LimeVPN รีวิว 2024: สมควรซื้อหรือเปล่า?

ภาพรวม LimeVPN 2024

คำเตือน! แม้ว่าผมจะชำระเงินค่าสมัครสมาชิกไปแล้วก็ตาม แต่ผมก็ไม่สามารถดาวน์โหลด LimeVPN หรือใช้งานมันได้เลยเป็นเวลา 3 สัปดาห์ แม้ว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการลูกค้าจะร้องขอการเข้าถึงคอมพิวเตอร์ของผมเพื่อแก้ไขปัญหานี้ แต่ผมก็ไม่สบายใจที่จะให้พวกเขาเข้าถึงอุปกรณ์ (หรือเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล) ของผม ผมเขียนรีวิวนี้ขึ้นมาจากประสบการณ์ในการใช้งาน LimeVPN บนโทรศัพท์ Android ของผม

LimeVPN โฆษณาตัวเองในตลาดว่าเป็นผู้ให้บริการ VPN ราคาประหยัด เพื่อค้นหาว่า “ประหยัด” นั้นหมายถึงมีคุณภาพต่ำหรือไม่ ผมจึงได้ทดสอบ VPN นี้อย่างละเอียดด้วยตัวผมเอง — น่าเสียดายที่ผมไม่ประทับใจมันเลย

LimeVPN เสนอแผนรายปีที่แตกต่างกันสองแผน: แผนพื้นฐานและโปร แผนพื้นฐานมีราคาที่น่าดึงดูดใจ แต่จำกัดคุณสมบัติมากมาย แม้ว่าแผนโปรจะมาพร้อมกับคุณสมบัติที่มากกว่าและประสิทธิภาพที่ดีกว่า แต่มันก็มีราคาค่อนข้างแพง และเมื่อเทียบกับสิ่งที่คุณจะได้รับในราคาที่ถูกกว่าจากผู้ให้บริการชั้นนำแล้ว มันจึงไม่ใช่ข้อเสนอที่ดีเลย

ในด้านความปลอดภัย LimeVPN นั้นธรรมดามาก มันใช้การเข้ารหัสที่ดีเพื่อรักษาความปลอดภัยข้อมูลของคุณจากบุคคลที่สาม เช่น แฮกเกอร์ ผู้โฆษณา หรือรัฐบาล อย่างไรก็ตามมันจะเก็บบันทึกข้อมูลการใช้งานส่วนบุคคลและกิจกรรมออนไลน์ของคุณ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลเนื่องจากจุดประสงค์หลักของการใช้งาน VPN คือการไม่เปิดเผยตัวตนของคุณ

หากการปลดบล็อกเว็บไซต์สตรีมมิ่งนั้นมีความสำคัญต่อคุณมากกว่าความปลอดภัย คุณก็ยังคงต้องผิดหวังอยู่ดี เพราะว่ามันไม่สามารถปลดบล็อกคลังข้อมูล Netflix ของสหรัฐอเมริกาได้ และการเข้าถึงแพลตฟอร์มยอดนิยมอื่น ๆ เช่น HBO และ Disney+ นั้นเป็นเรื่องยาก โดยทั่วไปแล้วเซิร์ฟเวอร์ที่มีจำนวนจำกัดจะทำให้แพลตฟอร์มตรวจจับและบล็อกการเชื่อมต่อของคุณได้อย่างง่ายดาย ซึ่งหมายความว่าคุณจะได้รับข้อความแสดงข้อผิดพลาดของพร็อกซี

ไม่มีเวลาอ่านจนจบใช่ไหม? นี่คือสรุปรายละเอียดทั้งหมดใน 1 นาที

LimeVPN ปลดบล็อก Hulu ได้ แต่ปลดบล็อก Netflix, Prime Video, HBO และ Disney ไม่ไม่ได้

LimeVPN ไม่มีเซิร์ฟเวอร์มากพอที่จะปลดบล็อกคลังข้อมูลทั่วโลกเนื่องจากมันมีเซิร์ฟเวอร์ให้บริการแค่ใน 8 ประเทศเท่านั้น ด้วยเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกาจำนวน 11 แห่งและเซิร์ฟเวอร์เฉพาะสำหรับการสตรีมมิ่งวิดีโอในสหรัฐอเมริกาอีก 2 เซิร์ฟเวอร์ [ps1] ผมจึงคาดหวังว่า LimeVPN จะปลดบล็อกคลังข้อมูลวิดีโอทั้งหมดของสหรัฐอเมริกาได้ แต่มันกลับปลดบล็อกได้เพียงแค่ Hulu เท่านั้น เซิร์ฟเวอร์ทั้ง 11 แห่งไม่สามารถปลดบล็อก Netflix ของสหรัฐอเมริกา, HBO, Disney+ และ Prime Video ได้ แม้กระทั่งกับ Hulu ความเร็วที่ได้นั้นช้าและผมก็ประสบกับปัญหาการสะดุดมากมาย

บริการสตรีมมิ่งนั้นใช้อัลกอริทึมขั้นสูงในการควบคุมการปิดกั้นทางภูมิศาสตร์ อัลกอริทึมเหล่านี้ได้รับการอัปเดตเป็นประจำและอาจสร้างปัญหาให้กับ VPN ระดับพรีเมียมได้เป็นครั้งคราว ในฐานะที่ผมเป็นสตรีมเมอร์ ผมรู้ถึงความสำคัญของตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ที่หลากหลายใน VPN หาก IP หนึ่งถูกบล็อก คุณจะสามารถเปลี่ยนไปใช้ตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์อื่นและดูภาพยนตร์ของคุณได้จนจบเรื่อง

LimeVPN มีตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์เพียงแค่ 24 แห่งเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอที่จะพิจารณาให้ VPN ดังกล่าวเป็น VPN สำหรับการสตรีมมิ่งได้ เซิร์ฟเวอร์ที่มีจำนวนจำกัดมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดการกระตุกและการสะดุดเนื่องจากความแออัดที่มากเกินไป นอกจากนี้ยังทำให้ซอฟต์แวร์ที่จำกัดพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ตรวจจับการเชื่อมต่อ แบน VPN และหยุดไม่ให้คุณสตรีมรายการโปรดของคุณได้อย่างง่ายดาย

ในทางตรงกันข้าม ด้วยราคาที่ใกล้กัน CyberGhost มีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 72 00 เซิร์ฟเวอร์ในประเทศต่าง ๆ กว่า 91 ประเทศเพื่อให้คุณสตรีมได้โดยไม่มีปัญหาการสะดุด นอกจากนั้น CyberGhost ยังมีแอปพลิเคชันที่ให้บริการในภาษาไทยอีกด้วย

ความเร็ว

- 6.0 / 10

LimeVPN นั้นทำงานได้รวดเร็ว — หากคุณสามารถใช้งานมันได้ (ซึ่งผมใช้งานมันไม่ได้ตั้ง 3 สัปดาห์!)

LimeVPN เสนอตัวเลือกแบนด์วิดธ์แบบเฉพาะ 1Gbps แต่คุณจะต้องสมัครแผนโปรที่มีราคาแพง ด้วยแบนด์วิดธ์แบบเฉพาะ คุณจะไม่พบกับปัญหาเรื่องความแออัด แต่อย่าคิดว่าคุณจะเพลิดเพลินไปกับการท่องเว็บด้วยความเร็ว 1Gbps ได้อย่างเต็มที่ — เพราะส่วนใหญ่แล้วความเร็วจะถูกกำหนดโดยผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ของคุณ

ด้วยแผนพื้นฐาน LimeVPN สัญญาว่าคุณจะได้ความเร็วร่วมกันสูงสุดถึง 10Gbps แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่คุณจะได้รับเมื่อใช้ VPN นี้ แบนด์วิดธ์ที่ใช้ร่วมกันจะมีความเร็วตามจำนวนผู้ใช้ ยิ่งผู้ใช้มีจำนวนมากเท่าไหร่ความเร็วก็ยิ่งช้าลงมากเท่านั้น ความเร็วของผมช้าลงโดยเฉลี่ย 75% ในเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดที่ผมได้ทดสอบ

ผมได้รับความเร็วที่เชื่อถือได้มากกว่าด้วย CyberGhost — โดยความเร็วที่ได้นั้นไม่เคยน้อยกว่า 30Mbps ตลอดเวลาที่ผมใช้งานมา (มากกว่า 4 ปีแล้ว)

ความสำคัญของความเร็วและสิ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อเลือก VPN?

ความเร็วถือเป็นปัจจัยที่สำคัญเมื่อเลือก VPN ซึ่งความเร็วในการใช้ VPN จะมาพร้อมกับค่าใช้ที่เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามยิ่ง VPN มีความเร็วมากเท่าใด คุณยิ่งจะสามารถเข้าใกล้ความเร็วสูงสุดของเน็ตเวิร์คของคุณได้มากเท่านั้น เวลา Ping มีความสำคัญเทียบเท่ากับความเร็วในการดาวน์โหลด/อัพโหลดสำหรับการสตรีมมิ่ง เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับความเร็วในการรับข้อมูล เวลา ping ที่น้อยกว่าและแบนด์วิธในการดาวน์โหลดที่สูงจะช่วยให้การสตรีมมิ่งเป็นไปได้อย่างไม่มีสะดุด การใช้เวลาในการเชื่อมต่อที่สั้นกว่าจะช่วยป้องกันความวุ่นวาย ส่วนการเชื่อมต่อที่เสถียรถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการสตรีมมิ่งหรือทำกิจกรรมใด ๆ ที่ความเป็นส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญ

เซิร์ฟเวอร์

- 3.0 / 10

เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ — ถูกจำกัด (24 ตำแหน่งเท่านั้น)

ขนาดเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ของ LimeVPN นั้นไม่น่าประทับใจเลย — โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับราคาของแผนพรีเมียม มันมีตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์เพียง 24 ตำแหน่งใน 8 ประเทศเท่านั้น (ไม่มีเซิร์ฟวเอร์ในแอฟริกาหรืออเมริกาใต้) [ps1] แม้กระทั่งในสถานที่ยอดนิยมก็ไม่ได้มีการบริการที่ดี เนื่องจากมีเซิร์ฟเวอร์แค่เพียง 12 แห่งในสหรัฐอเมริกา 2 แห่งในสหราชอาณาจักรและ 1 แห่งในออสเตรเลีย

ด้วยตำแหน่งที่ตั้งเซิร์ฟเวอร์ที่มีจำนวนน้อยเช่นนี้ คุณมีความเสี่ยงที่จะต้องเผชิญกับเซิร์ฟเวอร์ที่แออัด ความเร็วที่ช้าลง และการเชื่อมต่อที่หลุด ผมเป็นสตรีมเมอร์และเกมเมอร์ตัวยง ดังนั้นผมรู้ว่าผมต้องการ VPN ที่มีตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ในจำนวนมากที่สุดเพื่อให้แน่ใจว่าผมสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ต้องการได้อย่างน่าเชื่อถือและได้รับความเร็วที่ไม่ตก

สำหรับราคารายเดือนที่ถูกกว่า คุณสามารถ ใช้งานผู้ให้บริการที่ผ่านการตรวจสอบและการพิสูจน์แล้วเช่น CyberGhost ซึ่งเสนอตำแหน่งที่ตั้งเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 11.780 แห่งพร้อมกับความเร็วสุดขีด

ความปลอดภัย — ป้องกันการโจมตีจากภายนอกได้อย่างยอดเยี่ยม แต่หละหลวมต่อภัยคุกคามจากภายใน

LimeVPN มีการป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีการเข้ารหัสข้อมูล 256 บิตอย่างเต็มรูปแบบเพื่อเก็บรักษาข้อมูลของคุณให้เป็นส่วนตัว โดยยังเป็นเจ้าของและจัดการเซิร์ฟเวอร์และเครือข่ายของตัวเอง ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงแค่เพียงเล็กน้อยที่บุคคลที่สามจะเข้าถึงข้อมูลของคุณได้

แต่ในอีกด้านหนึ่ง เจ้าหน้าที่ของ LimeVPN ได้ร้องขอการเข้าถึงคอมพิวเตอร์ของผมจากระยะไกล โดยมีจุดประสงค์เพื่อช่วยผมแก้ไขปัญหาของผม แต่มันทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจเมื่อคิดว่า VPN ใช้วิธีการที่เสี่ยงเช่นนี้ เป็นที่รู้กันดีว่าการแชร์จากระยะไกลสามารถถ่ายโอนมัลแวร์ระหว่างคอมพิวเตอร์ได้

ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ การเข้าถึงจะถูกดำเนินการผ่าน Zoom อย่าอนุญาตการเข้าถึงเช่นนั้นอย่างเด็ดขาด! Zoom มีจุดอ่อนมากมายที่แฮกเกอร์สามารถใช้ประโยชน์ได้ ผมเคยถูกแฮกมาก่อน ดังนั้นผมจึงเข้าใจดีถึงความเสี่ยงที่มาพร้อมกับคำร้องขอนี้

ภาพหน้าจอของ LimeVPN agents request remote access

LimeVPN ร้องขอการเข้าถึงคอมพิวเตอร์ของผมจากระยะไกล… โอ้ ไม่นะ!

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว CyberGhost เสนอคุณสมบัติด้านความปลอดภัยในระดับไฮเอนด์ พร้อมตัวเลือกการแก้ไขปัญหาที่ไม่รบกวนความเป็นส่วนตัว ผมไม่เคยถูกร้องขอการเข้าถึงจากระยะไกลเลย

ความเป็นส่วนตัว — คุณสมบัติความเป็นส่วนตัวที่อ่อนแอเมื่อเทียบกับราคา

LimeVPN มีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน แต่มันก็ไม่เข้มงวดพอที่ผมจะเชื่อถือได้ 100% มันไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ที่คุณเข้าชมหรือไฟล์ที่คุณเข้าถึงและดาวน์โหลด อย่างไรก็ตาม มันจะติดตามตำแหน่ง แบนด์วิดธ์ และระยะเวลาในการเชื่อมต่อของคุณ

ด้วยรายละเอียดเหล่านี้ LimeVPN สามารถติดตามกิจกรรมออนไลน์ของคุณเพื่อตรวจสอบว่าคุณละเมิดข้อกำหนดในการให้บริการหรือไม่ได้อย่างแม่นยำ LimeVPN ยังยอมรับอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับการรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ผมไม่ชอบเรื่องนี้เพราะความเป็นส่วนตัวของผมจะถูกรุกรานได้หาก VPN เกิดถูกแฮก [ps1] ผมต้องการ[ps2] ใช้งาน VPN ที่มีนโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่เข้มงวด และรับประกันการไม่เปิดเผยตัวตนเช่น CyberGhost มากกว่า

การ Torrent — การ Torrent เร็ว แต่ไม่ได้ปลอดภัย

LimeVPN อนุญาตให้แชร์ P2P (การ torrent) ได้ แต่คุณจะเสี่ยงต่อการเปิดเผยกิจกรรมออนไลน์ของคุณ

การเข้ารหัสข้อมูล 256 บิตช่วยให้มั่นใจได้ว่า ISP ของคุณจะมองไม่เห็นไฟล์ที่ถูกเข้าถึง คุณอาจเลือกใช้เซิร์ฟเวอร์แชร์ P2P โดยเฉพาะเพื่อความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้นก็ได้

อย่างไรก็ตาม ผมยังคงกังวลเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ว่า LimeVPN นั้นจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผม และติดตามกิจกรรมออนไลน์ของผม หากว่ามันถูกแฮก ทุกไฟล์ในการแชร์ P2P ของผมอาจถูกเปิดเผยได้

LimeVPN ใช้งานได้ในจีนหรือไม่? (ไม่น่าจะได้)

LimeVPN อ้างว่าปลดบล็อกการจำกัดของจีนได้ — แต่ว่าผมค่อนข้างสงสัย เนื่องจาก VPN ระดับพรีเมียมส่วนใหญ่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงไฟร์วอลล์ที่แข็งแกร่งของจีนได้ ผมคิดว่าผู้ให้บริการรายย่อยซึ่งมีเทคโนโลยีและเซิร์ฟเวอร์ที่จำกัดจะต้องเผชิญกับปัญหามากขึ้น

ผมไม่สามารถแนะนำ VPN นี้ได้เนื่องจากมันไม่น่าเชื่อถือเพียงพอ ผมประสบกับปัญหาในการเปิดใช้งาน LimeVPN แม้กระทั่งด้วยความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการลูกค้าก็ตาม คุณคงไม่อยากให้ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของคุณตกอยู่ในความเสี่ยงในประเทศที่มีการเซ็นเซอร์อย่างเข้มงวดเช่นประเทศจีน ด้วยเหตุผลนี้ ผมขอแนะนำให้คุณเลือกใช้งาน VPN ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าทำงานได้อย่างน่าเชื่อถือในประเทศจีน

ตำแหน่งของเซิฟเวอร์

ประเทศอังกฤษ
สวีเดน
สหรัฐ
สิงคโปร์
ออสเตรเลีย
อินเดีย
เนเธอร์แลนด์
แคนาดา

เป็นมิตรต่อผู้ใช้

- 4.0 / 10

การเชื่อมต่อหลายอุปกรณ์พร้อมกัน — น้อยเกินไปสำหรับราคา

แผนพื้นฐานของ LimeVPN รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์พร้อมกันได้ 2 เครื่อง ในขณะที่แผนโปรอ้างว่ารองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์พร้อมกันได้มากกว่า 20 เครื่อง หากคุณต้องการใช้ VPN ในอุปกรณ์หลายเครื่อง คุณจะต้องสมัครแผนโปรที่มีราคาสูงกว่า ดูแผนของ LimeVPN เปรียบเทียบกับ VPN ระดับพรีเมียมที่มีราคาย่อมเยาที่สุดในตลาด

ความง่ายในการติดตั้งและการตั้งค่า — แย่ที่สุดในตลาด

ผมพบว่าขั้นตอนการติดตั้งนั้นมีความซับซ้อนอย่างมาก — ผมไม่สามารถแม้กระทั่งดาวน์โหลดแอป LimeVPN ได้ คุณต้องดาวน์โหลดไคลเอนต์ VPN และตั้งค่ามันตามระบบปฏิบัติการของคุณด้วยตนเอง ผมประสบกับปัญหาตั้งแต่เริ่มต้น แต่ส่วนที่เป็นปัญหาที่สุดก็คือเมื่อผมติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า ลิงก์ทั้งหมดที่พวกเขาส่งให้ผมนั้นใช้งานไม่ได้เป็นเวลาถึง 3 สัปดาห์ โปรดทราบว่าปัญหาทั้งหมดนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ผมได้จ่ายค่าสมาชิก VPN ไปแล้ว

บริการลูกค้า

- 6.0 / 10

ฝ่ายสนับสนุนลูกค้าใช้เวลามากกว่าหนึ่งสัปดาห์ในการตอบกลับ ซึ่งผมรู้สึกว่ามันค่อนข้างน่าหงุดหงิด พวกเขาได้สัญญาว่าจะส่งอีเมลจากฝ่ายบริหารที่เกี่ยวข้องกับคำขอคืนเงินของผมมาให้ แต่ผมก็ไม่เคยได้รับอีเมลดังกล่าว ไม่แม้กระทั่งหลังจากที่ผมได้ส่งอีเมลไปทวงมาเป็นเวลา 8 วันแล้ว

น่าแปลกที่ LimeVPN ไม่มีการบริการลูกค้าผ่านทางโทรศัพท์ที่ใช้งานได้ ซึ่งทำให้ผมสงสัยว่ามันเป็นบริการที่ถูกกฎหมายหรือไม่ แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะอ้างว่าผมสามารถฝากหมายเลขโทรศัพท์ไว้ได้และพวกเขาจะโทรกลับหาผม แต่ผมไม่ต้องการให้ข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ ของผมกับพวกเขา

การรับประกันคืนเงิน — ไม่น่าเชื่อถือ

บริการสนับสนุนลูกค้าของ LimeVPN แจ้งว่าคุณจะได้รับการตอบกลับภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากที่ยกเลิกการสมัครสมาชิกของคุณ — แต่ว่ามันไม่เป็นความจริงเลย

ผมทดสอบการรับประกันคืนเงินหลังจากที่ผ่านไป 3 วัน แต่ผมไม่ได้รับการตอบกลับ ผมรอมานานกว่า 2 สัปดาห์แล้ว แต่ก็ไม่มีการตอบกลับแต่อย่างใดแม้ว่าผมจะพยายามติดต่อทีมงานของพวกเขาหลายครั้ง กระบวนการทั้งหมดไม่เพียงแค่น่าหงุดหงิดเท่านั้น แต่ผมไม่เคยได้เงินคืนเลย! โชคดีที่ผมสมัครสมาชิกแผนแบบ 1 เดือนเท่านั้น

ภาพหน้าจอของ Claiming the money-back guarantee is a lengthy process

การเคลมการรับประกันคืนเงินนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

สิ่งที่น่าสนใจก็คือนโยบายการคืนเงินไม่ครอบคลุมปัญหาด้านความเร็ว ซึ่งหมายความว่าการหยุดทำงานไม่ถือเป็นเหตุผลในการคืนเงิน สำหรับ VPN ที่มีราคาแพงเช่นนี้ โครงสร้างของนโยบายการคืนนั้นถือว่าไม่ครอบคลุมเอาเสียเลย

ทำไมฉันถึงต้องดูที่การช่วยเหลือ ในเมื่อฉันสามารถทำได้เอง?

ถึงแม้ว่าผู้คนส่วนใหญ่จะคิดว่าการช่วยเหลือที่ดีมีความจำเป็นเฉพาะในช่วงการติดตั้ง VPN แต่จริง ๆ แล้วก็อาจมีอย่างอื่นที่ท่านอาจต้องการความช่วยเหลือนี้ได้เช่นกัน เช่น การเชื่อมต่อไปยังเซิฟเวอร์บางแห่ง การเปลี่ยนโปรโตคอล และการปรับค่า VPN บนเราท์เตอร์ เป็นต้น เราได้ตรวจสอบ VPN แต่ละตัวเพื่อดูว่ามีการช่วยเหลือเวลาใดบ้าง (ถึงแม้ในช่วงกลางดึก), ระยะเวลาที่พวกเขาตอบสนอง และพวกเขาได้ตอบคำถามเราหรือไม่

ราคา

- 7.0 / 10

LimeVPN โฆษณาตัวเองในตลาดว่าเป็นตัวเลือกราคาถูก — แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ได้ถูกเลย แผนพื้นฐานที่ถูกที่สุดมาพร้อมกับคุณสมบัติที่ถูกจำกัดเป็นอย่างยิ่งและการเชื่อมต่ออุปกรณ์พร้อมกันได้แค่ 2 เครื่องเท่านั้น แม้ว่าแผนโปรจะมีคุณสมบัติมากกว่า แต่ก็มีราคาแพงกว่าผู้ให้บริการชั้นนำรายอื่น ๆ (เช่น CyberGhost) ซึ่งเสนอบริการที่ครอบคลุมมากกว่าในราคาที่ต่ำกว่า

LimeVPN มีแพลนดังต่อไปนี้

1 เดือน
 
$ 5.99
ต่อ เดือน
 
ดูแพลน
12 เดือน
$5.99
$ 1.24
ต่อ เดือน
ประหยัด 79%
ดูแพลน
ดูแพลน
ประหยัด 79%

บทสรุป

สรุปก็คือ LimeVPN นั้นมีราคาแพงเกินไปและมันไม่ได้มีคุณสมบัติพิเศษใด ๆ ที่จะเรียกเก็บเงินซะสูงลิ่ว ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ ความสามารถในการใช้งานและบริการลูกค้าของ VPN นั้นเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดที่ผมเคยพบเจอมา ผมนึกถึงข้อดีที่ผมจะแนะนำ VPN นี้ได้ไม่ออก หากคุณต้องการสมัครลงทะเบียน โปรดยอมรับความเสี่ยงของคุณเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณสามารถได้รับประโยชน์มากกว่าจาก VPN ในระดับพรีเมี่ยมที่มีราคาใกล้เคียงกัน เช่น CyberGhost ได้ แต่คุณยังไม่ต้องเชื่อผม ลองใช้งาน CyberGhost โดยปราศจากความเสี่ยงฟรี 45 วัน มันแตกต่างจาก LimeVPN หากคุณไม่พอใจ คุณจะสามารถรับเงินคืนได้ นอกจากนี้ CyberGhost ยังให้การสนับสนุนลูกค้าในภาษาไทยอีกด้วย

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ LimeVPN

? LimeVPN นั้นดีไหม?

VPN ไม่ดีในซักด้านที่ผมได้ทดสอบทั้งด้านความปลอดภัยและโดยเฉพาะอย่างยิ่งการสตรีมมิ่ง การดาวน์โหลดและติดตั้ง VPN นั้นเป็นเรื่องที่ยากมากจนต้องขอความช่วยเหลือจากฝ่ายบริการลูกค้า ในกรณีของผม แม้แต่ฝ่ายบริการลูกค้าก็ไม่สามารถทำให้ให้มันทำงานได้ภายในช่วง 3 สัปดาห์แรก

นอกจากนี้มันยังมีราคาแพงเกินไปสำหรับคุณสมบัติที่มีให้บริการ ผมได้รับคุณสมบัติที่มากกว่าในราคาที่ถูกกว่ากับ CyberGhost

? ฉันสามารถใช้ LimeVPN ฟรีได้หรือไม่?

นโยบายการรับประกันคืนเงินและการคืนเงินของ LimeVPN นั้นไม่ได้เคลมง่าย ๆ ทำให้กระบวนการนี้ยุ่งยากมากซะจนคุณต้องหงุดหงิด ผมรอการติดต่อเกี่ยวกับคำขอคืนเงินมานานกว่าหนึ่งสัปดาห์แล้ว แต่ผมก็ยังไม่ได้รับมัน ผมต้องยกเลิกการเรียกเก็บเงินแบบอัตโนมัติใน PayPal เนื่องจาก LimeVPN ไม่ได้รับทราบด้วยซ้ำว่าผมร้องขอการคืนเงินไปแล้ว

? LimeVPN นั้นปลอดภัยจริงหรือ?

คุณสมบัติการเข้ารหัสและการปกป้องข้อมูลของ LimeVPN นั้นเป็นคุณสมบัติที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม แต่มันจะทำให้ความเป็นส่วนตัวของคุณต้องตกอยู่ในความเสี่ยง

มันจะเปิดเผยตัวตนของคุณต่อแฮกเกอร์และภัยคุกคามทางไซเบอร์อื่น ๆ หากคุณอนุญาตการเข้าถึงจากระยะไกลเมื่อได้รับการร้องขอ LimeVPN นั้นเก็บบันทึกข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ และหากแฮกเกอร์โจมตีบริษัท ข้อมูลทั้งหมดนั้นก็สามารถถูกเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย ด้วยนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่เข้มงวด CyberGhost จึงเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่ามาก

ลองใช้งาน LimeVPN ด้วยตัวคุณเอง! 

เปรียบเทียบกับตัวเลือกอื่น
9.8
/ 10
เยี่ยมชม
9.6
/ 10
เยี่ยมชม
9.4
/ 10
เยี่ยมชม
5.2  / 10
พวกเราจัดอันดับผู้ให้บริการตามการทดสอบและการค้นคว้าอย่างเข้มงวด แต่ก็จะมีการคำนึงถึงความคิดเห็นของคุณและค่าคอมมิชชั่นจากผู้ให้บริการด้วย ผู้ให้บริการบางรายนั้นจะมีบริษัทแม่แห่งเดียวกันกับพวกเรา เรียนรู้เพิ่มเติม

Wizcase ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2018 ในฐานะเว็บไซต์รีวิวบริการ VPN อย่างอิสระและเว็บไซต์ข่าวเกี่ยวกับเรื่องความเป็นส่วนตัว วันนี้ ทีมงานนักวิจัยความปลอดภัยทางไซเบอร์, นักเขียน และบรรณาธิการนับร้อยของพวกเราได้ช่วยผู้อ่านให้ต่อสู้เพื่ออิสรภาพทางออนไลน์ผ่านการจับมือกับ Kape Technologies PLC ซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ดังต่อไปนี้: ExpressVPN, CyberGhost, Intego และ Private Internet Access ซึ่งอาจจะได้รับการจัดอันดับและรีวิวบนเว็บไซต์ของเราด้วย รีวิวที่ได้รับการเผยแพร่บน Wizcase นั้นมีความแม่นยำถึงวันที่ทำการเผยแพร่ และแต่ละรีวิวก็จะถูกเขียนขึ้นโดยอ้างอิงมาตรฐานที่เข้มงวดด้านการรีวิวซึ่งจะเน้นความเป็นอิสระและการค้นคว้าวิจัยอย่างซื่อสัตย์และเป็นมืออาชีพของนักรีวิว โดยจะเน้นไปถึงความสามารถและคุณภาพของผลิตภัณฑ์รวมถึงความคุ้มค่าที่มันมีต่อผู้ใช้งาน การจัดอันดับและรีวิวที่พวกเราเผยแพร่นั้นอาจจะคำนึงถึงการเป็นเจ้าของเดียวกันที่กล่าวถึงด้านบน และค่าคอมมิชชั่นที่พวกเราได้รับในกรณีที่มีการสั่งซื้อผ่านลิงก์บนเว็บไซต์ของเราด้วย พวกเราไม่ได้ทำการรีวิวผู้ให้บริการ VPN ทั้งหมด และข้อมูลที่เผยแพร่นั้นจะมีความแม่นยำถึงวันที่เผยแพร่แต่ละบทความ