6 VPN ฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ iPhone และ iPad
มี VPN ฟรีนับร้อยสำหรับ iPhone และ iPad แต่การค้นหาบริการที่ดีนั้นเป็นเรื่องยากอย่างน่าประหลาดใจ ฉันทดสอบ VPN ฟรีซึ่งทำงานได้ตรงกันข้ามกับที่สัญญาไว้มากมาย – มันทำให้โทรศัพท์ของฉันทำงานช้าลง กินแบตเตอรี่และบางครั้งยังแอบเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของฉันแบบลับ ๆ ด้วย ที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือ VPN ฟรีบางบริการได้คะแนนในเชิงบวกบน Apple App Store ด้วย!
เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องมานั่งลองผิดลองถูกแบบที่ฉันทำ ฉันได้ทดสอบและจัดอันดับ VPN ฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ iOS 14 และรุ่นเก่ากว่าเอาไว้ให้แล้ว ทุก VPN มีแอป iOS ที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้และจะป้องกันการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณไม่ว่าคุณจะใช้เครือข่ายที่บ้าน, WiFi สาธารณะหรือข้อมูลบนมือถือ น่าเสียดายที่ VPN ฟรีมากมายต่างมีข้อเสียอยู่บ้าง เช่น ขีดจำกัดข้อมูล จำนวนเซิร์ฟเวอร์ไม่มากและความเร็วที่ล่าช้า
หากคุณต้องการใช้ VPN ที่ไม่มีข้อจำกัดใด ๆ ExpressVPN คือตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับ iPhone และ iPad ไม่เพียงแต่คุณจะได้รับข้อมูลไม่จำกัดเท่านั้น แต่ยังมีเซิร์ฟเวอร์นับพันเซิร์ฟเวอร์และการรองรับการสตรีมมิ่งและ Torrenting ด้วย – นอกจากนี้ยังมีการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วันด้วย นี่หมายความว่าคุณสามารถขอรับเงินคืนได้หากคุณรู้สึกว่าบริการนี้ไม่เหมาะกับคุณ ฉันทดสอบเรื่องนี้ด้วยตัวเองเพื่อให้มั่นใจว่าสามารถรับเงินคืนได้จริงแล้ว (พวกเขาใช้เวลาในการอนุมัติการขอเงินคืนภายในไม่กี่นาทีและฉันก็ได้รับเงินคืนเข้าบัญชีของฉันภายในเวลาน้อยกว่า 1 สัปดาห์)
ลองใช้ ExpressVPN บน iOS เลยวันนี้!
คำแนะนำ: แอป VPN ฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ iOS ในปี 2024
- ExpressVPN – VPN ที่ดีสำหรับ iPhone และ iPad ที่มาพร้อมกับเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกความเร็วสูง ข้อมูลไม่จำกัด นโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่เข้มงวดและการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน ลองใช้ ExpressVPN บน iOS!
- CyberGhost – เซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการปรับแต่งสำหรับการสตรีมมิ่งบน iOS คุณภาพสูง แต่ใช้งานได้ฟรีเพียง 45 วันเท่านั้น
- Hotspot Shield – ฟรีข้อมูล 500MB ต่อวัน แต่มีเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกาเพียง 1 เซิร์ฟเวอร์เท่านั้น
- TunnelBear – เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในประเทศต่าง ๆ ได้ 46 ประเทศ แต่จำกัดข้อมูลฟรี 500MB ต่อเดือน
- Hide.me – ข้อมูลรายเดือนฟรี 10GB พร้อมฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวที่แข็งแกร่งสำหรับ iOS แต่มีตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์พร้อมให้บริการเพียง 5 ตำแหน่งเท่านั้น
- Proton VPN – ไม่จำกัดข้อมูลสำหรับการท่องเว็บบน iPhone หรือ iPad แต่ไม่อนุญาตให้สตรีมมิ่งหรือ Torrenting
ลองใช้ ExpressVPN โดยไม่มีความเสี่ยงบน iOS!
VPN ฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ iPhones และ iPads (ทดสอบเมื่อ 2024)
1. ExpressVPN – VPN ที่เหมาะสำหรับ iPhone และ iPad ที่มาพร้อมความเร็วสูง ความปลอดภัยยอดเยี่ยมและรับประกันการไม่เปิดเผยตัวตน
ฟีเจอร์หลัก:
- ไม่จำกัดข้อมูลเพื่อการท่องเว็บ สตรีมมิ่งและ Torrenting อย่างไร้ขีดจำกัด
- มีเซิร์ฟเวอร์ 3000 เซิร์ฟเวอร์ใน 105 ประเทศเพื่อการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตทั่วโลก
- ตั้งอยู่บนหมู่เกาะบริติชเวอริจินที่มีนโยบายไม่บันทึกข้อมูลที่ได้รับการตรวจสอบแล้ว การเข้ารหัสขั้นสูงและการป้องกันการรั่วไหล
- แอปเฉพาะสำหรับ iOS 10 และรุ่นใหม่กว่า (และ Mac, Apple TV, Apple Watch, Windows, Android, สมาร์ททีวี, เราเตอร์และอื่น ๆ อีกมากมาย)
- รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ 8 อุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน
แม้ว่ามันจะไม่ใช่บริการฟรี แต่ ExpressVPN ก็มอบบริการ VPN ที่ครอบคลุมมากที่สุดและดีที่สุดสำหรับ iPhone และ iPad ของคุณ เช่นเดียวกันกับอุปกรณ์อื่น ๆ มันมาพร้อมกับการรับประกันยินดีคืนเงินซึ่งให้เวลาคุณ 30 วันในการทดลองใช้งาน นี่ทำให้ ExpressVPN เป็นตัวเลือกที่เหมาะหากคุณต้องการทดสอบบริการก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ
แม้ว่า ExpressVPN จะเข้ากันได้กับระบบปฏิบัติการและอุปกรณ์ต่าง ๆ มากมาย แต่ฉันก็พบว่ามันใช้งานง่ายมากบน iOS นอกจากนี้แอปยังพร้อมให้บริการในภาษาไทยอีกด้วย ExpressVPN ทำงานร่วมกันกับอุปกรณ์ Apple ได้ทั้งหมดและรวมถึงบริการ Smart DNS ที่เรียกว่า MediaStreamer ด้วย คุณยังสามารถเข้ารหัสข้อมูล Apple Watch ของคุณด้วย ExpressVPN ได้ด้วยหากคุณเชื่อมต่อมันกับ iPhone ของคุณ
ฉันประทับใจกับความเร็วที่รวดเร็วโดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกลออกไปในเครือข่ายทั่วโลก ความเร็วบน iPhone XS ของฉันไม่เคยลดลงมาต่ำกว่า 89Mbps เลยแม้ในตอนที่ทดสอบกับเซิร์ฟเวอร์ในออสเตรเลีย – มันลดลงมาประมาณ 25% ของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตปกติของฉันซึ่งถือว่าไม่มากนักเมื่อพิจารณาจากระยะทาง ฉันขอแนะนำให้ใช้โปรโตคอล Lightway ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท (เวอร์ชัน WireGuard ใหม่ของ ExpressVPN) ซึ่งเป็นการผสมผสานความเร็วและความปลอดภัยที่ดีที่สุด
หลังจากทดสอบเซิร์ฟเวอร์มากมาย ฉันก็สามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่า ExpressVPN มีความเร็วที่รวดเร็วต่อเนื่องมากพอสำหรับการสตรีมมิ่งและการดาวน์โหลดโดยไม่มีการกระตุกหรือการแทรกแซง ฉันทดสอบ ExpressVPN กับบริการชั้นนำอย่าง Netflix, Disney+, Amazon Prime Video และ Popcorn Time โดยการเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์มากมาย ExpressVPN ทำงานร่วมกันกับบริการสตรีมมิ่งที่ฉันทดสอบได้ทั้งหมด
การเข้าถึงบริการสตรีมมิ่งเป็นแค่หนึ่งในสิทธิประโยชน์ของการเข้ารหัสระดับทหารของ ExpressVPN ซึ่งปิดบังหมายเลข IP ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่มีการรั่วไหล ด้วยการป้องกันระดับสูงของ ExpressVPN คุณจึงสามารถใช้ iPhone หรือ iPad ของคุณบนเครือข่ายใดก็ตามได้อย่างปลอดภัยซึ่งรวมถึง WiFi สาธารณะและข้อมูล 3G, 4G และ 5G โดยไม่ต้องเอาความปลอดภัยข้อมูลของคุณไปเสี่ยง คุณยังได้รับการป้องกันจากเทคโนโลยี TrustedServer ของ ExpressVPN ซึ่งช่วยรับประกันว่ากิจกรรมทางออนไลน์ของคุณจะไม่มีวันถูกบันทึกหรือจัดเก็บเอาไว้ – ทุกครั้งที่เซิร์ฟเวอร์รีบูต การติดตามข้อมูลทั้งหมดของคุณจะถูกลบออกไปทันที นโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานนี้ยังได้รับการตรวจสอบจากบริษัทอิสระมากมายแล้วด้วย ดังนั้นคุณจึงสามารถวางใจได้ว่าคุณจะไม่ถูกเปิดเผยตัวตนทุกครั้งที่คุณใช้ ExpressVPN บนอุปกรณ์ iOS ของคุณ
แม้ว่าฉันจะไม่เคยพบกับปัญหาในการเชื่อมต่อ แต่ฉันก็ผิดหวังที่ได้พบว่า ExpressVPN ไม่มีฟังก์ชัน Kill Switch บนแอปสำหรับ iOS นี่หมายความว่าหมายเลข IP และกิจกรรมของคุณอาจถูกเปิดเผยได้หากการเชื่อมต่อ VPN ถูกรบกวน
ฉันคิดว่ามันอาจจะมีอะไรแอบแฝงเมื่อพูดถึงการรับประกันยินดีคืนเงิน – ดังนั้นฉันจึงประทับใจมากที่พบว่ามันไม่มี ฉันทดสอบนโยบายคืนเงินของ ExpressVPN และมันก็เป็นนโยบายแบบ “ไม่ต้องตอบคำถาม” ของจริง ใช้เวลาเพียงสองสามนาทีในการส่งคำขอผ่านแชทออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมงของ ExpressVPN ที่ดีที่สุดคือฉันได้รับเงินคืนภายในเวลาน้อยกว่าหนึ่งสัปดาห์ ฉันขอแนะนำให้คุณลงทะเบียน ExpressVPN ผ่านเว็บไซต์เนื่องจากคุณจะได้ติดต่อกับบริษัทได้โดยตรงเมื่อพูดถึงเรื่องการติดต่อฝ่ายสนับสนุน หากคุณลงทะเบียนผ่าน App Store คุณจะต้องติดต่อ Apple และขั้นตอนในการขอความช่วยเหลืออาจกลายเป็นเรื่องที่น่าเบื่อได้
ลองใช้ ExpressVPN โดยไม่มีความเสี่ยง!
อัปเดต 2024! ExpressVPN ปรับลดราคาภายในช่วงระยะเวลาที่จำกัดเหลือเพียง $6.67 ต่อเดือนเท่านั้นในแผนให้บริการแบบ 1 ปี (คุณสามารถประหยัดเงินได้สูงสุดถึง 49%) + รับเพิ่มอีก 3 เดือนฟรี! นี่เป็นข้อเสนอจำกัดเวลา ดังนั้นอย่าลืมคว้ามันเอาไว้เลยตอนนี้ก่อนที่มันจะหายไป ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสนอนี้ได้ที่นี่
2. CyberGhost – แบนด์วิดธ์ไม่จำกัดบนแอปสำหรับ iOS App และใช้งานฟรี 45 วัน
ฟีเจอร์หลัก:
- ไม่มีขีดจำกัดข้อมูลเพื่อการสตรีมมิ่ง ท่องเว็บและอื่น ๆ แบบไม่จำกัด
- มีเซิร์ฟเวอร์ 11.800 เซิร์ฟเวอร์ใน 100 ประเทศเพื่อการเชื่อมต่อทั่วโลกที่ง่ายดาย
- นโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานจะช่วยป้องกันข้อมูลของคุณให้ปลอดภัยและไม่เปิดเผยตัวตน
- แอปเฉพาะสำหรับ iOS 13 และรุ่นใหม่กว่า (และ Mac, Windows, Android, Linux และอื่น ๆ อีกมากมาย)
- รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ 7 อุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน
แอปสำหรับ iOS ของ CyberGhost มีเซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการปรับแต่งสำหรับการสตรีมมิ่งซึ่งเหมาะสำหรับการเชื่อมต่อบริการสุดโปรดของคุณอย่างเสถียร ในระหว่างการทดสอบ ทีมงานและฉันพบว่าเซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการปรับแต่งของ CyberGhost นั้นเข้าถึงบริการอย่าง Netflix ในสหรัฐอเมริกา, Disney+ และ Amazon Prime Video ได้อย่างง่ายดาย ฉันประทับใจเป็นพิเศษที่ CyberGhost ทำงานร่วมกันกับแอปสตรีมมิ่งของฉันได้เพราะมี VPN มากมายที่สามารถเข้าถึงบริการสตรีมมิ่งบนมือถือได้เฉพาะผ่านเบราว์เซอร์อย่าง Safari เท่านั้น
ด้วยเซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการปรับแต่งของ CyberGhost ฉันจึงได้รับความเร็วในการดาวน์โหลดที่รวดเร็ว ฉันไม่พบกับการกระตุกหรือสะดุดในขณะสตรีมมิ่งเลย ฉันยังสามารถท่องเว็บออนไลน์และยังเล่นเกมมือถือได้โดยไม่พบกับการรบกวนอีกด้วย
ฉันสังเกตเห็นความเร็วที่ลดลงตอนที่ฉันเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกล นี่ถือเป็นเรื่องที่เข้าใจได้เพราะระยะทางที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ข้อมูลถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์และกลับมายังอุปกรณ์ของคุณใช้เวลามากขึ้น ฉันไม่สังเกตเห็นความแตกต่างของการเชื่อมต่อของฉันมากนัก แต่หากความเร็วอินเทอร์เน็ตปกติของคุณช้าอยู่แล้ว นี่อาจส่งผลต่อความเร็วของคุณเป็นอย่างมาก เพื่อการเชื่อมต่อที่รวดเร็วที่สุด ให้เลือกเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้กับตำแหน่งทางกายภาพของคุณ
ความปลอดภัยโดยรวมของ CyberGhost ก็น่าประทับใจพร้อมด้วยการเข้ารหัสระดับทหารที่ช่วยป้องกันการเชื่อมต่ออุปกรณ์ iOS ของคุณ แตกต่างจาก ExpressVPN CyberGhost มีฟังก์ชัน Kill Switch สำหรับแอป iOS ดังนั้นข้อมูลของคุณจึงได้รับการป้องกันแม้ว่าการเชื่อมต่อจะไม่เสถียรก็ตาม ฉันมั่นใจว่าข้อมูลของฉันจะปลอดภัยแม้ในตอนที่ฉันเชื่อมต่อกับ WiFi สาธารณะหรือเครือข่ายมือถือของฉัน ฉันยังดีใจที่ได้เห็นว่า CyberGhost ใช้เซิร์ฟเวอร์บน RAM ซึ่งจะไม่บันทึกหรือเก็บรวบรวมข้อมูลใด ๆ ของผู้ใช้ นี่ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจาก CyberGhost ยังไม่ได้รับการตรวจสอบจากบริษัทอิสระเพื่อยืนยันถึงนโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน – ฉันมั่นใจว่าเซิร์ฟเวอร์ของ CyberGhost ไม่สามารถจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้ใด ๆ ได้จริง
ฉันพบว่าแอป iOS ของ CyberGhost นั้นใช้งานง่ายมาก ๆ ซึ่งทำให้มันเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ใช้ VPN ที่เป็นมือใหม่ ฉันผิดหวังนิดหน่อยที่ได้เห็นว่าแอปผสานรวมกันกับ Apple ได้มากนักซึ่งไม่มีเมนูแฮปติกหรือวิดเจ็ต อย่างไรก็กตามใช้การแตะเพียงแค่ 2 ครั้งบน iPhone ของฉันเพื่อเปิดแอปและเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ซึ่งโดยรวมแล้วใช้เวลาน้อยกว่า 30 วินาที
คุณสามารถลองใช้ CyberGhost ฟรีเป็นระยะเวลา 45 วันได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงิน นี่ทำให้ CyberGhost เป็นตัวเลือกที่ดีหากคุณต้องการใช้ VPN สำหรับ iOS ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เนื่องจากคุณสามารถขอรับเงินคืนเต็มจำนวนได้หลังจากที่คุณใช้บริการดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันทดสอบโดยการติดต่อผ่านแชทออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมงและร้องขอเงินคืน เจ้าหน้าที่ทางแชทใช้เวลาดำเนินการน้อยกว่า 2 นาทีและฉันก็ได้รับเงินคืนภายในหนึ่งสัปดาห์
อัปเดต 2024! คุณสามารถสมัครสมาชิก CyberGhost ได้ในราคาแสนถูกเพียง $2.03 ต่อเดือน + รับเพิ่มฟรี 4 เดือนฟรีในแผนให้บริการแบบ 2 ปี (ประหยัดได้สูงสุดถึง 84%)! นี่เป็นข้อเสนอจำกัดเวลา ดังนั้นอย่าลืมคว้ามันเอาไว้ก่อนตอนนี้ก่อนมันจะหายไป ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสนอนี้ได้ที่นี่
3. Hotspot Shield – การเข้ารหัสระดับทหารจะป้องกัน iOS และข้อมูล 500MB ฟรีต่อวัน
ฟีเจอร์หลัก:
- อนุญาตให้ใช้ข้อมูลได้ฟรี 500MB ต่อวัน
- มีตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกาเพียง 1 ตำแหน่งเท่านั้นสำหรับผู้ใช้ฟรี
- การเข้ารหัสระดับทหารและสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอเมริกา
- แอปแบบกำหนดค่าเองสำหรับ iOS 12 และรุ่นใหม่กว่า (และ Windows, Mac และ Android)
- อนุญาตให้เชื่อมต่อได้เพียง 1 อุปกรณ์ต่อบัญชี
แอปสำหรับ iOS ฟรีของ Hotspot Shield เป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่งหากคุณต้องการท่องเว็บออนไลน์ด้วยการเชื่อมต่อที่ปลอดภัย มันไม่จำกัดความเร็วหรือข้อมูลเหมือนกับผู้ให้บริการฟรีรายอื่น ๆ และบริการดังกล่าวยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูลของคุณด้วย ดังนั้นคุณจึงสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ได้โดยไม่เปิดเผยตัวตน
แอปมีการเข้ารหัสระดับทหารที่พร้อมให้บริการสำหรับผู้ใช้งานพรีเมียมที่เหมือนกัน เช่นเดียวกันกับ “ความลับการส่งต่อที่สมบูรณ์แบบ” ของ Hotspot Shield ชั้นความปลอดภัยเพิ่มเติมนี้จะมอบคีย์เซสชันใหม่ให้กับคุณทุกครั้งที่คุณเชื่อมต่อกับบริการ – แม้ว่าแฮกเกอร์จะสามารถเข้าถึงการเชื่อมต่อของคุณได้ แต่พวกเขาก็ทำได้แค่ดูสิ่งที่คุณทำในเซสชันเดียว น่าเสียดายที่แอปสำหรับ iOS ฟรีของ Hotspot Shield ไม่มีฟังก์ชัน Kill Switch
ฉันผิดหวังที่ได้พบว่า Hotspot Shield จำกัดความเร็วในการเชื่อมต่อของฉันที่ประมาณ 5Mbps โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากเป็น VPN ที่รวดเร็ว ฉันทดสอบบริการนี้หลายครั้งตลอดทั้งวันและก็ได้รับผลลัพธ์เดิมเสมอ
เว็บไซต์ของบริการระบุอย่างชัดเจนว่ามันจำกัดความเร็วสำหรับผู้ใช้ฟรีเพื่อให้ความสำคัญกับลูกค้าพรีเมียมก่อน อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะพบกับความเร็วที่ช้า แต่ฉันก็สามารถท่องเว็บบน Safari ได้โดยไม่สังเกตเห็นการกระตุก น่าเสียดายที่ความเร็วนี้ค่อนข้างช้าสำหรับการสตรีมมิ่ง – ซึ่งน่าเสียดายเพราะเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกาของ Hotspot Shield เข้าถึง Netflix ในการทดสอบได้สำเร็จ
คุณไม่ต้องลงทะเบียนเพื่อใช้แอปสำหรับ iOS ฟรี ง่าย ๆ เพียงดาวน์โหลด Hotspot Shield บน iPhone หรือ iPad ของคุณและกดเชื่อมต่อได้เลย
4. TunnelBear – เชื่อมต่อ iPhone และ iPad ของคุณไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่เข้ารหัสใน 46 ประเทศฟรี
ฟีเจอร์หลัก:
- ข้อมูลฟรี 500MB ต่อเดือน
- การเชื่อมต่อที่รวดเร็วไปยังเซิร์ฟเวอร์ใน 46 ประเทศ
- ตั้งอยู่ในแคนาดาพร้อมนโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่ได้รับการตรวจสอบและการเข้ารหัสขั้นสูง
- แอปเฉพาะสำหรับ iOS 11 หรือใหม่กว่า (และ Windows, Mac, Android และ Linux)
- รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ ไม่จำกัด อุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน
TunnelBear เป็น VPN ฟรีที่รวดเร็วที่มีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ ผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้ทุกเซิร์ฟเวอร์ซึ่งถือว่าหาได้ยากสำหรับ VPN ฟรีที่ปกติมักจะจำกัดจำนวนเซิร์ฟเวอร์ จาก iPhone หรือ iPad ของคุณ คุณจะสามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ในญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา บราซิล นิวซีแลนด์และนอร์เวย์ได้
ในระหว่างการทดสอบ TunnelBear สามารถเข้าถึงคลังข้อมูลของ Netflixทั่วโลกได้โดยไม่ถูกตรวจพบ
ฉันยังสามารถเข้าถึง Amazon Prime Video และ Hulu โดยใช้ TunnelBear ได้ แต่เนื่องจากขีดจำกัดข้อมูลที่จำกัด ฉันจึงไม่สามารถสตรีมอะไรได้เลย TunnelBear ให้ข้อมูลใช้งานเพียง 500MB ต่อเดือนเท่านั้นซึ่งถือว่ามากพอสำหรับการตรวจสอบอีเมลหรือบัญชีธนาคารอย่างปลอดภัยเท่านั้น ข้อมูลที่อนุญาตให้ใช้งานได้ของ TunnelBear ให้คุณสตรีมวิดีโอในความละเอียดระดับ SD ได้ประมาณ 30 นาทีเท่านั้น – จากนั้นต้องรอจนกว่าจะมีการต่ออายุข้อมูลที่อนุญาตให้ใช้งานได้ในเดือนต่อไป
เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ขีดจำกัดข้อมูลนั้นน้อย แต่ความเร็วของ TunnelBear นั้นยอดเยี่ยม ฉันดำเนินการทดสอบโดยใช้ Ookla ในเซิร์ฟเวอร์ต่าง ๆ มากกว่า 10 เซิร์ฟเวอร์ซึ่งรวมถึงสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นและนิวซีแลนด์ โดยเฉลี่ยแล้วความเร็วของฉันอยู่ที่ประมาณ 90Mbps โดยความเร็วที่ช้าที่สุดคือญี่ปุ่นที่ 67Mbps นี่ทำให้การตรวจสอบอีเมล ท่องอินเทอร์เน็ตและช้อปปิ้งออนไลน์จาก iPhone ของฉันโดยไม่มีการกระตุกเป็นเรื่องง่าย
หากคุณต้องการแค่ใช้อินเทอร์เน็ตสองสามครั้งในขณะที่คุณไปพักร้อน TunnelBear คือตัวเลือกที่เหมาะ – แม้ว่ามันจะมีขีดจำกัดข้อมูลที่เข้มงวดก็ตาม คุณจะต้องลงทะเบียนบัญชีเพื่อใช้แอปสำหรับ iOS ของ TunnelBear สิ่งที่คุณต้องมีคือที่อยู่อีเมลที่ใช้งานได้และรหัสผ่านซึ่ง TunnelBear จัดเก็บเพื่อวัตถุประสงค์ในการดำเนินการ (ลงชื่อเข้าใช้)
5. Hide.me – ฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวของ iOS ขั้นสูงและข้อมูล 10GB ฟรีต่อเดือน
ฟีเจอร์หลัก:
- อนุญาตให้ใช้ข้อมูลฟรี 10GB ต่อเดือน
- 5 ตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ในประเทศจีน แคนาดา เนเธอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกาฝั่งตะวันออกและสหรัฐอเมริกาฝั่งตะวันตก
- ตั้งอยู่ในมาเลเซียที่มาพร้อมกับ Kill Switch, นโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน, การป้องกันการรั่วไหลและการเข้ารหัส AES-256
- รองรับ iOS 9 หรือใหม่กว่า (และ Windows, Mac, Android และอื่น ๆ อีกมากมาย)
- รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์เพียง 1 อุปกรณ์เท่านั้น
ความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยมของ Hide.me เป็นหนึ่งในความปลอดภัยที่ดีที่สุดที่ฉันเคยเห็นจาก VPN ฟรีสำหรับ iOS มันมีฟีเจอร์ขั้นสูงที่บริการอื่น ๆ ไม่มีให้บริการ เช่น Kill Switch อัตโนมัติเพื่อป้องกันข้อมูลของคุณหากการเชื่อมต่อของคุณถูกแทรกแซง
ฉันยังดีใจที่ได้พบว่า Hide.me มีการป้องกันการรั่วไหลของ DNS และหมายเลข IP สำหรับผู้ใช้ฟรีด้วย ฉันยืนยันเรื่องนี้โดยการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดที่มีให้บริการและดำเนินการทดสอบ – hide.me ปิดบังข้อมูลของฉันได้ทุกครั้งซึ่งช่วยรับประกันว่าฉันจะไม่ถูกเปิดเผยตัวตน
แม้ว่ามันจะไม่สามารถสตรีม Netflix (บริการสตรีมมิ่งถูกจำกัดสำหรับผู้ใช้ฟรี) ก็ตาม แต่ฉันก็ยังสามารถใช้ Hide.me เพื่อรับชมวิดีโอ YouTube ในสหรัฐอเมริกาในความละเอียดระดับ HD ได้ นี่เป็นเพราะความเร็วที่ไม่จำกัดของ Hide.me! ฉันดำเนินการทดสอบความเร็วในเซิร์ฟเวอร์ที่มีให้บริการทั้งหมดและมันไม่เคยลดลงต่ำกว่า 88Mbps เลย (เร็วพอสำหรับการท่องเว็บ ช้อปออนไลน์และแม้กระทั่งรับชมวิดีโอสองสามวิดีโอโดยไม่มีการสะดุด) ด้วยขีดจำกัดข้อมูลขนาด 10GB ต่อเดือน Hide.me มอบข้อมูลให้มากพอที่จะสตรีมมิ่งระดับ HD ได้ประมาณ 10 ชั่วโมง
คุณยังไม่ต้องสร้างบัญชีเพื่อใช้บริการนี้ด้วย – แค่ดาวน์โหลดแอปบน iPhone หรือ iPad ของคุณและเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์
6. Proton VPN – ข้อมูลไม่จำกัดฟรี แต่มีตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ใน 3 ประเทศเท่านั้น
ฟีเจอร์หลัก:
- ข้อมูลฟรีที่ไม่มีขีดจำกัดรายวันหรือรายเดือน
- 3 ตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ในญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์และสหรัฐอเมริกา
- ตั้งอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์พร้อมการเข้ารหัสระดับทหารและนโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน
- รองรับ iOS 11.0 หรือใหม่กว่า (และ Mac, Windows, Android และ Linux)
- อนุญาตให้เชื่อมต่อได้ 1 อุปกรณ์เท่านั้น
Proton VPN เป็น VPN ฟรีที่รวดเร็วสำหรับ iOS ที่ไม่มีขีดจำกัดข้อมูลหรือแบนด์วิดธ์ ที่ดีกว่านั้นคือแผนให้บริการฟรีมีการเข้ารหัสระดับทหารเดียวกันกับซอฟต์แวร์พรีเมียม เนื่องจาก Proton VPN ตั้งอยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มันจึงไม่เก็บข้อมูลผู้ใช้ – และบริษัทตรวจสอบอิสระก็ยืนยันแล้วว่าแอปสำหรับ iOS นั้นปลอดภัย
แม้ว่าคุณจะสามารถเลือกตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ได้เพียง 3 ตำแหน่ง แต่ฉันก็ประทับใจกับความเร็วในการเชื่อมต่อ ในระหว่างการทดสอบเซิร์ฟเวอร์ในเนเธอร์แลนด์มีความเร็วเฉลี่ย 40Mbps แต่ญี่ปุ่นมีความเร็วในการดาวน์โหลดเพียง 10Mbps เท่านั้น เซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกามีความเร็วเฉลี่ย 100Mbps ซึ่งถือว่ารวดเร็วพอสำหรับการท่องเว็บ การธนาคารและช้อปปิ้งออนไลน์ น่าเสียดายที่บริการฟรีของ Proton VPN ไม่อนุญาตให้สตรีมมิ่งหรือ Torrenting ได้
ฉันยังผิดหวังที่ได้พบว่าบัญชีฟรีนั้นขาด NetShield (เครื่องมือปิดกั้นโฆษณาและมัลแวร์) และแอปสำหรับ iOS ของ Proton VPN นั้นก็ไม่มี Kill Switch อย่างไรก็ตามมันมีฟีเจอร์ “เปิดเสมอ” ที่จะเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ VPN อีกครั้งโดยอัตโนมัติ เนื่องจาก Proton VPN อาจใช้เวลาหลายวินาทีในการเชื่อมต่อ นี่จึงอาจทำให้ผู้ใช้เสี่ยงกับข้อมูลรั่วไหลได้
คุณสามารถดาวน์โหลดแอปสำหรับ iOS ของ Proton VPN ได้ฟรี แม้ว่าคุณจะต้องลงทะเบียนบัญชีด้วยที่อยู่อีเมลที่ใช้งานได้ (ถึงอย่างนั้นก็สามารถใช้อีเมลแบบใช้แล้วทิ้งเพื่อความเป็นส่วนตัวที่ดีกว่าได้)
ตารางเปรียบเทียบ: VPN สำหรับ iOS ที่ดีที่สุดสำหรับ iPhone และ iPad ในปี 2024
|
แผนให้บริการฟรี |
ข้อมูลรายเดือน |
ประเทศของเซิร์ฟเวอร์ |
ปลดบล็อก Netflix |
ขีดจำกัดข้อมูล |
|
| ExpressVPN |
การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน |
ไม่จำกัด |
105 |
✔ |
8 |
| CyberGhost |
การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 45 วัน |
ไม่จำกัด |
100 |
✔ |
7 |
| Hotspot Shield |
✔ |
15GB |
1 |
✔ |
1 |
| TunnelBear |
✔ |
500MB |
46 |
✔ |
5 |
| Hide.me |
✔ |
10GB |
4 |
✘ |
1 |
| Proton VPN |
✔ |
ไม่จำกัด |
3 |
✘ |
1 |
ใช้ ExpressVPN โดยไม่มีความเสี่ยง!
VPN ปลอดภัยสำหรับ iPhone หรือ iPad จริงหรือเปล่า? (ผลลัพธ์ที่น่าแปลกใจ)
ใช่ VPN บางบริการนั้นปลอดภัยสำหรับการใช้งานจริง อย่างไรก็ตาม บริการ VPN ฟรีที่ปลอดภัยที่สุดนั้นมาจากบริษัท VPN พรีเมียม บริษัทเหล่านี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการเปิดให้บริการ VPN ฟรีด้วยรายได้จากลูกค้าที่จ่ายเงิน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องขายข้อมูลของคุณให้กับนักโฆษณาอย่างที่บริการฟรีบางบริการทำ มันยังทำงานได้ดีด้วยเพราะมันเป็นเหมือนตัวอย่างของการสมัครสมาชิกพรีเมียม – บริการฟรีจะแสดงให้เห็นว่า VPN ปลอดภัย รวดเร็วและเป็นมิตรต่อผู้ใช้มากแค่ไหน แต่มีข้อจำกัดบางอย่าง (เช่น ไม่สามารถใช้งานกับ Netflix หรือมีขีดจำกัดข้อมูล)
น่าเสียดายที่ VPN มากมายบน App Store นั้นโฆษณาตนเองว่าเป็นบริการฟรีที่ปลอดภัย 100% ทั้ง ๆ ที่จริงแล้วมันเป็นไปในทางตรงกันข้าม VPN ฟรีมากมายโกหกเกี่ยวกับระดับการเข้ารหัสที่มีให้บริการ ยัดเยียดโฆษณาให้ปรากฏบนเว็บเบราว์เซอร์ของคุณ ขายประวัติการท่องอินเทอร์เน็ตของคุณให้กับผู้ที่ประมูลราคาสูงสุดและยังติดตั้งแม้กระทั่งซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ลงบน iPhone หรือ iPad ของคุณ (เช่น แอดแวร์หรือสปายแวร์)
VPN ฟรีบางบริการยังได้คะแนนสูงด้วยซึ่งทำให้การค้นหาว่าบริการใดปลอดภัยเป็นเรื่องยากมากขึ้น ตัวอย่างเช่น VPN 360 ซึ่งได้รับการให้คะแนนมากกว่า 29,000 คะแนนและมีดาวอยู่ที่ 4.5 ดาวจาก 5 ดาว VPN นี้บันทึก URL ที่เยี่ยมชมผ่านการเชื่อมต่อและอาจทำการบันทึกข้อมูลได้ทุกเมื่อที่มันต้องการ (นโยบายความเป็นส่วนตัวระบุว่ามันจะเปิดเผยข้อมูลของคุณให้กับเจ้าหน้าที่หากจำเป็น) อย่าดาวน์โหลดบริการ VPN ฟรีใด ๆ ที่คุณพบบน App Store โดยที่ไม่ได้ดำเนินการค้นคว้ามาก่อน
คำแนะนำส่วนตัวของฉันคือให้ใช้ประโยชน์จากการรับประกันยินดีคืนเงินของ VPN พรีเมียม ตัวอย่างเช่น CyberGhost เป็น VPN พรีเมียมและสามารถใช้งานได้ฟรี 45 วันด้วยการรับประกันยินดีคืนเงิน แค่อย่าลืมขอเงินคืนหลังจากที่คุณลงทะเบียนแล้วและคุณจะสามารถใช้ฟีเจอร์ขั้นสูงทั้งหมดได้ตลอดชั่วระยะเวลาการรับประกันยินดีคืนเงินของคุณที่เหลือ
ฉันทดสอบและจัดอันดับ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับ iPhone และ iPad อย่างไร
ฉันดำเนินการทดสอบ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับ iOS ทั้งหมดที่มีให้บริการ (ทั้งแบบจ่ายเงินและฟรี)โดยใช้ iPhone XS และ iPad ของฉัน อุปกรณ์ทั้งสองใช้ iOS 14 ฉันดำเนินการตรวจสอบ VPN แต่ละบริการในเรื่อง:
- ปัญหาที่แอบแฝง VPN ฟรีมีข้อจำกัด แต่บางบริการนั้นก็มีข้อจำกัดมากจนแทบไม่สามารถใช้งานได้เลย ฉันตรวจสอบข้อมูลที่อนุญาตให้ใช้งาน ไม่มีขีดจำความเร็ว การรองรับการสตรีมมิ่งและ Torrenting และการเชื่มต่อเซิร์ฟเวอร์ที่น่าเชื่อถือตลอดเวลา
- ความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยมและนโยบายความเป็นส่วนตัว แม้ VPN ฟรีจะมีการเข้ารหัสระดับทหารและการป้องกันการรั่วไหล แต่ฉันก็ยังตรวจสอบนโยบายความเป็นส่วนตัวของ VPN เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลของคุณไม่ถูกขายให้กับนักโฆษณาหรือบุคคลที่สามอื่น ๆ
- แอป iOS สำหรับ iPhone และ iPad ที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ ฉันตรวจสอบดูความง่ายในการดาวน์โหลด ติดตั้งและตั้งค่าแอปบน iPhone XS และ iPad
- ความเร็วที่รวดเร็วโดยมีการใช้แบตเตอรี่ไม่มาก ฉันดำเนินการทดสอบความเร็วมากมายเพื่อให้มั่นใจว่า VPN ทั้งหมดนั้นเร็วพอสำหรับการท่องเว็บ ช้อปปิ้งออนไลน์และสตรีมโดยไม่ใช้แบตเตอรี่ของ iPhone และ iPad มากจนเกินไป
4 ขั้นตอนง่าย ๆ: วิธีดาวน์โหลดและใช้ VPN บน iPhone
- ลงทะเบียนใช้ VPN และดาวน์โหลดแอปจากร้านค้าแอปลงบน iPhone ของคุณ ฉันแนะนำให้คุณลองใช้ ExpressVPN บน iOSเนื่องจากมันมีการเข้ารหัสขั้นสูง ความเร็วที่รวดเร็วและไม่มีข้อจำกัด
![สกรีนช็อตของเว็บไซต์ ExpressVPN พร้อมตัวเลือกการสมัครและดาวน์โหลดสำหรับ iOS]()
- ลงชื่อเข้าใช้ด้วยข้อมูลบัญชีของคุณหลังจากที่ติดตั้งแอป VPN แล้ว VPN บางบริการไม่ต้องการให้คุณลงชื่อเข้าใช้เลยด้วยซ้ำ!
![สกรีนช็อตของแอป iPhone ของ ExpressVPN บนหน้าจอเข้าสู่ระบบ]()
- แตะ “อนุญาต” เพื่อเพิ่มไฟล์กำหนดค่าของ VPN คุณจะได้รับการแจ้งเตือนให้กรอกรหัสผ่าน iPhone ของคุณ
![สกรีนช็อตของแอป iOS ของ ExpressVPN ที่ขออนุญาตเพื่ออนุญาตการกำหนดค่า VPN]()
- เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์และเริ่มต้นใช้อินเทอร์เน็ตได้อย่างปลอดภัย!
ดาวน์โหลด ExpressVPN สำหรับ iOS
คำถามที่พบบ่อย: VPN ฟรีและ iPhones
VPN สำหรับ iOS ฟรีใดที่เหมาะสำหรับ Netflix มากที่สุด?
ในระหว่างการทดสอบ ทั้ง Hotspot Shield และ TunnelBear ต่างก็ทำงานร่วมกันกับ Netflix ได้ น่าเสียดายที่แผนให้บริการฟรีของ TunnelBear จำกัดข้อมูลที่คุณสามารถใช้งานได้เพียง 500MB ต่อเดือนเท่านั้นและ Hotspot Shield เองก็มีเซิร์ฟเวอร์ฟรีในสหรัฐอเมริกาเพียง 1 เซิร์ฟเวอร์ นี่เป็นเพราะ VPN ฟรีจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงแบนด์วิดธ์อย่างมีวัตถุประสงค์เพื่อที่ลูกค้าที่จ่ายเงินจะได้รับการให้ความสำคัญมากกว่า (และแอบโน้มน้าวให้คุณอัปเกรดเป็นแผนให้บริการแบบเสียเงิน!)
ในฐานะแฟน Netflix ในสหราชอาณาจักร ฉันไม่อยากนั่งรอการต่ออายุข้อมูลฟรีในแต่ละเดือน ดังนั้นฉันจึงชอบใช้ VPN พรีเมียมเพื่อสตรีม Netflix บน iPhone ของฉันมากกว่า ExpressVPN มีแบนด์วิดธ์ไม่จำกัดสำหรับการสตรีมมิ่ง Netflix ในความละเอียดระดับ HD และมันยังมีการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วันเพื่อที่คุณจะได้สามารถขอเงินคืนเต็มจำนวนได้หากคุณไม่พึงพอใจ ฉันยังทดสอบแม้กระทั่งการรับประกันยินดีคืนเงินด้วยตัวเองเพื่อให้มั่นใจว่ามันใช้งานได้จริง ใช้เวลาในการติดต่อฝ่ายสนับสนุนผ่านแชทออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อขออนุมัติการคืนเงินเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นและฉันก็ได้รับเงินคืนเข้าบัญชีใน 5 วัน
VPN ฟรีสำหรับ iPhone ที่ดีที่สุดใดที่ใช้งานในประเทศจีนได้?
น่าเสียดายที่เราไม่สามารถไว้วางใจในการใช้ VPN ฟรีในประเทศจีนได้ VPN ฟรีจะไม่มีเทคโนโลยีในการดูแลให้คุณปลอดภัยจากมาตรการการสอดแนมขั้นสูงของประเทศจีนหรือมีทรัพยากรมากพอที่จะเจาะไฟร์วอลล์ของประเทศดังกล่าวได้อย่างต่อเนื่อง จริง ๆ แล้วมีเพียง VPN พรีเมียมไม่กี่บริการเท่านั้นที่สามารถทำงานในประเทศจีนได้
ExpressVPN เป็นหนึ่งใน VPN เหล่านี้และมันมีการเข้ารหัสระดับทหารในการป้องกันกิจกรรมทางออนไลน์ของคุณ คุณสามารถลองใช้ ExpressVPN ในประเทศจีนเพื่อทดสอบด้วยตัวเองได้ มันมาพร้อมกับการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน ดังนั้นคุณจึงมีสิทธิ์ในการขอรับเงินคืนเต้มจำนวนได้หากมันไม่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ
VPN จะทำให้แบตเตอรี่ iPhone ของฉันหมดเร็วไหม?
เช่นเดียวกันกับแอปอื่น ๆ VPN จะส่งผลต่อแบตเตอรี่ของ iPhone ของคุณ นี่เป็นเพราะ VPN ต้องเข้ารหัสการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณอย่างต่อเนื่องแม้จะทำงานอยู่ในพื้นหลังเหมือนกับการซิงค์เมล
อย่างไรก็ตามฉันพบว่า ExpressVPN ไม่กินแบตของฉันมากกว่าแอปที่ทำงานในพื้นหลัง เช่น Netflix หรือ Spotify หากคุณต้องการรักษาแบตเตอรี่เอาไว้จริง ๆ คุณก็สามารถปิดการเชื่อมต่อ VPN ได้เสมอ (แม้ว่าฉันจะไม่แนะนำให้ทำแบบนี้หากคุณเชื่อมต่อกับเครือข่าย WiFi สาธารณะก็ตาม) โชคดีที่คุณสามารถทดลองใช้ ExpressVPN ด้วยตัวคุณเองและดูว่ามันส่งผลต่อ iPhone หรือ iPad ของคุณอย่างไรได้ มันมาพร้อมกับการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน ดังนั้นคุณจึงมีสิทธิ์ในการขอรับเงินคืนเต็มจำนวนหากคุณไม่พึงพอใจ
VPN สำหรับ iPhone ของฉันทำงานบนอุปกรณ์อื่น ๆ ได้ไหม?
ได้ ตัวอย่างเช่น ExpressVPN มีแอปเฉพาะสำหรับ iPhone, iPad, iPod Touch, Mac, Apple TV, Apple Watch, Windows, Android และอื่น ๆ อีกมากมาย จริง ๆ แล้ว ExpressVPN เป็นแม้กระทั่งVPN ที่ดีที่สุดสำหรับ Windows ด้วย ที่ดีไปกว่านั้นคือคุณสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ถึง 8 อุปกรณ์ในการสมัครสมาชิกเดียว
น่าเสียดายที่คุณจะพบว่า VPN ฟรีมากมายอนุญาตให้คุณเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้เพียง 1 อุปกรณ์ต่อครั้งเท่านั้น (แม้ว่า TunnelBear จะอนุญาตให้เชื่อมต่ออุปกรณ์ได้ 5 อุปกรณ์ก็ตาม แต่มันก็ต้องแลกมาด้วยกับข้อมูลฟรีเพียง 500MB ต่อเดือนเท่านั้น)
VPN ฟรีจะเก็บบันทึกข้อมูลไหม?
VPN ฟรีในรายการนี้ไม่เก็บข้อมูลที่ระบุตัวตนได้ อย่างไรก็ตามมีบางบริการที่เก็บข้อมูล – ข้อมูล เช่น ระยะเวลาที่คุณเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN, ตำแหน่งโดยเฉลี่ยของคุณและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพอื่น ๆ ข้อมูลนี้จะถูกใช้เพื่อดำเนินการวิเคราะห์เพื่อยกระดับบริการและในบางกรณีก็จะแสดงโฆษณาโดยอ้างอิงตำแหน่งโดยทั่วไปของคุณ
มี VPN ที่ไว้วางใจได้น้อยกว่าซึ่งบันทึกและจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของคุณรวมถึงหมายเลข IP และกิจกรรมออนไลน์ ข้อมูลนี้จะถูกขายให้กับนักโฆษณาเพื่อที่พวกเขาจะได้สามารถกำหนดคุณเป็นเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและเพื่อที่ VPN จะได้สามารถทำกำไรได้ ฉันขอแนะนำให้อ่านนโยบายความเป็นส่วนตัวของ VPN ที่คุณเลือกโดยละเอียดเพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลของคุณนั้นปลอดภัยก่อนที่คุณจะใช้งานมัน หรือที่ดีไปกว่านั้นคือคุณสามารถใช้ VPN พรีเมียมอย่าง ExpressVPN ที่มีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่ได้รับการรับรองแล้ว หากคุณต้องการเก็บข้อมูลของคุณให้ปลอดภัย 100% งั้นก็ไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่านี้แล้ว
ป้องกัน iPhone และ iPad ของคุณด้วย VPN ฟรีคุณภาพสูง
การค้นหา VPN ฟรีที่ไม่ทำให้ความปลอดภัยของอุปกรณ์ iOS ของคุณตกอยู่ในความเสี่ยงอาจเป็นเรื่องยาก มีบริการคุณภาพต่ำที่มีข้อจำกัดมากมายหรือนโยบายหลอกลวงที่จะไม่ป้องกันข้อมูลของคุณ ที่แย่ไปกว่านั้นคือมีหลายบริการได้รับคะแนนมากมายใน App Store ดังนั้นคุณจึงไม่สามารถบอกได้ง่าย ๆ ว่ามันปลอดภัยหรือเปล่า
โชคดีที่ VPN ฟรีทั้งหมดในรายการนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อป้องกัน iPhone และ iPad ของคุณ เช่นเดียวกันกับอุปกรณ์ที่เข้ากันได้อื่น ๆ แต้แม้แต่ VPN ฟรีที่ปลอดภัยเองก็มีข้อจำกัดของตัวเองด้วยเช่นกัน – เช่น จำนวนเซิร์ฟเวอร์ขนาดเล็ก ข้อมูลที่จำกัดหรือไม่มีการรองรับการสตรีมมิ่งและ Torrenting
ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงขอแนะนำให้คุณใช้ VPN พรีเมียมแทน คุณสามารถลองใช้ ExpressVPN บน iPhone หรือ iPad โดยไม่มีความเสี่ยงได้เนื่องจากมันมาพร้อมกับการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน นี่หมายความว่าคุณมีสิทธิ์ในการขอเงินคืนเต็มจำนวนได้หากคุณไม่พึงพอใจกับประสิทธิภาพ (ไม่ต้องตอบคำถามใด ๆ) ฉันทดสอบนโยบายนี้ด้วยตัวเองแล้วและฉันก็ยืนยันได้ว่ามันใช้ได้จริง – ใช้เวลาในการขออนุมัติเงินคืนผ่านแชทออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมงเพียงไม่กี่นาทีและฉันก็ได้รับเงินคืนเข้าบัญชีของฉันภายในหนึ่งสัปดาห์
