วิธีการง่ายๆ 3 ข้อในการทำให้ไม่มีใครจับได้ว่าคุณใช้ VPN ในปี 2024

เพ็ญจรัส ศรีประไพ
อัพเดทครั้งล่าสุดโดย เพ็ญจรัส ศรีประไพ ใน พฤษภาคม 01, 2023

VPN เหมาะกับการใช้เพื่อดูภาพยนตร์ Avengers ล่าสุดหรือดู The Good Fight หรือ Atlanta

Streaming the latest Avengers movie and binge-watching
แต่น่าเสียดายที่บริการสตรีมมิ่งอย่าง Netflix, BBC iPlayer และ Hulu ได้พยายามบล็อค VPN เนื่องจากบริการเหล่านี้มีข้อตกลงกับทางผู้สร้างรายการและภาพยนตร์ต่างๆเรื่องการจำกัดการเข้าถึงจากบางพื้นที่ โดยบริการเหล่านี้ใช้วิธีการขึ้นบัญชีดำ IP เพื่อตรวจจับการใช้ VPN โดยดูว่า IP เหล่านั้นเป็นของเซิร์ฟเวอร์ VPN หรือไม่

สำคัญ! ทีมของฉันและฉันไม่ยอมรับพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายและการปกป้อง VPN ไม่ได้ให้ใบอนุญาตแก่คุณในการกระทำที่ผิดกฎหมาย ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใด โปรดใช้ความระมัดระวังขั้นพื้นฐานเมื่อใช้ VPN และตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ศึกษากฎหมายท้องถิ่นของคุณแล้ว

ขั้นตอนที่ 1: เลือก VPN ที่เหมาะสม

หากคุณต้องการหลบเลี่ยงข้อจำกัดต่างๆคุณจะต้องใช้ บริการ VPN ที่มีคุณภาพ เราขอแนะนำให้คุณใช้ บริการ VPN พรีเมียม แทนการใช้บริการฟรีเพื่อใช้การเชื่อมต่อที่ปลอดภัยและเป็นส่วนตัว บริการ VPN ฟรีอาจจะฟังดูดีแต่จริงๆแล้วมันมีข้อจำกัด ดังนั้นก่อนที่คุณจะเลือกบริการเพื่อประหยัดเงิน คุณควรพิจารณาถึงข้อจำกัดต่างๆก่อน

บริการ VPN ที่ดีที่สุดคือบริการที่มีความปลอดภัยและมีคุณสมบัติที่สามารถทำงานตามที่คุณต้องการ นอกจากนี้บริการที่ดีควรเป็นบริการที่คุณสามารถปรับแต่งได้เพื่อเอาชนะการขึ้นบัญชีดำหมายเลข IP ได้

VPN ที่ดีที่สุดที่จะไม่ทำให้คุณถูกจับได้

บริการ VPN เหล่านี้เป็นบริการที่เราคิดว่าดีที่สุดและจะไม่ทำให้คุณถูกจับได้ในระหว่างการใช้บริการสตรีมมิ่ง ฯลฯ

1. ExpressVPN

  • มีไคลเอนต์สำหรับเดสก์ท็อปและมือถือหลายรุ่น
  • การเข้ารหัสแบบ AES 256-bit
  • การเชื่อมต่อความเร็วสูง
  • มีโปรโตคอลหลายแบบ
  • มีคุณสมบัติในการปลดบล็อค Netflix

ทดลองเลยโดยไม่ต้องเสี่ยง

2. CyberGhost VPN

  • การเข้ารหัสแบบ AES 256-bit
  • ราคาไม่แพง
  • มีคุณสมบัติมากมาย
  • นโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน
  • ใช้งานง่าย

ทดลองเลยโดยไม่ต้องเสี่ยง

4. NordVPN — VPN พรีเมียมที่มีราคาถูกในแผนให้บริการระยะยาว

ฟีเจอร์หลัก:

  • มีการสมัครสมาชิกในระยะสั้นและระยะยาวพร้อมให้บริการ
  • การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน
  • 6.300 เซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกใน 110 ประเทศ
  • ไม่จำกัดแบนด์วิดธ์
  • ป้องกันได้สูงสุดถึง 10 อุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน

NordVPN เป็นหนึ่งใน VPN ที่ดีที่สุดในตลาด — และคุณสามารถใช้บริการแผนให้บริการที่มีราคาถูกมากได้ตอนที่คุณลงทะเบียนสำหรับแผนให้บริการระยะยาว แต่ถึงอย่างนั้นก็มีเรื่องหนึ่งที่คุณควรทราบ นั่นก็คือเมื่อถึงเวลาต่ออายุการสมัครสมาชิกของคุณ ราคาจะปรับขึ้นค่อนข้างมาก

ฉันประทับใจเป็นอย่างยิ่งกับประสิทธิภาพสูงของเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดที่ฉันทดสอบ แค่เพราะ VPN มีเซิร์ฟเวอร์นับพันเซิร์ฟเวอร์ ไม่ได้หมายความว่าเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดนั้นจะใช้งานได้จริง เซิร์ฟเวอร์อาจประสบปัญหาในการปลดบล็อกเว็บไซต์ในท้องถิ่นได้ — และบางเซิร์ฟเวอร์ก็อาจยะไม่สามารถเชื่อมต่อได้เลย แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็สามารถปลดบล็อก Netflix, Disney+, Hulu, Amazon Prime Video, BBC iPlayer และ HBO Max ด้วยเซิร์ฟเวอร์ต่าง ๆ มากมายในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรได้อย่างง่ายดาย

อย่างไรก็ตาม ฉันพบปัญหากับการใช้งานแอปเฉพาะ Fire TV ของ NordVPN แม้ว่ามันจะทำงานได้และสตรีมบริการสตรีมมิ่งได้บางส่วน แต่บางครั้งมันก็มีปัญหาในการสตรีม Netflix ของสหรัฐอเมริกาและค้างอยู่เรื่อย ๆ นอกจากนี้ฉันยังพบว่าอินเทอร์เฟซผู้ใช้ของ NordVPN สำหรับอุปกรณ์เดสก์ท็อปนั้นมีความเป็นมิตรน้อยกว่า ExpressVPN และ CyberGhost

NordVPN มีฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวดังต่อไปนี้:

  • การเข้ารหัส AES 256-บิต
  • Kill Switch ที่ตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณหากการเชื่อมต่อ VPN ของคุณเกิดหลุดขึ้นมากระทันหัน
  • ตัวปิดกั้นโฆษณาและมัลแวร์ภายในตัวเพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องใช้ตัวปิดกั้นโฆษณาของบุคคลที่สาม
  • นโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่ได้รับการตรวจสอบแล้วโดยสมบูรณ์ (ตรวจสอบโดย PwC) – NordVPN ไม่ได้จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลที่ระบุตัวตนได้เอาไว้ขณะที่คุณเชื่อมต่อกับ VPN

นอกจากนี้แล้ว NordVPN ยังมี Threat Protection ที่จะป้องกันคุณจากไวรัส เว็บไซต์ที่ติดไวรัสและตัวติดตามรวมมาให้ด้วย – และมันทำงานได้เมื่อใดก็ตามที่คุณเปิดแอป NordVPN เอาไว้แม้ว่าคุณจะไม่ได้เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN ก็ตาม


ภาพหน้าจอของแอป NordVPN สำหรับ Windows ที่แสดงคุณลักษณะการป้องกันภัยคุกคามเปิดอยู่เสมอ

NordVPN ปกป้องคุณจากภัยคุกคามออนไลน์ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

คุณสามารถสตรีม, Torrent และท่องเว็บฟรีสูงสุดถึง 30 วันได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงินของ NordVPN มันมีแผนให้บริการที่มีราคาแสนถูกเพียง $3.09 ต่อเดือน เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับเงินของคุณกลับคืนมาจริง ๆ ฉันจึงได้ทดสอบการรับประกันยินดีคืนเงินของ NordVPN ดู ในตอนแรกทีมสนับสนุนพยายามจะมอบระยะเวลาทดลองใช้งานเพิ่มเติมกับฉัน — แต่พวกเขาดำเนินการคืนเงินให้กับฉันทันทีหลังจากที่ฉันบอกพวกเขาว่าฉันไม่สนใจระยะเวลาทดลองใช้งานเพิ่มเติมนั้น ฉันได้รับเงินคืนกลับมาใน 6 วันทำการ

NordVPN ทำงานร่วมกับ: Netflix, Amazon Prime Video, BBC iPlayer, Hulu, Disney+, Vudu, SkyTV, HBO Go, HBO Now, Sky, SHOWTIME, DAZN, ESPN, YouTube TV และอื่น ๆ อีกมากมายได้

NordVPN ทำงานได้บน: Windows, Mac OS, Android, iOS, Windows Phone, Chromebook, Linux, Chrome, Firefox, Fire Stick และ Android TV

 

5. Surfshark — คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปมากที่สุดด้วยการเชื่อมต่ออุปกรณ์แบบไม่จำกัดและความเร็วที่รวดเร็ว

ฟีเจอร์หลัก:

  • มีการสมัครสมาชิกในระยะสั้นและระยะยาวพร้อมให้บริการ
  • การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน
  • 3200 เซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกใน 100 ประเทศ
  • ไม่จำกัดแบนด์วิดธ์
  • เชื่อมต่ออุปกรณ์ในเวลาเดียวกันได้ไม่จำกัด

Surfshark มอบความคุ้มค่าสำหรับเงินที่คุณจ่ายได้ดีที่สุดในหมู่ VPN พรีเมียมทั้งหมดในตลาด คุณสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ไม่จำกัดในการสมัครสมาชิกเดียว (ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถเชื่อมต่อกันทั้งครอบครัวและแม้กระทั่งเพื่อน ๆ ของคุณได้!)

ฉันทดสอบการเชื่อมต่อที่ไม่จำกัดของ Surfshark บน PC จำนวน 2 เครื่อง, โทรศัพท์จำนวน 2 เครื่อง, Fire Stick จำนวน 4 เครื่องและ iPad หนึ่งเครื่อง การเชื่อมต่อของฉันยังคงเสถียรในอุปกรณ์ทั้งหมด 6 เครื่อง แม้ในขณะที่ฉันสตรีมมิ่งบนอุปกรณ์ทั้งหมดของฉันก็ตาม ความเร็วโดยเฉลี่ยของฉันอยู่ที่ 112 Mbps — ซึ่งถือว่ารวดเร็วมากเพียงพอสำหรับคุณภาพระดับ UltraHD

ตอนที่ฉันเห็นราคาของบริการนี้ ฉันคิดว่ามันอาจจะไม่ได้มีฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับชั้นนำเนื่องจากราคาแสนถูก แต่ฉันก็ต้องประหลาดใจอย่างมาก

Surfshark มีฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวดังต่อไปนี้:

  • การเข้ารหัส AES 256-บิตบนอุปกรณ์ทั้งหมดพร้อมการเข้ารหัส ChaCha พร้อมให้บริการสำหรับผู้ใช้ Android
  • โปรโตคอล Wireguard VPN ถูกเปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้น
  • เซิร์ฟเวอร์บน RAM เท่านั้น ไม่มีดิสก์ เพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัวของคุณ (ไม่สามารถสกัดข้อมูลทางกายภาพจากเซิร์ฟเวอร์ใด ๆ ได้)
  • Kill Switch (แม้ว่าจะไม่ได้ถูกเปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้น)
  • การป้องกันการรั่วไหลของ IP และ DNS

Surfshark มีการยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน (2FA) ในบัญชีของคุณ ฟีเจอร์นี้ต้องการให้คุณกรอกรหัสเพิ่มเติมก่อนที่คุณจะสามารถลงชื่อเข้าใช้เพื่อให้มั่นใจว่ามีแค่คุณเท่านั้น (และคนที่คุณแบ่งปันบัญชีด้วย) ที่สามารถเข้าถึงบัญชีของคุณได้

แม้ว่า Surfshark จะมีเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกน้อยกว่าคู่แข่งอย่าง ExpressVPN CyberGhost และ NordVPN เล็กน้อย แต่ฉันก็ไม่พบกับปัญหาใด ๆ ในระหว่างการทดสอบของฉันฉันเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่ทำงานรวดเร็วได้อย่างง่ายดายทุกครั้งและฉันก็ได้รับความเร็วที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสตรีมมิ่ง Netflix ในความละเอียดระดับ Ultra HD, ดาวน์โหลด Torrent และท่องอินเทอร์เน็ต

คุณสามารถทดลองใช้ Surfshark ด้วยตัวคุณเองได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน มันมีแผนให้บริการที่มีราคาแสนถูกเพียง $2.29 การขอเงินคืนก็เป็นเรื่องง่ายด้วยฟีเจอร์แชทออนไลน์ของ Surfshark แม้ว่าทีมสนับสนุนจะถามถึงเหตุผลที่ฉันต้องการยกเลิกการสมัครสมาชิกของฉัน แต่ฉันก็ไม่พบปัญหาในการขอเงินคืน (และมันใช้เวลาเพียง 4 วันเท่านั้น!)

Surfshark ทำงานร่วมกับ: Netflix, Amazon Prime Video, Disney+, BBC iPlayer, Sling TV, Hotstar, HBO Max, DAZN และอื่น ๆ อีกมากมายได้

Surfshark ทำงานได้บน: Windows, Mac OS, Android, iOS, Linux, Fire Stick, PS4, Xbox One, Nintendo Switch, Samsung Smart TVs, LG Smart TVs, Android TV, Kodi และเราเตอร์ที่เลือก

ขั้นตอนที่ 2: เปลี่ยนการตั้งค่า VPN ของคุณ

เมื่อเลือกบริการ VPN แล้ว คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและหลบเลี่ยงการโดนขึ้นบัญชีดำหมายเลข IP และการทำตามขั้นตอนต่อไปนี้จะทำให้ไม่มีใครจับได้ว่าคุณใช้ VPN:

เปลี่ยนโปรโตคอลการเข้ารหัส

VPN ส่วนใหญ่มีโปรโตคอลสำหรับการเข้ารหัสที่แตกต่างกันไป โดยการเข้ารหัสแบบมาตรฐานคือ AES 256-bit ด้วย OpenVPN ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีการที่ดีที่สุดในการเข้ารหัสข้อมูลของคุณ การเปลี่ยนโปรโตคอลการเข้ารหัสจะทำให้คุณสามารถหลบเลี่ยงไฟร์วอลล์ที่บางเว็บไซต์ใช้ได้

และนี่คือโปรโตคอลที่คุณสามารถเลือกใช้ได้:

  • OpenVPN
    เป็นโปรโตคอลมาตรฐานของบริการ VPN ส่วนใหญ่ หากคุณต้องการการปกป้องขั้นพื้นฐาน นี่เป็นโปรโตคอลที่เหมาะสมที่สุด
  • L2TP/IPSec
    เมื่อจับคู่ Internet Protocol Security กับ Layer 2 Tunneling Protocol จะทำให้ความเร็วลดลงเมื่อเทียบกับ OpenVPN แต่หากคุณไม่สนใจเรื่องความเร็วและต้องการไม่ให้ถูกจับได้ ตัวเลือกนี้ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดี
  • SSL/TLS
    Transport Layer Security เป็นสิ่งที่มาแทน Secure Sockets Layer และไม่ได้เป็นที่รู้จักเท่ากับโปรโตคอลอื่นๆ แต่หากผู้ให้บริการ VPN ของคุณมีโปรโตคอลนี้ให้เลือก คุณก็สามารถใช้โปรโตคอลนี้ได้เพื่อไม่ให้ถูกจับได้
  • SSH
    Secure Shell Tunneling เหมือนกับ SSL แต่ไม่ได้รับความนิยมเท่าและมักจะมีการจำกัด คุณอาจจะต้องติดต่อผู้ให้บริการ VPN เพื่อขอใช้โปรโตคอลนี้ แต่ SSH สามารถหลบเลี่ยงไฟร์วอลล์ได้เกือบทุกแบบ

เปลี่ยนพอร์ต VPN

พอร์ตเป็นเหมือนอุโมงค์ที่ส่งข้อมูลไปให้ ISP ของคุณ บริษัทต่างๆสามารถดูหมายเลขพอร์ตและทราฟฟิคบนพอร์ตและบล็อคทุกอย่างที่พวกเขาต้องการได้ ดังนั้นการเปลี่ยนพอร์ตจะทำให้ตรวจจับ VPN ของคุณไม่เจอ

ลองเปลี่ยนเป็นพอร์ตเหล่านี้:

  • 2018 – เหมาะกับการหลีกเลี่ยงการบล็อคโดย ISP
  • 41185 – เหมาะกับการใช้หากพอร์ตในช่วงที่ต่ำกว่าถูกบล็อค
  • 443 – แทบจะไม่ถูกบล็อคและเป็นพอร์ตสำหรับทราฟฟิคที่มีการเข้ารหัส
  • 80 – เป็นอีกพอร์ตที่ไม่ค่อยถูกบล็อค

ขั้นตอนที่ 3: เลือกวิธีการอื่น

หากผู้ให้บริการ VPN ของคุณไม่อนุญาตให้คุณปรับเปลี่ยนการตั้งค่าก็มีวิธีอื่นที่คุณสามารถใช้ได้ แต่สำหรับวิธีการเหล่านี้ผู้ใช้งานควรมีประสบการณ์ในการใช้ VPN มาก่อน

1. เบราว์เซอร์ Tor

Tor
เบราว์เซอร์ Tor เป็นเครื่องมือที่ช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวที่ได้รับความนิยม โดยคุณสามารถใช้งานเบราว์เซอร์นี้ร่วมกับ VPN แต่หากคุณใช้ Tor คุณไม่สามารถทำการสตรีมมิ่งได้ ซึ่งหมายความว่าคุณไม่สามารถใช้ Netflix, BBC iPlayer และ Hulu ได้

นอกจากนี้ Tor จะลดความเร็วอินเทอร์เน็ตของคุณลง ดังนั้นหากคุณต้องการแค่ไม่ให้ถูกจับได้แต่ไม่ได้ต้องการสตรีม Tor ก็เป็นตัวเลือกที่ดี

2. Shadowsocks (SOCKS5 Proxy)

Shadowsocks ได้รับการออกแบบมาสำหรับใช้งานในประเทศที่มีการเซ็นเซอร์เช่นจีนและซาอุดิอาระเบีย โดย Shadowsocks ให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่มีข้อจำกัด ด้วยการใช้งานโปรโตคอล Socket Secure 5 โดยมีการรับส่งข้อมูลระหว่างไคลเอนต์และเซิร์ฟเวอร์ผ่านพร็อกซี่เซิร์ฟเวอร์ทำให้ต้องมีการยืนยันตัวตนเพิ่มเติมดังนั้นจึงมีแค่ผู้ใช้งานเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงพร็อกซี่ได้

วิธีการนี้เป็นวิธีการที่รวดเร็วและน่าเชื่อถือกว่าวิธีอื่นๆ แต่ทำการตั้งค่าได้ยากและอาจจะมีราคาแพงกว่า VPN แต่ถึงแม้วิธีนี้เป็นวิธีการที่ดีที่จะทำให้ไม่ถูกจับได้รวมถึงทำให้คุณเข้าเว็บไซต์ที่มีการบล็อคหมายเลข IP ได้ แต่นี่ควรจะเป็นวิธีสุดท้ายที่คุณเลือกใช้

3. ใช้เซิร์ฟเวอร์ VPN ของคุณเอง

หากคุณไม่สามารถหา VPN ที่อนุญาตให้คุณเปลี่ยนโปรโตคอลหรือพอร์ตได้ คุณสามารถตั้งค่า VPN เองได้

ปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณ

ExpressVPN encrypted virtual tunnel

ลองใช้ ExpressVPN ตอนนี้เลย – โดยไม่ต้องเสี่ยง


สรุป — VPN ที่ดีที่สุดที่จะไม่ถูกตรวจพบใน 2024

อันดับสูงสุด ตัวเลือกยอดนิยม
ExpressVPN
$ 6.67 / month ประหยัด  49%
CyberGhost VPN
$ 2.19 / month ประหยัด  83%
NordVPN
$ 3.09 / month ประหยัด  76%
Surfshark
$ 2.29 / month ประหยัด  85%
พวกเราจัดอันดับผู้ให้บริการตามการทดสอบและการค้นคว้าอย่างเข้มงวด แต่ก็จะมีการคำนึงถึงความคิดเห็นของคุณและค่าคอมมิชชั่นจากผู้ให้บริการด้วย ผู้ให้บริการบางรายนั้นจะมีบริษัทแม่แห่งเดียวกันกับพวกเรา เรียนรู้เพิ่มเติม

Wizcase ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2018 ในฐานะเว็บไซต์รีวิวบริการ VPN อย่างอิสระและเว็บไซต์ข่าวเกี่ยวกับเรื่องความเป็นส่วนตัว วันนี้ ทีมงานนักวิจัยความปลอดภัยทางไซเบอร์, นักเขียน และบรรณาธิการนับร้อยของพวกเราได้ช่วยผู้อ่านให้ต่อสู้เพื่ออิสรภาพทางออนไลน์ผ่านการจับมือกับ Kape Technologies PLC ซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ดังต่อไปนี้: ExpressVPN, CyberGhost, Intego และ Private Internet Access ซึ่งอาจจะได้รับการจัดอันดับและรีวิวบนเว็บไซต์ของเราด้วย รีวิวที่ได้รับการเผยแพร่บน Wizcase นั้นมีความแม่นยำถึงวันที่ทำการเผยแพร่ และแต่ละรีวิวก็จะถูกเขียนขึ้นโดยอ้างอิงมาตรฐานที่เข้มงวดด้านการรีวิวซึ่งจะเน้นความเป็นอิสระและการค้นคว้าวิจัยอย่างซื่อสัตย์และเป็นมืออาชีพของนักรีวิว โดยจะเน้นไปถึงความสามารถและคุณภาพของผลิตภัณฑ์รวมถึงความคุ้มค่าที่มันมีต่อผู้ใช้งาน การจัดอันดับและรีวิวที่พวกเราเผยแพร่นั้นอาจจะคำนึงถึงการเป็นเจ้าของเดียวกันที่กล่าวถึงด้านบน และค่าคอมมิชชั่นที่พวกเราได้รับในกรณีที่มีการสั่งซื้อผ่านลิงก์บนเว็บไซต์ของเราด้วย พวกเราไม่ได้ทำการรีวิวผู้ให้บริการ VPN ทั้งหมด และข้อมูลที่เผยแพร่นั้นจะมีความแม่นยำถึงวันที่เผยแพร่แต่ละบทความ

คุณชอบบทความนี้ไหม?
โหวตให้คะแนนเลยสิ!
ฉันเกลียดมัน ฉันไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ พอใช้ได้ ค่อนข้างดี รักเลย!
4.68 ได้รับการโหวตให้คะแนนโดย 5 ผู้ใช้
ชื่อเรื่อง
ความคิดเห็น
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของคุณ