VPN ที่เร็วที่สุด – ทดสอบความเร็วในปี 2023
การค้นหา VPN ที่รวดเร็วนั้นอาจเป็นเรื่องยากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมื่อ VPN ทั้งหมดต่างก็กล่าวอ้างว่าตนเป็น VPN ที่รวดเร็วที่สุด ดังนั้นเพื่อช่วยประหยัดเวลาของคุณ ฉันจึงได้ทดสอบ 50 บริการเพื่อสร้างรายการ 9 VPN ที่รวดเร็วที่สุดขึ้นมา ฉันประทับใจที่จะบอกว่า ExpressVPN ทำงานได้ดีกว่าคู่แข่งด้วยเซิร์ฟเวอร์ที่มีความเร็วสูงทั่วโลก
ที่ดีที่สุดคือคุณสามารถลองใช้ความเร็วที่รวดเร็วของ ExpressVPN บนอุปกรณ์ของคุณได้ คุณจะได้รับการป้องกันด้วยการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน คุณสามารถรับเงินคืนเต็มจำนวนได้ง่าย ๆ หากคุณไม่พึงพอใจ ตอนที่ฉันทดสอบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง คำขอคืนเงินของฉันได้รับอนุมติผ่านแชทออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง (ไม่ต้องตอบคำถาม) และฉันก็ได้รับเงินคืนเข้าบัญชีของฉันใน 5 วันเท่านั้น
ดื่มด่ำกับความเร็วที่รวดเร็วกับ ExpressVPN
คำแนะนำฉบับลัด: VPN ที่รวดเร็วที่สุดใน 2023
- ExpressVPN – VPN ที่ยอดเยี่ยมสำหรับความเร็วที่รวดเร็วและเหมาะสำหรับการสตรีม, Torrenting และเล่มเกมโดยปราศจากการกระตุก ลองใช้ความเร็วที่รวดเร็วของ ExpressVPN!
- CyberGhost – เซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพมอบความเร็วที่รวดเร็ว แต่บริการดังกล่าวก็มีการเชื่อมต่อที่ล่าช้าอยู่บ้างในเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกล
- Private Internet Access – ความปลอดภัยแบบกำหนดเองสามารถช่วยยกระดับความเร็วได้ แต่พบกับความช้าอย่างมากเมื่อเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกล
- NordVPN – เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่รวดเร็วและไว้วางใจได้ แต่มีอินเทอร์เฟซผู้ใช้ที่ซับซ้อนในบางแอป
- Surfshark – เสนอการเชื่อมต่อในเวลาเดียวกันแบบไม่จำกัด แต่ไม่สามารถไว้วางใจในด้านการเข้าถึงบริการสตรีมมิ่งได้
แถม 5 VPN อื่น ๆ ที่ได้รับการจัดอันดับ ข้ามไปเพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติม!
ลองใช้ VPN ที่รวดเร็วที่สุดในปี 2023
VPN ที่รวดเร็วสำหรับการสตรีมมิ่ง, Torrenting และเล่นเกม (ทดสอบแล้วใน มีนาคม 2023)
1. ExpressVPN – การผสมผสานของความเร็วที่รวดเร็วและความปลอดภัยชั้นนำที่ชนะรางวัล
ฟีเจอร์หลัก:
- ความเร็วลดลงเฉลี่ย 18%
- เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ 3000 เซิร์ฟเวอร์ใน 94 ประเทศ
- ทำงานร่วมกันกับเว็บไซต์สตรีมมิ่ง, ไคลเอนต์ P2P, เกมออนไลน์และอื่น ๆ อีกมากมายได้
- การเข้ารหัสระดับทหารและฟีเจอร์ความปลอดภัย
- รองรับได้สูงสุดถึง 5 การเชื่อมต่อในเวลาเดียวกันพร้อมแอปภาษาไทย
- การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน
ExpressVPN เป็น VPN ที่รวดเร็วที่สุดที่มีความเร็วที่ยอดเยี่ยมในเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด ในระหว่างการทดสอบเซิร์ฟเวอร์ในท้องถิ่นและเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างออกไปของ ExpressVPN ทำงานได้รวดเร็วจนน่าประทับใจ แม้ในตอนที่ฉันเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในออสเตรเลีย ความเร็วของฉันก็ยังเสถียรอยู่ที่เกือบ 90Mbps – ลดลงจากความเร็วปกติของฉันเล็กน้อยที่ 21%
ฉันไม่สังเกตเห็นการรบกวนใด ๆ ตอนที่ฉันสตรีมในความละเอียดระดับ HD นี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจเพราะความเร็วที่รวดเร็วคือเหตุผลที่ทำให้ ExpressVPN เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับ Netflix ในสหรัฐอเมริกา, Amazon Prime Video, Disney+ และอื่น ๆ อีกมากมาย
Torrenting นั้นก็รวดเร็วและง่ายดาย โดยการดาวน์โหลไฟล์ขนาด 40GB ใช้เวลาเพียงประมาณหนึ่งชั่วฌทาง ฉันยังสามารถเล่นเกมออนไลน์ที่มีความเข้มข้นสูงอย่าง PUBG และ CounterStrike ได้โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการกระตุกหรือเวลาแฝงเลยด้วย

ความเร็วที่น่าประทับใจเหล่านี้เกิดขึ้นได้ด้วยโปรโตคอล Lightway อันเป็นกรรมสิทธิ์ของ ExpressVPN ซึ่งมีแถวรหัสเพียง 1,000 แถวเมื่อเทียบกับ 70,000 ของ OpenVPN ความไม่หนักเครื่องนี้ทำให้เกิดการเชื่อมต่อทันทีและลดผลกระทบต่ออุปกรณ์ของคุณด้วยเช่นกัน
Lightway เป็นโปรโตคอลค่าเริ่มต้นของ ExpressVPN และยังเป็นโปรโตคอลที่รวดเร็วที่สุดด้วย ด้วยการใช้ Lightway กับเซิร์ฟเวอร์ที่ใกล้ที่สุดของ ExpressVPN จะช่วยมอบความเร็วที่น่าประทับใจได้ถึง 104Mbps – ลดลงจากความเร็วปกติของฉันเพียง 10% หากไม่มี Lightway เซิร์ฟเวอร์ของ ExpressVPN ที่ใกล้ที่สุดของฉันจะมีความเร็วอยู่ที่ 100Mbps นี่อาจดูไม่ต่างกันมากนัก แต่หากคุณมีความเร็วอินเทอร์เน็ตที่ช้ากว่านี้ คุณจะต้องการ VPN ที่ส่งผลกระทบต่อความเร็วของคุณน้อยที่สุด
Split Tunneling ของ ExpressVPN สามารถช่วยยกระดับความเร็วของคุณได้อีกด้วย ฟังก์ชันนี้จะให้คุณกำหนดเส้นทางของแอปที่เฉพาะเจาะจงไปผ่าน VPN ฉันเพิ่มแอปธนาคารและไคลเอนต์ Torrent ไปยัง Split Tunneling ของ ExpressVPN และพบว่ามันช่วยยกระดับความเร็วของฉันได้เล็กน้อยโดยการลดเส้นทางการเข้าชมที่ไม่จำเป็น
ฉันประทับใจที่ฟีเจอร์ความปลอดภัยของ ExpressVPN ไม่ได้สร้างปัญหาความล่าช้าอย่างมาก การเข้ารหัสระดับทหารและการป้องกันการรั่วไหลช่วยป้องกันกิจกรรมของฉันจากแฮกเกอร์และสายลับโดยไม่ส่งผลกระทบต่อความเร็วของฉันเลย แม้ว่าจะมีความเร็วที่รวดเร็ว แต่ ExpressVPN ก็ไม่มีการรั่วไหลของข้อมูล IP, DNS หรือ WebRTC – ฉันรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมากเพราะข้อมูลของฉันปลอดภัยอย่างแน่นอน!
ตัวเลือกที่ดีที่สุดคือลองใช้ความเร็วที่รวดเร็วและน่าเชื่อถือของ ExpressVPN ด้วยตัวคุณเอง เนื่องจากมันมีการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน ดังนั้นคุณจึงสามารถขอรับเงินคืนเต็มจำนวนได้ง่าย ๆ หากคุณไม่พึงพอใจ ฉันติดต่อแชทออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมงและตัวแทนที่อำนวยความสะดวกให้ก็ดำเนินการคืนเงินให้กับฉันทันทีแบบที่ฉันไม่ต้องตอบคำถามใด ๆ ที่ดีที่สุดคือฉันได้รับเงินคืนภายใน 5 วันเท่านั้น!
ExpressVPN ทำงานได้บน: Windows, Android, macOS, iOS, Linux, Chrome, Firefox, PlayStation, Xbox, Smart TVs, Apple TV, Amazon Firestick, Amazon Fire TV, เราเตอร์และอื่น ๆ อีกมากมาย
รับความเร็วที่รวดเร็วด้วย ExpressVPN!
อัปเดต มีนาคม 2023! ExpressVPN ปรับลดราคาภายในช่วงระยะเวลาที่จำกัดเหลือเพียง $6.67 ต่อเดือนเท่านั้นในแผนให้บริการแบบ 1 ปี (คุณสามารถประหยัดเงินได้สูงสุดถึง 49%) + รับเพิ่มอีก 3 เดือนฟรี! นี่เป็นข้อเสนอจำกัดเวลา ดังนั้นอย่าลืมคว้ามันเอาไว้เลยตอนนี้ก่อนที่มันจะหายไป ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสนอนี้ได้ที่นี่
2. CyberGhost – เซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับการดาวน์โหลด การสตรีมมิ่งและการเล่นเกมที่รวดเร็ว
ฟีเจอร์หลัก:
- ความเร็วลดลงเฉลี่ย 39%
- มีเซิร์ฟเวอร์ 9736 เซิร์ฟเวอร์ใน 91 ประเทศ
- ทำงานร่วมกันกับเว็บไซต์สตรีมมิ่ง เล่นเกมออนไลน์ ไคลเอนต์ P2P และอื่น ๆ อีกมากมายได้
- การเข้ารหัส AES-256-บิตและฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับสูง
- เชื่อมต่อได้สูงสุดถึง 7 อุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน
- การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 45 วัน
เซิร์ฟเวอร์เฉพาะของ CyberGhost ช่วยเพิ่มความเร็วให้กับกิจกรรมที่ใช้ทรัพยากรเป็นจำนวนมาก เช่น การสตรีมมิ่ง, Torrenting และการเล่นเกม เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้ได้รับการอัปเดตเป็นประจำเพื่อให้มั่นใจได้ถึงการเชื่อมต่อที่รวดเร็วที่สุด ดังนั้นคุณจึงสามารถ Torrent, สตรีมและเล่นเกมที่ต้องโต้ตอบรวดเร็วได้โดยไม่มีการรบกวน
ในขณะที่ฉันทดสอบตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ในฝรั่งเศส เยอรมนี สหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย เซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพของ CyberGhost นั้นมีความเร็วมากกว่าเซิร์ฟเวอร์มาตรฐาน 30% หากคุณมีความเร็วอินเทอร์เน็ตที่ช้า เซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพจะสามารถช่วยเพิ่มความเร็วและช่วยรักษาการเชื่อมต่อให้ไม่มีการกระตุกได้

CyberGhost มีทั้งโปรโตคอล OpenVPN และ WireGuard OpenVPN เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมด้านความเร็วและความปลอดภัย แต่ฉันพบว่า WireGuard นั้นเป็นตัวเลือกที่มีความเร็วสูงสุดสำหรับ CyberGhost มันไม่หนักเครื่องน้อยกว่า OpenVPN โดยมีแถวรหัสเพียงแค่ 4,000 แถวเท่านั้น
โชคดีที่ฟีเจอร์ความปลอดภัยของ CyberGhost นั้นไม่ส่งผลกระทบต่อความเร็วเลย การเข้ารหัส AES-256-บิตเป็นการเข้ารหัสระดับทหารและช่วยรับประกันถึงความปลอดภัยของข้อมูลของคุณ นอกจากนี้ CyberGhost ยังมีการป้องกันการรั่วไหลของ IP, DNS และ WebRTC ด้วย – ในระหว่างการทดสอบ ข้อมูลทั้งหมดของฉันปลอดภัย ด้วยเซิร์ฟเวอร์บน RAM ของ CyberGhost คุณจะสามารถมั่นใจได้ว่าไม่มีการบันทึกหรือจัดเก็บข้อมูลใด ๆ ของคุณเองไว้
ตอนที่ฉันทดสอบเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างออกไปของ CyberGhost ฉันสังเกตเห็นความล่าช้าและ Ping สูงมาก แม้ว่าความล่าช้าดังกล่าวจะไม่ส่งผลต่อการสตรีมมิ่งหรือ Torrenting ก็ตาม แต่ Ping ที่สูงทำให้การเล่นเกมออนไลน์เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย – ฉันลองเล่น Valorant โดยใช้เซิร์ฟเวอร์ในออสเตรเลียและตัวเกมก็โหลดไม่ได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงแนะนำให้เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้วเสมอ มองในแง่ดีก็คือเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่กว่า 9736 เซิร์ฟเวอร์ใน 91 ประเทศของ CyberGhost ช่วยให้ฉันพบกับตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้ได้อย่างรวดเร็ว
เพื่อดูว่าบริการดังกล่าวนั้นเหมาะกับคุณหรือไม่ ฉันขอแนะนำให้คุณลองใช้เซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพของ CyberGhost ด้วยตัวคุณเองโดยไม่มีความเสี่ยง มันมีการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 45 วัน ดังนั้นคุณจึงสามารถขอรับเงินคืนเต็มจำนวนได้หากคุณไม่พึงพอใจ การดำเนินการนั้นง่ายมาก – แชทออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมงที่ฉันติดต่อเริ่มดำเนินการให้กับฉันโดยทันทีและไม่ถามถึงเหตุผลที่ฉันยกเลิกด้วย ฉันได้รับเงินคืนกลับมาภายในระยะเวลาน้อยกว่าหนึ่งสัปดาห์
CyberGhost ทำงานได้บน: Windows, Android, macOS, iOS, Linux, Chrome, Firefox, PlayStation, Xbox, Smart TVs, Apple TV, Amazon Firestick, Amazon Fire TV, เราเตอร์และอื่น ๆ อีกมากมาย
รับความเร็วที่รวดเร็วด้วย CyberGhost!
อัปเดต มีนาคม 2023! คุณสามารถสมัครสมาชิก CyberGhost ได้ในราคาแสนถูกเพียง $2.11 ต่อเดือน + รับเพิ่มฟรี 3 เดือนฟรีในแผนให้บริการแบบ 2 ปี (ประหยัดได้สูงสุดถึง 83%)! นี่เป็นข้อเสนอจำกัดเวลา ดังนั้นอย่าลืมคว้ามันเอาไว้ก่อนตอนนี้ก่อนมันจะหายไป ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสนอนี้ได้ที่นี่
3. Private Internet Access – เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ช่วยรักษาความเร็วเอาไว้ให้รวดเร็ว
ฟีเจอร์หลัก:
- ความเร็วลดลงเฉลี่ย 44%
- มีเซิร์ฟเวอร์ 35000 เซิร์ฟเวอร์ใน 84 ประเทศ
- สิทธิ์ในการเข้าถึงเว็บไซต์สตรีมมิ่ง ไคลเอนต์ P2P และเกมออนไลน์
- การเข้ารหัสระดับสูงและฟีเจอร์ความปลอดภัย
- รองรับ ∞ การเชื่อมต่ออุปกรณ์ในเวลาเดียวกันและมีแอปเฉพาะในภาษาไทย
- การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน
Private Internet Access (PIA) มีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ที่มีความเร็วที่รวดเร็วสำหรับการสตรีมมิ่ง, Torrenting, การเล่นเกมและอื่น ๆ อีกมากมาย บริการดังกล่าวมีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 35000 เซิร์ฟเวอร์ใน 84 ตำแหน่ง ดังนั้นคุณจึงสามารถพบเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้เคียงได้อย่างรวดเร็วและไม่ต้องแก่งแย่งชิงแบนด์วิดธ์กับผู้ใช้รายอื่น ๆ มากมาย

PIA เป็นตัวเลือกที่รวดเร็วที่สุดเมื่อคุณใช้โปรโตคอล WireGuard ที่ไม่หนักเครื่อง OpenVPN เป็นตัวเลือกค่าเริ่มต้น แต่ฉันพบว่า WireGuard ช่วยยกระดับความเร็วของ PIA ได้อย่างน้อย 10Mbps
นอกจากนี้ฉันยังประทับใจกับตัวบล็อกโฆษณาและมัลแวร์ MACE ของ PIA ด้วยซึ่งอนุญาตให้เว็บไซต์ดำเนินการและโหลดเนื้อหาได้เร็วขึ้น เช่นเดียวกันกับฟีเจอร์ Split Tunneling ของ PIA ที่ช่วยหยุดข้อมูลที่ไม่จำเป็นไม่ให้ผ่านการเชื่อมต่อ VPN ได้ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วให้กับฉันได้มากขึ้นอีก 10Mbps
ฟีเจอร์ของ PIA จะช่วยรับประกันการไม่เปิดเผยตัวตนของคุณในขณะที่คุณเชื่อมต่อ มันใช้การเข้ารหัสระดับทหาร AES-256-บิตและแอปทั้งหมดก็มี Kill Switch เพื่อป้องกันข้อมูลของคุณหากการเชื่อมต่อ VPN เกิดหลุด ฉันยังทดสอบการป้องกันการรั่วไหลด้วยและ PIA ก็ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลใด ๆ ของฉันเลย
เช่นเดียวกันกับ VPN ส่วนใหญ่ ความเร็วของ PIA ลดลงเมื่อเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกลออกไป อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นเซิร์ฟเวอร์ในออสเตรเลีย แต่ฉันก็ยังสามารถสตรีมและ Torrent ได้ – แม้ว่าฉันจะต้องพบกับการกระตุกอยู่บ้างเนื่องจาก Ping สูง น่าเสียดายที่ฉันไม่สามารถเล่นเกมในเซิร์ฟเวอร์ดังกล่าวได้เนื่องจากเวลาแฝงทำให้เกมของฉันหยุดลงซ้ำแล้วซ้ำเหล่า
หากคุณต้องการทดสอบเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ของ PIA ด้วยตัวคุณเอง คุณก็สามารถทำเช่นนั้นได้โดยปราศจากความเสี่ยงเนื่องจากมันมีการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน ขั้นตอนการขอเงินคืนนั้นง่ายมาก – ฉันแค่ต้องติดต่อผ่านแชทออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมงและร้องขอเงินคืน เจ้าหน้าที่พยายามจะช่วยแก้ไขปัญหา แต่เมื่อฉันปฏิเสธ พวกเขาก็ดำเนินการคืนเงินให้กับฉันอย่างรวดเร็ว ฉันได้รับเงินคืนภายในระยะเวลาน้อยกว่าหนึ่งสัปดาห์
PIA ทำงานได้บน: Windows, Android, macOS, iOS, Linux, Chrome, PlayStation, Xbox, Smart TVs, Apple TV, Amazon Firestick, Amazon Fire TV, เราเตอร์และอื่น ๆ อีกมากมาย
รับความเร็วที่รวดเร็วด้วย PIA เลยตอนนี้!
4. NordVPN — VPN พรีเมียมที่มีราคาถูกในแผนให้บริการระยะยาว
ฟีเจอร์หลัก:
- มีการสมัครสมาชิกในระยะสั้นและระยะยาวพร้อมให้บริการ
- การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน
- 5611 เซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกใน 59 ประเทศ
- ไม่จำกัดแบนด์วิดธ์
- ป้องกันได้สูงสุดถึง 6 อุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน
NordVPN เป็นหนึ่งใน VPN ที่ดีที่สุดในตลาด — และคุณสามารถใช้บริการแผนให้บริการที่มีราคาถูกมากได้ตอนที่คุณลงทะเบียนสำหรับแผนให้บริการระยะยาว แต่ถึงอย่างนั้นก็มีเรื่องหนึ่งที่คุณควรทราบ นั่นก็คือเมื่อถึงเวลาต่ออายุการสมัครสมาชิกของคุณ ราคาจะปรับขึ้นค่อนข้างมาก
ฉันประทับใจเป็นอย่างยิ่งกับประสิทธิภาพสูงของเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดที่ฉันทดสอบ แค่เพราะ VPN มีเซิร์ฟเวอร์นับพันเซิร์ฟเวอร์ ไม่ได้หมายความว่าเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดนั้นจะใช้งานได้จริง เซิร์ฟเวอร์อาจประสบปัญหาในการปลดบล็อกเว็บไซต์ในท้องถิ่นได้ — และบางเซิร์ฟเวอร์ก็อาจยะไม่สามารถเชื่อมต่อได้เลย แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็สามารถปลดบล็อก Netflix, Disney+, Hulu, Amazon Prime Video, BBC iPlayer และ HBO Max ด้วยเซิร์ฟเวอร์ต่าง ๆ มากมายในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม ฉันพบปัญหากับการใช้งานแอปเฉพาะ Fire TV ของ NordVPN แม้ว่ามันจะทำงานได้และปลดบล็อกบริการสตรีมมิ่งได้บางส่วน แต่บางครั้งมันก็มีปัญหาในการปลดบล็อก Netflix ของสหรัฐอเมริกาและค้างอยู่เรื่อย ๆ นอกจากนี้ฉันยังพบว่าอินเทอร์เฟซผู้ใช้ของ NordVPN สำหรับอุปกรณ์เดสก์ท็อปนั้นมีความเป็นมิตรน้อยกว่า ExpressVPN และ CyberGhost
NordVPN มีฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวดังต่อไปนี้:
- การเข้ารหัส AES 256-บิต
- Kill Switch ที่ตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณหากการเชื่อมต่อ VPN ของคุณเกิดหลุดขึ้นมากระทันหัน
- ตัวปิดกั้นโฆษณาและมัลแวร์ภายในตัวเพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องใช้ตัวปิดกั้นโฆษณาของบุคคลที่สาม
- นโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่ได้รับการตรวจสอบแล้วโดยสมบูรณ์ (ตรวจสอบโดย PwC) – NordVPN ไม่ได้จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลที่ระบุตัวตนได้เอาไว้ขณะที่คุณเชื่อมต่อกับ VPN
นอกจากนี้แล้ว NordVPN ยังมี Threat Protection ที่จะป้องกันคุณจากไวรัส เว็บไซต์ที่ติดไวรัสและตัวติดตามรวมมาให้ด้วย – และมันทำงานได้เมื่อใดก็ตามที่คุณเปิดแอป NordVPN เอาไว้แม้ว่าคุณจะไม่ได้เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN ก็ตาม
คุณสามารถสตรีม, Torrent และท่องเว็บฟรีสูงสุดถึง 30 วันได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงินของ NordVPN มันมีแผนให้บริการที่มีราคาแสนถูกเพียง $3.29 ต่อเดือน เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับเงินของคุณกลับคืนมาจริง ๆ ฉันจึงได้ทดสอบการรับประกันยินดีคืนเงินของ NordVPN ดู ในตอนแรกทีมสนับสนุนพยายามจะมอบระยะเวลาทดลองใช้งานเพิ่มเติมกับฉัน — แต่พวกเขาดำเนินการคืนเงินให้กับฉันทันทีหลังจากที่ฉันบอกพวกเขาว่าฉันไม่สนใจระยะเวลาทดลองใช้งานเพิ่มเติมนั้น ฉันได้รับเงินคืนกลับมาใน 6 วันทำการ
NordVPN ปลดบล็อก: Netflix, Amazon Prime Video, BBC iPlayer, Hulu, Disney+, Vudu, SkyTV, HBO Go, HBO Now, Sky, SHOWTIME, DAZN, ESPN, YouTube TV และอื่น ๆ อีกมากมายได้
NordVPN ทำงานได้บน: Windows, Mac OS, Android, iOS, Windows Phone, Chromebook, Linux, Chrome, Firefox, Fire Stick และ Android TV
5. Surfshark — คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปมากที่สุดด้วยการเชื่อมต่ออุปกรณ์แบบไม่จำกัดและความเร็วที่รวดเร็ว
ฟีเจอร์หลัก:
- มีการสมัครสมาชิกในระยะสั้นและระยะยาวพร้อมให้บริการ
- การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน
- 3200 เซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกใน 99 ประเทศ
- ไม่จำกัดแบนด์วิดธ์
- เชื่อมต่ออุปกรณ์ในเวลาเดียวกันได้ไม่จำกัด
Surfshark มอบความคุ้มค่าสำหรับเงินที่คุณจ่ายได้ดีที่สุดในหมู่ VPN พรีเมียมทั้งหมดในตลาด คุณสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ไม่จำกัดในการสมัครสมาชิกเดียว (ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถเชื่อมต่อกันทั้งครอบครัวและแม้กระทั่งเพื่อน ๆ ของคุณได้!)
ฉันทดสอบการเชื่อมต่อที่ไม่จำกัดของ Surfshark บน PC จำนวน 2 เครื่อง, โทรศัพท์จำนวน 2 เครื่อง, Fire Stick จำนวน 4 เครื่องและ iPad หนึ่งเครื่อง การเชื่อมต่อของฉันยังคงเสถียรในอุปกรณ์ทั้งหมด 6 เครื่อง แม้ในขณะที่ฉันสตรีมมิ่งบนอุปกรณ์ทั้งหมดของฉันก็ตาม ความเร็วโดยเฉลี่ยของฉันอยู่ที่ 112 Mbps — ซึ่งถือว่ารวดเร็วมากเพียงพอสำหรับคุณภาพระดับ UltraHD
ตอนที่ฉันเห็นราคาของบริการนี้ ฉันคิดว่ามันอาจจะไม่ได้มีฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับชั้นนำเนื่องจากราคาแสนถูก แต่ฉันก็ต้องประหลาดใจอย่างมาก
Surfshark มีฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวดังต่อไปนี้:
- การเข้ารหัส AES 256-บิตบนอุปกรณ์ทั้งหมดพร้อมการเข้ารหัส ChaCha พร้อมให้บริการสำหรับผู้ใช้ Android
- โปรโตคอล Wireguard VPN ถูกเปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้น
- เซิร์ฟเวอร์บน RAM เท่านั้น ไม่มีดิสก์ เพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัวของคุณ (ไม่สามารถสกัดข้อมูลทางกายภาพจากเซิร์ฟเวอร์ใด ๆ ได้)
- Kill Switch (แม้ว่าจะไม่ได้ถูกเปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้น)
- การป้องกันการรั่วไหลของ IP และ DNS
Surfshark มีการยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน (2FA) ในบัญชีของคุณ ฟีเจอร์นี้ต้องการให้คุณกรอกรหัสเพิ่มเติมก่อนที่คุณจะสามารถลงชื่อเข้าใช้เพื่อให้มั่นใจว่ามีแค่คุณเท่านั้น (และคนที่คุณแบ่งปันบัญชีด้วย) ที่สามารถเข้าถึงบัญชีของคุณได้
แม้ว่า Surfshark จะมีเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกน้อยกว่าคู่แข่งอย่าง ExpressVPN CyberGhost และ NordVPN เล็กน้อย แต่ฉันก็ไม่พบกับปัญหาใด ๆ ในระหว่างการทดสอบของฉันฉันเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่ทำงานรวดเร็วได้อย่างง่ายดายทุกครั้งและฉันก็ได้รับความเร็วที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสตรีมมิ่ง Netflix ในความละเอียดระดับ Ultra HD, ดาวน์โหลด Torrent และท่องอินเทอร์เน็ต
คุณสามารถทดลองใช้ Surfshark ด้วยตัวคุณเองได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน มันมีแผนให้บริการที่มีราคาแสนถูกเพียง $2.05 การขอเงินคืนก็เป็นเรื่องง่ายด้วยฟีเจอร์แชทออนไลน์ของ Surfshark แม้ว่าทีมสนับสนุนจะถามถึงเหตุผลที่ฉันต้องการยกเลิกการสมัครสมาชิกของฉัน แต่ฉันก็ไม่พบปัญหาในการขอเงินคืน (และมันใช้เวลาเพียง 4 วันเท่านั้น!)
Surfshark ปลดบล็อก: Netflix, Amazon Prime Video, Disney+, BBC iPlayer, Sling TV, Hotstar, HBO Max, DAZN และอื่น ๆ อีกมากมายได้
Surfshark ทำงานได้บน: Windows, Mac OS, Android, iOS, Linux, Fire Stick, PS4, Xbox One, Nintendo Switch, Samsung Smart TVs, LG Smart TVs, Android TV, Kodi และเราเตอร์ที่เลือก
6. PrivateVPN – เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดเล็ก แต่ไว้วางใจที่ว่าจะมอบความเร็วในท้องถิ่นที่รวดเร็ว
ฟีเจอร์หลัก:
- ความเร็วลดลงเฉลี่ย 47%
- มีเซิร์ฟเวอร์ 200 เซิร์ฟเวอร์ใน 63 ประเทศ
- สิทธิ์ในการเข้าถึงเว็บไซต์สตรีมมิ่งและรองรับการแชร์ไฟล์แบบ P2P
- การเข้ารหัส AES-256-บิต การป้องกันการรั่วไหลและ Kill Switch
- เชื่อมต่อได้สูงสุดถึง 10 อุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน
- การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน
เครือข่ายขนาดเล็กของ PrivateVPN ได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับการสตรีมมิ่งและ Torrenting และมันทำให้ฉันประหลาดใจด้วยความเร็วที่รวดเร็ว โดยปกติแล้วเครือข่ายที่มีขนาดเล็กกว่าจะทำงานช้าและหนาแน่น แต่ความเร็วของฉันเมื่อใช้ PrivateVPN นั้นลดลงจากปกติเพียง 35% เท่านั้น

OpenVPN เป็นโปรโตคอลค่าเริ่มต้นของ PrivateVPN และมันทำงานได้รวดเร็วที่สุดในระหว่างการทดสอบของฉัน ฉันยังพบด้วยว่าฉันสามารถลดระดับการเข้ารหัสของ PrivateVPN จาก AES-256 เป็น AES-128 ได้อีกด้วย แม้ว่านี่จะไม่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของคุณ (ไม่เคยมีการเจาะเข้าการเข้ารหัส AES มาก่อน) แต่มันก็อาจช่วยยกระดับความเร็วของคุณได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีอินเทอร์เน็ตที่ทำงานช้า
ฉันดีใจที่ได้เห็นว่าPrivateVPN ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของคุณแบบที่คุณไม่ต้องเสียสละความเร็ว บริการดังกล่าวมีการเข้ารหัสชั้นนำ, การป้องกันการรั่วไหล, Kill Switch และการตั้งค่า Stealth VPN ที่จะแยกการเชื่อมต่อ VPN ออกจากเส้นทางการเข้าชมปกติ สิ่งนี้สามารถช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงไฟร์วอลล์ในประเทศต่าง ๆ อย่างจีนและตุรกีและมอบสิทธิ์ในการเข้าถึงเนื้อหาออนไลน์ฟรีได้
เช่นเดียวกันกับ VPN ส่วนใหญ่ PrivateVPN มีความเร็วที่ยอดเยี่ยมในเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้คุณ ความเร็วของฉันยังคงรวดเร็วในเซิร์ฟเวอร์ในนิวยอร์กที่อยู่ห่างไกลกว่า 5,600 กม. อย่างไรก็ตามยิ่งฉันเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างออกไปไกลเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งได้รับความเร็วที่ช้าลงมากเท่านั้น ตัวอย่างเช่นเซิร์ฟเวอร์ในออสเตรเลียนั้นทำให้ความเร็วของฉันลดลงถึง 90% ฉันยังสามารถท่องเว็บและสตรีมได้ แต่อย่าลืมคำนึงถึงเรื่องนี้หากอินเทอร์เน็ตของคุณไม่ได้ดีนัก
PrivateVPN เป็น VPN ที่รวดเร็วหากคุณต้องการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกลออกไปน้อยกว่า 5,000 กม. ฉันขอแนะนำให้คุณทดสอบเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ของ PrivateVPN ด้วยตัวคุณเองเพื่อดูว่าบริการดังกล่าวตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้หรือไม่ หากไม่ คุณก็สามารถขอเงินคืนเต็มจำนวนได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน
PrivateVPN ทำงานได้บน: Windows, Android, macOS, iOS, Chrome, Firefox, Smart TVs, Amazon TV, Amazon Fire Stick, เราเตอร์และอื่น ๆ อีกมากมาย
รับความเร็วที่รวดเร็วด้วย PrivateVPN!
7. IPVanish – อินเทอร์เฟซที่ละเอียดทำให้การเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่รวดเร็วที่สุดเป็นเรื่องง่าย
ฟีเจอร์หลัก:
- ความเร็วลดลงเฉลี่ย 34%
- เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่แข็งแกร่ง 2000 เซิร์ฟเวอร์ใน 75 ประเทศ
- มีปัญหาในการเข้าถึงเว็บไซต์สตรีมมิ่ง รองรับการแชร์ไฟล์แบบ P2P
- การเข้ารหัสระดับทหาร การป้องกันการรั่วไหลและ Kill Switch
- รองรับ ∞ การเชื่อมต่ออุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน
- การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน
IPVanish มอบข้อมูลที่มีประโยชน์ในการช่วยให้คุณเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่เร็วที่สุด เช่น ความหนาแน่นของเซิร์ฟเวอร์ในรูปแบบ % และ Ping ในรูปแบบ ms ด้วยมาตรวัดเหล่านี้ ฉันจึงสามารถเลือกภูมิภาคที่ต้องการและเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่รวดเร็วที่สุดได้ทุกครั้ง
นอกจากนี้ยังมีปุ่ม “เชื่อมต่อ” ที่จะเชื่อมต่อคุณกับเซิร์ฟเวอร์ที่รวดเร็วที่สุดที่มีให้บริการกับคุณโดยอัตโนมัติ แต่ฉันได้รับความเร็วที่ดีกว่าตอนที่ฉันเลือกการเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ด้วยตัวเอง

มีโปรโตคอล VPN มากมาย แต่ IPVanish ไม่ได้ช่วยคุณค้นหาโปรโตคอลที่รวดเร็วที่สุด ฉันขอแนะนำให้ใช้ OpenVPN เนื่องจากมันเป็นโปรโตคอลที่รวดเร็วที่สุดและไว้วางใจได้มากที่สุดที่ IPVanish มีให้บริการ
ฉันยินดีที่ได้พบว่าการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ IPVanish นั้นใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น การเข้ารหัสระดับทหาร, Kill Switch และการป้องกันการรั่วไหลไม่ได้ทำให้การเชื่อมต่อของฉันช้าลงเลย ในระหว่างการทดสอบ ฉันพบว่าข้อมูลของฉันทั้งหมดปลอดภัยดี – ฉันไม่พบการรั่วไหลใด ๆ ในเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดที่ฉันใช้
ข้อเสียก็คืออินเทอร์เฟซของ IPVanish อาจดูล้นหลามมากเกินไปในตอนแรก ไคลเอนต์ต้องการให้คุณนำทางผ่านเมนูแบบเลื่อนลงและตัวเลือกแบบกำหนดเอง ดังนั้น VPN นี้จึงเหมาะสำหรับผู้ใช้ขั้นสูง
IPVanish มีการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน ดังนั้นคุณจึงสามารถลองใช้บริการนี้โดยไม่มีความเสี่ยงได้ ในการยกเลิก ฉันต้องคลิกที่ปุ่ม “ยกเลิกตอนนี้” ในแท็บการสมัครสมาชิกของบัญชี IPVanish ของฉัน การขอเงินคืนของฉันได้รับการดำเนินการโดยอัตโนมัติและฉันก็ได้รับเงินคืนกลับมาเกือบจะโดยทันที
IPVanish ทำงานได้: Windows, Android, macOS, iOS, Linux, Chrome, PlayStation, Xbox, Amazon Firestick, Amazon Fire TV, Apple TV, เราเตอร์และอื่น ๆ อีกมากมาย
รับความเร็วที่รวดเร็วด้วย IPVanish!
8. VyprVPN – ความเร็วที่รวดเร็วสำหรับสิทธิ์การเข้าถึงบริการสตรีมมิ่งอย่างง่ายดาย
ฟีเจอร์หลัก:
- ความเร็วลดลงเฉลี่ย 51%
- มีเซิร์ฟเวอร์ 700 เซิร์ฟเวอร์ใน 70 ประเทศ
- สิทธิ์ในการเข้าถึงเว็บไซต์สตรีมมิ่งที่ไว้วางใจได้
- การเข้ารหัสระดับทหาร การป้องกันการรั่วไหลและ Kill Switch
- ป้องกันได้สูงสุดถึง 30 อุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน
- การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน
VyprVPN ยอดเยี่ยมในด้านการหลีกเลี่ยงการปิดกั้นเนื้อหา ดังนั้นมันจึงเหมาะสำหรับการรับชม Netflix, Disney+ และแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอื่น ๆ แม้ว่าฉันจะสังเกตเห็นว่าความเร็วของฉันลดลงมากถึง 92% ในเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างออกไปถึง 15,000 กม. แต่ฉันก็ยังสามารถสตรีมในความละเอียดระดับ HD ได้ ฉันต้องรอประมาณ 40 วินาทีในขณะที่วิดีโอของฉันสะดุด แต่จากนั้นการสตรีมของฉันก็ราบรื่นและไม่มีการกระตุกอะไร

มีโปรโตคอลมากมายซึ่งรวมถึงโปรโตคอล WireGuard และ Chameleon อันเป็นกรรมสิทธิ์ของ VyprVPN WireGuard มอบความเร็วที่ยอดเยี่ยมให้กับฉันในระหว่างการทดสอบในขณะที่โปรโตคอล Chameleon ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมในด้านการหลีกเลี่ยงการปิดกั้นทางภูมิศาสตร์ หากคุณยอมเสียสละความเร็วเล็กน้อยในการเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกจำกัด ฉันขอแนะนำให้ใช้โปรโตคอล Chameleon ของ VyprVPN
VyprVPN จะป้องกันข้อมูลของคุณด้วยการเข้ารหัส AES-256-บิต การป้องกันการรั่วไหลและ Kill Switch มันยังมีฟีเจอร์การป้องกัน WiFi สาธารณะซึ่งจะเชื่อมต่อกับ VPN โดยอัตโนมัติเมื่ออุปกรณ์ของคุณเข้าร่วมในเครือข่าย WiFi ที่ไม่รู้จักหรือเครือข่ายสาธารณะ ฉันพบว่าฟีเจอร์นี้มีประโยชน์เนื่องจากฉันไม่ต้องมานั่งสลับเปิดปิดการใช้งาน VPN เพื่อรักษาความปลอดภัยในสถานที่สาธารณะ
น่าเสียดายที่ Ping สูงทำให้ VyprVPN เป็นตัวเลือกที่ไม่ดีนักสำหรับการเล่นเกม เซิร์ฟเวอร์ยอดนิยมในสหรัฐอเมริกาและแคนาดามี Ping ประมาณ 90ms ดังนั้นฉันจึงพบกับการกระตุกเล็กน้อยในขณะที่เล่น ยิ่งเซิร์ฟเวอร์อยู่ห่างมากเท่าไหร่ Ping ก็ยิ่งสูงมากขึ้นเท่านั้นซึ่งทำให้ฉันไม่สามารถเล่นเกมได้ ฉันขอแนะนำให้เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในท้องถิ่นหรือใช้ ExpressVPN เพื่อการเล่นเกมที่เสถียรอย่างไร้ที่ติ
คุณสามารถลองใช้ความเร็วในท้องถิ่นที่รวดเร็วของ VyprVPN โดยไม่มีความเสี่ยงเป็นระยะเวลา 30 วันได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงิน สามารถดำเนินการยกเลิกได้ง่าย ๆ – หลังจากการติดต่อฝ่ายสนับสนุนลูกค้า ฉันก็ได้รับเงินคืนเต็มจำนวนใน 3 วัน
VyprVPN ทำงานได้บน: Windows, Android, macOS, iOS, Chrome, Firefox, Smart TVs, Amazon Fire Stick, เราเตอร์และอื่น ๆ อีกมากมาย
รับความเร็วที่รวดเร็วด้วย VyprVPN!
9. hide.me – ความเร็วในการดาวน์โหลดที่ดีในเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลก
ฟีเจอร์หลัก:
- ความเร็วลดลงเฉลี่ย 58%
- มีเซิร์ฟเวอร์ 2100 เซิร์ฟเวอร์ใน 77 อุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน
- การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน
ฉันทดสอบเซิร์ฟเวอร์ของ hide.me มากมายและความเร็วของฉันนั้นก็มากพอสำหรับการสตรีมมิ่งในความละเอียดระดับ HD, Torrenting และการท่องเว็บที่ปลอดภัยโดยมีการกระตุกเพียงเล็กน้อย การเชื่อมต่อที่รวดเร็วที่สุดนั้นทำให้ความเร็วปกติของฉันช้าลงเพียง 34% โดยอยู่ที่ 115Mbps แม้เซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกลที่สุดจะมีปัญหาในเรื่องของการสะดุดเล็กน้อย แต่มันก็ใช้เวลาในการโหลดเนื้อหาของฉันน้อยกว่า 20 วินาที
hide.me ใช้โปรโตคอล WireGuard โดยค่าเริ่มต้น ฉันพบว่ามันมีความเร็วมากกว่า OpenVPN แต่มันไม่มีให้บริการในทุกเซิร์ฟเวอร์ อย่างไรก็ตามการเชื่อมต่อ OpencVPN ของ hide.me นั้นก็ยังคงเร็วอย่างน่าเชื่อถือ
ฉันชอบที่ hide.me ใช้การเข้ารหัส AES-256-บิต, Kill Switch และการป้องกันการรั่วไหลในการดูแลให้ข้อมูลของคุณไม่ถูกเปิดเผยและปลอดภัยในขณะที่ยังคงมอบความเร็วในการดาวน์โหลดที่รวดเร็วด้วย
อย่างไรก็ตามความเร็วในการอัปโหลดที่ล่าช้าของ hide.me นั้นทำให้ฉันผิดหวัง การโทรผ่าน Zoom ของฉันค้างอยู่บ่อย ๆ และการตอบสนองในเกมก็ล่าช้ามากจนทำให้ไม่สามารถเล่นเกมได้ เนื่องจากข้อบกพร่องเหล่านี้ ฉันจึงไม่สามารถแนะนำ hide.me ได้หากคุณต้องการเล่นเกมออนไลน์หรือแชทผ่านวิดีโอ

ฉันขอแนะนำให้ทดลองใช้ hide.me ด้วยตัวเองเพื่อให้มั่นใจว่ามันเป็นบริการที่เหมาะกับคุณ มีการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วันและมีเวอร์ชันฟรี ดังนั้นคุณจึงสามารถลองใช้บริการดังกล่าวดูก่อนได้
hide.me ทำงานได้บน: Windows, Android, macOS, iOS, Chrome, Firefox, Smart TVs, Amazon Fire Stick และอื่น ๆ อีกมากมาย
รับความเร็วที่รวดเร็วด้วย hide.me!
10. ZenMate – เซิร์ฟเวอร์เฉพาะสำหรับการสตรีมมิ่งและ Torrenting จะช่วยยกระดับความเร็ว
ฟีเจอร์หลัก:
- ความเร็วลดลงเฉลี่ย 60%
- มีเซิร์ฟเวอร์ 4700 เซิร์ฟเวอร์ใน 79 ประเทศ
- ทำงานร่วมกันกับบริการสตรีมมิ่งและรองรับการแชร์ไฟล์แบบ P2P
- การเข้ารหัสระดับทหาร, Kill Switch และการป้องกันการรั่วไหล
- เชื่อมต่อได้ ∞ อุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน
- มีการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน
เซิร์ฟเวอร์เฉพาะสำหรับการสตรีมมิ่งและ Torrenting ของ ZenMate ใช้โปรโตคอล OpenVPN เพื่อยกระดับความเร็วและความปลอดภัยสูงสุด ฉันพบว่าเซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพเหล่านี้นั้นรวดเร็วมากกว่าเซิร์ฟเวอร์มาตรฐานของ ZenMate ประมาณ 40%

เพราะฟีเจอร์ความปลอดภัยชั้นนำอย่างการเข้ารหัส AES 256-บิต, Kill Switch และการป้องกันการรั่วไหล ZenMate จึงมีการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยอยู่เสมอ ในระหว่างการทดสอบของฉัน ฉันพบว่า ZenMate ดูแลให้ข้อมูลของฉันปลอดภัยได้ตลอดเวลา – ไม่มีการรั่วไหลเกิดขึ้นเลย!
น่าเสียดายที่เซิร์ฟเวอร์มาตรฐานของ ZenMate นั้นช้ามาก ๆ และยังมี Ping สูงมาก เซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้ฉันมากที่สุดในลอนดอนมีความเร็วอยู่ที่ 16Mbps – ช้าลงอย่างมาถึง 86% เพื่อความเร็วที่ดีที่สุด คุณควรเลือกเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพเสมอ
ฉันยังพบด้วยว่าการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ของ ZenMate นั้นใช้เวลานานสูงสุดถึง 30 วินาทีในกรณีส่วนใหญ่ การรอคอยนั้นน่าหงุดหงิด แต่หลังจากที่ฉันเชื่อมต่อได้แล้ว ฉันก็ไม่พบกับการรบกวนใด ๆ
สมาชิกใหม่ทุกคนจะได้รับ ZenMate เวอร์ชันทดลองใช้งานฟรี 7 วัน ดังนั้นคุณจึงสามารถลองใช้บริการนี้ดูก่อนได้ นอกจากนี้ยังมีการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วันซึ่งให้คุณได้ลองใช้ ZenMate โดยไม่มีความเสี่ยงและรับเงินคืนเต็มจำนวนได้หากคุณไม่พึงพอใจ
ZenMate ทำงานได้บน: Windows, Android, macOS, iOS, Chrome, Firefox, Smart TVs และอื่น ๆ อีกมากมาย
รับความเร็วที่รวดเร็วด้วย ZenMate!
ตารางการเปรียบเทียบแบบดูง่าย ๆ: VPN ที่รวดเร็วที่สุดในปี 2023
คุณสามารถเปรียบเทียบ 5 VPN ที่รวดเร็วที่สุดในปี 2023 ได้ในตารางด้านล่าง
ความเร็วลดลงเฉลี่ย |
จำนวนเซิร์ฟเวอร์ |
โปรโตคอลที่รวดเร็วที่สุด |
ปลดบล็อก Netflix |
การรับประกันยินดีคืนเงิน |
|
18% |
3000 |
Lightway |
✔ |
30 | |
39% |
9736 |
WireGuard |
✔ |
45 | |
45% |
35000 |
WireGuard |
✔ |
30 | |
NordVPN | 21% | 5611 | NordLynx | ✔ | 30 |
Surfshark | 27% | 3200 | WireGuard | ✔ | 30 |
รับความเร็วที่รวดเร็วด้วย ExpressVPN
ฉันทดสอบและจัดอันดับ VPN สำหรับความเร็วที่รวดเร็วอย่างไร
นี่คือวิธีการทดสอบที่ฉันใช้ในการประเมิน VPN ที่ดีที่สุดในตลาด:
- การทดสอบความเร็ว: ฉันดำเนินการทดสอบความเร็วบน Speedtest.net เพื่อดูความเร็วปกติของฉัน ความเร็วปกติของฉันอยู่ที่ 115Mbps โดยเฉลี่ย จากนั้นฉันก็ใช้เครื่องมือเดียวกันนี้ในการทดสอบ VPN แต่ละบริการ
- อุปกรณ์: ฉันดำเนินการการทดสอบทั้งหมดบน Windows 10 PC และ iPhone XS
- โปรโตคอล VPN: ฉันให้ VPN เลือกโปรโตคอลที่รวดเร็วที่สุดที่มีให้บริการโดยอัตโนมัติ (OpenVPN เป็นส่วนใหญ่)
- ตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ในท้องถิ่น: ฉันให้ VPN เลือกเซิร์ฟเวอร์ที่รวดเร็วที่สุดโดยการใช้ฟีเจอร์ “การเชื่อมต่ออัจฉริยะ” หรือฟีเจอร์ที่คล้ายกัน VPN ส่วนใหญ่เลือกลอนดอนในสหราชอาณาจักรซึ่งอยู่ใกล้ฉันมากที่สุด
- ตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ระหว่างประเทศ: ฉันทดสอบเซิร์ฟเวอร์มากมายในเอเชีย ออสเตรเลีย ยุโรปและสหรัฐอเมริกาเพื่อที่ฉันได้เห็นว่าระยะทางส่งผลต่อความเร็วมากแค่ไหน
- ระยะเวลาในการทดสอบ: ฉันดำเนินการทดสอบในเวลา 09:00 น., 15:00 น. และ 20:00 น. ด้วยวิธีนี้ฉันจะสามารถเห็นได้ว่าความหนาแน่นสูงและต่ำส่งผลต่อความเร็วของ VPN แต่ละบริการอย่างไร
โปรดทราบว่าความผันผวนในความเร็วอินเทอร์เน็ตและประสิทธิภาพอุปกรณ์ของฉันอาจทำให้ผลลัพธ์ที่ได้บิดเบือนเล็กน้อย หากคุณดำเนินการทดสอบแบบเดียวกัน ผลลัพธ์ของคุณอาจแตกต่างออกไป ฉันขอแนะนำให้ทดสอบ VPN ด้วยตัวคุณเองเพื่อดูว่ามันทำงานได้หรือไม่ – ExpressVPN เป็นบริการที่รวดเร็วที่สุดและคุณสามารถลองใช้งานได้เพื่อดูว่ามันเหมาะกับคุณหรือไม่ได้เลยตอนนี้
รับความเร็วที่ดีที่สุดด้วย ExpressVPN
สิ่งที่ส่งผลต่อความเร็วของ VPN มีอะไรบ้าง?
VPN ส่วนใหญ่จะทำให้การเชื่อมต่อของคุณช้าลงเนื่องจากมันเข้ารหัสข้อมูลของคุณและย้ายข้อมูลดังกล่าวไปผ่านเซิร์ฟเวอร์ VPN ก่อนที่มันจะไปถึงจุดหมายปลายทาง
อย่างไรก็ตาม VPN ที่ดีที่สุดนั้นได้รับการออกแบบมาเพื่อความเร็วเพื่อที่คุณจะได้สามารถท่องเว็บ สตรีมและ Torrent ได้โดยไม่มีการรบกวน ในกรณีหายาก VPN ชั้นนำยังสามารถช่วยยกระดับความเร็วของคุณได้อีกด้วย หาก ISP ของคุณสังเกตเห็นว่าคุณใช้ข้อมูลจำนวนมาก พวกเขาอาจจำกัดความเร็วของคุณ ด้วยการใช้ VPN คุณจะสามารถปิดกั้น ISP ไม่ให้ดูกิจกรรมทางออนไลน์ของคุณได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถปรับใช้ข้อจำกัดในเรื่องของความเร็วได้
โปรดทราบว่า VPN ของคุณสามารถเร็วได้พอ ๆ กับความเร็วเครือข่ายปกติของคุณเท่านั้น หากอินเทอร์เน็ตของคุณช้า เซสชันของคุณอาจกระตุกตอนที่คุณเชื่อมต่อกับ VPN โชคดีที่ด้วยบริการชั้นนำอย่าง ExpressVPN ที่มอบการสูญเสียความเร็วเพียงเล็กน้อย เราจึงแทบไม่สังเกตเห็นความเร็วที่ช้าลงเลยแม้ว่าอินเทอร์เน็ตจะไม่ได้ดี
รับความเร็วที่รวดเร็วด้วย ExpressVPN
ต้องการ VPN ที่รวดเร็วกว่านี้ใช่ไหม? 5 เคล็ดลับในการเพิ่มความเร็วของ VPN
หากคุณได้รับความเร็วที่ช้าจาก VPN ของคุณ นี่คือเคล็ดลับสองสามอย่างที่คุณสามารถลองทำดูได้
1. เลือก VPN ที่มีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่
VPN ที่มีเซิร์ฟเวอร์สองสามร้อยเซิร์ฟเวอร์นั้นจะไม่รวดเร็วเท่าบริการที่มีเซิร์ฟเวอร์นับพัน เซิร์ฟเวอร์ที่น้อยกว่าหมายถึงความหนาแน่นของผู้ใช้ที่มากกว่าและความเร็วที่มักลดลงในช่วงที่มีการใช้งานเยอะ
2. เปลี่ยนโปรโตคอล VPN
VPN มีโปรโตคอลมากมายให้เลือกสรรซึ่งคุณสามารถเลือกได้โดยขึ้นอยู่กับระดับการเข้ารหัสและความเร็วที่คุณต้องการ VPN ส่วนใหญ่จะเลือกโปรโตคอลที่รวดเร็วที่สุดให้โดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตามหากความเร็วของคุณนั้นช้า คุณควรลองตรวจสอบการตั้งค่าโปรโตคอลดู ฉันขอแนะนำให้ใช้ WireGuard หรือ OpenVPN TCP เนื่องจากมันทำงานได้รวดเร็วและมีความปลอดภัยสูง ผู้ใช้งานบนมือถือสามารถลองใช้ IKEv2 ดูได้หากมันมีให้บริการ
3. เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้
เวลาแฝง (หรือ Ping) คือระยะเวลาที่ข้อมูลจากอุปกรณ์เดินทางไปยังเซิร์ฟเวอร์และย้อนกลับมา ระยะทางจะเพิ่มเวลาแฝง – ยิ่งข้อมูลของคุณต้องเดินทางไปยังเซิร์ฟเวอร์ VPN ที่อยู่ห่างออกไปแค่ไหน การตอบสนองก็จะยิ่งใช้เวลามากขึ้นเท่านั้น เวลาแฝงสูงจะก่อให้เกิดความล่าช้าและการสะดุดอย่างเห็นได้ชัด
เพื่อหลีกเลี่ยงเวลาแฝง ให้ใช้เซิร์ฟเวอร์ VPN ที่อยู่ใกล้คุณ – ยิ่งระยะทางสำหรับข้อมูลของคุณสั้นเท่าไหร่ ความเร็วก็คุณก็น่าจะเพิ่มขึ้นเท่านั้น
VPN ส่วนใหญ่จะเสนอการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่ใกล้ที่สุดและรวดเร็วที่สุดโดยอัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น Smart Location ของ ExpressVPN จะเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่รวดเร็วที่สุดที่พร้อมให้บริการโดยอ้างอิงจากตำแหน่งของคุณเสมอ
รับการเชื่อมต่อที่รวดเร็วด้วย ExpressVPN
4. ตั้งค่า Split Tunneling
Split tunneling สามารถยกระดับความเร็วของคุณได้โดยการเปลี่ยนเส้นทางแอปที่เฉพาะเจาะจงเท่านั้นไปผ่าน VPN การจำกัดข้อมูลที่ส่งไปผ่าน VPN จะช่วยลดจำนวนของแบนด์วิดธ์ที่ใช้และช่วยยกระดับความเร็วของคุณ ฉันขอแนะนำให้กำหนดแอป Torrent และธนาคารให้ไปผ่าน VPN เสมอเนื่องจากมันมีข้อมูลที่ละเอียดอ่อน
5. ใช้สาย Ethernet
การเชื่อมต่ออุปกรณ์ของคุณกับเราเตอร์จะช่วยให้ได้ความเร็วที่รวดเร็วมากขึ้น การเชื่อมต่อแบบไร้สาย (Wi-Fi) นั้นไม่ใช่การเชื่อมต่อโดยตรง 100% และอาจช้ากว่า การเชื่อมต่ออุปกรณ์ของคุณกับเราเตอร์โดยใช้สาย Ethernet จะสร้างสายตรงเพื่อให้ถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วขึ้น แถมการเชื่อมต่อ Ethernet ยังน่าไว้วางในและปลอดภัยมากกว่าการเชื่อมต่อ WiFi ด้วย
ดาวน์โหลด VPN ที่รวดเร็วที่สุดในปี 2023
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ VPN ที่รวดเร็วและความเร็ว
บริการ VPN ที่รวดเร็วที่สุดสำหรับการสตรีมมิ่งคือบริการใด?
VPN ที่รวดเร็วที่สุดสำหรับการสตรีมมิ่งคือ ExpressVPN อ้างอิงตามการทดสอบของฉัน ExpressVPN ลดความเร็วปกติของฉันโดยเฉลี่ยอยู่ที่เพียง 18% – น้อยที่สุดในหมู่ VPN ชั้นนำ ทีมงานของฉันและฉันได้ทดสอบเซิร์ฟเวอร์ของ ExpressVPN กับ Netflix ของสหรัฐอเมริกา, Amazon Prime Video, Hulu, Disney+, HBO Max และอื่น ๆ อีกมากมายและไม่พบกับการกระตุกหรือการสะดุดใด ๆ
ฉันชื่นชอบเป็นอย่างยิ่งที่ ExpressVPN ทำงานร่วมกันกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ไม่มีการรองรับ VPN เช่น เกมคอนโซลหรือสมาร์ททีวีได้ ฟีเจอร์ MediaStreamer SmartDNS เป็นเซิร์ฟเวอร์ DNS พร็อกซีที่สามารถมอบสิทธิ์ในการเข้าถึงบริการสตรีมมิ่งบน PlayStation, Xbox, LG, สมาร์ททีวีและอื่น ๆ อีกมากมายกับคุณได้
บริการ VPN ใดที่รวดเร็วพอสำหรับการเล่นเกม?
อ้างอิงตามผลการทดสอบ ExpressVPN เป็น VPN ที่รวดเร็วที่สุดสำหรับการเล่นเกม ฉันพบกับการกระตุกเล็กน้อยในระหว่างการเล่นเกมที่มีความเข้มข้นสูงโดยฉันสามารถเล่น PUBG และ Overwatch ได้โดยไม่มีการรบกวน นี่เป็นเพราะโปรโตคอล Lightway อันเป็นกรรมสิทธิ์ของ ExpressVPN ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยลด Ping ในเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด
ฉันจะยกระดับความเร็วของ VPN ตอนเล่นเกมได้อย่างไร?
วิธีที่ดีที่สุดในการยกระดับความเร็วในการเล่นเกมคือการใช้เซิร์ฟเวอร์ที่มี Ping ต่ำ เกมออนไลน์มากมายแสดง Ping กับคุณ ดังนั้นคุณจะสามารถตรวจสอบดูก่อนและหลังการเชื่อมต่อ VPN ได้ จากนั้นให้ค้นหาเซิร์ฟเวอร์ที่มี Ping ต่ำ หากคุณต้องการตรวจสอบมันด้วยตัวเอง คุณสามารถปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้ได้:
- ค้นหาโดเมนหรือหมายเลข IP ของเซิร์ฟเวอร์ที่คุณต้องการเล่น เตรียมพร้อมดำเนินการค้นคว้าเนื่องจากเกมส่วนใหญ่ไม่เปิดให้มีการเข้าถึงข้อมูลนี้ได้ง่าย ๆ
- เปิด Windows Command Prompt หรือ Mac Terminal คุณสามารถค้นหาสิ่งนี้ได้โดยการกรอกคำที่เหมาะสมลงในแพบค้นหาของอุปกรณ์ของคุณ
- กรอกคำสั่ง “ping” ตามด้วยหมายเลข IP ของเซิร์ฟเวอร์ ตัวอย่างเช่น: ping 226.3.203.243
- จด Ping เอาไว้ ข้อมูลนี้จะอยู่ในรูปแบบมิลิวินาที
- เชื่อมต่อกับ VPN ของคุณและดำเนินการเปิดใช้งานคำสั่งดูอีกครั้ง คุณจะเห็นความต่างระหว่างการเชื่อมต่อปกติของคุณและการเชื่อมต่อ VPN
บริการ VPN ที่รวดเร็วสำหรับการ Torrenting คือบริการใด?
VPN ที่รวดเร็วที่สุดสำหรับการ Torrenting คือ ExpressVPN เซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด 3000 เซิร์ฟเวอร์รองรับการแชร์ไฟล์แบบ P2P ที่รวดเร็วและปลอดภัย ในระหว่างการทดสอบ ฉันดาวน์โหลดไฟล์ขนาด 40GB ได้ภายในเวลาหนึ่งชั่วโมงในขณะสตรีมมิ่งในความละเอียดระดับ HD ในเวลาเดียวกัน
VPN อื่น ๆ ก็มีพอร์ตฟอร์เวิร์ดเพื่อช่วยยกระดับความเร็ว – สิ่งนี้กำหนดพอร์ตที่จะใช้สำหรับการแชร์ไฟล์แบบ P2P และลดจำนวนข้อมูลที่ส่งผ่าน อย่างไรก็ตามโปรดทราบว่าพอร์ตฟอร์เวิร์ดทำให้การติดตามกิจกรรมทางออนไลน์ของคุณเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น
บริการ VPN ฟรีใดที่มีความเร็วสูงสุด?
น่าเสียดายที่ VPN ฟรีและรวดเร็ว 100% นั้นไม่มีอยู่จริง – แม้แต่บริการ VPN ฟรีที่ดีที่สุดเองก็ยังมีข้อจำกัดด้านความเร็วเพื่อกระตุ้นให้คุณอัปเกรดเป็นการสมัครสมาชิกแบบพรีเมียม ความเร็วที่ช้าลงนั้นโดยหลัก ๆ แล้วเกิดจากเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่มีขนาดเล็กกว่าและไม่มีแบนด์วิดธ์มากพอสำหรับผู้ใช้ทั้งหมด
ที่แย่ไปกว่านั้นคือ VPN ฟรีบางบริการขึ้นชื่อเรื่องการใช้มัลแวร์และสปายแวร์ในการขโมยข้อมูลของคุณซึ่งทำให้คุณเสี่ยงกับโจรขโมยตัวตน บริการอื่น ๆ บันทึกและจัดเก็บข้อมูลของคุณ จากนั้นก็ขายมันให้กับบุคคลที่สามเพื่อสร้างรายได้
หากคุณต้องการตัวเลือกฟรี ฉันขอแนะนำให้ใช้ VPN พรีเมียมที่มีการรับประกันยินดีคืนเงิน ตัวอย่างเช่น คุณสามารถใช้ CyberGhost ฟรีเป็นระยะเวลา 45 วันได้ตราบใดที่คุณขอเงินคืนภายในช่วงระยะเวลารับประกัน รับรองได้เลยว่าคุณจะได้รับความเร็วที่รวดเร็ว – และคุณจะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องข้อมูลจะถูกบันทึกหรือรั่วไหลจากอุโมงค์ที่เข้ารหัส
บริการ VPN ที่รวดเร็วที่สุดสำหรับอุปกรณ์ของฉันคือบริการใด?
คุณสามารถลดการสูญเสีบความเร็วลงได้ไม่ว่าคุณจะใช้ VPN ใด อย่างไรก็ตาม VPN ที่รวดเร็วที่สุดในตลาดคือ ExpressVPN ExpressVPN มีแอปเฉพาะสำหรับอุปกรณ์ยอดนิยมทั้งหมดซึ่งรวมถึง Windows, Mac, Android, iOS, Linux, Amazon Fire Stick, สมาร์ททีวีและแม้กระทั่งเราเตอร์
VPN ทำให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตช้าลงไหม?
คุณจะได้รับความเร็วที่ช้าลงเล็กน้อย แม้ว่า VPN ที่รวดเร็วจะได้รับการออกแบบมาเพื่อลดการสูญเสียความเร็วให้น้อยที่สุดแล้วก็ตาม นอกจากการเลือก VPN ที่รวดเร็วแล้ว ฉันขอแนะนำให้ใช้เซิร์ฟเวอร์ VPN ที่อยู่ใกล้ที่มีปริมาณผู้ใช้ต่ำ หากมีผู้ใช้หลายคนเชื่อมต่อในเซิร์ฟเวอร์เดียวกัน การถ่ายโอนข้อมูลก็จะช้าลง ยิ่งเซิร์ฟเวอร์อยู่ห่างจากตำแหน่งของคุณมากแค่ไหน ระยะเวลาในการส่งและรับข้อมูลจากอุปกรณ์ของคุณก็ยิ่งใช้เวลามากขึ้นเท่านั้น
ฉันทดสอบความเร็ว VPN อย่างไร?
VPN บางบริการมีแบบทดสอบความเร็วมาให้ในตัว (เช่น ExpressVPN) หรือคุณสามารถใช้ Speedtest.net เพื่อทดสอบความเร็วของ VPN ของคุณดูก็ได้
4 ขั้นตอนง่าย ๆ: วิธีทดสอบความเร็วของ VPN
- ดาวน์โหลด VPN ฉันขอแนะนำ ExpressVPN เนื่องจากมันเป็น VPN ที่รวดเร็วที่สุดที่ฉันทดสอบ.
- เปิดการทดสอบความเร็วในการเชื่อมต่อ ISP ปกติของคุณ การทำแบบนี้จะทำให้คุณได้ทราบถึงความเร็วปกติเพื่อใช้ในการเปรียบเทียบ
- เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN เซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้จะมีความเร็วมากกว่าเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกล
- ดำเนินการทดสอบอีกครั้งหนึ่ง บันทึกความเร็วของ VPN และเปรียบเทียบกับผลลัพธ์ความเร็วปกติของคุณ
ขอแนะนำความเร็วขั้นต่ำที่ 25Mbps สำหรับการท่องเว็บ สตรีมและดาวน์โหลดโดยไม่มีการกระตุกหรือการรบกวนอย่างมาก
เพลิดเพลินไปกับความเร็วที่รวดเร็วด้วย ExpressVPN
รับความเร็วที่รวดเร็วและความปลอดภัยที่ดีที่สุดด้วย VPN ในปี 2023
การใช้ VPN จะส่งผลต่อความเร็วของคุณ แต่ VPN ที่ดีที่สุดนั้นได้รับการออกแบบมาเพื่อลดการสูญเสียความเร็ว VPN ทั้งหมดในรายการนี้มอบการเชื่อมต่อที่รวดเร็วและความปลอดภัยระดับสูงเพื่อที่คุณจะได้สามารถสตรีม, Torrent, เล่นเกมและท่องเว็บได้โดยไม่มีการรบกวน
การทดสอบของฉันแสดงให้เห็นว่า ExpressVPN นั้นมีความเร็วสูงสุดในปี 2023 บริการดังกล่าวมีการเชื่อมต่อที่รวดเร็วสม่ำเสมอทั่วกันในเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดและโปรโตคอล Lightway อันเป็นกรรมสิทธิ์ก็จะทำให้มั่นใจได้ถึงความเร็วที่ดีที่สุด แต่อย่าเพิ่งเชื่อคำพูดของฉัน – คุณสามารถลองใช้ ExpressVPN ด้วยตัวคุณเองโดยไม่มีความเสี่ยงดูได้ หากคุณไม่พึงพอใจ คุณก็สามารถขอรับเงินคืนได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน