์ชั้นนำในอุตสาหกรรมบางส่วนที่ได้รับการตรวจสอบบนเว็บไซต์นี้: Intego, Cyberghost, ExpressVPN และ Private Internet Access อย่างไรก็ตามสิ่งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการตรวจสอบของเรา เนื่องจากเราปฏิบัติตามวิธีการทดสอบที่เข้มงวด
ความเร็ว
- 5.0 / 10ฉันได้รับความเร็วที่ดีบ้างไม่ดีบ้างเมื่อใช้ Norton Secure VPN ซึ่งรวมถึงความเร็วที่รวดเร็วจากเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้กับฉันและความเร็วที่ช้าจากเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกลจากฉัน มันก็สมเหตุสมผลที่เซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกลจากฉันกว่า 10,000 กม. จะทำงานได้ช้ากว่าเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่าง 2,000 กม. แต่ความเร็วต่ำกว่า 15 Mbps นั้นถือว่าช้ามาก
Norton Secure VPN ไม่เร็วพอที่จะรับประกันความเร็วที่ 25 Mbps ซึ่งเป็นความเร็วสำหรับการสตรีมมิ่ง 4K หากฉันต้องการรับชม Netflix ในความคมชัดระดับ 4K ฉันจะไม่สามารถรับชมด้วยเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกลออกไปเหล่านี้ได้ ตราบใดที่คุณเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้เคียง ความเร็วของคุณน่าจะเร็วพอ
Norton Secure VPN ทำงานได้รวดเร็วพอสำหรับการเล่นเกมไหม? (แทบจะไม่ได้เลย)
การใช้โปรแกรม VPN จะเพิ่มขั้นตอนพิเศษในการกำหนดเส้นทางการเชื่อมต่อของคุณซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความหน่วงสูง (เซิร์ฟเวอร์ล่าช้า) — มันเป็นสิ่งสุดท้ายที่คุณต้องการในระหว่างเล่นเกม ในระหว่างการทดสอบของฉัน ฉันไม่สามารถเล่นเกมอย่างต่อเนื่องด้วย Norton Secure VPN ได้
ครั้งแรกฉันทดสอบกับ Call of Duty: Modern Warfare แต่มันแสดงข้อผิดพลาด “ไม่สามารถเชื่อมต่อบริการออนไลน์ได้” คำเตือนนี้หายไปเมื่อฉันยกเลิกการเชื่อมต่อจากโปรแกรม VPN ฉันพบกับปัญหาเดียวกันตอนที่ลองเล่น Apex Legends ฉันสามารถเชื่อมต่อ Rocket League ได้แม้ว่าเกมจะแสดงไอคอน “Packet Loss” อย่างต่อเนื่องก็ตาม นี่ทำให้เกมของฉันกระตุกและช้าเกินกว่าที่จะเล่นได้ โชคดีที่ฉันสามารถเล่น Hell Let Loose ได้รอบหนึ่งโดยที่ไม่พบปัญหาที่สังเกตเห็นได้ใด ๆ เลย
จากเกมทั้งหมดที่ทดสอบ 4 เกม มีเพียง 1 เกมเท่านั้นที่ใช้งานได้ — คุณควรจะเลือกใช้โปรแกรม VPN ที่มีเซิร์ฟเวอร์ล่าช้าน้อยกว่านี้ คุณสามารถลองใช้ความเร็วที่รวดเร็วของ ExpressVPN สำหรับเล่นเกม — ด้วยเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่รวดเร็วและ Ping ต่ำ มันจึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่ามากสำหรับเกมเมอร์
ความสำคัญของความเร็วและสิ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อเลือก VPN?
ความเร็วถือเป็นปัจจัยที่สำคัญเมื่อเลือก VPN ซึ่งความเร็วในการใช้ VPN จะมาพร้อมกับค่าใช้ที่เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามยิ่ง VPN มีความเร็วมากเท่าใด คุณยิ่งจะสามารถเข้าใกล้ความเร็วสูงสุดของเน็ตเวิร์คของคุณได้มากเท่านั้น เวลา Ping มีความสำคัญเทียบเท่ากับความเร็วในการดาวน์โหลด/อัพโหลดสำหรับการสตรีมมิ่ง เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับความเร็วในการรับข้อมูล เวลา ping ที่น้อยกว่าและแบนด์วิธในการดาวน์โหลดที่สูงจะช่วยให้การสตรีมมิ่งเป็นไปได้อย่างไม่มีสะดุด การใช้เวลาในการเชื่อมต่อที่สั้นกว่าจะช่วยป้องกันความวุ่นวาย ส่วนการเชื่อมต่อที่เสถียรถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการสตรีมมิ่งหรือทำกิจกรรมใด ๆ ที่ความเป็นส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญ
เซิร์ฟเวอร์
- 4.0 / 10เซิร์ฟเวอร์ — เครือข่ายขนาดเล็ก แต่ประสิทธิภาพดี
Norton Secure VPN มีตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ 30 ตำแหน่งทั่วโลก เทียบกับโปรแกรม VPN ที่ดีที่สุดที่ฉันคัดสรรบางส่วนที่มีเซิร์ฟเวอร์ให้เลือกสรรนับพันเซิร์ฟเวอร์ นี่ถือเป็นเครือข่ายขนาดเล็ก น่าเสียดายที่เว็บไซต์ไม่ได้บอกว่าโดยรวมแล้วพวกเขามีเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดกี่เซิร์ฟเวอร์และฝ่ายสนับสนุนลูกค้าก็อ้างว่าพวกเขาไม่ทราบ มันขึ้นอยู่กับว่าคุณพำนักอาศัยอยู่ที่ไหน นี่หมายความว่าคุณอาจไม่พบกับเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้ที่เลือกได้เสมอไป
ฉันผิดหวังที่ไม่มีตัวเลือกในการเลือกเมืองที่เฉพาะเจาะจง ทุกครั้งที่ฉันเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกา มันจะเป็นเซิร์ฟเวอร์ในลอสแองเจลิสแม้ว่าฉันจะเลือกตำแหน่งที่ใกล้กับชายฝั่งตะวันออกเพื่อรับความเร็วที่เร็วกว่าก็ตาม
โชคดีที่ประสิทธิภาพของเซิร์ฟเวอร์นั้นทำงานได้ดีและใช้เวลาในการเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์โดยเฉลี่ยประมาณ 7 วินาทีเท่านั้น นอกจากนี้ฉันยังไม่เคยประสบกับการขาดการเชื่อมต่อโดยไม่ได้ตั้งใจในช่วงที่ฉันทดสอบโปรแกรม VPN เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์เลย
ความปลอดภัย — ตัวเลือกน้อยและไม่ดีอย่างที่คิดไว้
ในขณะที่ Norton มีชื่อเสียงในฐานะซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัย ฉันจึงคาดหวังว่า Norton Secure VPN จะมีตัวเลือกความปลอดภัยดี ๆ แต่มันไม่เป็นอย่างที่ฉันคิด
คุณจะได้รับเพียงการเข้ารหัส L2TP/IPsec ที่ไม่มีตัวเลือกในการเปลี่ยนโปรโตคอลภายในแอป แม้ว่านี่จะไม่ใช่โปรโตคอลที่ไม่ดีสำหรับการใช้งาน แต่ตัวเลือกในการเลือกระหว่างโปรโตคอลต่าง ๆ นั้นก็เป็นมาตรฐานสำหรับโปรแกรม VPN อื่น ๆ มากมาย หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับว่าโปรแกรม VPN ทำงานอย่างไร คุณสามารถดูคำแนะนำพื้นฐานสำหรับโปรแกรม VPN นี้ได้
ฉันผิดหวังที่ Kill Switch พร้อมให้บริการเฉพาะในแอปเวอร์ชัน Android เท่านั้น ฟีเจอร์นี้เป็นองค์ประกอบสำคัญของโปรแกรม VPN ซึ่งช่วยป้องกันข้อมูลจริงของคุณไม่ให้รั่วไหลหากการเชื่อมต่อโปรแกรม VPN ของคุณเกิดหลุด
ในทางกลับกันฉันได้ดำเนินการทดสอบ DNS และมีความสุขที่ได้เห็นว่า Norton Secure VPN สอบผ่านทั้งหมด
นอกจากนี้ Norton Secure VPN ยังมีเครื่องมือปิดกั้นการติดตามภายในตัวซึ่งช่วยป้องกันนักโฆษณาไม่ให้เก็บข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่คุณเยี่ยมชมเพื่อที่พวกเขาจะได้แสดงโฆษณาเป้าหมายกับคุณ เนื่องจากฉันเคยเห็นแต่เครื่องมือปิดกั้นโฆษณาที่โปรแกรม VPN มีให้บริการ ดังนั้นเครื่องมือปิดกั้นการติดตามนี้ถือเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่มีประโยชน์
แม้ว่าฉันจะใช้โปรแกรม VPN เป็นหลักในการเข้ารหัสเส้นทางอินเทอร์เน็ตของฉัน — ซึ่ง Norton ทำได้ — แต่ Norton Secure VPN ไม่มีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ฉันคาดหวังจะได้จากโปรแกรม VPN อยู่หลายฟีเจอร์
ความเป็นส่วนตัว — นโยบายความเป็นส่วนตัวสร้างความไม่แน่นอนฃ
นโยบายความเป็นส่วนตัวเฉพาะโปรแกรม VPN ของ Norton น่าสงสัยเนื่องจากมันระบุบางสิ่งที่ซอฟต์แวร์อาจเก็บรวบรวม:
- “ข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นไปจนถึง URL ของเว็บไซต์ที่เยี่ยมชมที่ซอฟต์แวร์เชื่อว่าอาจเป็นอันตราย… ข้อมูลนี้ไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลที่ระบุตัวตนได้ใด ๆ”
- “ข้อมูลอื่น ๆ ที่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการวิเคราะห์และยกระดับการทำงานของผลิตภัณฑ์ Norton ข้อมูลนี้ไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลที่ระบุตัวตนได้ใด ๆ”
ส่วนแรกเป็นส่วนที่น่าห่วงมากที่สุดซึ่งเป็นการมอบความสามารถให้ Norton เก็บรวบรวม้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่ผู้ใช้เยี่ยมชม แม้ว่ามันจะอ้างว่านี่ไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลที่ระบุตัวตนได้ใด ๆ แต่จะดีกว่านี้หากมันไม่ติดตามข้อมูลประเภทนี้เลย ส่วนที่สองเองก็ไม่ชัดเจนอย่างมาก — “ข้อมูลอื่น ๆ” ครอบคลุมความเป็นไปได้ที่เยอะมาก
นอกจากนี้ในส่วนโปรแกรม VPN ของ NortonLifeLock Product และเอกสาร Services Privacy Notices บริษัทระบุว่ามันเก็บรวบรวม:
- ข้อมูลผู้สมัครสมาชิกซึ่งรวมถึง:
- หมายเลข IP/ข้อมูลตำแหน่งตามภูมิศาสตร์ (ไม่เปิดเผยตัวตน)
- หมายเลขซีเรียล ID ของอุปกรณ์
- ข้อมูลการจัดเตรียมซึ่งรวมถึง:
- ชื่อและประเภทของอุปกรณ์
- เวอร์ชัน OS (สำหรับอุปกรณ์มือถือเท่านั้น)
- ภาษา
- ข้อมูลความปลอดภัยซึ่งรวมถึง:
- การใช้แบนด์วิดธ์รวม (จำนวนไบต์ที่ถ่ายโอนโดยใช้บริการนี้)
แม้ว่ามันจะอ้างว่าไม่ได้ระบุตัวตน แต่ฉันก็ยังไม่มีความสุขกับปริมาณข้อมูลผู้ใช้ที่เก็บรวบรวม สำหรับบริษัทที่อ้างว่า “ไม่บันทึก” นี่ก็ยังเป็นจำนวนข้อมูลที่เก็บรวบรวมจำนวนมาก นอกจากนี้มันยังระบุว่า “NortonLifeLock อาจเปิดเผยข้อมูลที่เก็บรวบรวมหากเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายร้องขอให้ทำตามที่กฎหมายกำหนดหรืออนุญาตหรือตอบสนองต่อหมายศาลหรือกระบวนการทางกฎหมายอื่น ๆ”
ในขณะที่มีผู้ให้บริการที่ไม่เก็บบันทึกจำนวนมากพร้อมให้บริการในตลาด ดังนั้นฉันจึงไม่มีเหตุผลที่จะสมัครใช้บริการโปรแกรม VPN ที่อาจเก็บรวบรวมข้อมูลผู้ใช้จำนวนมากดังกล่าว
Torrenting — ไม่รองรับ
Norton Secure VPN ปิดกั้นเส้นทาง Torrent ทั้งหมดบนเครือข่าย ตอนที่ฉันสอบถามทีมสนับสนุนของ Norton ว่าทำไมบริการของพวกเขาถึงไม่รองรับ Torrenting พวกเขาบอกฉันว่า Torrenting “ทำให้คอมพิวเตอร์ของคุณตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะพบกับภัยคุกคามหรือการโจมตีด้านความปลอดภัย” ซึ่งหมายความว่าอาจ “สูญเสียข้อมูลส่วนบุคคล” ของคุณ ในความเป็นจริงแล้ว Torrenting ไม่ได้ทำให้คุณเผชิญกับภัยคุกคามมากไปกว่าการดาวน์โหลดจากแหล่งข้อมูลทางออนไลน์อื่น ๆ ฉันไม่คิดว่านี่เป็นข้ออ้างที่ดีสำหรับผู้ให้บริการที่แบน Torrenting
ฉันขอแนะนำ ExpressVPN สำหรับการดาวน์โหลดไฟล์ P2P และ Torrenting เนื่องจากความเร็วที่รวดเร็ว ความปลอดภัยที่แข็งแกร่งและการไม่จำกัด Torrenting ด้วยเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ คุณจะได้รับการเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้เคียงเสมอและยังมีเซิร์ฟเวอร์ในประเทศต่าง ๆ พร้อมให้บริการมากกว่า 3 เท่าเมื่อเทียบกับ Norton Secure VPN
Norton Secure VPN Work ทำงานในประเทศจีนได้ไหม? ไม่ได้ (แต่โปรแกรม VPN อื่น ๆ ทำได้)
ไม่ได้ Norton Secure VPN ไม่สามารถทำงานในประเทศจีนได้ รัฐบาลจีนเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ตและตรวจสอบกิจกรรมทางออนไลน์ซึ่งทำให้ VPN ทำงานในประเทศดังกล่าวได้ยากมากขึ้น มีโปรแกรม VPN พรีเมียมเพียงไม่กี่โปรแกรมเท่านั้นที่มีทรัพยากรมากเพียงพอในการอัปเดตเซิร์ฟเวอร์ของพวกเขาอย่างต่อเนื่องและปรับใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดกั้นทางไซเบอร์เหล่านี้ได้
คุณสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรม VPN ที่สำหรับการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตโดยไม่จำกัดในประเทศจีนดีที่สุดหากคุณวางแผนจะเดินทางไปที่นั่น
ตำแหน่งของเซิฟเวอร์
เป็นมิตรต่อผู้ใช้
- 4.0 / 10การเชื่อมต่อหลายอุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน — สูงสุด 5 อุปกรณ์ในคราวเดียว
คุณสามารถเชื่อมต่อ Norton Secure VPN ได้สูงสุด 5 อุปกรณ์ในครั้งเดียว ฉันทดสอบสิ่งนี้โดยการเชื่อมต่อ Windows PC จำนวน 2 เครื่อง โทรศัพท์ Android และ iPad ไม่มีความแตกต่างทางด้านความเร็วที่สังเกตเห็นได้และอุปกรณ์ทั้งหมดต่างก็เชื่อมต่อได้เสถียรตลอดชั่วโมงที่ฉันเชื่อมต่อ
ความเข้ากันได้กับอุปกรณ์ — ทำงานได้บนระบบปฏิบัติการหลัก
คุณสามารถใช้ Norton Secure VPN บนอุปกรณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ได้:
- Windows
- macOS
- Android
- iOS
ฉันทดสอบ Norton Secure VPN บนอุปกรณ์เหล่านี้ทั้งหมดและไม่พบปัญหาอะไร น่าเสียดายที่มันไม่รองรับคอนโซล เราเตอร์และอุปกรณ์ Fire Stick แต่ฉันก็มีความสุขที่ฉันสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์หลักทั้งหมดของฉันได้
หาก Windows เป็นระบบปฏิบัติการหลักของคุณ คุณสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรม VPN ที่ดีที่สุดสำหรับ Windows ได้
การตั้งค่าและการติดตั้ง — ติดตั้งได้ในเวลาน้อยกว่า 5 นาที
- ไปยัง norton.com/products/norton-secure-vpn ลงทะเบียนหรือคลิก “ลงชื่อเข้าใช้” ที่ด้านบนขวาหากคุณมีบัญชีอยู่แล้ว
- เมื่ออยู่ในหน้า My Norton คุณจะเห็น “Secure VPN” ที่มีปุ่ม “Download” ให้คลิกที่ปุ่มดังกล่าวเพื่อไปยังหน้าดาวน์โหลด ในหน้าถัดไปให้คลิก “Agree & Download”
- เปิดไฟล์ (ที่มีชื่อว่า NortonSecureVPN.exe บน Windows) และดำเนินการผ่านขั้นตอนการติดตั้ง
- เปิดใช้งาน Norton Secure VPN คลิก “Virtual Location” และดับเบิลคลิกที่ประเทศเพื่อเชื่อมต่อ!
คำเตือน: แม้ว่าฉันจะดำเนินการผ่านขั้นตอนการติดตั้งเสร็จภายใน 5 นาที แต่ฉันก็พบกับปัญหาทางเทคนิคโดยทันที ไม่ว่าฉันจะลองลงชื่อเข้าใช้บ่อยแค่ไหนในช่วง 2 วัน โปรแกรม VPN ก็ยังใช้งานไม่ได้ หลังจากที่ฉันพูดคุยกับตัวแทนฝ่ายบริการลูกค้าเป็นระยะเวลานาน พวกเขาไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้และสัญญาว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคจะติดต่อกลับฉันภายใน 7-10 วัน (แต่พวกเขาไม่ได้ติดต่อมา) ฉันสามารถลงชื่อเข้าใช้ได้หลังจาก 8 วันโดยที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือเพิ่มเติม แต่มันก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่น่าหงุดหงิดอย่างมาก!
ยกเลิกการติดตั้ง Norton Secure VPN ได้ง่าย ๆ
เพื่อยกเลิกการติดตั้ง Norton Secure VPN:
- Windows – คุณสามารถไปยัง “Programs and Features” ใน Windows Control Panel และคลิกยกเลิกการติดตั้ง
- macOS – ง่าย ๆ เพียงลากแอป Norton Secure VPN จาก Applications ไปยัง Trash
- Android – กดแอปค้างและลากไปยัง “ยกเลิกการติดตั้ง”
- iOS – คุณแค่ต้องกดที่แอปค้างไว้และคลิกที่ X
บริการลูกค้า
- 5.0 / 10คุณสามารถรับความช่วยเหลือจาก Norton ได้ 3 ช่องทาง:
- แชทออนไลน์ (ตลอด 24 ชั่วโมง)
- โทรศัพท์ (ตลอด 24 ชั่วโมง)
- คำถามที่พบบ่อย/ฐานข้อมูลความรู้
ฉันทดสอบความช่วยเหลือผ่านแชทออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมงและประทับใจที่ฉันสามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่ได้ภายใน 20 วินาที พวกขอบตอบกลับอย่างรวดเร็วและมอบคำตอบที่มีประโยชน์ต่อคำถามที่ฉันถาม เช่น วิธีการเปลี่ยนโปรโตคอลเข้ารหัสและการเข้าถึงคลังข้อมูลของ Netflix ในที่ต่าง ๆ
ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดคือฉันมีปัญหาทางเทคนิคทันทีหลังจากที่ฉันติดตั้งเสร็จและได้รับแจ้งว่าฉันจะได้รับการโทรติดต่อจากเจ้าหน้าที่สนับสนุนลูกค้าฝ่ายเทคนิคภายใน 7-10 วัน หลังจากนั้นเกือบ 2 สัปดาห์ ฉันก็ยังไม่ได้รับสายโทรศัพท์เลย ฉันตรวจสอบดูส่วนคำถามที่พบบ่อยที่มีคำแนะนำเกี่ยวกับปัญหาที่พบบ่อยที่สุดซึ่งรวมถึงความช่วยเหลือในการติดตั้ง ข้อความผิดพลาดและปัญหาทางด้านบัญชี แม้ว่าคำถามที่พบบ่อยจะดูเหมือนว่าได้รับการเขียนมาอย่างดีและครอบคลุมปัญหาที่ฉันเผชิญ แต่ฉันก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาด้วยบทความเหล่านี้ได้
ในขณะที่ฉันจะสามารถลงชื่อเข้าใช้ได้ในสัปดาห์ต่อไป แต่คนอื่น ๆ อาจไม่โชคดีที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เนื่องจากฝ่ายสนับสนุนทางโทรศัพท์ทำให้ฉันผิดหวัง ฉันจึงขอแนะนำให้ใช้แชทออนไลน์เพื่อรับความช่วยเหลือที่รวดเร็วกว่า
ทำไมฉันถึงต้องดูที่การช่วยเหลือ ในเมื่อฉันสามารถทำได้เอง?
ถึงแม้ว่าผู้คนส่วนใหญ่จะคิดว่าการช่วยเหลือที่ดีมีความจำเป็นเฉพาะในช่วงการติดตั้ง VPN แต่จริง ๆ แล้วก็อาจมีอย่างอื่นที่ท่านอาจต้องการความช่วยเหลือนี้ได้เช่นกัน เช่น การเชื่อมต่อไปยังเซิฟเวอร์บางแห่ง การเปลี่ยนโปรโตคอล และการปรับค่า VPN บนเราท์เตอร์ เป็นต้น เราได้ตรวจสอบ VPN แต่ละตัวเพื่อดูว่ามีการช่วยเหลือเวลาใดบ้าง (ถึงแม้ในช่วงกลางดึก), ระยะเวลาที่พวกเขาตอบสนอง และพวกเขาได้ตอบคำถามเราหรือไม่
ราคา
- 6.0 / 10Norton Secure VPN มีราคาที่แตกต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับจำนวนของอุปกรณ์ที่คุณต้องการเชื่อมต่อกับการสมัครสมาชิกของคุณ แผนให้บริการรายปีนั้นมีราคาประมาณครึ่งหนึ่งของโปรแกรม VPN ราคาถูกอื่น ๆ มากมาย หากสิ่งที่คุณต้องการคือความปลอดภัยทางออนไลน์พื้นฐานและการเข้าถึงบริการสตรีมมิ่งขนาดเล็ก งั้นมันก็เป็นตัวเลือกที่ดี
ตัวเลือกการชำระเงิน
คุณสามารถจ่ายเงินสำหรับ Norton Secure VPN ได้ด้วย:
- บัตรเครดิต
- บัตรเดบิต
- PayPal
ลองใช้ Norton Secure VPN ฟรี 60 วันด้วยการรับประกันยินดีคืนเงิน
Norton Secure VPN มีการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 60 วันในแผนให้บริการายปีและการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 14 ในแผนให้บริการรายเดือน หากคุณเปลี่ยนใจ คุณสามารถติดต่อ Norton เพื่อขอเงินของคุณคืนผ่านแชทออนไลน์ได้ง่าย ๆ
เพื่อดูว่าการรับประกันนี้ใช้งานได้จริงไหม ฉันจึงได้ลงทะเบียนสำหรับแผนให้บริการรายปีและใช้บริการนี้เป็นระยะเวลาสองสามสัปดาห์ จากนั้นฉันก็ติดต่อฝ่ายสนับสนุนลูกค้าผ่านแชทออนไลน์และร้องขอเงินคืน เจ้าหน้าที่พยายามทำให้ฉันใช้บริการต่อไปโดยการเสนอให้ใช้ฟรี 3 เดือน หลังจากที่ฉันปฏิเสธข้อเสนอของเขา คำขอคืนเงินของฉันก็ได้รับการอนุมัติทันที ฉันได้รับเงินคืนเข้าบัญชีของฉันในอีก 5 วันให้หลัง
หากคุณกำลังค้นหาโปรแกรม VPN ฟรี คุณสามารถลองดูรายการ โปรแกรม VPN ฟรีที่ดีที่สุดที่พร้อมให้บริการในปัจจุบันได้
Norton Secure VPN มีแพลนดังต่อไปนี้
บทสรุป
ด้วยฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ขาดไป, การบันทึกข้อมูลผู้ใช้บางส่วน, ไม่รองรับ Torrent, ตัวเลือกในการสตรีมมมิ่งน้อยและอินเทอร์เฟซที่ล้าสมัย Norton ยังต้องได้รับการปรับปรุงอีกมากก่อนที่มันจะสามารถมาถึงระดับเดียวกันกับคู่แข่ง
หากคุณกำลังจะซื้อแพ็กเกจความปลอดภัย Norton 360 อยู่แล้ว อย่างน้อย Norton Secure VPN ก็มอบสิทธิ์ในการเข้าถึงบริการ VPN พื้นฐานกับคุณ มิเช่นนั้นหากคุณต้องการโปรแกรม VPN ที่มีฟีเจอร์พรีเมียม ก็มีผู้ให้บริการดี ๆ อีกมากมายในตลาด
คำถามที่พบบ่อยทั่วไป
ฉันสามารถลองใช้ Norton Secure VPN ฟรีได้ไหม?
แน่นอน คุณสามารถลองใช้ Norton Secure VPN ฟรี 60 วันได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงินหากคุณเลือกการสมัครสมาชิกแบบรายปี หากคุณลงทะเบียนผ่าน Google Play บน Android คุณจะได้รับช่วงเวลาทดลองใช้งานฟรี 7 วันสำหรับ 1 อุปกรณ์เพื่อทดลองใช้บริการนี้โดยไม่มีความเสี่ยง หากคุณใช้แผนให้บริการแบบรายเดือน คุณสามารถทดสอบฟีเจอร์ของ Norton Secure VPN ฟรีได้นานสูงสุด 14 วัน
ฉันทดสอบการรับประกันยินดีคืนเงินด้วยตัวเองและการดำเนินการนั้นง่ายมาก หลังจากที่ฉันลงทะเบียนสำหรับแผนให้บริการแบบรายปีสำหรับ 5 อุปกรณ์ ฉันก็ร้องขอการยกเลิกผ่านแชทออนไลน์ของ Norton หลังจากที่ลองใช้ฟีเจอร์ของ Norton Secure VPN เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนลูกค้าอนุมัติเงินคืนให้กับฉันภายใน 5 นาทีและฉันก็ได้รับเงินกลับคืนเข้าบัญชีของฉันใน 5 วัน
การใช้ Norton Secure VPN ถูกกฎหมายหรือเปล่า?
การสั่งซื้อ Norton Secure VPN มาใช้นั้นคุ้มค่าไหม?
สำหรับโปรแกรม VPN ที่ทำงานได้ยอดเยี่ยมในหมวดหมู่ทั้งหมดที่ฉันทดสอบ คุณสามารถลองดู ExpressVPN ได้ มันสามารถปลดบล็อกบริการสตรีมมิ่งยอดนิยมมากมายได้ มีความเร็วสูง ฟีเจอร์ความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือ รองรับการ Torrenting และแอปที่ใช้งานง่ายในอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดียิ่งกว่านั้น – คุณสามารถลองใช้ ExpressVPN โดยไม่มีความเสี่ยงได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงิน! แถมคุณยังสามารถติดต่อฝ่ายสนับสนุนลูกค้าในภาษาไทยได้อีกด้วย
Norton Secure VPN จะปกป้องฉันทางออนไลน์ไหม?
หมายเหตุจากบรรณาธิการ: เราให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ของเรากับผู้อ่าน และเรามุ่งมั่นที่จะได้รับความไว้วางใจจากคุณด้วยการทำงานด้วยความโปร่งใสและความซื่อสัตย์ เว็บของเราอยู่ในกลุ่มเจ้าของเดียวกันกับผลิตภัณฑ์ชั้นนำในอุตสาหกรรมบางส่วนที่ได้รับการตรวจสอบบนเว็บไซต์นี้: Intego, Cyberghost, ExpressVPN และ Private Internet Access อย่างไรก็ตามสิ่งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการตรวจสอบของเรา เนื่องจากเราปฏิบัติตามวิธีการทดสอบที่เข้มงวด