VPN คืออะไร? คำแนะนำสำหรับมือใหม่ที่อธิบายโดยผู้เชี่ยวชาญ (2024)

เอนีมาลิ โอกวอลิ
อัพเดทครั้งล่าสุดโดย เอนีมาลิ โอกวอลิ ใน มีนาคม 28, 2024

เป็นตัวย่อสำหรับเครือข่ายเสมือน (Virtual Private Network) โปรแกรม VPN จะสร้างการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยระหว่างคุณและอินเทอร์เน็ต มันมอบชั้นความเป็นส่วนตัวและความเป็นนิรนามเพิ่มเติมให้กับคุณ ดังนั้นคุณจึงสามารถ:

  • ซ่อนกิจกรรมบนอินเทอร์เน็ตและตำแหน่งของคุณเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกติดตามได้ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนเครือข่าย WiFi สาธารณะ)
  • ก้าวข้ามการเซ็นเซอร์ทางออนไลน์และท่องอินเทอร์เน็ตได้อย่างอิสระ
  • Torrent อย่างปลอดภัยและเป็นนิรนามได้โดยไม่มีการควบคุมความเร็ว
  • ปลดบล็อกแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอย่าง Netflix, Disney+ และอื่น ๆ ได้อีกมากมาย

มันอาจฟังดูซับซ้อน แต่คุณไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคเพื่อใช้งาน VPN แต่อย่างใด หลังจากที่ฉันได้ทดสอบบริการ VPN ต่าง ๆ มากกว่า 20 บริการ ตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับมือใหม่ของฉันคือ ExpressVPN เพราะมันรวดเร็ว ปลอดภัยและใช้งานง่ายมาก ๆ แถมคุณยังสามารถทดลองใช้งานโดยไม่มีความเสี่ยงเป็นระยะเวลา 30 วันได้อีกด้วย!

ในคำแนะนำนี้ ฉันจะแสดงให้คุณเห็นว่าบริการอย่าง ExpressVPN ใช้งานได้จริง แถมฉันจะแบ่งปันเคล็ดลับของฉันสำหรับการรับ VPN ของคุณ — แม้ว่าคุณจะเป็นมือใหม่สุด ๆ เลยก็ตาม

ลองใช้ ExpressVPN โดยไม่มีความเสี่ยง!

วิดีโอ 1 นาที: VPN คืออะไรและทำงานอย่างไร

VPN เป็นเครื่องมือความปลอดภัยที่จำเป็นสำหรับการป้องกันความเป็นส่วนตัวทางออนไลน์ของคุณ หากไม่มี VPN ผู้อื่นอาจสกัดกั้นหรือดูกิจกรรมบนอินเทอร์เน็ตของคุณได้อย่างง่ายดาย สิ่งนี่รวมถึงประวัติการท่องเว็บ ไฟล์ที่ดาวน์โหลด รายละเอียดการธนาคารออนไลน์และรหัสผ่านของคุณด้วย

ที่แย่ไปกว่านั้นคือพวกเขาสามารถย้อนรอยทุกสิ่งกลับไปยังอุปกรณ์ของคุณผ่านหมายเลขที่ใช้สำหรับระบุตัวตนของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่ออยู่บนเครือข่าย (IP) ได้ หมายเลข IP ของคุณจะเปิดเผยตำแหน่งที่แท้จริงของคุณและอาจถูกใช้เพื่อติดตามชีวิตจริงของคุณได้ มันเป้นเหมือนกับการส่งไปรษณียบัตรผ่านทางไปรษณีย์ — ใคร ๆ ก็สามารถอ่านข้อความและดูชื่อและที่อยู่ของคุณได้

แต่เมื่อคุณเชื่อมต่อกับ VPN กิจกรรมบนอินเทอร์เน็ตของคุณจะถูกเข้ารหัสและหมายเลข IP ที่แท้จริงของคุณจะถูกปิดบังเอาไว้ ไม่มีใครสามารถดูได้ว่าคุณคือใครหรือกำลังทำอะไรอยู่ได้ แม้แต่ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) รัฐบาลหรือแฮ็กเกอร์ก็ไม่สามารถดูได้

แทนที่จะเป็นการส่งไปรษณียบัตร ตอนนี้คุณส่งข้อความส่วนตัวที่มีความปลอดภัยสูงที่เฉพาะผู้รับที่เจาะจงเท่านั้นจึงจะสามารถอ่านได้ จะไม่มีที่อยู่หรือชื่อของผู้ส่ง หากใครสักคนพยายามแอบอ่าน พวกเขาจะเห็นข้อมูลเข้ารหัสที่แสนยุ่งเหยิงแทน

อินโฟกราฟิกส์ของ vpn ทำงานอย่างไร

นี่คือวิธีที่โปรแกรม VPN เข้ารหัสการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวทางออนไลน์ให้กับคุณมากที่สุด

โปรแกรม VPN ปิดบังอะไรบ้าง?

การใช้โปรแกรม VPN จะปิดบังหมายเลข IP ที่แท้จริงของคุณและเข้ารหัสการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณ แต่ในชีวิตจริงแล้วมันปิดบังอะไรบ้าง?

  • ประวัติการท่องเว็บของคุณจะถูกเก็บไว้เป็นความลับ — โปรแกรม VPN จะปิดบังประวัติการท่องเว็บและการค้นหาจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ของคุณ สิ่งเดียวที่ ISP ของคุณสามารถดูได้คือเส้นทางที่เข้ารหัสของคุณที่เดินทางไปยังเซิร์ฟเวอร์ VPN เท่านั้น
  • คุณสามารถเปลี่ยนตำแหน่งทางออนไลน์ของคุณได้ — หมายเลข IP ของคุณจะบ่งบอกตำแหน่งทางกายภาพที่แท้จริงของคุณ ด้วยโปรแกรม VPN คุณจะสามารถเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในประเทศต่าง ๆ และเข้าถึงเนื้อหาท้องถิ่น (เช่น Netflix ของสหรัฐอเมริกา ข่าวสารออนไลน์และเว็บไซต์ Torrent) ได้
  • กิจกรรมบนอินเทอร์เน็ตของคุณจะไม่ถูกเปิดเผย — โปรแกรม VPN ที่ไม่บันทึกข้อมูลจะทำให้มั่นใจได้ว่าไม่มีใครทราบว่าคุณทำอะไรบนเว็บ นี่ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับแฟน ๆ Torrenting และเครือข่าย Peer-to-Peer (P2P)

ข้อดีของ VPN: ข้อดีของการใช้งาน VPN

เหตุผลหลักที่ผู้คนใช้ VPN

ตอนนี้คุณคงจะเข้าใจแล้วว่า VPN ใช้งานอย่างไรและทำงานอย่างไร ลองมาดูกันว่ามันจะช่วยคุณได้อย่างไร!

ความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้นและไม่เปิดเผยตัวตนออนไลน์

คุณเคยส่งรายละเอียดธนาคารของคุณให้เพื่อนบนอินเตอร์เน็ตหรือเปล่า คุณใช้เครือข่าย Wifi สาธารณะบ่อยไหม ถ้าเป็นเช่นนั้น มันก็เหมือนการเปิดประตูให้แฮกเกอร์เข้ามาถึงบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณใช้ฮอตสปอต Wi-Fi สาธารณะ

VPN ที่ดีจะใช้การเข้ารหัสขั้นสูงสุดเพื่อรักษาความปลอดภัยข้อมูลของคุณ นอกจากนี้ยังตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ที่จัดการกับข้อมูลของคุณไม่สามารถเห็นได้ว่าข้อมูลนั้นมาจากไหน ทำให้คุณใช้งานได้โดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตนให้มากที่สุด

หลีกเลี่ยงการเซ็นเซอร์

ประเทศมากมาย ทั่วโลกเซ็นเซอร์เนื้อหาเพราะไม่สอดคล้องกับความเชื่อทางการเมืองหรือศาสนาของพวกเขา หากคุณวางแผนที่จะเดินทางไปยังประเทศที่มีการเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ตอย่างเข้มงวด (เช่น จีน) คุณจะต้องใช้ VPN เพื่อช่วยให้คุณสามารถหลีกเลี่ยงข้อจำกัด ไม่เช่นนั้นงานง่าย ๆ อย่างเช่น Google สิ่งต่าง ๆ หรืออัปเดตสถานะของคุณใน Facebook นั้นจะเป็นไปไม่ได้เลย VPN ช่วยให้คุณสามารถเลิกปลดบล็อกเว็บไซต์เหล่านี้ รวมถึงปกป้องข้อมูลของคุณจากการแอบสอดส่อง

นอกจากนั้น คุณยังสามารถใช้ VPN เพื่อหลีกเลี่ยงไฟร์วอลล์ที่พบได้ทั่วไปในเครือข่ายสำนักงานหรือโรงเรียน

เล่นเกมที่ถูกปิดกั้นทางภูมิภาคได้จากทุกที่

คุณอยากเล่นเกมออนไลน์ แต่กลับพบว่ามันถูกบล็อกในประเทศไทยหรือไม่ คุณไม่ได้ประสบปัญหานั้นอยู่คนเดียว – ปัญหาที่น่าผิดหวังนี้เกิดขึ้นกับผู้เล่นหลากหลายคนทั่วโลก แต่ด้วย VPN คุณสามารถ เปลี่ยนตำแหน่งของคุณและเล่นเกมที่คุณชื่นชอบได้ทุกที่ในโลก

Torrent ได้อย่างปลอดภัย

การ Torrent อาจมีความเสี่ยงเพราะคุณไม่มีทางรู้ได้ว่ามีไฟล์อะไรบ้างในไฟล์ที่คุณดาวน์โหลด ที่แย่กว่านั้นก็คือคุณเสี่ยงต่อการมีปัญหากับเจ้าหน้าที่ หากคุณ Torrent บางอย่างที่คุณไม่ควรทำ

VPN สามารถปกป้องคุณได้โดยการซ่อนตัวตนของคุณ นอกจากนี้ยังจะป้องกัน ISP ของคุณจากการสอดส่องสิ่งที่คุณทำและการควบคุมปริมาณแบนด์วิธของคุณ บริการ VPN บางบริการ เช่น ExpressVPN และ CyberGhost มีเซิร์ฟเวอร์สำหรับ Torrent โดยเฉพาะและเพิ่มคุณสมบัติเพื่อป้องกันคุณจากมัลแวร์

ปรับปรุงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและความเร็วของคุณ

บางครั้ง ISP ของคุณจงใจชะลอการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณ ทำไมน่ะหรอ อาจเป็นเพราะพวกเขาตรวจพบว่าคุณได้ทำการ Torrent หรือเนื่องจากคุณใช้ข้อมูลเกินขีดจำกัด ISP บางรายใช้กลยุทธ์นี้เพื่อพยายามให้คุณอัพเกรดการใช้งาน การกระทำเหล่านี้เรียกว่า “การควบคุมปริมาณ”

แต่ด้วย VPN กิจกรรมของคุณยังคงเป็นส่วนตัวและแม้แต่ ISP ของคุณก็ไม่สามารถแอบดูได้ นั่นหมายความว่า พวกเขาไม่สามารถจำกัดแบนด์วิดท์ของคุณได้ ดังนั้นคุณจะได้เห็นความเร็วที่เพิ่มขึ้น

VPN ปลอดภัยไหม? วิธีเลือก VPN ที่ปลอดภัยในปี 2024

หากคุณคิดว่าจะสมัครสมาชิกใช้งาน VPN มีบางสิ่งที่คุณต้องมองหา:

  • ความเร็วสูง
  • การเข้ารหัสที่แข็งแกร่งและโปรโตคอลความปลอดภัยคุณภาพสูง
  • นโยบายความเป็นส่วนตัวที่น่าเชื่อถือ
  • ความสามารถในการเข้าถึงเนื้อหาทั่วโลก
  • รองรับอุปกรณ์หลากหลายและใช้งานได้หลากหลายแพลตฟอร์ม
  • ประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยม
  • การสนับสนุนลูกค้าที่เชื่อถือได้
  • ความคุ้มค่า

ความเร็วสูง

การใช้ VPN อาจทำให้การเชื่อมต่อของคุณช้าลง เนื่องจากข้อมูลของคุณกำลังถูกเข้ารหัสและกำหนดเส้นทางผ่านเซิร์ฟเวอร์อื่น VPN บางตัวนั้นแทบจะไม่สามารถสังเกตเห็นได้ ในขณะที่บางตัวอาจทำให้การทำงานช้าลงอย่างมาก VPN ของคุณจะไม่มีประโยชน์อะไรมากนัก หากทำให้ความเร็วในการเชื่อมต่อของคุณช้า ดังนั้นคุณต้องเลือกบริการที่มีแบนด์วิดธ์ไม่จำกัดและมีเซิร์ฟเวอร์ที่รวดเร็วจำนวนมาก

มองหา VPN ที่มีเซิร์ฟเวอร์มากมาย (ExpressVPN มีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 3000 เซิร์ฟเวอร์ในเครือข่ายที่วโลก) เนื่องจากสิ่งนี้จะช่วยลดปัญหาความหนาแน่นของผู้ใช้และรักษาความเร็วเอาไว้ให้รวดเร็ว จำนวนเซิร์ฟเวอร์ที่มากกว่าหมายความว่าคุณจะมีแนวโน้มที่จะพบกับการเชื่อมต่อในท้องถิ่นได้มากกว่า โดยทั่วไปแล้วยิ่งเซิร์ฟเวอร์อยู่ห่างไกลมากเท่าไหร่ อินเทอร์เน็ตของคุณก็จะยิ่งช้าลงเท่านั้นเพราะมันใช้เวลาในการส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ดังกล่าวนานกว่า หากคุณเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในละแวกใกล้เคียง คุณจะสังเกตเห็นถึงผลกระทบต่อความเร็วของคุณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

การเข้าถึงบริการสตรีมมิ่ง, Torrenting และอื่น ๆ อีกมากมาย

ข้อดีอย่างยิ่งของ VPN คือมันช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการเซ็นเซอร์และข้อจำกัดตามภูมิศาสตร์ได้ คุณสามารถเข้าถึงบริการสตรีมมิ่งสุดโปรดของคุณตอนเดินทางไปยังต่างประเทศได้โดยการปิดบังตำแหน่งของคุณ, แชร์ไฟล์ P2P เนื้อหาที่เป็นสาธารณะได้โดยไม่มีข้อจำกัดและอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ไม่ใช่ VPN ทั้งหมดที่ถูกสร้างขึ้นมาเท่าเทียมกันในเรื่องนี้และมีบริการมากมายที่ถูกปิดกั้นโดยเทคโนโลยีตรวจจับ VPN ได้อย่างง่ายดาย

หากคุณต้องการใช้ VPN ของคุณเพื่อเข้าถึงเว็บไซต์ที่เฉพาะเจาะจงอย่าง Netflix หรือปลดบล็อกไฟร์วอลล์ของประเทศที่เฉพาะเจาะจง ให้ดำเนินการค้นหาและตรวจสอบให้มั่นใจว่าผู้ให้บริการดังกล่าวรองรับในเรื่องนี้ก่อนที่จะสมัครสมาชิก VPN มากมายมีรายละเอียดข้อมูลบนเว็บไซต์สนับสนุนซึ่งช่วยให้คุณทราบว่าบริการใดบ้างที่พวกเขาสามารถเข้าถึงได้และพวกเขาสามารถหลีกเลี่ยงข้อจำกัดสุดหินได้หรือไม่

คุณยังสามารถใช้เวอร์ชันทดลองใช้งานฟรีและการรับประกันยินดีคืนเงินเพื่อทดสอบ VPN ได้อีกด้วย โปรดทราบว่าแม้กระทั่ง VPN ที่ดีที่สุดก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการตรวจจับได้เสมอไป แต่ด้วยการอัปเดตและรีเฟรชเซิร์ฟเวอร์เป็นประจำ คุณก็จะพบการเชื่อมต่อที่ใช้งานได้ภายในระยะเวลาไม่นาน

การเข้ารหัสที่แข็งแกร่งและโปรโตคอลความปลอดภัยคุณภาพสูง

หนึ่งในเหตุผลหลักสำหรับการใช้ VPN คือทำให้การเชื่อมต่อของคุณปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังนั้นอย่าชะล่าใจในเรื่องความปลอดภัย ค้นหาบริการที่มีการเข้ารหัส 256-bit AES ซึ่งเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมและโปรโตคอลที่มีความปลอดภัยสูงเช่น OpenVPN และ IKEv2

ภาพหน้าจอของแอป ExpressVPN สำหรับ Windows แสดงเมนูตัวเลือกและไฮไลต์โปรโตคอลการเชื่อมต่อ

ExpressVPN ให้คุณเลือกโปรโตคอลเพื่อปรับแต่งการเชื่อมต่อของคุณ

นโยบายความเป็นส่วนตัวที่น่าเชื่อถือ

การเลือกผู้ให้บริการที่มี นโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่เข้มงวดเป็นสิ่งสำคัญจริง ๆ มิฉะนั้นบริษัทจะจัดเก็บข้อมูลของคุณและอาจแบ่งปันบุคคลที่สาม เช่น รัฐบาลได้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ให้บริการตั้งอยู่นอกเขตอำนาจประเทศพันธมิตร 5/9/14 Eyes ด้วย (ประเทศเหล่านี้คือกลุ่มประเทศที่แบ่งปันข้อมูลการเฝ้าระวัง) หากคุณไม่แน่ใจว่าผู้ให้บริการมีนโยบายว่าอย่างไร ให้อ่านนโยบายความเป็นส่วนตัว

ความสามารถในการเข้าถึงเนื้อหาทั่วโลก

ข้อดีอีกอย่างของ VPN คือ พวกเขาอนุญาตให้คุณสามารถเลี่ยงการเซ็นเซอร์และข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ได้ แต่ VPN ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาให้เท่ากันในเรื่องนี้ หากคุณต้องการใช้ VPN เพื่อเข้าถึงเว็บไซต์ เช่น Netflix หรือใช้เพื่อปลดบล็อกไฟร์วอลล์ของบางประเทศ ให้ค้นคว้าและตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ให้บริการสนับสนุนสิ่งเหล่านี้ก่อนตัดสินใจซื้อ คุณสามารถใช้การทดลองใช้ฟรีและการรับประกันคืนเงินเพื่อทดสอบ VPN ได้

รองรับอุปกรณ์หลากหลายและใช้งานได้หลากหลายแพลตฟอร์ม

คุณต้องการให้อุปกรณ์ทั้งหมดของคุณได้รับการปกป้อง ดังนั้นมองหาผู้ให้บริการที่อนุญาตให้มีการเชื่อมต่อหลายอุปกรณ์พร้อมกัน และอย่าลืมตรวจสอบว่า VPN เข้ากันได้กับอุปกรณ์ทั้งหมดของคุณด้วย

ประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยม

อย่าเสียเงินกับบริการที่ช้า ไม่น่าเชื่อถือหรือมีอินเตอร์เฟสผู้ใช้งานที่ไม่น่าเชื่อถือ ทำการค้นคว้าและตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ให้บริการมีรีวิวที่ดีก่อนที่จะซื้อการบริการ การอ่านบทวิจารณ์เป็นวิธีที่ยอดเยี่ย

การสนับสนุนลูกค้าที่เชื่อถือได้

หากมีข้อผิดพลาดคุณต้องมั่นใจว่าพวกเขาสามารถแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ค้นหาผู้ให้ บริการที่มีการสนับสนุนไลฟ์แชทตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันและการสนับสนุนทางอีเมล มันจะดีมากถ้าคุณสามารถโทรศัพท์เพื่อขอความช่วยเหลือได้เมื่อมีปัญหา

ความคุ้มค่า

เมื่อคุณจ่ายเงินค่าบริการ คุณจะต้องมั่นใจว่าบริการของคุณนั้นคุ้มค่าเงินของคุณ มันไม่ได้หมายความว่าให้เลือกบริการที่มีราคาถูกที่สุด ให้มองหา บริการที่มีคุณสมบัติทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นและนำเสนอราคาที่เหมาะสม โดยปกติแล้ว นี่หมายความว่าการสมัครสมาชิกในระยะยาวจะได้รับความคุ้มค่ามากที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นVPN มากมายกก็มีรหัสส่วนลดและคูปองพร้อมให้บริการ ดังนั้นคุณจึงสามารถรับข้อเสนอดี ๆ ได้ในทุกแผนสมัครสมาชิก

ให้มองหา VPN ที่มีการรับประกันยินดีคืนเงินด้วย สิ่งนี้จะช่วยให้คุณได้ทดสอบบริการดังกล่าวอย่างเต็มรูปแบบเพื่อให้มั่นใจว่ามันเหมาะกับคุณ — หากคุณเกิดเปลี่ยนใจหรือไม่พึงพอใจ คุณก็สามารถรับเงินคืนเต็มจำนวนได้

ข้อเสียของ VPN: ข้อเสียของการใช้งาน VPN

  • อาจทำให้การเชื่อมต่อของคุณช้าลงเล็กน้อย ข้อมูลของคุณจะต้องมีการเข้ารหัสและกำหนดเส้นทางผ่านเซิร์ฟเวอร์ VPN ซึ่งอาจอยู่ไกลจากที่ตั้งจริงของคุณ สิ่งนี้จะชะลอความเร็วลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่คุณสามารถลดการชะลอความเร็วลงได้อย่างมาก โดยเลือกบริการที่รวดเร็วมาก เช่น ExpressVPN
  • บางเว็บไซต์ปิดกั้น VPN เว็บไซต์บางแห่ง (เช่น Netflix) สามารถตรวจจับได้เมื่อคุณใช้ VPN และปิดกั้นไม่ให้คุณเข้ามาใช้บริการ อย่างไรก็ตาม VPN ที่ดีที่สุดในตลาดก็สามารถแทนที่เซิร์ฟเวอร์ที่ถูกบล็อกได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เว็บไซต์เหล่านี้ติดตามได้ยาก
  • Tบริการที่ดีที่สุดอาจมีราคาแพง VPN ฟรีมีอยู่จริง แต่มีแนวโน้มว่ามันจะมีคุณสมบัติที่จำกัดและมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
  • ผู้ให้บริการของคุณอาจบันทึกข้อมูลการใช้งานของคุณ เนื่องจากข้อมูลของคุณต้องดำเนินการผ่านเซิร์ฟเวอร์ของผู้ให้บริการ VPN จึงมีความเสี่ยงที่พวกเขาจะเก็บข้อมูลการใช้งานไว้ เพื่อลดความเสี่ยงนี้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ให้บริการของคุณมีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานและตรวจสอบว่าผู้ให้บริการไม่ได้อยู่ในประเทศที่จำเป็นต้องแบ่งปันข้อมูลร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ อ่านนโยบายความเป็นส่วนตัวเสมอเพื่อดูว่าข้อมูลของคุณจะถูกจัดการอย่างไร
  • VPN ผิดกฎหมายในบางประเทศ คุณอาจเสี่ยงต่อการเกิดปัญหากับเจ้าหน้าที่รัฐหากคุณใช้ VPN ในประเทศที่ผิดกฎหมาย ประเทศเหล่านี้รวมถึง จีน ตุรกีและอิรัก
  • คุณจะแบ่งปันหมายเลข IP กับผู้อื่น มีผู้ใช้ VPN หลายคนเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ ดังนั้นหมายเลข IP ของคุณจะเหมือนกันกับคนอื่น ๆ นี่อาจเป็นปัญหา หากมีคนใช้งานในทางที่ไม่เหมาะสมในขณะที่ใช้ VPN เนื่องจากอาจนำไปสู่การขึ้นบัญชีดำหมายเลข IP ในบางเว็บไซต์ หรือคุณอาจถูกลงโทษสำหรับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของผู้อื่น คุณสามารถหลีกเลี่ยงปัญหานี้ได้โดยเลือก VPN ที่นำเสนอหมายเลข IP เฉพาะ
  • VPN ไม่พร้อมใช้งานสำหรับอุปกรณ์ทั้งหมด อาจเป็นการยากที่จะค้นหาแอพพลิเคชั่นสำหรับอุปกรณ์รุ่นเก่าหรือที่ใช้ระบบปฏิบัติการที่คลุมเครือมากขึ้น

VPN ประเภทไหนที่เหมาะกับคุณ?

แล้วคุณจะเลือก VPN ที่ดีที่สุดได้อย่างไร ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการ VPN สำหรับอะไร ดู สถานการณ์ด้านล่างและดูว่าสถานการณ์ใดที่ตรงกับสิ่งที่คุณต้องการมากที่สุด แล้วฉันจะแบ่งปันเคล็ดลับในการค้นหา VPN ที่ดีที่สุดให้กับคุณ:

หากคุณต้องการทราบว่า VPN มีฟีเจอร์เฉพาะ (เช่น kill switch หรือแอพพลิเคชั่นสำหรับสมาร์ททีวีของคุณ) ให้ตรวจสอบเว็บไซต์ของผู้ให้บริการ โดยปกติจะมีส่วนที่แสดงรายการฟีเจอร์ทั้งหมดและอีกรายการหนึ่งแสดงแอพลิเคชั่นทั้งหมดที่มีให้ใช้งาน

เพื่อการปลดบล็อกเนื้อหาในทั่วโลก

โปรแกรม VPN ให้คุณเปลี่ยนตำแหน่งเสมือนของคุณและเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่พร้อมให้บริการในประเทศของคุณ นี่รวมถึงเว็บไซต์ที่จำกัดอย่าง Netflix, Disney+, Amazon Prime Video และอื่น ๆ อีกมากมาย อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ดาวน์โหลดโปรแกรม VPN ที่มาพร้อมกับ:

  • ความสามารถในการปลดบล็อกเนื้อหาทั่วโลก — ไม่ใช่ทุกโปรแกรม VPN จะสามารถปลดบล็อกเว็บไซต์และแอปที่จำกัดได้ Netflix เป็นตัวเลือกที่ VPN เข้าถึงได้ยากเป็นพิเศษ ดังนั้นอย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้มองหาโปรแกรม VPN ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าใช้งานกับ Netflix ได้
  • ความเร็วที่รวดเร็ว — คุณต้องการความเร็วอย่างน้อย 5 Mbps สำหรับคุณภาพระดับ HD และ 25 Mbps สำหรับคุณภาพระดับ Ultra HD ความเร็วที่น้อยกว่า 5 Mbps จะส่งผลให้เกิดการโหลดและกระตุก
  • เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลก — ดาวน์โหลดโปรแกรม VPN ที่มีเซิร์ฟเวอร์ในตำแหน่งที่คุณต้องการทั้งหมด ตัวอย่างเช่น คุณจะต้องมีโปรแกรม VPN ที่มีเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกาหากคุณต้องการรับชม Netflix ของสหรัฐอเมริกา, Hulu หรือ HBO Max
  • แอปเฉพาะสำหรับอุปกรณ์ต่าง ๆ — ตรวจสอบว่ามีแอปเฉพาะสำหรับอุปกรณ์สตรีมมิ่งทั้งหมดของคุณ ไม่ว่าจะเป็นแล็ปท็อป, Smart TV หรือ Amazon Fire Stick
ตัวอย่าง ExpressVPN ที่ทำงานกับห้องสมุด Netflix US
ExpressVPN เป็นหนึ่งในโปรแกรม VPN จำนวนไม่มากที่ปลดบล็อก Netflix ทั่วโลกได้อย่างง่ายดาย

VPN ที่ดีที่สุดสำหรับการสตรีมมิ่ง: ExpressVPN

ExpressVPN เป็น VPN ที่ดีที่สุดสำหรับการสตรีมมิ่งเพราะความเร็วทั่วโลกที่รวดเร็วสูงและจำนวนเซิร์ฟเวอร์มากมาย (มากกว่า 3000 ใน 105 ตำแหน่ง)

เพื่อความเป็นส่วนตัวและไม่เปิดเผยตัวตน (โดยเฉพาะเมื่อใช้งานในเครือข่ายสาธารณะ)

เครือข่าย WiFi สาธารณะนั้นไม่ปลอดภัยอย่างยิ่งและควรใช้ VPN เมื่อเข้าถึงเครือข่ายเหล่านี้เพื่อให้ข้อมูลของคุณนั้นปลอดภัยอยู่เสมอ ส่วนนี้นั้นขึ้นอยู่กับคุณด้วย หากคุณไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนตลอดเวลาการใช้งาน

  • การเข้ารหัสที่ปลอดภัยเป็นพิเศษ: VPN ของคุณควรมีการเข้ารหัส 256-bit AES ซึ่งเป็นมาตราฐานที่ปลอดภัยที่สุดในอุตสาหกรรม วิธีนี้จะทำให้ข้อมูลของคุณปลอดภัยจากแฮกเกอร์
  • โปรโตคอลที่ปลอดภัย: ตรวจสอบให้แน่ใจว่า VPN มี OpenVPN หรือ IKEv2 นี่เป็นโปรโตคอลที่แข็งแกร่งที่สุดและทำให้ข้อมูลของคุณนั้นเป็นส่วนตัว
  • การป้องกันการรั่วไหลของ DNS: บางครั้งปัญหาซอฟต์แวร์อาจนำไปสู่การรั่วไหลของหมายเลข IP ของคุณในขณะที่คุณใช้ VPN นั่นไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการเมื่อคุณใช้เครือข่ายสาธารณะ! แล้วคุณจะทำอย่างไร VPN บางตัว (เช่น ExpressVPN) มีการป้องกันในตัวซึ่งจะหยุดสิ่งนี้ไม่ให้เกิดขึ้น
  • ฟีเจอร์ Kill switch: ฟีเจอร์นี้จะยกเลิกการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหากการเชื่อมต่อ VPN ล้มเหลว สิ่งนี้มีความสำคัญ เนื่องจากช่วยให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลของคุณจะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นในเครือข่ายเดียวกัน สิ่งนี้มีความสำคัญเนื่องจากช่วยให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลของคุณจะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นในเครือข่ายเดียวกัน

ภาพหน้าจอของ ExpressVPN ประสบความสำเร็จในการทดสอบการรั่วไหลของ IP, WebRTC และ DNS ในขณะที่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกา

การป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลภายในตัวของ ExpressVPN จะทำงานโดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องกำหนดค่าอะไร

VPN ที่ดีที่สุดสำหรับความเป็นส่วนตัว: ExpressVPN

เซิร์ฟเวอร์ของ ExpressVPN ทั้งหมดได้รับการป้องกันด้วยการเข้ารหัสระดับทหารและการป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล แถม Kill Switch ที่จะปิดกั้นการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตโดยอัตโนมัติหาก VPN ถูกรบกวน

สำหรับ Torrent อย่างปลอดภัย

การ Torrent อาจมีความเสี่ยง อุปกรณ์ของคุณอาจถูกเปิดเผยต่อมัลแวร์และอาจมีปัญหากับเจ้าหน้าที่หากคุณดาวน์โหลดสิ่งที่คุณไม่ควรทำ VPN ที่ดีจะช่วยปกป้องคุณจากทั้งคู่

  • การเข้ารหัสที่ปลอดภัยเป็นพิเศษ: คุณต้องใช้ VPN พร้อมการเข้ารหัส 256-bit AES สำหรับทหาร หากคุณต้องการให้กิจกรรมของคุณเป็นส่วนตัวมากที่สุด
  • ความเร็ว: การเชื่อมต่อที่รวดเร็วนั้นเป็นสิ่งสำคัญเมื่อทำการ torrent ดงันั้นตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ให้บริการนั้นระบุไว้ว่านำเสนอ “แบนด์วิดท์ที่ไม่จำกัด” บนเว็บไซต์และตรวจสอบความเห็นเพื่อดูว่าเซิร์ฟเวอร์ของตนรวดเร็วแค่ไหน
  • รองรับ P2P: ผู้ให้บริการบางรายจำกัดแบนด์วิดท์ของคุณ หากตรวจพบว่าคุณทำการ Torrent ดังนั้นตรวจสอบบนเว็บไซต์ของพวกเขาให้ดีเพื่อดูว่าพวกเขาสนับสนุนการ P2P หรือไม่ ผู้ให้บริการอื่น ๆ เช่น ExpressVPN นั้นเป็นมิตรต่อการ Torrent และยังมีเซิร์ฟเวอร์สำหรับการ P2P โดยเฉพาะอีกด้วย
  • โปรโตคอลที่ปลอดภัย: ตรวจสอบให้แน่ใจว่า VPN ใช้โปรโตคอล OpenVPN หรือ IKEv2 ด้วยวิธีนี้จะไม่มีใครรู้ว่าคุณกำลังทำการ Torrent
  • ฟีเจอร์ Kill switch: คุณสมบัตินี้ยกเลิกการเชื่อมต่อของคุณจาก หากการเชื่อมต่อกับ VPN นั้นล้มเหลว ดังนั้นกิจกรรมที่คุณกำลังทำะไม่ถูกเปิดเผย หากคุณกังวลถึงปัญหากับเจ้าหน้าที่ นี่จึงเป็นสิ่งที่ต้องมองหา

VPN ที่ดีที่สุดสำหรับ Torrenting: CyberGhost

CyberGhost มีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการปรับแต่งเป็นพิเศษสำหรับการแชร์ไฟล์ P2P ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับความเร็วในการดาวน์โหลดที่รวดเร็วที่สุดและการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยและไว้วางใจได้เมื่อ Torrenting

สำหรับการหลีกเลี่ยงผ่านการเซ็นเซอร์

VPN สามารถช่วยคุณเลี่ยงการเซ็นเซอร์ในที่ทำงาน ที่มหาวิทยาลัยหรือแม้แต่ในประเทศที่การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตถูกจำกัดอย่างมาก การใช้ VPN นั้นผิดกฎหมายในบางประเทศ ดังนั้นควรตระหนักถึงความเสี่ยงและความปลอดภัย

  • การเข้ารหัสที่ปลอดภัยเป็นพิเศษ: VPN ของคุณควรมีการเข้ารหัส 256-bit AES สำหรับทหาร สิ่งนี้สำคัญเป็นอย่างยิ่งหากคุณอยู่ในประเทศที่ VPN นั้นเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เพื่อที่ให้แน่ใจได้ว่าคุณจะไม่ถูกจับได้
  • ความสามารถในการหลีกเลี่ยงการเซ็นเซอร์: บริการส่วนใหญ่ไม่ควรมีปัญหาในหลีกเลี่ยงข้อจำกัดทางอินเทอร์เน็ตในที่ทำงานของคุณ แต่การหลีกเลี่ยง Great Firewall of China นั้นอาจเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไป หากคุณวางแผนที่จะเดินทางไปยังประเทศที่มีการเซ็นเซอร์อย่างเข้มงวด ให้เลือกบริการอย่าง ExpressVPN ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถใช้งานได้ที่นั่น
  • โปรโตคอลที่ปลอดภัย: ตรวจสอบให้แน่ใจว่า VPN ใช้โปรโตคอล OpenVPN หรือ IKEv2 นี่เป็นเรื่องที่สำคัญมากที่สุดในประเทศที่คุณอาจประสบปัญหาหากถูกจับได้ว่าใช้ VPN

VPN ที่ดีที่สุดสำหรับการหลีกเลี่ยงเซ็นเซอร์: ExpressVPN

เซิร์ฟเวอร์ของ ExpressVPN ทั้งหมดมีฟีเจอร์ Obfuscation ที่จะปิดบังการรับส่งข้อมูล VPN ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่ามันจะไม่ถูกตรวจพบโดยเทคโนโลยีตรวจจับ VPN — Obfuscation นี้ทำให้ ExpressVPN เป็นหนึ่งในบริการเพียงไม่กี่บริการที่สามารถหลีกเลี่ยงไฟร์วอลล์ของประเทศจีนได้

VPN มีราคาเท่าไหร่?

มีปัจจัยมากมายที่ต้องพิจารณาเมื่อพูดถึงราคาของ:

  • ตัว VPN เอง — บริการที่มีชื่อเสียงและได้รับการทดสอบแล้วมักมีราคาแพงกว่า
  • ระยะเวลาการสมัครสมาชิก VPN
  • จำนวนของเซิร์ฟเวอร์ซึ่งรวมถึงเซิร์ฟเวอร์พิเศษ (สำหรับการสตรีมมิ่ง, Torrenting และการเล่นเกม)
  • ฟีเจอร์เสริม เช่น Split Tunneling, ตัวปิดกั้นโฆษณาและมัลแวร์, เซิร์ฟเวอร์ Obfuscation และอื่น ๆ อีกมากมาย

โดยเฉลี่ยแล้ว VPN จะมีราคาประมาณ $6-7 ต่อเดือน เป็นเรื่องยากมาก ๆ ที่ VPN จะเรียกเก็บค่าสมัครสมาชิกมากกว่า $10 ต่อเดือนและคุณสามารถหาบริการที่ดีกว่าในราคาที่ถูกกว่านั้นได้แน่นอน แถมคุณยังสามารถรับข้อเสนอที่ลดราคามากยิ่งขึ้นได้เสมอเมื่อคุณเลือกการสมัครสมาชิกในระยะยาวแทนที่จะเป็นแผนให้บริการระยะสั้นหรือแผนให้บริการแบบเดือนต่อเดือน — แผนให้บริการของ ExpressVPN มีส่วนลดสูงมากถึง 49% ของราคามาตรฐาน

ราคาของ VPN จะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละบริการ — เพื่อเป็นการเปรียบเทียบ แผนให้บริการที่มีราคาถูกที่สุดของ ExpressVPN อยู่ที่ $6.67 ต่อเดือนสำหรับการสมัครสมาชิก ในขณะที่แผนให้บริการรายเดือนของ Private Internet Access มีราคาอยู่ที่เพียง $2.03/เดือนเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นราคาก็ไม่ใช่เรื่องเดียวที่คุณต้องพิจารณาเมื่อเลือก VPN ExpressVPN เสนอบริการที่กว่าพร้อมการเชื่อมต่อที่รวดเร็วและไว้วางใจได้และความปลอดภัยระดับชั้นนำ ดังนั้นมันจึงสมควรที่จะมีราคาแพงกว่า

VPN ฟรี vs. VPN เสียเงิน: อันไหนดีกว่า?

คุณจะได้รับความปลอดภัยพรีเมียมและความเป็นส่วนตัวจาก VPN พรีเมียมเท่านั้น — คุณจะไม่ได้รับระดับการป้องกันเดี่ยวกันจากบริการฟรี มี VPN “ฟรีเมียม” ที่บริการพรีเมียมเป็นเจ้าของซึ่งปลอดภัย แต่มีข้อจำกัดเยอะมาก ข้อมูลการใช้งานต่ำ ข้อจำกัดการเชื่อมต่อและการลดความเร็วนั้นเป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปสำหรับ VPN “ฟรีเมียม” ดังนั้นคุณจึงไม่สามารถใช้บริการได้มากเท่าที่คุณต้องการ

เมื่อ VPN ฟรีฟังดูดีเกินกว่าจะเป็นจริง มันก็น่าจะเป็นสแกม การเปิดให้บริการเครือข่าย VPN นั้นมีราคาสูง — แถมบริษัทเองก็ยังต้องทำกำไรให้ได้ด้วยแม้ว่าคุณจะไม่จ่ายเงิน นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม VPN ฟรีมากมายถึงใช้แนวทางการปฏิบัติที่ไม่เหมาะสมในการสร้างรายได้จากบริการของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นการสแปมคุณด้วยโฆษณาป๊อปอัพน่ารำคาญ หลอกให้คุณดาวน์โหลดมัลแวร์หรือแม้กระทั่งเก็บรวบรวมและขายข้อมูลของคุณ

แทนที่จะไปเสียเวลากับบริการฟรีที่ไม่ปลอดภัยหรือ VPN ที่มีข้อจำกัด ฉันขอแนะนำให้ใช้ประโยชน์จาก VPN พรีเมียมที่มีการรับประกันยินดีคืนเงิน คุณสามารถใช้บริการอย่าง CyberGhost โดยไม่มีความเสี่ยงได้นานสูงสุดถึง 45 วัน นี่ถือเป็นวิธีการในการทดสอบบริการดังกล่าวที่ดีหรือแม้กระทั่งใช้งานฟรีได้ด้วยหากคุณต้องการใช้ VPN ภายในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น หากคุณชื่นชอบบริการดังกล่าว คุณก็สามารถสมัครสมาชิกใช้งานต่อได้ — แต่คุณก็สามารถขอรับเงินคืนเต็มจำนวนโดยไม่ต้องตอบคำถามใด ๆ ได้หากคุณเกิดเปลี่ยนใจ

VPN ที่ดีที่สุดในปี 2024 สำหรับมือใหม่ — ผลการทดสอบฉบับเต็ม Test Results

1. ExpressVPN – ความปลอดภัยชั้นนำและความเป็นส่วนตัวพร้อมแอปที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้สำหรับทุกอุปกรณ์

ฟีเจอร์หลัก:

  • เครือข่ายทั่วโลกที่มีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 3000 เซิร์ฟเวอร์ใน 105 ตำแหน่งให้คุณเชื่อมต่อได้จากทุกที่
  • การเข้ารหัสระดับทหาร, การป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล, Kill Switch และเซิร์ฟเวอร์ Obfuscation ช่วยป้องกันข้อมูลของคุณในทุกการเชื่อมต่อ
  • สิทธิ์ในการเข้าถึง Netflix, Disney+, Hulu, Amazon Prime Video, BBC iPlayer, ESPN, DAZN และอื่น ๆ อีกมากมายอย่างง่ายดาย
  • รองรับ Windows, macOS, Linux, Chromebook, Android, iOS และอื่น ๆ อีกมากมาย
  • ฝ่ายสนับสนุนลูกค้าตลอด 24/7 พร้อมระบบตั๋วอีเมล คำถามที่พบบ่อย การแก้ไขปัญหาและคำแนะนำการติดตั้ง
  • การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน

ExpressVPN เป็นบริการ VPN พรีเมียมที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่งในเรื่องความน่าเชื่อถือในด้านการหลีกเลี่ยงข้อจำกัดอินเทอร์เน็ตของประเทศจีน มันให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นพิเศษเนื่องจากเซิร์ฟเวอร์ไม่มีดิสก์ (ดังนั้นจึงไม่มีอะไรที่ถูกจัดเก็บเอาไว้บนเซิร์ฟเวอร์) ควบคู่กับนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่ดีด้วยสำนักงานที่ตั้งอยู่ในหมู่เกาะบริติชเวอร์จิ้น มันยังมีความเร็วที่รวดเร็วอย่างมากและต้องขอบคุณเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่กว้างขวาง คุณจึงไม่พบปัญหาในการค้นหาเซิร์ฟเวอร์ที่น่าเชื่อถือ เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานที่ปลอดภัยสูงที่ได้รับการพิสูจน์นี้ คุณจึงสามารถ Torrent อย่างปลอดภัยด้วยความเร็วสูงได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครติดตามคุณอยู่

ไม่เพียงแต่ ExpressVPN จะปลอดภัยและเป็นส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังรวดเร็วสูงอีกด้วย ในระหว่างการทดสอบของฉันกับแอปภาษาไทย ฉันพบว่า ExpressVPN เป็น VPN ที่รวดเร็วที่สุดที่ฉันเคยทดสอบ ในขณะที่ VPN ส่วนใหญ่ประสบปัญหาความเร็วที่ช้าลง แต่ ExpressVPN ทำได้ยอดเยี่ยมในเรื่องการลดการสูญเสียความเร็วให้น้อยที่สุด

ตัวอย่างการทดสอบความเร็วเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกของ ExpressVPN
ExpressVPN ดูแลให้ความเร็วรวดเร็วเพื่อการสตรีมมิ่ง, Torrenting และอื่น ๆ อีกมากมายอย่างง่ายดาย

แม้ในตอนที่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกลออกไปหลายพันกิโลเมตร ความเร็วของฉันก็ยังคงรวดเร็วมากพอสำหรับการท่องเว็บ, สตรีมมิ่ง, Torrenting และเล่นเกมออนไลน์ได้โดยไม่กระตุก ทีมงานและฉันทดสอบเซิร์ฟเวอร์มากมายและพบว่า ExpressVPN สามารถเข้าถึงบริการสตรีมมิ่งดังต่อไปนี้ได้:

Netflix Hulu Disney+ Amazon Prime Video HBO Max BBC iPlayer
ESPN DAZN YouTube TV Peacock TV Sling TV …และอื่น ๆ อีกมากมาย!

ExpressVPN เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้มือใหม่โดยมีแผนให้บริการเริ่มต้นที่ราคา $6.67 ต่อเดือนสำหรับการสมัครสมาชิก ฉันขอแนะนำให้คุณลองใช้ ExpressVPN โดยไม่มีความเสี่ยงและดูว่ามันเหมาะสำหรับคุณหรือไม่ หากคุณเกิดเปลี่ยนใจ บริการดังกล่าวมีการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน

ฉันทดสอบการรับประกันด้วยตนเองและก็ประหลาดใจกับความง่ายของกระบวนการ ฉันติดต่อผ่านแชทออนไลน์ตลอด 24/7 และร้องขอเงินคืนซึ่งก็ได้รับการอนุมัติภายใน 5 นาทีโดยไม่ต้องตอบคำถาม ที่ดีที่สุดคือฉันได้รับเงินคืนเต็มจำนวนภายในระยะเวลาน้อยกว่า 5 วันทำการด้วย

อัปเดต 2024! ExpressVPN ปรับลดราคาภายในช่วงระยะเวลาที่จำกัดเหลือเพียง $6.67 ต่อเดือนเท่านั้นในแผนให้บริการแบบ 1 ปี (คุณสามารถประหยัดเงินได้สูงสุดถึง 49%) + รับเพิ่มอีก 3 เดือนฟรี! นี่เป็นข้อเสนอจำกัดเวลา ดังนั้นอย่าลืมคว้ามันเอาไว้เลยตอนนี้ก่อนที่มันจะหายไป ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสนอนี้ได้ที่นี่

2. CyberGhost – เหมาะสำหรับการสตรีมมิ่งและ Torrenting อย่างง่ายดายบนเดสก์ท็อป

ฟีเจอร์หลัก:

  • เซิร์ฟเวอร์มากกว่า 11.780 เซิร์ฟเวอร์ใน 100 ประเทศช่วยให้เชื่อมต่อได้ทุกตำแหน่ง
  • การเข้ารหัสชั้นนำ, Kill Switch ในแอปทั้งหมดและการป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล
  • เซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการปรับแต่งสามารถเข้าถึง Netflix, Disney+, Amazon Prime Video, BBC iPlayer และอื่น ๆ อีกมากมายได้
  • รองรับ Windows, macOS, Linux, Android, iOS และอื่น ๆ อีกมากมาย
  • แชทออนไลน์ตลอด 24/7 และเว็บไซต์ช่วยเหลือที่มีคำถามที่พบบ่อย การแก้ไขปัญหาและคำแนะนำในการติดตั้ง
  • การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 45 วัน

เซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการปรับแต่งของ CyberGhost ทำให้มันเป็นตัวเลือกอันดับแรกหากคุณต้องการสตรีม, Torrent และเล่นเกมออนไลน์ CyberGhost มีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 11.780 เซิร์ฟเวอร์ ซึ่งหมายความว่าคุณจะได้รับความเร็วที่ดีที่สุดเสมอ มีนโยบายการไม่บันทึกการใช้งานอย่างเข้มงวด ฟีเจอร์ kill switch และแม้กระทั่งเซิร์ฟเวอร์ที่จัดการด้วยตนเองบางตัวที่อยู่นอกประเทศพันธมิตร 14 Eyes เซิร์ฟเวอร์บางตัวได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมสำหรับบริการสตรีมมิ่งต่าง ๆ ดังนั้นคุณสามารถปลดล็อค Netflix และอีกมากมายได้ในคลิกเดียว บริการนี้มีราคาไม่แพงมากและให้คุณเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้สูงสุด 7 เครื่องในครั้งเดียว พวกเขามีการรับประกันคืนเงิน 45 วัน นี่เป็นหนึ่งข้อเสนอที่ใจกว้างที่สุดในบรรดาผู้ให้บริการ VPN คุณสามารถทดลองใช้ได้ฟรีโดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิตเป็นเวลา 24 ชั่วโมง

ภาพหน้าจอของแอพ Windows ของ CyberGhost เน้นการเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่ปรับให้เหมาะสม

คุณสามารถจัดเรียงเซิร์ฟเวอร์และสร้างรายการตัวเลือกที่ชื่นชอบเพื่อการเข้าถึงที่ง่ายดายในอนาคตได้

ระหว่างการทดสอบของฉัน ฉันพบว่าเซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการปรับแต่งของ CyberGhost มอบความเร็วการเชื่อมต่อได้ดีที่สุด ความเร็วของฉันลดลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น — น้อยกว่า 30% ของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตปกติของฉัน — ดังนั้นฉันจึงสามารถสตรีมและ Torrent ได้โดยไม่กระตุกหรือถูกรบกวนและเพลิดเพลินกับการเล่นเกมออนไลน์โดยไม่สะดุดกับเพื่อน ๆ ได้

ฉันประทับใจกับราคาแสนถูกในแผนให้บริการระยะยาวของ CyberGhost โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ — มันมีราคาเพียง $2.03 ต่อเดือนเท่านั้นซึ่งถือเป็นส่วนลดครั้งใหญ่ถึง 84%

อัปเดต 2024! คุณสามารถสมัครสมาชิก CyberGhost ได้ในราคาแสนถูกเพียง $2.03 ต่อเดือน + รับเพิ่มฟรี 4 เดือนฟรีในแผนให้บริการแบบ 2 ปี (ประหยัดได้สูงสุดถึง 84%)! นี่เป็นข้อเสนอจำกัดเวลา ดังนั้นอย่าลืมคว้ามันเอาไว้ก่อนตอนนี้ก่อนมันจะหายไป ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสนอนี้ได้ที่นี่

3. Private Internet Access – VPN ความปลอดภัยสูงที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ปรับแต่งได้

ฟีเจอร์หลัก:

  • เครือข่ายขนาดใหญ่ที่มีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 35000 เซิร์ฟเวอร์ใน 91 ตำแหน่งเพื่อการเข้าถึงแบบทันที
  • การเข้ารหัสระดับทหาร, การเข้ารหัสที่ปรับแต่งได้, Kill Switch และการป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล
  • สามารถเข้าถึง Netflix, Disney+, Amazon Prime Video และอื่น ๆ อีกมากมายได้
  • รองรับ Windows, macOS, Linux, Android, iOS และอื่น ๆ อีกมากมาย
  • แชทออนไลน์ แบบฟอร์มติดต่อและคำถามที่พบบ่อยออนไลน์พร้อมให้บริการ
  • การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน

Private Internet Access (PIA) เหมาะสำหรับผู้ใช้ VPN มือใหม่และผู้ใช้ขั้นสูงเนื่องจากฟีเจอร์ความปลอดภัยนั้นใช้งานได้ง่ายและสามารถปรับแต่งได้สูง ฉันประทับใจกับเลย์เอาท์ของอินเทอร์เฟซภาษาไทยของ PIA ซึ่งอธิบายฟีเจอร์ที่มความซับซ้อนเอาไว้อย่างชัดเจน — แค่เลื่อนเมาส์ไปชี้ที่ไอคอน “i” เพื่อดูข้อมูลโดยละเอียด

ภาพหน้าจอของแอป Windows ของ PIA ในเมนูโปรโตคอล แสดงคำอธิบายโดยละเอียดเกี่ยวกับคุณลักษณะเมื่อวางเมาส์เหนือไอคอนข้อมูล "i"

PIA ทำให้ตัวเลือกการปรับแต่งเข้าใจได้ง่าย

ฟีเจอร์ที่สามารถปรับแต่งได้นั้นเป็นสิ่งที่โดดเด่นสำหรับ PIA โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงการเข้ารหัส แม้ว่ามันจะมีการเข้ารหัสระดับทหาร AES-256 พร้อมให้บริการ แต่คุณก็สามารถลดระดับมาเป็น AES-128 ได้ สิ่งนี้จะไม่ทำให้ความปลอดภัยของคุณลดลง แต่มันจะช่วยยกระดับความเร็วได้ — มีประโยชน์หากความเร็วอินเทอร์เน็ตของคุณช้า

บริการดังกล่าวมีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ (มากกว่า 35000 เซิร์ฟเวอร์ใน 91 ประเทศ) ดังนั้นคุณจึงสามารถพบเซิร์ฟเวอร์ในท้องถิ่นได้อย่างง่ายดาย สิ่งนี้ช่วยลดความจำเป็นในการเชื่อมต่กับเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกลเพื่อป้องกันความเร็วที่ลดลง ด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียว ฉันก็ได้รับหมายเลข IP ใหม่ภายในไม่นานและแต่ละเซิร์ฟเวอร์ที่ฉันทดสอบก็มอบการเชื่อมต่อที่ไว้วางใจได้กับฉัน ดังนั้นฉันจึงสามารถสตรีมและท่องอินเทอร์เน็ตได้เป็นระยะเวลาหลายชั่วโมง

PIA เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมหากคุณต้องการความสามารถในการปรับแต่งการเชื่อมต่อของคุณที่มากกว่า — และมันเป็นหนึ่งใน VPN ที่มีราคาถูกที่สุดที่มีให้บริการด้วย แผนให้บริการเริ่มต้นที่ราคา $2.03/เดือนสำหรับการสมัครสมาชิกซึ่งถือว่าหาคู่แข่งได้ยาก แถมบริการดังกล่าวยังมีการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วันด้วย ดังนั้นคุณจึงสามารถลองใช้ PIA โดยไม่มีความเสี่ยงและขอรับเงินคืนได้หากคุณเกิดเปลี่ยนใจ

อัปเดต 2024! อัคุณสามารถสมัครสมาชิก PIA ได้ในราคาแสนถูกเพียง $2.03 ต่อเดือน + รับเพิ่มฟรี 4 เดือนฟรีในแผนให้บริการแบบ 2 ปี (ประหยัดได้สูงสุดถึง 83%)! นี่เป็นข้อเสนอจำกัดเวลา ดังนั้นอย่าลืมคว้ามันเอาไว้ก่อนตอนนี้ก่อนมันจะหายไป ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสนอนี้ได้ที่นี่

4. NordVPN — VPN พรีเมียมที่มีราคาถูกในแผนให้บริการระยะยาว

ฟีเจอร์หลัก:

  • มีการสมัครสมาชิกในระยะสั้นและระยะยาวพร้อมให้บริการ
  • การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน
  • 6.320 เซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกใน 110 ประเทศ
  • ไม่จำกัดแบนด์วิดธ์
  • ป้องกันได้สูงสุดถึง 10 อุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน

NordVPN เป็นหนึ่งใน VPN ที่ดีที่สุดในตลาด — และคุณสามารถใช้บริการแผนให้บริการที่มีราคาถูกมากได้ตอนที่คุณลงทะเบียนสำหรับแผนให้บริการระยะยาว แต่ถึงอย่างนั้นก็มีเรื่องหนึ่งที่คุณควรทราบ นั่นก็คือเมื่อถึงเวลาต่ออายุการสมัครสมาชิกของคุณ ราคาจะปรับขึ้นค่อนข้างมาก

ฉันประทับใจเป็นอย่างยิ่งกับประสิทธิภาพสูงของเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดที่ฉันทดสอบ แค่เพราะ VPN มีเซิร์ฟเวอร์นับพันเซิร์ฟเวอร์ ไม่ได้หมายความว่าเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดนั้นจะใช้งานได้จริง เซิร์ฟเวอร์อาจประสบปัญหาในการปลดบล็อกเว็บไซต์ในท้องถิ่นได้ — และบางเซิร์ฟเวอร์ก็อาจยะไม่สามารถเชื่อมต่อได้เลย แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็สามารถปลดบล็อก Netflix, Disney+, Hulu, Amazon Prime Video, BBC iPlayer และ HBO Max ด้วยเซิร์ฟเวอร์ต่าง ๆ มากมายในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรได้อย่างง่ายดาย

อย่างไรก็ตาม ฉันพบปัญหากับการใช้งานแอปเฉพาะ Fire TV ของ NordVPN แม้ว่ามันจะทำงานได้และสตรีมบริการสตรีมมิ่งได้บางส่วน แต่บางครั้งมันก็มีปัญหาในการสตรีม Netflix ของสหรัฐอเมริกาและค้างอยู่เรื่อย ๆ นอกจากนี้ฉันยังพบว่าอินเทอร์เฟซผู้ใช้ของ NordVPN สำหรับอุปกรณ์เดสก์ท็อปนั้นมีความเป็นมิตรน้อยกว่า ExpressVPN และ CyberGhost

NordVPN มีฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวดังต่อไปนี้:

  • การเข้ารหัส AES 256-บิต
  • Kill Switch ที่ตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณหากการเชื่อมต่อ VPN ของคุณเกิดหลุดขึ้นมากระทันหัน
  • ตัวปิดกั้นโฆษณาและมัลแวร์ภายในตัวเพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องใช้ตัวปิดกั้นโฆษณาของบุคคลที่สาม
  • นโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่ได้รับการตรวจสอบแล้วโดยสมบูรณ์ (ตรวจสอบโดย PwC) – NordVPN ไม่ได้จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลที่ระบุตัวตนได้เอาไว้ขณะที่คุณเชื่อมต่อกับ VPN

นอกจากนี้แล้ว NordVPN ยังมี Threat Protection ที่จะป้องกันคุณจากไวรัส เว็บไซต์ที่ติดไวรัสและตัวติดตามรวมมาให้ด้วย – และมันทำงานได้เมื่อใดก็ตามที่คุณเปิดแอป NordVPN เอาไว้แม้ว่าคุณจะไม่ได้เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN ก็ตาม


ภาพหน้าจอของแอป NordVPN สำหรับ Windows ที่แสดงคุณลักษณะการป้องกันภัยคุกคามเปิดอยู่เสมอ

NordVPN ปกป้องคุณจากภัยคุกคามออนไลน์ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

คุณสามารถสตรีม, Torrent และท่องเว็บฟรีสูงสุดถึง 30 วันได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงินของ NordVPN มันมีแผนให้บริการที่มีราคาแสนถูกเพียง $3.09 ต่อเดือน เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับเงินของคุณกลับคืนมาจริง ๆ ฉันจึงได้ทดสอบการรับประกันยินดีคืนเงินของ NordVPN ดู ในตอนแรกทีมสนับสนุนพยายามจะมอบระยะเวลาทดลองใช้งานเพิ่มเติมกับฉัน — แต่พวกเขาดำเนินการคืนเงินให้กับฉันทันทีหลังจากที่ฉันบอกพวกเขาว่าฉันไม่สนใจระยะเวลาทดลองใช้งานเพิ่มเติมนั้น ฉันได้รับเงินคืนกลับมาใน 6 วันทำการ

NordVPN ทำงานร่วมกับ: Netflix, Amazon Prime Video, BBC iPlayer, Hulu, Disney+, Vudu, SkyTV, HBO Go, HBO Now, Sky, SHOWTIME, DAZN, ESPN, YouTube TV และอื่น ๆ อีกมากมายได้

NordVPN ทำงานได้บน: Windows, Mac OS, Android, iOS, Windows Phone, Chromebook, Linux, Chrome, Firefox, Fire Stick และ Android TV

 


5. Surfshark — คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปมากที่สุดด้วยการเชื่อมต่ออุปกรณ์แบบไม่จำกัดและความเร็วที่รวดเร็ว

ฟีเจอร์หลัก:

  • มีการสมัครสมาชิกในระยะสั้นและระยะยาวพร้อมให้บริการ
  • การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน
  • 3200 เซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกใน 100 ประเทศ
  • ไม่จำกัดแบนด์วิดธ์
  • เชื่อมต่ออุปกรณ์ในเวลาเดียวกันได้ไม่จำกัด

Surfshark มอบความคุ้มค่าสำหรับเงินที่คุณจ่ายได้ดีที่สุดในหมู่ VPN พรีเมียมทั้งหมดในตลาด คุณสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ไม่จำกัดในการสมัครสมาชิกเดียว (ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถเชื่อมต่อกันทั้งครอบครัวและแม้กระทั่งเพื่อน ๆ ของคุณได้!)

ฉันทดสอบการเชื่อมต่อที่ไม่จำกัดของ Surfshark บน PC จำนวน 2 เครื่อง, โทรศัพท์จำนวน 2 เครื่อง, Fire Stick จำนวน 4 เครื่องและ iPad หนึ่งเครื่อง การเชื่อมต่อของฉันยังคงเสถียรในอุปกรณ์ทั้งหมด 6 เครื่อง แม้ในขณะที่ฉันสตรีมมิ่งบนอุปกรณ์ทั้งหมดของฉันก็ตาม ความเร็วโดยเฉลี่ยของฉันอยู่ที่ 112 Mbps — ซึ่งถือว่ารวดเร็วมากเพียงพอสำหรับคุณภาพระดับ UltraHD

ตอนที่ฉันเห็นราคาของบริการนี้ ฉันคิดว่ามันอาจจะไม่ได้มีฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับชั้นนำเนื่องจากราคาแสนถูก แต่ฉันก็ต้องประหลาดใจอย่างมาก

Surfshark มีฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวดังต่อไปนี้:

  • การเข้ารหัส AES 256-บิตบนอุปกรณ์ทั้งหมดพร้อมการเข้ารหัส ChaCha พร้อมให้บริการสำหรับผู้ใช้ Android
  • โปรโตคอล Wireguard VPN ถูกเปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้น
  • เซิร์ฟเวอร์บน RAM เท่านั้น ไม่มีดิสก์ เพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัวของคุณ (ไม่สามารถสกัดข้อมูลทางกายภาพจากเซิร์ฟเวอร์ใด ๆ ได้)
  • Kill Switch (แม้ว่าจะไม่ได้ถูกเปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้น)
  • การป้องกันการรั่วไหลของ IP และ DNS

Surfshark มีการยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน (2FA) ในบัญชีของคุณ ฟีเจอร์นี้ต้องการให้คุณกรอกรหัสเพิ่มเติมก่อนที่คุณจะสามารถลงชื่อเข้าใช้เพื่อให้มั่นใจว่ามีแค่คุณเท่านั้น (และคนที่คุณแบ่งปันบัญชีด้วย) ที่สามารถเข้าถึงบัญชีของคุณได้

แม้ว่า Surfshark จะมีเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกน้อยกว่าคู่แข่งอย่าง ExpressVPN CyberGhost และ NordVPN เล็กน้อย แต่ฉันก็ไม่พบกับปัญหาใด ๆ ในระหว่างการทดสอบของฉันฉันเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่ทำงานรวดเร็วได้อย่างง่ายดายทุกครั้งและฉันก็ได้รับความเร็วที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสตรีมมิ่ง Netflix ในความละเอียดระดับ Ultra HD, ดาวน์โหลด Torrent และท่องอินเทอร์เน็ต

คุณสามารถทดลองใช้ Surfshark ด้วยตัวคุณเองได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน มันมีแผนให้บริการที่มีราคาแสนถูกเพียง $2.29 การขอเงินคืนก็เป็นเรื่องง่ายด้วยฟีเจอร์แชทออนไลน์ของ Surfshark แม้ว่าทีมสนับสนุนจะถามถึงเหตุผลที่ฉันต้องการยกเลิกการสมัครสมาชิกของฉัน แต่ฉันก็ไม่พบปัญหาในการขอเงินคืน (และมันใช้เวลาเพียง 4 วันเท่านั้น!)

Surfshark ทำงานร่วมกับ: Netflix, Amazon Prime Video, Disney+, BBC iPlayer, Sling TV, Hotstar, HBO Max, DAZN และอื่น ๆ อีกมากมายได้

Surfshark ทำงานได้บน: Windows, Mac OS, Android, iOS, Linux, Fire Stick, PS4, Xbox One, Nintendo Switch, Samsung Smart TVs, LG Smart TVs, Android TV, Kodi และเราเตอร์ที่เลือก

คำแนะนำการติดตั้งอย่างง่ายดาย: วิธีติดตั้ง VPN บนอุปกรณ์ใด ๆ

โดยทั่วไปแล้วผู้ให้บริการ VPN จะทำให้เริ่มต้นนั้นสามารถทำได้ง่าย ดังนั้นไม่ต้องกังวลกับกระบวนการติดตั้งที่ซับซ้อนเกินไป! ฉันได้รวบรวมคำแนะนำทีละขั้นตอนเพื่อให้คุณติดตั้งบริการบนอุปกรณ์ที่คุณชื่นชอบได้

โปรดทราบว่าขั้นตอนที่เกี่ยวข้องอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าคุณใช้ VPN และระบบปฏิบัติการใด หากคุณมีปัญหา คุณสามารถดูคำแนะนำได้จากเว็บไซต์ของผู้ให้บริการ VPN

วิธีติดตั้ง VPN บนเดสก์ท็อป (Windows และ Mac)

VPN มากมายมีแอปเฉพาะสหัรบ Windows, macOS และแม้กระทั่ง Linux ขั้นตอนการติดตั้งนั้นคล้ายกันในระบบปฏิบัติการต่าง ๆ

  1. สมัครสมาชิก VPN โดยใช้เว็บไซต์ทางการ ฉันขอแนะนำ ExpressVPN เนื่องจากมันเป็นบริการที่ดีที่สุดสำหรับทั้งอุปกรณ์ Windows และ Mac
    ภาพหน้าจอของหน้าแรกของ ExpressVPN โดยไฮไลต์ปุ่ม "รับ ExpressVPN"
  2. ดาวน์โหลด VPN ลงบนอุปกรณ์ของคุณ หลังจากที่สมัครสมาชิก คุณจะสามารถติดตั้งซอฟต์แวร์ได้ คลิกที่ดาวน์โหลดจากเบราว์เซอร์ของคุณเพื่อมเริ่มต้นการติดตั้ง
    ภาพหน้าจอของหน้าดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ของ ExpressVPN บนเว็บไซต์
  3. ลงชื่อเข้าใช้ด้วยรายละเอียดข้อมูลบัญชี VPN ของคุณ นี่อาจเป็นชื่อผู้ใช้หรือรหัสผ่านของคุณหรือรหัสผ่านยืนยันที่ VPN ของคุณมอบให้
    ภาพหน้าจอของแอป ExpressVPN สำหรับ Windows แสดงวิธีการที่ผู้ใช้สามารถลงชื่อเข้าใช้แอป
  4. เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN ที่คุณเลือก เรียบร้อยแล้ว! เท่านี้คุณก็พร้อมเริ่มต้นใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัยแล้ว
    ภาพหน้าจอแสดงแอป Windows ของ ExpressVPN และเมนูเซิร์ฟเวอร์ที่มี

คำแนะนำลัด: ใช้งาน VPN บนโทรศัพท์ Android และ iOS

เกือบทุก VPN จะมีแอปเฉพาะสำหรับอุปกรณ์ Android และ iOS นี่คือวิธีในการติดตั้ง VPN บนโทรศัพท์ของคุณ:

  1. ดาวน์โหลด VPN จาก App Store ฉันแนะนำ ExpressVPN เพราะแอปมือถือนั้นรวดเร็วและใช้งานง่าย ทดลองใช้มัน 30 วันบนมือถือของคุณเลยสิ!
  2. เปิดแอป VPN ลงชื่อเข้าใช้และแตะตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์เพื่อเชื่อมต่อ
  3. เสร็จแล้ว! ขณะนี้สมาร์ทโฟนของคุณได้รับการป้องกันโดย VPN แล้ว

Smart TV

สมาร์ททีวีส่วนใหญ่ในตลาดไม่มีแอพพลิเคชั่น VPN ที่สามารถใช้งานได้ หากคุณต้องการใช้ VPN กับอุปกรณ์นี้ คุณจะต้องติดตั้ง VPN บนเราเตอร์ของคุณก่อน (ดูคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการทำสิ่งนี้ด้านล่าง) จากนั้นเชื่อมต่อสมาร์ททีวีของคุณกับเราเตอร์ของคุณและเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN ระยะไกลโดยอัตโนมัติ

หากคุณมีสมาร์ททีวีที่ทำงานบนระบบ Android ExpressVPN มีแอพพลิเคชั่น Android TV ที่อาจช่วยให้คุณไม่ต้องวุ่นวายกับการเชื่อมต่อผ่านเราเตอร์

เราท์เตอร์

คนส่วนใหญ่ใช้ VPN ในอุปกรณ์แต่ละตัว เช่นแล็ปท็อปและสมาร์ททีวี แต่คุณสามารถติดตั้งหนึ่งบริการในเราท์เตอร์เพื่อปกป้องอุปกรณ์ใด ๆ ที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ของคุณ เมื่อคุณทำสิ่งนี้แล้ว คุณจะไม่จำเป็นต้องติดตั้ง VPN บนอุปกรณ์แต่ละชิ้น เว้นแต่ว่าคุณวางแผนที่จะใช้อุปกรณ์เหล่านั้นนอกบ้าน

ก่อนที่จะซื้อการสมัครสมาชิก VPN ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามันสามารถเข้ากันได้กับเราท์เตอร์ ของคุณโดยเข้าไปที่เว็บไซต์ของผู้ผลิต

กระบวนการติดตั้งขึ้นอยู่กับรุ่นของเราท์เตอร์ของคุณและ VPN ที่คุณใช้ แต่โดยทั่วไปจะมีลักษณะดังนี้:

  1. ดาวน์โหลดเฟิร์มแวร์ VPN
  2. เปิดใช้งานและเชื่อมต่อเราท์เตอร์ของคุณ
  3. เชื่อมต่อเราท์เตอร์ของคุณกับคอมพิวเตอร์
  4. เข้าถึงแดชบอร์ดเราท์เตอร์
  5. สร้างชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน
  6. คลิกที่แท็บอัพเกรดเฟิร์มแวร์
  7. อัพโหลดเฟิร์มแวร์ที่คุณเพิ่งดาวน์โหลดสำหรับ VPN ของคุณ
  8. ป้อนรหัสเปิดใช้งานจากหน้าการตั้งค่า VPN ของคุณ
  9. คลิกเปิดใช้งาน

เนื่องจากวิธีการอาจแตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดในการตรวจสอบขั้นตอนก็คือเข้าไปดูคำอธิบายที่ให้ไว้ในเว็บไซต์ของผู้ให้บริการ VPN.

เคล็ดลับ: ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำการดาวน์โหลดอย่างรวดเร็ว (สำหรับอุปกรณ์ที่หลากหลาย) เพื่อช่วยให้คุณตั้งค่า VPN ของคุณ

คำถามที่พบบ่อยทั่วไปเกี่ยวกับ VPN

VPN คืออะไร?

เครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN) เป็นเทคโนโลยีที่สร้างการเชื่อมต่อเข้ารหัสที่ปลอดภัยเหนือเครือข่ายที่มีความปลอดภัยน้อยกว่า เช่น อินเทอร์เน็ต VPN สามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ปิดกั้นตามภูมิศาสตร์ ท่องอินเทอร์เน็ตโดยไม่เปิดเผยตัวตนและป้องกันการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณได้

คุณสามารถใช้ VPN เพื่อเข้าถึงเนื้อหาที่ปิดกั้นตามภูมิศาสตร์ได้ เช่น หากคุณพำนักอาศัยอยู่ในยุโรป แต่ต้องการรับชมรายการที่พร้อมให้บริการเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น คุณก็สามารถเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN ในสหรัฐอเมริกาและเข้าถึงเนื้อหาดังกล่าวได้ราวกับว่าคุณพำนักอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา

นอกจากนี้ยังสามารถใช้ VPN เพื่อท่องเว็บโดยไม่เปิดเผยตัวตนได้อีกด้วย การเชื่อมต่กับเซิร์ฟเวอร์ VPN จะปิดบังหมายเลข IP ที่แท้จริงของคุณจากเว็บไซต์การติดตามทางออนไลน์ สุดท้ายแล้ว คุณยังสามารถใช้ VPN เพื่อป้องกันการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณได้อีกด้วย เมื่อคุณเชื่อมต่อกับ VPN การรับส่งข้อมูลทั้งหมดของคุณจะถูกเข้ารหัสซึ่งทำให้การสอดแนมกิจกรรมของคุณเป็นเรื่องยาก

ฉันควรต้องรู้อะไรบ้างก่อนที่จะใช้งาน VPN?

คุณควรพิจารณาสองสามเรื่องดังต่อไปนี้ก่อนใช้งาน VPN:

  • ไม่ใช่ VPN ทั้งหมดจะเสนอระดับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวเดียวกัน: VPN นับร้อยบริการต่างก็อ้างตนว่าเป็นบริการที่ดีที่สุด แต่มีเพียงบริการ VPN ชั้นนำเท่านั้นที่จะป้องกันกิจกรรมออนไลน์ของคุณและดูแลให้ข้อมูลของคุณปลอดภัยได้
  • VPN ไม่ได้ทำให้คุณเป็นนิรนามโดยสมบูรณ์: การเชื่อมต่อ VPN ของคุณจะมอบชั้นความไม่เปิดเผยตัวตนให้ แต่ก็ยังสามารถติดตามกิจกรรมของคุณได้อยู่ดีหากคุณลงชื่อเข้าใช้บัญชีออนไลนื ดำเนินการสั่งซื้อและการกระทำในกิจกรรมที่คล้ายกันอื่น ๆ
  • VPN ไม่ได้ให้สิทธิ์ในการทำผิดกฎหมายกับคุณ: คุณไม่สามารถใช้การเชื่อมต่อ VPN เพื่อทำกิจกรรมที่ผิดกฎหมายอย่างการแชร์เนื้อหาที่ละเมิดลิขสิทธิ์ การล่วงละเมิดทางออนไลน์ การแฮกหรือการแจกจ่ายซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตราย
  • การใช้งาน VPN ไม่ได้ถูกกฎหมายในทุกประเทศ: ตรวจสอบให้มั่นใจว่าคุณได้ตระหนักถึงกฎหมายและข้อบังคับในท้องถิ่นเกี่ยวกับ VPN ดีแล้วก่อนที่จะเชื่อมต่อเนื่องจากบางประเทศมีการแบนหรือจำกัดซอฟต์แวร์ VPN อย่างมาก

VPN ทำงานยังไงสำหรับมือใหม่?

VPN ทำงานโดยการเข้ารหัสข้อมูลของคุณภายในอุโมงค์ที่ปลอดภัยก่อนมันจะไปถึงจุดหมายปลายทางออนไลน์ การเข้ารหัสระดับสูงจะหยุดใครก็ตาม — เช่น ISP ของคุณ แฮกเกอร์ สายลับหรือหน่วยงานรัฐบาล — ไม่ให้มองเห็นสิ่งที่คุณกำลังทำทางออนไลน์ ข้อมูลของคุณจะสามารถถูกถอดรหัสได้จากเซิร์ฟเวอร์ VPN ที่คุณเชื่อมต่อซึ่งจากนั้นจะส่งการรับส่งข้อมูลของคุณไปยังเว็บไซต์หรือบริการที่คุณต้องการเข้าถึง

เมื่อการรับส่งข้อมูลของคุณไปถึงจุดหมายปลายทาง เว็บไซต์หรือบริการจะสามารถมองเห็นได้เพียงว่าข้อมูลดังกล่าวนั้นมาจากเซิร์ฟเวอร์ VPN — ไม่สามารถติดตามย้อนกลับการรับส่งข้อมูลไปยังอุปกรณ์หรือตำแหน่งที่แท้จริงของคุณได้ สิ่งนี้ช่วยมอบให้คุณเข้าถึงเนื้อหาที่จำกัด เยี่ยมชมเว็บไซต์และบัญชีออนไลน์ได้อย่างปลอดภัย หลีกเลี่ยงไฟร์วอลล์ที่แข็งแกร่งและอื่น ๆ อีกมากมายได้

ฉันจะเริ่มสร้าง VPN ของฉันเองได้อย่างไร?

การสร้าง VPN ของคุณเองนั้นเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนซึ่งอาจจบลงโดยมีค่าใช้จ่ายที่แพงกว่าการใช้หนึ่งในบริการพรีเมียมที่แนะนำข้างต้น แต่ถึงอย่างนั้น หากคุณเป็นคนที่มีความสนใจทางด้านเทคโนโลยี นี่คือวิธีการที่ง่ายที่สุดสำหรับการเริ่มต้น VPN ของคุณเอง:

  1. สร้างบัญชีสำหรับ Amazon Web Services สิ่งนี้จะมอบสิทธิ์ในการเข้าถึงพื้นที่บนคลาวด์และบริการที่คุณจำเป็นในการเปิดให้บริการ VPN ของคุณเอง
  2. ดาวน์โหลดสคริปต์ที่จำเป็นสำหรับการเชื่อมต่อที่เข้ารหัสไปยังเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ มีตัวเลือกมากมายพร้อมให้บริการโดย Algo VPN ก็เป็นหนึ่งในบริการยอดนิยม
  3. ติดตั้งการพึ่งพา VPN นี่อาจต้องดำเนินการหลายขั้นตอนและให้ VPN ติดตั้งตนเองบนเซิร์ฟเวอร์คลาวด์
  4. ตั้งค่าอุปกรณ์ของคุณให้เชื่อมต่อกับ VPN คุณจะต้องดำเนินการตั้งค่าบนอุปกรณ์แต่ละอุปกรณ์ที่คุณต้องการเชื่อมต่อ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้าง VPN ของคุณเอง คุณสามารถอ่านคำแนะนำทีละขั้นตอนได้ที่นี่ โประทราบว่าการเปิดใช้งาน VPN นั้นมีค่าใช้จ่าย — Amazon Web Services เปิดให้บริการฟรีเพียงแค่ปีแรกเท่านั้นซึ่งหลังจากนั้นราคาจะแตกต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับปริมาณข้อมูลที่คุณใช้ พื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่คุณต้องการและตัวแปรอื่น ๆ ตัวเลือกโฮสต์ติ้งคลาวด์ส่วนใหญ่อย่าง DigitalOcean มีค่าธรรมเนียมรายเดือนที่ถูกกว่า VPN พรีเมียม แต่ถึงอย่างนั้นบริการเหล่านี้ก็มาพร้อมกับข้อจำกัด เช่น ข้อมูลและชั่วโมงที่จำกัด ดังนั้นคุณจะต้องตรวจสอบการใช้งาน VPN ของคุณอย่างระมัดระวังและชำระเงินสำหรับส่วนเกิน

VPN ถูกกฎหมายหรือไม่

ในกรณีส่วนใหญ่ VPN นั้นถูกกฎหมายอย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามบางประเทศที่มีการเซ็นเซอร์อย่างเข้มงวด (เช่น จีน ตุรกีและอิรัก) นั้นมีการแบนบริการเหล่านี้ หากถูกจับได้ว่าคุณใช้งานอาจมีการลงโทษที่หนักหน่วง ดังนั้นโปรดจำไว้เสมอหากคุณกำลังเดินทาง

ฉันขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้คุณตรวจสอบกฎหมายและข้อบังคับในท้องถิ่นของคุณเกี่ยวกับ VPN ก่อนที่จะเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์เนื่องจากคุณอาจประสบกับผลกระทบที่ร้ายแรงได้หากคุณเกิดถูกจับได้ว่ากำลังใช้บริการที่ถูกจำกัด ทีมงานและฉันไม่สนับสนุนการมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ผิดกฎหมายใด ๆ

VPN ทำให้คุณไม่สามารถเปิดเผยตัวตนออนไลน์ได้หรือไม่

ในขณะที่ผู้ให้บริการหลายคนอ้างว่าพวกเขานำการใช้งายนแบบไม่ระบุตัวตนให้กับคุณเมื่อใช้งานอินเตอร์เน็ต ความจริงก็คือ VPN ให้ความเป็นส่วนตัวไม่ใช่การล่องหน VPN จะกำหนดหมายเลข IP ใหม่ให้คุณจากเซิร์ฟเวอร์ในตำแหน่งอื่น แต่ผู้ให้บริการ VPN ยังสามารถดูข้อมูลการท่องเว็บของคุณได้

ที่จริงแล้วไม่มีเซิร์ฟเวอร์ VPN ใดที่สามารถให้บริการได้โดยไม่ต้องเก็บบันทึกข้อมูลไว้ มิฉะนั้นมันจะไม่สามารถระบุคำขอ DNS หรือแก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อได้ อย่างไรก็ตามความแตกต่างที่สำคัญคือ ผู้ให้บริการ VPN ที่ดีจะไม่เก็บบันทึกข้อมูลจริงของคุณ ซึ่งหมายความว่าแม้ว่าพวกเขาจะได้รับคำสั่งศาลให้มอบข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมการใช้งานออนไลน์ของคุณ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพวกเขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรที่กล่าวถึงข้างต้น

แม้จะไม่ทำให้คุณไม่เปิดเผยตัวตน แต่การมี VPN ยังเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการเพิ่มความเป็นส่วนตัวขณะใช้งานอินเตอร์เน็ต หากคุณต้องการไม่เปิดเผยตัวตนของคุณ คุณควรใช้ VPN กับ Tor ซึ่งเป็นเครือข่ายเปิดที่ไม่รวบรวมข้อมูลผู้ใช้

ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่า VPN ของฉันกำลังทำงานอยู่?

วิธีการที่รวดเร็วและง่ายดายที่สุดในการบอกว่า VPN ของคุณกำลังทำงานอยู่ไหมคือดำเนินการทดสอบการรั่วไหลของ IP หลังจากที่คุณเชื่อมต่กับเซิร์ฟเวอร์ VPN ควรจะปิดบังหมายเลข IP ที่แท้จริงของคุณเอาไว้เสมอโดยแทนที่หมายเลขของจริงด้วยหมายเลขจากเซิร์ฟเวอร์ที่คุณเลือก หากการทดสอบการรั่วไหลของ IP แสดงหมายเลข IP ที่ต่างออกไปจาก IP ปกติของคุณ งั้นก็แปลว่า VPN กำลังทำงานอยู่ หากคุณยังเห็นหมายเลข IP ที่แท้จริงของคุณอยู่ นั่นหมายความว่าการเชื่อมต่อ VPN ของคุณกำลังทำให้ข้อมูลของคุณรั่วไหลและทำงานได้ไม่เหมาะสม

ฉันสามารถดู Netflix ด้วย VPN ได้หรือไม่

ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการที่คุณเลือก Netflix มีให้บริการในกว่า 100 ประเทศทั่วโลกรายการและภาพยนตร์จะนำเสนอหลากหลายในแต่ละประเทศ เนื่องจากข้อตกลงการอนุญาตเผยแพร่ แต่ VPN ที่ดีจะช่วยได้

Netflix และแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น Hulu และ BBC iPlayer บล็อกผู้ใช้ตามตำแหน่งที่พวกเขาระบุจากหมายเลข IP ของคุณ เพื่อหลีกเลี่ยงการบล็อกหรือรับชมรายการบน Netflix ที่คุณรู้ว่ามีเฉพาะในบางประเทศเท่านั้น คุณเพียงแค่ต้องเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในตำแหน่งนั้น

Netflix นั้นมีระบบในการบล็อค VPN ที่ดีขึ้น แต่บริการ VPN ที่ดีหลาย ๆ แห่งจะบอกคุณได้ว่าเซิร์ฟเวอร์ใดของพวกเขาที่สามารถเลิกบล็อก Netflix ได้

คุณสามารถไว้วางใจ VPN ฟรีได้ไหม?

คุณไม่สามารถไว้วางใจ VPN ฟรีได้อย่างเต็มที่ VPN ที่คุณสามารถไว้วางใจได้อย่างเต็มที่คือบริการพรีเมียมที่อยู่ในรายการแนะนำข้างต้น VPN เหล่านี้มีความปลอดภัยที่แข็งแกร่งและมีนโยบายความเป็นส่วนตัวที่เข้มงวดซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่ากิจกรรมออนไลน์และข้อมูลส่วนบุคคลของคุณจะปลอดภัยในขณะที่คุณเชื่อมต่อ แถม VPN พรีเมียมเหล่านี้ยังน่าเชื่อถืออีกด้วย — บริการเหล่านี้ไม่เคยพัวพันกับเรื่องอื้อฉาวและจะไม่ขายข้อมูลของคุณให้กับบุคคลที่สามที่เป็นอันตราย นักโฆษณาหรือรัฐบาล

มี VPN ฟรีที่ปลอดภัยอยู่บ้างซึ่งเป็นเวอร์ชันฟรีของบริการพรีเมียม (หรือ VPN “ฟรีเมียม”) VPN ฟรีเหล่านี้จะไม่บันทึกหรือจัดเก็บข้อมูลของคุณเอาไว้ แต่คุณจะพบว่ามีฟีเจอร์ความปลอดภัยอย่าง Kill Switch, Split Tunneling หรือ Obfuscation เซิร์ฟเวอร์ขาดหายไป บริการดังกล่าวยังมีข้อจำกัดอื่น ๆ ด้วย เช่น ขีดจำกัดการใช้งานข้อมูล ข้อจำกัดเซิร์ฟเวอร์และการลดความเร็วซึ่งหมายความว่าคุณจะไม่สามารถใช้งานมันได้มากเท่าที่คุณต้องการ

แทนที่จะใช้บริการฟรีที่มีข้อจำกัด ฉันขอแนะนำให้ใช้ VPN ที่มีการรับประกันยินดีคืนเงินอย่าง CyberGhost คุณสามารถใช้ประโยชน์จากนโยบายคืนเงินภายใน 45 วันของ CyberGhost เพื่อใช้บริการโดยไม่มีความเสี่ยงได้ — เป็นตัวเลือกที่เหมาะหากคุณต้องการใช้ VPN ในระยะเวลาสั้น ๆ หลังจากที่คุณใช้งานเสร็จแล้ว คุณก็สามารถขอรับเงินคืนเต็มจำนวนได้และคุณก็จะได้รับเงินคืนภายในหนึ่งสัปดาห์

ด้วยโปรแกรม VPN ฉันสามารถถูกติดตามได้หรือไม่?

มันขึ้นอยู่กับโปรแกรม VPN ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมการเรียนรู้เรื่องวิธีการระบุผู้ให้บริการ VPN คุณภาพถึงเป็นเรื่องที่สำคัญ หากคุณดาวน์โหลดโปรแกรม VPN ที่มีแนวทางปฏิบัติด้านความเป็นส่วนตัวคุณภาพต่ำ มันก็มีความเป็นไปได้ที่คุณจะถูกตรวจจับได้หากคุณเชื่อมต่อผ่าน Tor หรือใช้ฟีเจอร์ขั้นสูง (เช่น Multi-Hop หรือ Obfuscation) คุณไม่สามารถไว้วางใจการอ้างอิงทางการตลาดของโปรแกรม VPN ได้เสมอไป — โปรแกรม VPN “ไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน” จำนวนมากได้รับการพิสูจน์แล้วว่าที่จริงแล้วมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่พวกเขาอ้างอิง

ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงขอแนะนำให้เลือกโปรแกรม VPN ที่มีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่ได้รับการพิสูจน์และประวัติความเป็นส่วนตัวที่แข็งแกร่ง ตัวอย่างเช่น ExpressVPN เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุดที่มีให้บริการ ในปี 2017 รัฐบาลของตุรกีต้องการบันทึกผู้ใช้จาก ExpressVPN เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสืบสวนภายในประเทศ ExpressVPN ไม่มีภาระผูกพันทางกฎหมายในการปฏิบัติตามเนื่องจากไม่อยู่ภายใต้กฎหมายของตุรกี (บริษัทตั้งอยู่ในหมู่เกาะบริติชเวอร์จิ้น) นอกจากนี้มันมีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่เข้มงวดซึ่งหมายความว่าจริง ๆ แล้วพวกเขาไม่มีข้อมูลที่แบ่งปันให้ได้ เรื่องนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นเรื่องจริงตอนที่หน่วยงานของตุรกีเข้ายึดเซิร์ฟเวอร์ของพวกเขา — ไม่พบบันทึกที่ระบุตัวตนได้หรือข้อมูลผู้ใช้ใด ๆ

VPN ป้องกันแฮกเกอร์และมัลแวร์ได้ไหม?

VPN สามารถช่วยป้องกันอุปกรณ์ของคุณจากแฮกเกอร์และมัลแวร์ได้ โดยการปิดบังตำแหน่งที่แท้จริงของคุณและเข้ารหัสข้อมูลของคุณเอาไว้ VPN สามารถหยุดไม่ให้แฮกเกอร์ค้นพบตัวตนของคุณได้ สิ่งนี้ช่วยป้องกันคุณจากการโจรกรรมข้อมูลตัวตน การฉ้อโกงและแม้กระทั่งปัญหาอย่างการโจมตี DDoS ตอนเล่นเกมออนไลน์

VPN ส่วนใหญ่ไม่ได้ปิดกั้นมัลแวร์ บางบริการมีตัวปิดกั้นโฆษณาที่เป็นอันตรายด้วย เช่น CyberGhost ซึ่งจะไม่แสดงเนื้อหาทางการตลาดหากมันตรวจพบมัลแวร์ อย่างไรก็ตาม VPN ไม่ใช่เครื่องมือจัดการกับไวรัส สปายแวร์ แรนซัมแวร์และมัลแวร์อื่น ๆ ที่มีประสิทธิภาพ — VPN ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อปิดกั้นภัยคุกคามเหล่านี้ ดังนั้นคุณจึงควรสมัครสมาชิกใช้บริการแอนตี้ไวรัสชั้นนำเพื่อใช้ควบคู่ไปกับ VPN ของคุณด้วยเพราะนี่จะเป็นโซลูชันที่ครบวงจรมากกว่า

VPN เก็บบันทึกข้อมูลการใช้งานไว้หรือไม่

ใช่ โปรแกรม VPN ส่วนใหญ่เก็บบันทึก แม้โปรแกรม VPN จะอ้างว่า “ไม่เก็บบันทึก” แต่คุณจำเป็นต้องอ่านนโยบายความเป็นส่วนตัวของพวกเขาโดยละเอียด คุณมีแนวโน้มอย่างยิ่งที่จะพบว่าโปรแกรม VPN ส่วนใหญ่บันทึกหมายเลข IP การใช้งานแบนด์วิดธ์ ข้อมูลการชำระเงินและการประทับเวลาการเชื่อมต่อของคุณ อย่างไรก็ตามโปรแกรม VPN ที่ดีที่สุดจะไม่บันทึกข้อมูลที่ระบุตัวตนได้ใด ๆ นี่หมายความว่าจะไม่มีกิจกรรมทางออนไลน์ของคุณในขณะเชื่อมต่อกับโปรแกรม VPN เชื่อมโยงกับข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ

ควรปล่อยให้ VPN ทำงานตลอดเวลาไหม?

คุณสามารถเปิดใช้งาน VPN เอาไว้ตลอดเวลาได้ แต่คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น VPN ที่ดีที่สุดมีข้อมูลไม่จำกัดและจะไม่ชะลอความเร็วอินเทอร์เน็ตของคุณลง ดังนั้นคุณจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการปิดใช้งานมัน — แต่คุณก็จะไม่สังเกตเห็นตอนที่มันทำงานอยู่เช่นกัน แถม VPN ของคุณควรจะมี Kill Switch เพื่อตัดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตซึ่งช่วยป้องกันข้อมูลของคุณหากการเชื่อมต่อ VPN เกิดถูกรบกวนด้วย

หากคุณกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวออนไลน์มาก ๆ หรือพำนักอาศัยอยู่ในประเทศที่มีข้อจำกัดอินเทอร์เน็ตที่เข้มงวด การเปิดใช้งาน VPN เชื่อมต่อเอาไว้ตลอดเวลาก็เป็นเรื่องที่ควรทำ นอกจากนี้ฉันยังแนะนำให้คุณเปิด VPN ของคุณทิ้งไว้หรือใช้ VPN ที่มีฟีเจอร์เชื่อมต่ออัตโนมัติบนอุปกรณ์มือถือของคุณ — สิ่งนี้จะทำให้มั่นใจถึงความปลอดภัยของข้อมูลของคุณตอนที่คุณสลับระหว่างเครือข่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเชื่อมต่อกับ WiFi สาธารณะ

VPN ทำให้อินเทอร์เน็ตช้าลงหรือไม่

VPN สามารถชะลอการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณได้ เนื่องจากข้อมูลของคุณต้องเดินทางผ่านเซิร์ฟเวอร์ VPN ไม่เพียงเท่านั้น VPN จะเข้ารหัสและถอดรหัสข้อมูลของคุณซึ่งใช้เวลานานกว่า

อย่างไรก็ตาม VPN ที่แตกต่างกันก็จะมีการลดความเร็วที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นคุณควรทำการเปรียบเทียบ แม้ความเร็วจะลดลงเล็กน้อย ExpressVPN และ CyberGhost ก็สามารถสตรีม Torrent เล่นเกมและท่องเว็บได้อย่างต่อเนื่องโดยที่ความเร็วไม่ลดลง

ความจริงแล้ว ความเร็วอินเทอร์เน็ตของคุณจะมีความเร็วจแตกต่างกันไปตามเซิร์ฟเวอร์ที่คุณเลือก ตามกฎง่าย ๆ เซิร์ฟเวอร์ยิ่งไกลออกไปอินเทอร์เน็ตของคุณก็จะช้าลงเพราะจะใช้เวลานานกว่าที่ข้อมูลของคุณจะไปถึงที่นั่น หากคุณเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ใกล้เคียงคุณจะสังเกตเห็นความแตกต่างของความเร็วอินเทอร์เน็ต

VPN ทำงานบนอุปกรณ์ใด

มันขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ VPN ส่วนใหญ่ทำงานบนอุปกรณ์ Apple, Windows และ Android ผู้ให้บริการบางรายสามารถใช้งานได้กับ Linux, Kodi, smart TV และแม้แต่เราท์เตอร์ คุณยังสามารถกำหนดค่า VPN บนสมาร์ททีวี Samsung, เกมคอนโซลและอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ไม่มีแอป VPN รองรับได้อีกด้วย VPN ของคุณจะมีคำแนะนำในการติดตั้งโดยละเอียดพร้อมให้บริการบนเว็บไซต์ช่วยเหลือ

คุณยังสามารถใช้ VPN บนอุปกรณ์ต่าง ๆ ในเวลาเดียวกันได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น CyberGhost รองรับการเชื่อมต่อในเวลาเดียวกันสูงสุดถึง 7 การเชื่อมต่อ ดังนั้นคุณจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการเลือกอุปกรณ์ที่จะป้องกัน

ฉันควรใช้โปรโตคอล VPN ใด

OpenVPN เป็นตัวเลือกยอดนิยมที่สุด แม้ว่าตอนนี้จะมีผู้คนมากมายสลับไปใช้โปรโตคอล WireGuard ใหม่ก็ตาม สุดท้ายแล้วโปรโตคอล VPN นั้นก็ขึ้นอยู่กับความปลอดภัยและความเร็วที่คุณต้องการ เช่นเดียวกับอุปกรณ์ของคุณ

ด้านล่างนี้เป็นโปรโตคอล VPN ที่พบบ่อยที่สุด

  • OpenVPN: โปรโตคอลโอเพ่นซอร์สยอดนิยมที่โปรแกรม VPN เกือบทั้งหมดรองรับ มันเป็นโปรโตคอลที่มีความปลอดภัยที่สุดที่มีให้บริการที่ไม่มีจุดอ่อน
  • WireGuard: โปรโตคอลโอเพ่นซอร์สที่มีความเร็วยอดเยี่ยมและความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง คาดว่ามันจะนำหน้า OpenVPN ในแง่ของความยอดนิยม แต่มันยังคงเป็นตัวเลือกที่ใหม่ ดังนั้นจึงอาจมีช่องโหว่ที่ยังไม่ตรวจพบ
  • IKEv2: รวดเร็ว ปลอดภัยและเป็นที่นิยมสำหรับผู้ใช้งานบนมือถือ ข้อเสียอย่างยิ่งคือมันไม่ใช่โอเพ่นซอร์สและไม่สามารถตรวจสอบได้
  • SSTP: โปรโตคอลที่เป็นที่นิยมน้อยกว่าที่ใช้งานได้บน Windows ส่วนใหญ่ เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการหลีกเลี่ยงไฟร์วอลล์ แต่ความเร็วอยู่ในระดับพอใช้
  • L2TP/IPSec: ส่วนใหญ่แล้วจะถูกใช้งานบน iPhone แม้ว่ามันจะล้าหลัง ดังนั้นคุณจึงควรหลีกเลี่ยงมันหากเป็นไปได้
  • PPTP: PPTP ไม่ปลอดภัยและก่อนหน้านี้ก็ถูกเจาะโดย NSA ในสหรัฐอเมริกาแล้ว

บทสรุป – VPN คืออะไรและมันจะช่วยคุณได้ยังไง?

เหตุผลที่พบบ่อยที่สุดสำหรับการใช้งาน VPN คือเพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัวของคุณในแต่ละวันในขณะที่คุณท่องอินเทอร์เน็ต VPN ที่ดีทั้งหมดมีฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับทหารและความเป็นส่วนตัวในการดูแลให้ข้อมูลของคุณปลอดภัยจากการสอดแนม VPN ยังสามารถช่วยให้คุณเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ในประเทศของคุณขณะที่คุณเดินทางไปต่างประเทศซึ่งอนุญาตให้คุณกู้คืนสิทธิ์ในการเข้าถึงคลังข้อมูลสตรีมมิ่งสุดโปรดและเว็บไซต์ข้อมูลข่าวสารได้อีกด้วย

หลังจากทดสอบ VPN มากกว่า 30 บริการ ฉันก็พบว่า VPN ที่ดีที่สุดโดยรวมคือ ExpressVPN มันมีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่ไว้วางใจได้ระดับโลก ความเร็วที่รวดเร็วสำหรับการสตรีมมิ่งและการดาวน์โหลดไฟล์และความปลอดภัยระดับชั้นนำ คุณยังสามารถลองใช้ ExpressVPN โดยไม่มีความเสี่ยงได้ด้วยเนื่องจากมันมีการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน — หากคุณไม่พึงพอใจ คุณก็สามารถขอรับเงินคืนเต็มจำนวนได้อย่างง่ายดาย

คำศัพท์ทั่วไปเกี่ยวกับ VPN (ศัพท์แสงทางเทคนิค)

  • พัธมิตร 5/9/14 Eyes: พันธมิตรความมั่นคงระหว่างประเทศที่ทำงานร่วมกันเพื่อรวบรวมและแบ่งปันข้อมูลการเฝ้าระวัง ผู้ให้บริการใด ๆ ก็ตามที่อยู่ในประเทศที่เป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรเหล่านี้ สามารถบันทึกและส่งผ่านกิจกรรมออนไลน์ของคุณ นี่คือประเทศในแต่ละพันธมิตร:
5 Eyes 9 Eyes 14 Eyes
  • สหรัฐอเมริกา
  • แคนาดา
  • นิวซีแลนด์
  • สหราชอาณาจักร
  • ออสเตรเลีย
สมาชิกพันธมิตร 5 Eyes บวก:
  • นอร์เวย์
  • เดนมาร์ก
  • ฝรั่งเศส
  • เนเธอร์แลนด์
สมาชิกพันธมิตร 5 และ 9 Eyes บวก:
  • อิตาลี
  • สเปน
  • เบลเยียม
  • เยอรมัน
  • สวีเดน
  • การเข้ารหัส: การเข้ารหัสข้อมูลเพื่อให้สามารถรับและส่งได้อย่างปลอดภัย
  • เนื้อหาทั่วโลก: เนื้อหาที่ถูกบล็อกในบางประเทศ แต่สามารถเข้าถึงได้ด้วย VPN
  • การรั่วไหลของ IP: เมื่อ VPN ของคุณล้มเหลวในการซ่อนหมายเลข IP ของคุณ
  • ISP: ย่อมาจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ISP ของคุณเป็นบริษัทที่คุณจ่ายเงินเพื่อให้การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตแก่คุณ
  • Kill Switch: ฟีเจอร์ของ VPN ที่ตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณโดยอัตโนมัติหากไม่ปลอดภัย สิ่งนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลของคุณจะถูกเข้ารหัสเสมอและช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการรั่วไหลของ IP
  • บันทึกการใช้งาน: ข้อมูลที่ผู้ให้บริการ VPN เก็บไว้เกี่ยวกับคุณและกิจกรรมออนไลน์ของคุณ
  • Multi-Hop: ฟีเจอร์ของโปรแกรม VPN ที่จะนำเส้นทางการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณไปผ่านเซิร์ฟเวอร์ VPN จำนวน 2 เซิร์ฟเวอร์ (แทนที่จะเป็น 1) ซึ่งทำให้ติดตามอุปกรณ์ของคุณได้ยากยิ่งขึ้น
  • พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์: เซิร์ฟเวอร์ที่ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างอุปกรณ์ของคุณและอินเทอร์เน็ต สิ่งนี้จะเพิ่มความเป็นส่วนตัวของคุณเมื่อคุณไม่ได้สื่อสารโดยตรงกับเซิร์ฟเวอร์อื่น ๆ ซึ่งหมายความว่าหมายเลข IP ของคุณจะไม่ปรากฏ
  • เราท์เตอร์: อุปกรณ์ที่ส่งข้อมูลระหว่างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ISP ของคุณจะให้อุปกรณ์ที่อนุญาตให้คุณเข้าถึงอินเทอร์เน็ต
  • TOR: ชิ้นส่วนของซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้คุณสามารถสื่อสารออนไลน์โดยไม่ระบุตัวตน มันจะส่งข้อมูลของคุณผ่านเครือข่ายทั่วโลกที่ดำเนินงานโดยอาสาสมัคร เพื่อทำให้ไม่มีใครทราบว่ามันมาจากไหน
  • ไคลเอนต์ VPN: โปรแกรมที่คุณติดตั้งบนอุปกรณ์ ซึ่งอนุญาตให้คุณเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN
  • โปรโตคอล VPN: ชุดของกระบวนการที่ไคลเอนต์ VPN และเซิร์ฟเวอร์ใช้เพื่อสื่อสารอย่างปลอดภัยระหว่างกัน โปรโตคอลบางตัวมีความปลอดภัยมากกว่าโปรโตคอลอื่น
  • เซิร์ฟเวอร์ VPN: คอมพิวเตอร์ที่จัดการโดยผู้ให้บริการ VPN ของคุณ ซึ่งคุณสามารถเชื่อมต่อโดยใช้ไคลเอนต์ VPN ของคุณ ข้อมูลของคุณจะถูกส่งผ่านเซิร์ฟเวอร์ ซ่อนตำแหน่งที่แท้จริงของคุณและหมายเลข IP
  • บริการ VPN: บริการที่เพิ่มความปลอดภัยของคุณด้วยการเข้ารหัสการใช้งานอินเทอร์เน็ตของคุณและปิดบังหมายเลข IP ของคุณ นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณสามารถหลีกเลี่ยงการเซ็นเซอร์ได้โดยแสดงตำแหน่งว่าอยู่ในตำแหน่งอื่น

สรุป — นี่คือโปรแกรม VPN ที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทยในปี 2024

อันดับสูงสุด ตัวเลือกยอดนิยม
ExpressVPN
$ 6.67 / month ประหยัด  49%
CyberGhost VPN
$ 2.03 / month ประหยัด  84%
Private Internet Access
$ 2.03 / month ประหยัด  83%
NordVPN
$ 3.09 / month ประหยัด  76%
Surfshark
$ 2.29 / month ประหยัด  85%
พวกเราจัดอันดับผู้ให้บริการตามการทดสอบและการค้นคว้าอย่างเข้มงวด แต่ก็จะมีการคำนึงถึงความคิดเห็นของคุณและค่าคอมมิชชั่นจากผู้ให้บริการด้วย ผู้ให้บริการบางรายนั้นจะมีบริษัทแม่แห่งเดียวกันกับพวกเรา เรียนรู้เพิ่มเติม

Wizcase ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2018 ในฐานะเว็บไซต์รีวิวบริการ VPN อย่างอิสระและเว็บไซต์ข่าวเกี่ยวกับเรื่องความเป็นส่วนตัว วันนี้ ทีมงานนักวิจัยความปลอดภัยทางไซเบอร์, นักเขียน และบรรณาธิการนับร้อยของพวกเราได้ช่วยผู้อ่านให้ต่อสู้เพื่ออิสรภาพทางออนไลน์ผ่านการจับมือกับ Kape Technologies PLC ซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ดังต่อไปนี้: ExpressVPN, CyberGhost, Intego และ Private Internet Access ซึ่งอาจจะได้รับการจัดอันดับและรีวิวบนเว็บไซต์ของเราด้วย รีวิวที่ได้รับการเผยแพร่บน Wizcase นั้นมีความแม่นยำถึงวันที่ทำการเผยแพร่ และแต่ละรีวิวก็จะถูกเขียนขึ้นโดยอ้างอิงมาตรฐานที่เข้มงวดด้านการรีวิวซึ่งจะเน้นความเป็นอิสระและการค้นคว้าวิจัยอย่างซื่อสัตย์และเป็นมืออาชีพของนักรีวิว โดยจะเน้นไปถึงความสามารถและคุณภาพของผลิตภัณฑ์รวมถึงความคุ้มค่าที่มันมีต่อผู้ใช้งาน การจัดอันดับและรีวิวที่พวกเราเผยแพร่นั้นอาจจะคำนึงถึงการเป็นเจ้าของเดียวกันที่กล่าวถึงด้านบน และค่าคอมมิชชั่นที่พวกเราได้รับในกรณีที่มีการสั่งซื้อผ่านลิงก์บนเว็บไซต์ของเราด้วย พวกเราไม่ได้ทำการรีวิวผู้ให้บริการ VPN ทั้งหมด และข้อมูลที่เผยแพร่นั้นจะมีความแม่นยำถึงวันที่เผยแพร่แต่ละบทความ

คุณชอบบทความนี้ไหม?
โหวตให้คะแนนเลยสิ!
ฉันเกลียดมัน ฉันไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ พอใช้ได้ ค่อนข้างดี รักเลย!
5.00 ได้รับการโหวตให้คะแนนโดย 41 ผู้ใช้
ชื่อเรื่อง
ความคิดเห็น
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของคุณ