ระยะเวลาในการอ่าน:

ภาพรวม McAfee 2024

ด้วยผู้เล่นและเทคโนโลยีใหม่ ๆ มากมายในอุตสาหกรรมแอนตี้ไวรัส ฉันจึงสงสัยเกี่ยวกับ McAfee มันเปิดให้บริการมานานมากจนฉันไม่มั่นใจว่ามันยังทำงานได้ดีอยู่ไหม ดังนั้นทีมงานและฉันจึงได้ดำเนินการทดสอบมากมายเพื่อค้นหาว่า McAfee สามารถทำงานได้ดีในระดับที่เท่าเทียมกับคู่แข็งและตรวจจับภัยคุกคามทางไซเบอร์ล่าสุดได้ไหม

ฉันประทับใจที่จะบอกว่า McAfee เป็นแอนตี้ไวรัสที่ทรงพลังที่ปิดกั้นการโจมตีมัลแวร์ตามเวลาจริงได้ 100% ผู้ใช้สามารถใช้งานแอปได้อย่างง่ายดายและฉันยังชอบผู้จัดการรหัสผ่าน True Key และแผงควบคุมสำหรับผู้ปกครองเป็นพิเศษด้วย แม้ว่าฉันจะผิดหวังที่ McAfee ไม่มีฟีเจอร์เสริมมากมายเหมือนกับ Norton 360 หรือ TotalAV แต่มันก็มีราคาที่สบายกระเป๋ามาก ๆ ในปีแรก

ลอง McAfee ฟรีเป็นระยะเวลา 30 วัน!

ไม่มีเวลาอ่านใช่ไหม? นี่คือบทสรุปฉบับ 1 นาที

ความปลอดภัย

- 10

ฉันประทับใจที่จะบอกว่า McAfee ตรวจจับและปิดกั้นไวรัส โทรจันและการโจมตีมัลแวร์ในเวลาจริงได้ 100% ในการทดสอบ นี่คือสิ่งที่ฉันคาดหวังจะได้รับจากซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสพรีเมียมใด ๆ และมันทำให้ McAfee ได้รับการจัดอันดับอยู่ในบริการที่ดีที่สุดในตลาด

การสแกนไวรัส – มีการสแกนที่มีอัตราการตรวจจับ 100% พร้อมให้บริการ 3 แบบ

ทีมงานและฉันได้ตั้งอุปกรณ์สำหรับการใช้ทดสอบขึ้นมาและดาวน์โหลดมัลแวร์ที่มีอายุสูงสุด 4 สัปดาห์ – และการสแกนไวรัสของ McAfee สามารถตรวจจับภัยคุกคามได้ทั้งหมด 100%

คุณสามารถเลือกระหว่างสแกนแบบรวดเร็ว (Quick Scan) สแกนแบบเต็ม (Full Scan) หรือสแกนแบบกำหนดเอง (Custom Scan) ได้ หากคุณมีเวลาไม่มาก งั้นตัวเลือกสแกนแบบรวดเร็วและสแกนแบบกำหนดเองจะมบความยืดหยุ่นให้คุณได้ดำเนินการตรวจสอบในระดับผิวเผินได้ อย่างไรก็ตามฉันแนะนำให้ใช้การสแกนแบบเต็มเมื่อใดก็ตามที่สามารถทำได้ ตัวเลือกนี้จะใช้เวลาในการสแกนนานกว่า แต่มันก็มีความละเอียดมากกว่าเนื่องจากมันจะตรวจสอบแต่ละไฟล์ โฟลเดอร์และโปรแกรมทั้งหมดบนอุปกรณ์ของคุณ

ตอนที่ฉันเปิดใช้งานการสแกนแบบรวดเร็วบนเดสก์ท็อป Windows ของฉัน มันใช้เวลาในการตรวจสอบรายการกว่า 10,200 รายการน้อยกว่า 5 นาที! การสแกนแบบเต็มใช้เวลา 53 นาทีซึ่งฉันคิดว่ามันเป็นระยะเวลาที่สมเหตุสมผลเมื่อพิจารณาถึงว่ามันสแกนรายการต่าง ๆ กว่า 590,000 รายการ แม้ว่า McAfee จะไม่ได้เป็นแอนตี้ไวรัสที่รวดเร็วที่สุดที่ฉันเคยทดสอบ (Norton ใช้เวลาในการดำเนินการสแกนแบบเดียวกันให้เสร็จเพียงครึ่งเดียว) แต่มันก็ไม่ได้เป็นแอนตี้ไวรัสที่ช้าที่สุดอย่างแน่นอนเช่นกัน (Bitdefender ใช้เวลาในการทดสอบเดียวกันนานกว่าสองสามนาที)

ภาพหน้าจอของผลลัพธ์ McAfee Quick Scan

การสแกนแบบรวดเร็วของ McAfee จะตรวจสอบส่วนที่เป็นเป้าหมายของไวรัส

ตอนที่ฉันทดสอบ McAfee บนสมาร์ทโฟน iPhone และ Android ของฉัน การสแกนใช้ให้เสร็จในทั้งสองอุปกรณ์นั้นใช้เวลาน้อยกว่า 20 วินาที แม้ว่าฉันจะไม่ตรวจพบปัญหาใด ๆ ในโทรศัพท์ทั้งสองเครื่อง แต่ McAfee ก็แจ้งเตือนให้ฉันอัปเดต iPhone ของฉันเป็น iOS เวอร์ชันล่าสุด

ฉันยินดีที่ได้เห็นว่าฟังก์ชันพื้นที่กักกัน (Quarantine) ถูกเพิ่มเข้ามาใน Total Protection เวอร์ชันล่าสุดนับตั้งแต่รีวิวครั้งสุดท้ายของฉัน นี่หมายความว่าหาก McAfee ตรวจจับไฟล์ที่น่าสงสัยได้ มันก็จะส่งไฟล์ดังกล่าวไปยังพื้นที่กักกัน (Quarantine) โดยอัตโนมัติเพื่อที่คุณจะได้สามารถตรวจสอบมันด้วยตัวเองได้ในเวลาที่เหมาะสม จากนั้นคุณก็สามารถเลือกที่จะลดหรือกู้คืนไฟล์ดังกล่าวได้

ภาพหน้าจอของคุณสมบัติการกักกันของ McAfee

McAfee ส่งไฟล์ที่น่าสงสัยไปยังพื้นที่กักกันเพื่อให้คุณตรวจสอบ

การป้องกันมัลแวร์ – Real-Time Defense Against Cyberattacks

McAfee มีอัตราการตรวจจับการโจมตีมัลแวร์ซีโรเดย์ถึง 100% อัตราการตรวจจับนี้ถือเป็นอัตราที่น่าประทับใจเนื่องจากการโจมตีซีโรเดย์นั้นเป็นภัยคุกคามที่เกิดขึ้นใหม่ซึ่งพุ่งเป้าไปยังจุดอ่อนในระบบปฏิบัติการ เพื่อป้องกันคุณจากการโจมตีดังกล่าว McAfee จึงใช้ Global Threat Intelligence ขั้นสูง ซอฟต์แวร์บนคลาวด์นี้จะตรวจสอบมัลแวร์และไวรัสที่รู้จักเพื่อคาดการณ์ลักษณะของภัยคุกคามทางไซเบอร์ใหม่ ๆ

ในระหว่างการทดสอบของฉัน McAfee ทำเครื่องหมายไฟล์ที่ปลอดภัยเป็นไฟล์ที่อันตรายผิดพลาดจำนวน 8 ไฟล์และแสดงไฟล์ทั้งหมดนั้นให้ฉันได้ตรวจสอบ จากประสบการณ์ของฉัน การทำเครื่องหมายผิดพลาดประเภทนี้เป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไปในโปรแกรมแอนตี้ไวรัส (และฉันยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้นมากกว่าการพลาดไฟล์ที่เป็นอันตรายไป) ตัวอย่างเช่น คู่แข่งชั้นนำ Norton ทำเครื่องหมายไฟล์ผิดพลาดเป็นไฟล์ที่อันตรายจำนวน 27 ไฟล์ในแบบทดสอบเดียวกัน

การป้องกันมัลแวร์นี้พร้อมให้บริการเฉพาะบน Windows และ Mac เท่านั้นในขณะที่ iOS และ Android มีการสแกนไวรัสและ Safe Web ในการป้องกันคุณ ความต่างระหว่างการป้องกันมัลแวร์และการสแกนไวรัสคือวิธีที่พวกมันป้องกันอุปกรณ์ของคุณ การป้องกันมัลแวร์จะป้องกันภัยคุกคามต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องในขณะที่คุณท่องเว็บและตรวจสอบไฟล์ที่น่าสงสัยบนอุปกรณ์ของคุณ ในทางกลับกันการสแกนไวรัสจะตรวจสอบเฉพาะภัยคุกคามที่มีอยู่แล้วบนอุปกรณ์ของคุณเท่านั้น

WebAdvisor – ปิดกั้นการสแกมฟิชชิ่งและการฝังไวรัสหรือมัลแวร์ลงเครื่องผู้ใช้เพื่อขุดเหรียญดิจิทัล (Cryptojacking)

WebAdvisor เป็นส่วนขยายที่จะป้องกันคุณจากการโจมตีฟิชชิ่งและสแกมอื่น ๆ มันทำเช่นนั้นโดยการแจ้งเตือนให้คุณทราบเกี่ยวกับเว็บไซต์และการดาวน์โหลดที่เป็นอันตรายก่อนที่คุณจะคลิกมัน แอปนี้เป็นส่วนหนึ่งของแพ็กเกจ Total Protection หรือคุณสามารถดาวน์โหลดมันจากเว็บไซต์ของ McAfee ได้ฟรี คุณสามารถดาวน์โหลดแอปดังกล่าวได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายแม้ว่าการค้นหาหน้าเว็บไซต์สำหรับการดาวน์โหลดจะทำให้หงุดหงิดอยู่บ้างก็ตาม ฉันคลิกที่ “ปกป้องฉันบนเว็บไซต์” และถูกนำไปยังหน้าที่อธิบายว่า WebAdvisor คืออะไร แต่ไม่สามารถดาวน์โหลดได้ – หากค้นหาแอปดังกล่าวบนการค้นหาบนเว็บนั้นง่ายกว่าการค้นหามันในแดชบอร์ดของ McAfee

ฉันทดสอบ Web Advisor โดยการค้นหา “ข่าว BBC” บน Google ฉันเห็นว่าเว็บไซต์ดังกล่าวได้รับการทำเครื่องหมายว่าปลอดภัยโดยทันที (เช่นเดียวกันกับหน้า BBC News Twitter) โดยมีไอคอนรูปโล่สีเขียวเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นถัดจากผลการค้นหา

ภาพหน้าจอของ Google ค้นเว็บด้วย McAfee WebAdvisor ที่แสดงว่าไซต์เป็นของจริงและปลอดภัย

McAfee ไฮไลท์เว็บไซต์ที่ปลอดภัยและเปิดการทดสอบทุกวันเพื่อให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยทางออนไลน์ของคุณ

ฉันสังเกตเห็นว่ามีบางเว็บไซต์ที่ฉันรู้ว่าปลอดภัยไม่มีรูปไอคอนโล่ปรากฏเหมือนเว็บไซต์ BBC News ฉันรู้ว่าเว็บไซต์นี้เป็นเว็บไซต์ของจริงและมันใช้ HTTPS (โปรโตคอลการสื่อสารเข้ารหัสที่ปลอดภัยมากกว่า HTTP) โชคร้ายที่ฟีเจอร์ WebAdvisor ของ McAfee มีฐานข้อมูลของเว็บไซต์ที่ตรวจสอบแล้วขนาดเล็ก ดังนั้นมันจะไม่สามารถบอกคุณได้ว่าเว็บไซต์ทั้งหมดนั้นปลอดภัยหรือไม่ แม้ว่าการเห็นไอคอนโล่นั้นจะทำให้ฉันรู้สึกสบายใจ แต่สำหรับฉันแล้วมันก็น่าสับสนเนื่องจากมีเพียงบางเว็บไซต์เท่านั้นที่อยู่ในฐานข้อมูลของพวกเขา

ในการทดสอบ มันสามารถป้องกัน URL และลิงก์ดาวน์โหลดที่เป็นอันตรายได้มากถึง 98.8% แม้ว่านี่จะเป็นอัตราที่ดี แต่มันยังสามารถดีได้มากกว่านี้ ตัวอย่างเช่น Norton 360 ปิดกั้นภัยคุกคามทางไซเบอร์ทั้งหมดในการทดสอบเดียวกันได้ 100%

ภาพหน้าจอของคุณลักษณะ WebAdvisor บนเว็บไซต์ McAfee

McAfee ป้องกันอุปกรณ์ของคุณจากเว็บไซต์ที่น่าสงสัยและการดาวน์โหลดที่เป็นอันตรายในเวลาจริงได้

ฉันยังประทับใจที่ส่วนขยาย WebAdvisor Windows Chrome ของ McAfee ปิดกั้นการพยายามฝังไวรัสหรือมัลแวร์ลงบนอุปกรณ์เพื่อขุดเหรียญโดยอัตโนมัติได้ การพยายามฝังไวรัสหรือมัลแวร์ลงบนอุปกรณ์เพื่อขุดเหรียญ (Cryptojacking) เป็นมัลแวร์ที่ใช้แอปมือถือที่ไม่ปลอดภัยและเว็บไซต์ที่ถูกแฮกในการเข้าถึงอุปกรณ์ของคุณ จากนั้นมันจะใช้ CPU ของคุณเพื่อขุดหาเหรียญดิจิทัล WebAdvisor จะหยุดเว็บไซต์เหล่านั้นไม่ให้ติดตั้งมัลแวร์ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ขุดหาเหรียญโดยการปิดกั้นสคริปต์ที่เป็นอันตราย

WebAdvisor พร้อมให้บริการเฉพาะบนอุปกรณ์ Windows (7, 8 และ 10) สำหรับ Firefox, Internet Explorer และ Microsoft Edge สำหรับอุปกรณ์ที่ไม่ใช่ Windows McAfee ก็มีการป้องกันแอนตี้ฟิชชิ่งมาตรฐานโดยการคัดกรองอีเมลสแปมและปิดกั้นคุณจากการคลิกลิงก์ที่น่าสงสัยในกล่องจดหมายขาเข้าของคุณ ฉันอยากให้ WebAdvisor พร้อมให้บริการบนแพลตฟอร์มอื่น ๆ เนื่องจากการป้องกันการพยายามฝังไวรัสหรือมัลแวร์ลงบนอุปกรณ์เพื่อขุดเหรียญนั้นเป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์สำหรับผู้ใช้ทุกคน ไม่เพียงแต่ผู้ใช้ Windows เท่านั้น

Ransom Guard – ป้องกันอุปกรณ์ของคุณจากการโจมตีของแรนซัมแวร์

แรนซัมแวร์เป็นหนึ่งในช่องทางการโจมตีอุปกรณ์ที่ทำกำไรให้ได้มากที่สุด (และยังเป็นที่นิยมที่สุดด้วย) มันเกิดขึ้นเมื่อแฮกเกอร์เข้าถึงอุปกรณ์ของคุณและปิดกั้นคุณไม่ให้เข้าถึงมันได้ – และจากนั้นก็จะสั่งให้คุณจ่ายเงินให้กับพวกเขาเพื่อกู้คืนการเข้าถึงเอกสารสำคัญของคุณ

เพื่อป้องกันคุณจากมัลแวร์นี้ McAfee มีฟีเจอร์ Ransom Guard ที่จะตรวจสอบอุปกรณ์ของคุณเพื่อมองหาการเปลี่ยนแปลงไฟล์ที่น่าสงสัย มันจะแจ้งเตือนให้คุณทราบเมื่ออาจมีแรนซัมแวร์หรือสปายแวร์และแนะนำให้คุณดำเนินการเพื่อหยุดมัน มันใช้กลไกการเรียนรู้ขั้นสูง แหล่งข้อมูลมัลแวร์ทั่วโลกและฐานข้อมูลในการตรวจจับภัยคุกคามดังกล่าว นอกจากนี้ Ransom Guard ยังช่วยป้องกันคุณจากการโจมตีแรนซัมแวร์ซีโรเดย์ได้อีกด้วย

ฉันมีความสุขที่ได้เห็นว่า Ransom Guard ทำงานได้ดีแค่ไหน แต่ McAfee สามารถปรับปรุงมันให้ดียิ่งขึ้นได้โดยการปรับใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลเข้ารหัสบนคลาวด์ (เหมือน Norton 360) แฮกเกอร์จะไม่สามารถป้องกันการเข้าถึงไฟล์ของคุณได้หากไฟล์เหล่านั้นถูกจัดเก็บเอาไว้บนคลาวด์

Secure Firewall – ปรับแต่งระดับความปลอดภัยที่คุณต้องการได้สูง

ฉันประทับใจที่ไฟล์วอลล์ของ McAfee นั้นมอบตัวเลือกที่ปรับแต่งได้เยอะมาก ฉันพบว่าฟีเจอร์รายการอนุญาต (Whitelister) นั้นมีประโยชน์อย่างยิ่งเนื่องจากมันให้ฉันเพิ่มโปรแกรมและเว็บไซต์ที่ฉันรู้ว่าปลอดภัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสแกน ฟีเจอร์ที่โดดเด่นอื่น ๆ ได้แก่ Intrusion Detection (แจ้งเตือนคุณเมื่อพบแฮกเกอร์) และ Net Guard (ทำเครื่องหมายการเชื่อมต่อเครือข่ายที่น่าสงสัยใด ๆ)

ภาพหน้าจอของคุณสมบัติ McAfee Firewall

คุณสามารถกำหนดค่าการป้องกันไฟร์วอลล์ของคุณได้ด้วยตัวเลือกมากมายของ McAfee

หากคุณต้องการการป้องกันไฟร์วอลล์พื้นฐานโดยไม่เปลี่ยนการกำหนดค่าใด ๆ คุณสามารถปล่อยการตั้งค่าเริ่มต้นเอาไว้แบบนั้นได้ ตัวเลือกนี้เป็นตัวเลือกที่เหมาะอย่างยิ่งหากคุณเป็นผู้ใช้งานครั้งแรกและพบว่าตัวเลือกที่ปรับแต่งได้ทั้งหมดนั้นทำความเข้าใจได้ยากในคราวเดียว

ประสิทธิภาพของระบบ – ส่งผลกระทบต่ออุปกรณ์และความเร็วการปฏิบัติการเพียงเล็กน้อย

สิ่งสุดท้ายที่คุณต้องการคือแอนตี้ไวรัสช้ามากจนคุณอยากจะปิดมัน อย่างไรก็ตามฉันมีความสุขเป็นอย่างยิ่งกับการใช้งาน McAfee ฉันไม่สังเกตเห็นเลยว่าความเร็วนั้นช้าลงตอนที่ฉันเปิดการทดสอบความเร็วบนอุปกรณ์ Windows, Mac, iPhone และ Android ในขณะที่ McAfee กำลังทำงานในพื้นหลัง ฉันก็ติดตั้งและยกเลิกการติดตั้งแอป คัดลอกไฟล์จากคอมพิวเตอร์ของฉันไปยังฮาร์ดไดร์ฟนอกและจากฮาร์ดไดร์ฟนอกลงคอมพิวเตอร์ของฉัน ดำเนินการ Torrent ไฟล์ขนาดใหญ่และรับชมวิดีโอถ่ายทอดสดทางออนไลน์

นี่คือแนวคิดว่า McAfee ลดการส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของระบบได้ดีมากแค่ไหนเมื่อเทียบกับ Norton และ TotalAV:

  • ช้าลงเมื่อเปิดใช้งานเว็บไซต์ยอดนิยม: ช้าลง 5% (เมื่อเทียบกับ Norton 11% และ TotalAV 35%)
  • คัดลอกไฟล์ทั้งภายในเครื่องและในเครือข่าย: ช้าลง 0% (เมื่อเทียบกับ Norton 3% และ TotalAV 2%)
  • เปิดใช้งานแอปซอฟต์แวร์มาตรฐาน: 11% (เมื่อเทียบกับ Norton 11% และ TotalAV 5%)

น่าประทับใจที่ McAfee ทำได้เท่าเทียมหรือรวดเร็วกว่าผู้นำอุตสาหกรรมในพารามิเตอร์ทั้งหมดเหล่านี้

ป้องกันอุปกรณ์ของคุณด้วย McAfee

ฟีเจอร์ส

- 8

นอกจากการป้องกันแอนตี้ไวรัสแล้ว แผนให้บริการ Total Protection ของ McAfee ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์เสริมมากมาย ฟีเจอร์เหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อยกระดับความปลอดภัยและเพิ่มประสิทธิภาพระบบเพื่อให้ประสบการณ์การออนไลน์นั้นรวดเร็วและน่าพึงพอใจมากยิ่งขึ้น

ฟีเจอร์เสริมเหล่านี้เป็นฟีเจอร์มาตรฐานในหมู่ซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสชั้นนำ ทั้ง Norton และ TotalAV มีผู้จัดการรหัสผ่าน เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพและตัวเลือกแผงควบคุมสำหรับผู้ปกครอง อย่างไรก็ตามในขณะที่ TotalAV และ Norton มีฟีเจอร์เสริมให้บริการในแพลตฟอร์มทั้งหมดของพวกเขา ฉันผิดหวังที่เครื่องมือของ McAfee บางส่วนนั้นพร้อมให้บริการเฉพาะบน Windows หรือจำกัดเฉพาะผู้ใช้ที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น

Vulnerability Scanner – อัปเดตซอฟต์แวร์ให้กับคุณโดยอัตโนมัติ

Vulnerability Scanner จะตรวจสอบอุปกรณ์ของคุณเพื่อให้มั่นใจว่าระบบปฏิบัติการและโปรแกรมของคุณนั้นเป็นเวอร์ชันล่าสุด การทำสิ่งนี้จะลดความเสี่ยงที่แฮกเกอร์จะใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนที่รู้บนอุปกรณ์ของคุณ ฉันชื่นชมกับความเร็วในการทำงานของมัน – มันใช้เวลาในการตรวจสอบแอปและจุดอ่อนบน Windows ของฉันทั้งหมดภายในเวลาน้อยกว่า 3 นาที เมื่อสแกนเนอร์พบการอัปเดต มันจะให้คะแนนว่าการดูแลให้แอปนั้น ๆ เป็นเวอร์ชันล่าสุดนั้นสำคัญและปลอดภัยแค่ไหน

ภาพหน้าจอของ McAfee Vulnerability Scanner ทำการสแกนระบบ

การสแกนของ McAfee ใช้เวลาในการสแกนแล็ปท็อป Windows ของฉันน้อยกว่า 3 นาที

สแกนเนอร์นี้จะทำงานอัตโนมัติในสัปดาห์ที่คุณกำหนดโดยไม่ถามหรือคุณสามารถกำหนดค่าให้มันทำงานทุกสัปดาห์ ทุกสองเดือนหรือทุกเดือนก็ได้ นอกจากนี้คุณยังไม่ต้องดำเนินการตรวจสอบหาอัปเดตใหม่ใด ๆ ด้วยตัวคุณเองเนื่องจาก McAfee จะติดตั้งมันให้โดยอัตโนมัติ

ปัญหาหนึ่งที่ฉันพบเกี่ยวกับ Vulnerability Scanner คือมันติดป้ายแอปเอาไว้ไม่ชัดเจนนัก เพื่อค้นหาฟีเจอร์นี้ ฉันต้องคลิกที่ “อัปเดตแอปของฉัน” ในแดชบอร์ดหลัก นี่อาจทำให้สับสนได้และฉันพบว่าฟีเจอร์ของ McAfee มากมายนั้นก็มีป้ายที่ไม่ชัดเจนเหมือนกัน

My Home Network – ตรวจสอบการเชื่อมต่อจากบุคคลที่สามทั้งหมดจากระยะไกล

แอป Home Network ของ McAfee จะให้คุณควบคุมการเชื่อมต่ออุปกรณ์ของคุณและความปลอดภัยจากแอปเดียว ฟีเจอร์นี้มีประโยชน์อย่างยิ่งหากคุณมีอุปกรณ์มากมายที่ต้องการการป้องกันอย่างต่อเนื่อง

แอปกลางนี้ให้คุณจัดการความปลอดภัยของอุปกรณ์ มอบภาพรวมของเครือข่ายของคุณและแก้ไขจุดอ่อนของซอฟต์แวร์ มันมอบรายงานเกี่ยวกับว่าอุปกรณ์ใดที่ต้องอัปเดตและตรวจสอบการเชื่อมต่อที่พยายามจะเข้าถึงเครือข่ายโดยละเอียดกับคุณ นี่รวมถึงผู้เยี่ยมชมที่ไม่พึงประสงค์อย่างแฮกเกอร์ที่อาจพยายามเข้าถึงอุปกรณ์ของคุณตอนที่คุณกำลังดาวน์โหลด Torrent หรือใช้การเชื่อมต่อ P2P

ฉันพบว่า Home Network เป็นฟีเจอร์ที่สะดวกสบายสำหรับการตรวจสอบการเชื่อมต่ออุปกรณ์และการอัปเดตซอฟต์แวร์จากระยะไกล ฉันไม่จำเป็นต้องนั่งอยู่ที่คอมพิวเตอร์ของฉันเพื่อดูแลให้ซอฟต์แวร์ของฉันได้รับการอัปเดต ฉันสามารถตรวจสอบแอปจาก iPhone ของฉันและดำเนินการอัปเดตที่จำเป็นในขณะที่กำลังทำงานอยู่ได้

Shredder Tool – ลบไฟล์ที่ไม่พึงประสงค์อย่างปลอดภัยและถาวร

เมื่อคุณลบรายการด้วยตัวเอง มันจะไม่ถูกลบไปจากอุปกรณ์ของคุณโดยสมบูรณ์ ด้วยเครื่องมือที่เหมาะสม แฮกเกอร์อาจกู้คืนข้อมูลความลับของคุณกลับคืนมาได้ Shredder ของ McAfee จะทำลายไฟล์เพื่อที่มันจะได้ไม่สามารถกู้คืนได้โดยสมบูรณ์ – เปรียบเหมือนการใช้เครื่องทำลายเอกสารของจริงในการทำลายเอกสารความลับ หากคุณมีไฟล์ดิจิทัลใด ๆ ที่มีข้อมูลความลับหรือส่วนตัว คุณจะสามารถมั่นใจได้ว่ามันจะถูกลบโดยถาวร

ฉันพบว่ามันสะดวกสบายมากที่ McAfee ให้คุณทำลายไฟล์ต่าง ๆ ในถังขยะ ไฟล์อินเทอร์เน็ตชั่วคราวหรือฮาร์ดไดร์ฟนอกแบบถอดได้ (เช่น USB หรือไดร์ฟสำรอง)

คุณสามารถเลือกตั้งค่าได้ดังต่อไปนี้: Basic Shred (ตัวเลือกที่รวดเร็วที่สุดที่จะทำลายไฟล์สองครั้ง) Safe Shred (ทำลายไฟล์ 5 ครั้ง) หรือ Complete Shred (ทำลายไฟล์ 10 ครั้งเพื่อให้มั่นใจว่ามันจะไม่สามารถถูกกู้ขึ้นมาได้อย่างแน่นอน)

ภาพหน้าจอของคุณสมบัติ McAfee Shredder

Shredder ให้คุณเลือกไฟล์และระดับความละเอียดที่คุณต้องการทำลายไฟล์

QuickClean – ลบไฟล์ไม่พึงประสงค์เพื่อป้องกันการติดตามทางออนไลน์

ฟีเจอร์ QuickClean เป็นวิธีง่าย ๆ ในการกำจัดคุกกี้ ไฟล์ชั่วคราว ประวัติการออนไลน์ของคุณและอื่น ๆ อีกมากมาย ด้วยการลบรายการเหล่านี้ออกจากอุปกรณ์ของคุณ คุณจะกำจัดความเสี่ยงที่กิจกรรมของคุณจะถูกติดตามทางออนไลน์ คุณยังสามารถเลือกถังขยะของคุณและลบโฟลเดอร์อีเมลที่ว่างอยู่เป็นประจำเพื่อที่จะได้ไม่มีไฟล์ที่ไม่สำคัญอยู่ในอุปกรณ์ของคุณ

ฉันเปิดใช้งานฟีเจอร์ QuickClean และมันใช้เวลาในการตรวจสอบไฟล์ไม่พึงประสงค์และกำจัดรายการต่าง ๆ มากกว่าหนึ่งพันรายการภายในเวลาน้อยกว่า 20 วินาที (รายการดังกล่าวรวมถึงคุกกี้ การติดตามและเอกสารในถังขยะของฉัน) ฉันไม่สังเกตเห็นความแตกต่างในด้านความเร็วของอุปกรณ์ก่อนและหลังทำความสะอาดแล้ว แต่ QuickClean ทำให้คอมพิวเตอร์ของฉันมีพื้นที่ว่างมากขึ้นเกือบ 400MB นี่แสดงให้เห็นว่าการติดตามและคุกกี้สามารถเข้ามายังอุปกรณ์ของคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัวได้ง่ายแค่ไหน

ภาพหน้าจอของฟีเจอร์ McAfee QuickClean บน Windows

คุณสามารถเลือกไฟล์และโฟลเดอร์ที่คุณต้องการให้ QuickClean ตรวจสอบได้

App และ Web Boost – ยกระดับอุปกรณ์และประสิทธิภาพการท่องเว็บ

ฉันพบว่าฟีเจอร์ App Boost และ Web Boost ของ McAfee นั้นยกระดับประสิทธิภาพของแล็ปท็อป Windows ของฉันได้อย่างมาก App Boost ระบุว่าแอปใดที่เปิดอยู่และต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากในการทำให้มันทำงานได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้มันยังตรวจสอบโปรแกรมที่เรียกใช้งานบ่อยและมอบทรัพยากรเพื่อช่วยให้มันเปิดและโหลดได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้นด้วย ฉันพบว่าเมื่อเปิดใช้งาน App Boost เบราว์เซอร์ของฉันตอบสนองเร็วขึ้นและแอปสำหรับการสื่อสารของฉัน (เช่น Slack) ก็โหลดเร็วกว่าปกติหลายวินาที

ฟีเจอร์ Web Boost ช่วยยกระดับความเร็วในการท่องเว็บของคุณด้วยการหยุดโฆษณาวิดีโอที่เล่นเองอัตโนมัติ ฉันประหลาดใจที่ความเร็วการท่องเว็บและอายุแบตเตอรี่ของฉันทำงานได้ดีขึ้นตอนที่ฉันเปิดใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าว ข้อเสียเพียงอย่างเดียวก็คือ Web Boost พร้อมให้บริการในฐานส่วนขยายของ Google Chrome สำหรับ Windows 8 และ 10 เท่านั้น

สกรีนช็อตของหน้าจอ McAfee PC Performance

สามารถพบ App Boost และ Web Boost ได้ในเมนูประสิทธิภาพของ PC (PC Performance)

True Key – มีผู้จัดการรหัสผ่าน โน้ตที่ปลอดภัย (Safe Notes) และกระเป๋าสตางค์ดิจิทัล (Digital Wallet)

True Key ของ McAfee เป็นผู้จัดการรหัสผ่าน เครื่องมือเก็บรักษาโน้ตและกระเป๋าสตางค์แบบครบวงจร คุณสามารถดาวน์โหลดมันเป็นแอปแยกต่างหาก (พร้อมให้บริการบน Windows, Mac, Android และ iOS) หรือส่วนขยายเบราว์เซอร์ (ทำงานได้บน Google Chrome, Mozilla Firefox และ Microsoft Edge)

ผู้จัดการรหัสผ่านอนุญาตให้คุณจัดเก็บรหัสผ่านฟรีได้สูงสุด 15 รหัสผ่าน แต่คุณสามารถอัปเกรดเป็นพื้นที่จัดไม่จำกัดได้หากคุณจ่ายเงินเพิ่มสำหรับบัญชี True Key พรีเมียม ฉันผิดหวังนิดหน่อยกับเรื่องนี้เนื่องจากทั้ง Norton 360 และ TotalAV ต่างก็มีผู้จัดการรหัสผ่านที่ให้คุณจัดเก็บรหัสผ่านได้ไม่จำกัดโดยไม่เรียกเก็บเงินเพิ่ม

ภาพหน้าจอของโปรแกรมจัดการรหัสผ่าน McAfee True Key

โชคดีที่ไม่มีข้อจำกัดในฟีเจอร์ Safe Notes หรือ Digital Wallet ตอนที่ฉันทดสอบ True Key ฉันเพิ่มรหัสผลิตภัณฑ์สองสามชุดและรูปแบบผสมการปิดล็อกลงใน Safe Notes ฉันจัดเก็บข้อมูลบัตรเครดิตของฉัน หมายเลขใบขับขี่และแม้กระทั่งข้อมูลประกันสังคมของฉันใน Digital Wallet ข้อมูลทั้งหมดได้รับการเข้ารหัสอย่างปลอดภัยด้วยมาตรฐาน AES-256-บิต นี่เป็นความปลอดภัยขั้นสูงและเป็นการเข้ารหัสระดับเดียวกันกับที่หน่วยงานทางทหารและรัฐบาลทั่วโลกใช้

แผงควบคุมสำหรับผู้ปกครอง Safe Family – ตรวจสอบและป้องกันอุปกรณ์ของคนในครอบครัวของคุณ

Safe Family เป็นฟีเจอร์แผงควบคุมสำหรับผู้ปกครองที่พร้อมให้บริการบน Windows, Mac, Android และ iOS คุณจะต้องดาวน์โหลดแอปแยกต่างหากลงบนอุปกรณ์ของคุณ (ไฟล์มีขนาดเล็กว่า 350MB และติดตั้งอย่างรวดเร็ว) นอกจากนี้คุณยังต้องดาวน์โหลดแอปลงบนอุปกรณ์ของลูกของคุณด้วย

เมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว คุณจะสามารถปิดกั้นเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมหรืออันตรายจากระยะไกล ตรวจสอบประวัติการท่องเว็บ ติดตามตำแหน่งของอุปกรณ์และควบคุมว่าระยะเวลาการออนไลน์ของพวกเขาได้

ภาพหน้าจอของคุณลักษณะการควบคุมโดยผู้ปกครองของ McAfee Safe Family ที่เชื่อมโยงกับ iPhone

ฉันพบว่าการติดตั้ง Safe Family และเชื่อมโยงแล็ปท็อปของฉันกับ iPhone ทดสอบนั้นเป็นเรื่องง่าย

Safe Connect VPN – เหมาะสำหรับการท่องเว็บทั่วไป แต่ระวังความเร็วที่ช้า

Safe Connect VPN ของ McAfee จะเข้ารหัสการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณและซ่อนตำแหน่งที่แท้จริง กิจกรรมการท่องเว็บและข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ นี่ถือเป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการช้อปปิ้งทางออนไลน์และการธนาคาร นอกจากนี้มันยังให้คุณเชื่อมต่อกับเครือข่าย WiFi สาธารณะซึ่งเป็นจุดที่ไม่ปลอดภัยและเป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์ได้อย่างปลอดภัยอีกด้วย

ฉันเปิดใช้งานการทดสอบการรั่วไหลของหมายเลข IP เพื่อดูว่ามีการรั่วไหลข้อมูลใด ๆ เกิดขึ้นไหม McAfee สามารถป้องกันการเชื่อมต่อของฉันได้อย่างมีประสิทธิภาพ – ไม่มีข้อมูลรั่วไหลเกิดขึ้นเลย

ภาพหน้าจอของการทดสอบการรั่วไหลของ IP โดยไม่มีข้อมูลรั่วไหลด้วย McAfee Safe Connect ที่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ของสหรัฐอเมริกา

ฉันปิดบังหมายเลข IP ที่แท้จริงของฉันโดยการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN ของ McAfee ในสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ

น่าเสียดายที่ความเร็วของฉันนั้นช้ามาก ฉันไม่สามารถรับชม Netflix ในท้องถิ่นโดยไม่มีการโหลดหรือกระตุกได้ นอกจากนี้ฉันยังลองเชื่อมต่อกับ Netflix และ Disney+ ในประเทศอื่น ๆ ดูด้วย แต่มันไม่สำเร็จเนื่องจาก Netflix ตรวจพบว่าฉันกำลังใช้โปรแกรม VPN และปิดกั้นการเข้าถึงไปยังคลังข้อมูลเนื้อหา ความเร็วที่ช้าทำให้ Safe Connect เป็นตัวเลือกที่ไม่ดีสำหรับ Torrenting ด้วยเช่นกัน

Safe Connect เป็นส่วนหนึ่งของแพ็กเกจแอนตี้ไวรัสของ McAfee หากคุณสมัครสมาชิกสำหรับการต่ออายุสมาชิกโดยอัตโตมันิ หากคุณไม่ได้สมัครตัวเลือกดังกล่าว คุณจะไม่ได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงโปรแกรม VPN แต่คุณสามารถสั่งซื้อมันแยกต่างหากได้ อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาถึงความเร็วที่ช้าแล้ว คุณควรจะเลือกแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดอย่าง Norton 360 แทน ในการทดสอบ VPN ของ Norton 360 มีประสิทธิภาพเหนือกว่าแพ็กเกจของคู่แข่งอย่างมาก

Identity Theft Protection (สหรัฐอเมริกาเท่านั้น) – แจ้งเตือนคุณเมื่อข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหลบนเว็บมืด

Identity Theft Protection จะส่งอีเมลแจ้งเตือนไปให้กับคุณเมื่อใดก็ตามที่ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณถูกแฮกหรือรั่วไหลบนเว็บมืด นี่รวมถึงที่อยู่อีเมล หมายเลขประกันสังคม บัญชีธนาคาร บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต ใบขับขี่และข้อมูลหนังสือเดินทาง

น่าเสียดายที่ Identity Theft Protection พร้อมให้บริการเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น

ความง่ายต่อการใช้งาน

- 10

McAfee เข้ากันได้กับ Windows (11, 10 และ 8.1), Mac (10.12 และใหม่กว่า), Android (7 เป็นต้นไป) และ iOS (13 และใหม่กว่า) ฉันพบว่าแอนตี้ไวรัสของ McAfee นั้นใช้งานได้ง่ายมาก ๆ ฉันติดตั้งแอปทั้งหมดลงบนอุปกรณ์ต่าง ๆ ของฉันได้ภายในเวลาน้อยกว่า 10 นาที

อินเทอร์เฟซของแอปนั้นเป็นมิตรกับผู้ใช้แม้ว่าฉันจะอยากให้แต่ละฟีเจอร์มีป้ายกำกับที่ชัดเจนกว่านี้ก็ตาม ตัวอย่างเช่น ฉันหาฟีเจอร์ WebAdvisor ในแอปไม่เจอและต้องไปยังเว็บไซต์บริการช่วยเหลือของ McAfee เพื่อหามัน ในแดชบอร์ด มันเป็นปุ่มที่เขียนกำกับว่า “ป้องกันฉันบนเว็บ” เช่นเดียวกันกับแอปอื่น ๆ อย่าง Vulnerability Scanner (“อัปเดตแอปของฉัน”) และ QuickClean (“ลบคุกกี้และการติดตาม”)

ภาพหน้าจอของแดชบอร์ดแอป McAfee ที่เน้นคุณลักษณะ WebAdvisor

ฟีเจอร์ของแอป McAfee บางฟีเจอร์ไม่ชัดเจนซึ่งทำให้การค้นหาเป็นเรื่องยาก

นอกจากนี้ฉันยังพบว่ามันไม่ค่อยสะดวกสบายนักที่การสแกนตามตารางที่กำหนดโดยค่าเริ่มต้นนั้นถูกตั้งมาให้เริ่มทำงานตอน 04:00 น. อุปกรณ์ของฉันทั้งหมดคงยังปิดอยู่ (เพราะฉันกำลังหลับ!) เนื่องจากอุปกรณ์ของฉันถูกปิดเอาไว้เมื่อถึงเวลาการสแกนตาราง McAfee จึงดำเนินการสแกนโดยอัตโนมัติเมื่ออุปกรณ์ของฉันถูกเปิดขึ้น

แอปสำหรับเดสก์ท็อป – แอนตี้ไวรัสที่มีประสิทธิภาพทั้งสำหรับ Windows และ Mac

McAfee มุ่งเน้นที่ PC เป็นหลัก ดังนั้นแอปสำหรับ Windows จึงมีตัวเลือกที่สามารถปรับแต่งได้และฟีเจอร์เสริมมากที่สุด การติดตั้งก็เป็นเรื่องง่ายและให้คุณเข้าถึงทุกอย่างที่ McAfee มีให้บริการ – ความปลอดภัยแอนตี้ไวรัสพรีเมียม แผงควบคุมสำหรับผู้ปกครอง การป้องกันโจรขโมยตัวตนและอื่น ๆ

ฟีเจอร์อย่างส่วนขยาย WebAdvisor เป็นแอดออนที่ดีสำหรับ Windows แม้ว่าฉันจะหวังให้ฟีเจอร์นี้พร้อมให้บริการบนแพลตฟอร์มอื่น ๆ มากกว่านี้ ฉันยังมีความสุขที่ฉันสามารถดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ ติดตั้งมันและเปิดใช้งาน Quick Scan บนแล็ปท็อป Windows ของฉันได้ภายใน 10 นาที

แอปสำหรับ Mac มอบการป้องกันแอนตี้ไวรัสที่ยอดเยี่ยม แต่มีฟีเจอร์น้อยกว่า ไฟร์วอลล์ การสแกนแบบกำหนดเองและการป้องกันมัลแวร์ที่มีประสิทธิภาพจะดูแลให้คุณปลอดภัยจากการโจมตีซีโรเดย์ที่พุ่งเป้ามาที่จุดอ่อนของ MacOS อย่างไรก็ตามฉันหงุดหงิดที่มันไม่มี App และ Web Boost, WebAdvisor และ Safe Family

ภาพหน้าจอของอินเทอร์เฟซของแอพ Windows และ Mac

McAfee ออกแบบให้แอปสำหรับ Windows และ Mac มีความคล้ายคลึงกันเกือบจะทั้งหมด

ด้วยแอปทั้งหมด ฉันมีความสุขที่ฉันไม่ต้องพบกับการแจ้งเตือนป๊อปอัพน่ารำคาญเกี่ยวกับความคืบหน้าในการสแกนหรือกระบวนการเบื้องหลังอื่น ๆ การแจ้งเตือนเดียวที่ฉันได้รับเป็นเรื่องเกี่ยวกับไฟล์ที่น่าสงสัยหรือมัลแวร์ที่อาจเป็นไปได้และจำเป็นต้องให้ฉันตรวจสอบดูทันที

แอปสำหรับมือถือ – เวอร์ชัน Android เหนือกว่าเวอร์ชัน iOS อยู่เล็กน้อย

ฉันพบว่าทั้งสองแอปนั้นทำงานได้ดีแม้ว่าแอปสำหรับ Android ของ McAfee จะมอบฟีเจอร์ความปลอดภัยให้มากกว่าเวอร์ชัน iOS นี่ถือเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไปในโปรแกรมแอนตี้ไวรัสสำหรับมือถือส่วนใหญ่ ยกเว้นแต่ว่าคุณจะใช้โปรแกรมที่เจาะจงเฉพาะ iOS อย่าง Mobile Security ของ Avira

แอปทั้งสองของ McAfee ต่างก็มีการป้องกันตามเวลาจริงอย่างที่ซอฟต์แวร์สำหรับเดสก์ท็อปมี แต่นี่ถือเป็นเรื่องปกติเนื่องจากมัลแวร์ส่วนใหญ่จะถูกติดตั้งผ่านการดาวน์โหลดแอป อย่างไรก็ตามการติดตั้งมันก็ยังคงคุ้มค่าสำหรับการเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพ

ด้วยแอปสำหรับ Android คุณจะสามารถ:

  • เพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์ของคุณ
  • ติดตามและป้องกันโทรศัพท์ของคุณด้วยฟีเจอร์ป้องกันขโมยและปิดล็อกแอปที่มีความละเอียดอ่อนของคุณ
  • เข้าถึงฝ่ายสนับสนุนลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านทางโทรศัพท์
  • ใช้การสแกนความปลอดภัยเพื่อตรวจสอบมัลแวร์ที่มีอยู่บนอุปกรณ์ของคุณและป้องกันการเชื่อมต่อ WiFi ของคุณ
  • เข้ารหัสข้อมูลของคุณด้วย WiFi Guard VPN ทุกครั้งที่คุณเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต – แม้ในตอนที่ใช้เครือข่าย WiFi สาธารณะ

แอปสำหรับ iOS นั้นไม่มีประสิทธิภาพเช่นนั้น แต่มันก็มีความปลอดภัยที่แข็งแกร่งและไม่หนักเครื่อง (ขนาดเล็กกว่า 59MB!) นอกจากนี้มันยังมีตู้นิรภัยมีเดียสำหรับจัดเก็บเอกสารความลับ ระบบและการสแกนไวรัสเพื่อมองหาภัยคุกคามและฟีเจอร์ Safe Web เพื่อป้องกันคุณจากเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย

ภาพหน้าจอของอินเทอร์เฟซ McAfee iOS และ Android

แอปสำหรับ iOS และ Android ของ McAfee เหมือนกันเกือบทั้งหมด ดังนั้นการสลับเปลี่ยนระหว่างอุปกรณ์จึงเป็นเรื่องง่าย

แอปสำหรับ Android และ iOS ใช้อินเทอร์เฟซที่มีป้ายกำกับชัดเจนเดียวกัน ที่จริงแล้วฉันพบว่าการนำทางนั้นง่ายกว่าเวอร์ชันเดสก์ท็อป สำหรับ iOS และ Android ฉันขอแนะนำให้คุณดาวน์โหลดแอปจากลิงก์แทนจาก App Store หากคุณไม่ทำเช่นนั้น คุณจะไม่ได้รับข้อเสนอการรับประกันยินดีคืนเงินเดียวกันและคุณจะต้องดำเนินการผ่านขั้นตอนการขอเงินคืนของ App Store แทน

บริการลูกค้า

- 10

คุณสามารถรับความช่วยเหลือสำหรับ McAfee ได้ผ่านทางโทรศัพท์ แชทหรือฟอรั่มพูดคุย ฉันประทับใจเป็นอย่างยิ่งกับบริการผ่านทางโทรศัพท์และฟอรั่มซึ่งตอบคำถามของฉันอย่างรวดเร็ว แชทออนไลน์ไม่น่าประทับใจเท่านี้เพราะฉันต้องนั่งรอนานและเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการลูกค้าก็ไม่ค่อยช่วยอะไรได้เลย

นอกจากนี้ McAfee ยังมอบผู้ช่วยเสมือนที่สามารถตอบคำถามพื้นฐานทั่วไปกับลูกค้าด้วย ฉันใช้มันเพื่อค้นหาวิธีการติดตั้งส่วนขยายเว็บไซต์ของ McAfee และมันทำงานได้ดี หากผู้ช่วยเสมือนไม่สามารถตอบคำถามของคุณได้ คุณจะถูกนำไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนลูกค้าออนไลน์

แชทออนไลน์ – ช้าและเจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนลูกค้าก็ช่วยอะไรไม่ค่อยได้

ฉันติดต่อตัวแทนแชทออนไลน์ตอนที่ฉันมีคำถามทางเทคนิคเกี่ยวกับการเพิ่มเว็บไซต์ไปยังส่วนขยายเบราว์เซอร์ Web Boost เพื่อให้มันเล่นวิดีโออัตโนมัติโดยไม่ถูก McAfee ปิดกั้น ฉันผิดหวังในระยะเวลาที่พวกเขาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาของฉัน

หลังจากนั่งรอเป็นเวลา 18 นาทีเพื่อเชื่อมต่อกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า ฉันก็ต้องถามคำถามของฉันใหม่อยู่อีกหลายครั้ง ฉันให้สิทธิ์เขาในการเข้าถึงคอมพิวเตอร์ของฉันจากระยะไกลและเขาก็ปิดแอนตี้ไวรัสและการป้องกันไฟร์วอลล์ – ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับคำถามของฉันเลย หลังจากที่สอบถามตัวแทนว่าสิ่งนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาของฉันได้อย่างไร เขาก็แจ้งให้ฉันทราบว่าฉันไม่สามารถเพิ่มเว็บไซต์เข้าไปในรายการที่อนุญาตของ Web Boost ได้ ทำได้แค่เพียงลบมันเท่านั้น พวกเขาใช้เวลาในการแก้ไขปัญหาของฉันรวมแล้ว 40 นาที

ภาพหน้าจอของแชทสดของ McAfee ที่พยายามแก้ไขคำถามทางเทคนิค

เจ้าหน้าที่แชทออนไลน์ของ McAfee ไม่สามารถตอบคำถามของฉันอย่างรวดเร็วได้

บริการช่วยเหลือผ่านทางโทรศัพท์ – ตัวเลือกในการติดต่อ McAfee ที่ดีที่สุดและรวดเร็วที่สุด

ฉันพบว่าเจ้าหน้าที่บริการลูกค้าผ่านทางโทรศัพท์ของ McAfee นั้นมีความรู้ที่จะตอบคำถามทางเทคนิคได้ ไม่มีหมายเลขโทรศัพท์ระบุเอาไว้บนเว็บไซต์ คุณจะต้องกรอกข้อมูลติดต่อของคุณ (ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่อีเมลและหมายเลขโทรศัพท์) บนเว็บไซต์ ฉันชื่นชอบในส่วนนี้เพราะมันหมายความว่าฉันไม่ต้องโทรหาก่อนและนั่งรอสาย

เจ้าหน้าที่ตัวแทนฝ่ายบริการลูกค้าจาก McAfee โทรติดต่อหาฉันภายในเวลาน้อยกว่า 10 นาทีหลังจากที่ฉันส่งคำขอไปแล้ว ฉันสอบถามเกี่ยวกับการเพิ่มเว็บไซต์ลงในรายการอนุญาตของ Web Boost และหลังจากนั้นไม่กี่วินาที เธอก็ยืนยันว่าฉันไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เธอบอกฉันว่าฉันสามารถปิดการเล่นโดยอัตโนมัติได้และบอกฉันว่าฉันจะพบการตั้งค่าในส่วนขยายเว็บไซต์ได้ที่ไหน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังคอยให้ความช่วยเหลือโดยการปิดการใช้งานมันหากฉันต้องการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความเร็วในการท่องเว็บของฉัน

โดยรวมแล้วการโทรติดต่อนั้นใช้เวลาน้อยกว่า 5 นาที – น้อยกว่า 40 นาทีที่ฉันใช้ไปกับตัวเลือกแชทออนไลน์อย่างมาก แถมมันยังเปิดให้บริการฟรีและพร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง หากคุณต้องการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว ฉันขอแนะนำให้ติดต่อฝ่ายสนับสนุนลูกค้าผ่านทางโทรศัพท์

ฟอรั่มพูดคุย – วิธีในการค้นหาคำตอบสำหรับปัญหาที่ไม่เร่งด่วนที่ดี

หากคุณมีคำถามที่คุณคิดว่าผู้ใช้คนอื่น ๆ อาจประสบเหมือนกัน คุณสามารถดูได้ว่ามีใครถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องนั้นไปแล้วหรือยังได้ในฟอรั่มพูดคุยของ McAfee ฟอรั่มดังกล่าวพร้อมให้บริการในภาษาต่าง ๆ ถึง 14 ภาษาซึ่งรวมถึงภาษารัสเซีย สเปน อิตาลี ฝรั่งเศสและเยอรมัน คุณสามารถโพสต์คำถามและรับคำตอบจากผู้ใช้ฟอรั่มรายอื่น ๆ ผู้ดูแลฟอรั่มหรือพนักงานของ McAfee ได้

เพื่อเข้าถึงฟอรั่ม คุณจะต้องลงทะเบียนบัญชีที่จะขอชื่อ-นามสกุลและที่อยู่อีเมลของคุณ หลังจากที่ฉันยืนยันอีเมลของฉันแล้ว ฉันก็ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการเริ่มโพสต์ ฉันสอบถามเกี่ยวกับฟีเจอร์ Web Boost อีกครั้งและได้รับการตอบกลับใน 3 วันให้หลัง ผู้ดูแลที่ได้รับการยืนยันตอบคำถามของฉันโดยละเอียดแบบเดียวกับที่ฉันได้รับจากตัวแทนฝ่ายสนับสนุนลูกค้าทางโทรศัพท์! ฉันมีความสุขกับระดับความเชี่ยวชาญที่พร้อมให้บริการผ่านตัวเลือกบริการความช่วยเหลือที่แสนธรรมดานี้

ราคา

- 7

คุณสามารถเลือกแผนให้บริการต่าง ๆ ได้ทั้งหมด 4 แผน: Basic (1 อุปกรณ์), Plus (5 อุปกรณ์), Premium (10 อุปกรณ์), และ Ultimate (ไม่จำกัดอุปกรณ์) แต่ละแผนจะมีฟีเจอร์แอนตี้ไวรัสหลัก ๆ เช่น การป้องกันตามเวลาจริง ไฟร์วอลล์และ WebAdvisor ความแตกต่างที่สำคัญคือจำนวนใบรับรองอุปกรณ์ – แม้ว่าจะมีฟีเจอร์จะมีบางฟีเจอร์ที่พร้อมให้บริการในบางแผนก็ตาม (เช่น แผงควบคุมสำหรับผู้ปกครอง)

มีการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วันรวมมาให้ในทุกแพ็กเกจ McAfee มอบส่วนลดจำนวนมากสำหรับการสมัครสมาชิกปีแรกของคุณและมอบสิ่งจูงใจมากมายหากคุณเลือกต่ออายุโดยอัตโนมัติเมื่อลงทะเบียน ฉันเชื่อว่าสิ่งจูงใจนั้นคุ้มค่าสำหรับการลงทะเบียนต่ออายุอัตโนมัติ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากว่าคุณสามารถยกเลิกได้ง่าย ๆ) – คุณจะได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงโปรแกรม VPN และฟีเจอร์ Identity Theft (เฉพาะสหรัฐอเมริกาเท่านั้น) ฟรีและการรับประกันยินดีคืนเงินแสนใจกว้างถึง 60 วัน

อย่างไรก็ตามฉันพบว่าราคาที่เพิ่มขึ้นในปีที่สองนั้นไม่คุ้มค่าเนื่องจากคุณจะต้องจ่ายเงินเกือบสองเท่าของราคา แม้ว่ามันจะยังคงมีราคาถูกกว่าแผนต่ออายุของ TotalAV แต่คุณจะไม่ได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงฟีเจอร์เสริมต่าง ๆ มากนัก หากคุณต้องการยกเลิกการใช้งานก่อนที่ราคาจะเพิ่มขึ้น ฉันขอแนะนำให้ตั้งค่าการแจ้งเตือนบนปฏิทินเอาไว้ก่อนที่ปีแรกของคุณจะหมดอายุ

แผนให้บริการสำหรับอุปกรณ์เดียว – ราคาถูกที่สุด แต่ป้องกันได้เพียง 1 อุปกรณ์เท่านั้น

แผนให้บริการสำหรับอุปกรณ์เดียวของ McAfee เป็นตัวเลือกที่มีราคาน่าคบหาที่สุดและมอบ:

  • การป้องกันสำหรับ 1 อุปกรณ์
  • การป้องกันมัลแวร์และแรนซัมแวร์ที่มีประสิทธิภาพ
  • การป้องกันตามเวลาจริง
  • Home Security Network เพื่อป้องกันไฟร์วอลล์ของคุณและปิดกั้นแฮกเกอร์
  • Safe Web Browsing เพื่อคัดกรองเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย
  • การป้องกันแอนตี้ฟิชชิ่งและการฉ้อโกง
  • การกำหนดค่าการเพิ่มประสิทธิภาพของอุปกรณ์
  • ผู้จัดการรหัสผ่าน
  • ตัวเลือกบริการลูกค้าผ่านโทรศัพท์ แชทออนไลน์ อีเมลและฟอรั่ม

ราคาของแผน Individual นั้นไม่ได้เลวร้ายและเทียบเท่าได้กับแผน Basic 360 ของ Norton ในปีแรกและคุณจะได้รับฟีเจอร์ดี ๆ มากมาย

อย่างไรก็ตามมันสามารถป้องกันอุปกรณ์ได้เพียงอุปกรณ์เดียวเท่านั้น บางทีคุณอาจใช้อุปกรณ์มากกว่า 1 อุปกรณ์ทุกวัน (สมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป/เดสก์ท็อป) หรือคุณอาจต้องการแบ่งปันสมาชิกของคุณกับคนอื่น ๆ ในครัวเรือนของคุณ นี่ทำให้แผนให้บริการสำหรับอุปกรณ์เดียวนั้นเป็นตัวเลือกที่ไม่เหมาะสำหรับการป้องกันแอนตี้ไวรัสที่สมบูรณ์

แผนให้บริการ Multi-Device – มอบความคุ้มค่าที่ดีและป้องกันได้สูงสุด 5 อุปกรณ์

นี่เป็นแผนที่ดีเนื่องจากมันมอบการป้องกันที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ใช้ 1 หรือ 2 ราย มันมีฟีเจอร์ที่แผนให้บริการสำหรับอุปกรณ์เดียวมีให้ทั้งหมดและป้องกันอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้สูงสุดถึง 5 อุปกรณ์ หากคุณอยู่ในสหรัฐอเมริกาและคุณเลือกที่จะต่ออายุสมาชิกของคุณโดยอัตโนมัติ คุณจะได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงฟีเจอร์ Identity Theft Protection ด้วย

อย่างไรก็ตามราคานั้นถูกกว่าแผน Family ซึ่งป้องกันอุปกรณ์ได้มากกว่าถึงสองเท่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

แผนให้บริการ Family- มอบความคุ้มค่าให้ได้มากที่สุดด้วยการป้องกันสูงสุด 10 อุปกรณ์

ฉันพบว่าแผนให้บริการ Family นั้นมอบความคุ้มค่าสำหรับเงินได้มากที่สุด มันมีราคาแพงกว่าแผนให้บริการ Multi-Device เพียงเล็กน้อย แต่มันมีฟีเจอร์เดียวกันทั้งหมด แถมใบรับรองสำหรับ 10 อุปกรณ์และฟีเจอร์แผงควบคุมสำหรับครอบครัว Safe Family

แผนให้บริการ Unlimited Devices – แพ็กเกจพรีเมียมสำหรับอุปกรณ์ต่าง ๆ มากกว่า 10 อุปกรณ์

แผนให้บริการ Unlimited Devices มีฟีเจอร์ทั้งหมดที่มีให้บริการในแผนให้บริการก่อนหน้านี้ แถมการป้องกันอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ไม่จำกัด หากคุณเปิดธุรกิจขนาดเล็ก (หรือมีอุปกรณ์มากกว่า 10 อุปกรณ์) งั้น Unlimited Plan ก็เป็นแผนให้บริการที่คุณควรจะลองดู

มันเป็นตัวเลือกที่มีราคาแพงที่สุด แต่มันก็มีทุกสิ่งที่ McAfee มีให้บริการที่คุณสามารถใช้งานบนอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ไม่จำกัด มันมีราคาแพงกว่าแผนให้บริการ Family เพียงเล็กน้อยในปีแรก แต่โปรดทราบว่าราคานั้นจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อคุณต่ออายุ

ช่วงเวลาทดลองใช้งานฟรี 30 วัน

ผู้สมัครสมาชิกใหม่ทุกคนจะได้รับช่วงเวลาทดลองใช้แผนให้บริการ Unlimited ฟรี 30 วัน (ป้องกันได้สูงสุดถึง 10 อุปกรณ์) หลังจากที่ช่วงเวลาทดลองใช้งาน 30 วันสิ้นสุดลง คุณจะได้รับการแจ้งเตือนให้สมัครสมาชิกเพื่อใช้บริการต่อ

หากคุณต้องการใช้ McAfee ฟรีอีก 60 วัน คุณสามารถทำเช่นนั้นได้ง่าย ๆ โดยการใช้การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 60 วัน การขอเงินคืนเต็มจำนวนนั้นปราศจากความเสี่ยง – ตามที่คุณจะได้เห็นด้านล่างนี้

การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 60 วัน

McAfee มอบการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 60 วันหากคุณสมัครสมาชิกแผนให้บริการแบบต่ออายุโดยอัตโนมัติ ดังนั้นคุณจึงสามารถรับเงินคืนได้ง่าย ๆ หากคุณตัดสินใจแล้วว่ามันไม่ใช่โปรแกรมที่ใช่สำหรับคุณ

เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินการขอเงินคืนนั้นปราศจากปัญหา ฉันจึงทดสอบมันโดยการสมัครสมาชิกแผนให้บริการ Total Protection และใช้ McAfee ทุกวันเป็นระยะเวลา 28 วัน จากนั้นฉันก็ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าผ่านเว็บไซต์ของ McAfee ตอนที่ฉันคลิกที่ “ขอเงินคืน” ฉันถูกถามถึงเหตุผลในการยกเลิก ฉันเลือก “อื่น ๆ” และก็ไม่ถูกถามคำถามเพิ่มเติมอะไร

ภาพหน้าจอของฝ่ายสนับสนุนลูกค้าของ McAfee เพื่อขอเหตุผลในการขอเงินคืน

ฉันไม่ได้บอกเหตุผลและฉันสามารถใช้การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 60 วันได้

ฉันถูกถามให้กรอกข้อมูลติดต่อของฉันเพื่อที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการลูกค้าจะได้สามารถติดต่อฉันได้ ฉันใช้เวลารอการโทรติดต่อทางโทรศัพท์น้อยกว่า 10 และก็ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่สุภาพและคอยให้ความช่วยเหลือ ฉันแค่ยืนยันว่าฉันต้องการที่จะยกเลิกและเจ้าหน้าที่ก็ดำเนินการคืนเงินให้กับฉัน – ฉันได้รับเงินของฉันคืนใน 7 วันทำการ

ขั้นตอนการขอเงินคืนนี้มีความซับซ้อนมากกว่าแอนตี้ไวรัสอื่น ๆ อยู่เล็กน้อย (Norton ให้คุณใช้ช่องทางแชทออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อรับเงินของคุณคืน) แต่ถึงอย่างนั้นฉันคิดว่าโดยรวมแล้วมันก็ไม่ยากอะไร

Advanced
$ 199.99 $ 89.99 ต่อ ปี
You Save 55%
Plus
$ 129.99 $ 39.99 ต่อ ปี
You Save 69%
Premium
$ 149.99 $ 49.99 ต่อ ปี
You Save 67%

บทสรุป

McAfee เปิดให้บริการมานานมากแล้ว ดังนั้นฉันจึงสงสัยว่ามันทำงานได้ดีมากแค่ไหน อย่างไรก็ตามการทดสอบโดยละเอียดของฉันได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า McAfee Total Protection เป็นแอนตี้ไวรัสที่แข็งแกร่งสำหรับ Windows, Mac, Android และ iOS ฉันไม่พบกับความเร็วที่ช้าลงใด ๆ ในประสิทธิภาพของระบบและฉันยังเพิ่มความเร็วการปฏิบัติการด้วยเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์ของ McAfee ได้อีกด้วย

McAfee ไม่มีฟีเจอร์ที่โดดเด่นมากมายเหมือน Norton 360 หรือ TotalAV เช่น พื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ที่เข้ารหัสหรือการทดสอบการรั่วไหลของข้อมูล อย่างไรก็ตามราคาของ Total Protection ก็อยู่ในระดับที่ดีสำหรับแอนตี้ไวรัสที่แข็งแกร่งดังกล่าว (โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเลือกแผนที่ป้องกันอุปกรณ์ต่าง ๆ มากกว่า 5 อุปกรณ์) แถมคุณยังได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงฟีเจอร์มาตรฐานอย่างผู้จัดการรหัสผ่าน เครื่องมือทำลายไฟล์และเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพ

โดยรวมแล้ว McAfee Total Protection เป็นแอนตี้ไวรัสที่แข็งแกร่งที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อผู้ใช้งานมากกว่าคู่แข่งมากมายในตลาด แต่อย่าเชื่อคำพูดของฉัน – คุณสามารถลองใช้งาน McAfee ด้วยตัวคุณเองได้ด้วยช่วงเวลาทดลองใช้งานฟรีและการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 60 วัน ตอนที่ฉันทดสอบสิ่งนี้ด้วยตัวเอง ฉันต้องรอรับเงินคืนกลับเข้าสู่บัญชีของฉันเพียง 7 วันเท่านั้น

คำถามที่พบบ่อย: แอนตี้ไวรัส McAfee

McAfee มีเวอร์ชันฟรีไหม?

แม้ว่ามันจะไม่มีเวอร์ชันฟรี แต่คุณก็สามารถใช้ McAfee Total Protection ได้ ฟรี 30 วัน นี่เป็นช่วงระยะเวลาทดลองใช้งานฟรี 30 วันและคุณไม่จำเป็นต้องกรอกข้อมูลชำระเงินใด ๆ นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้ Total Protection ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงินต่อได้หลังจากที่ช่วงเวลาทดลองใช้งานสิ้นสุดลง ฉันพบว่าการขอเงินคืนนั้นง่ายมาก ๆ – สิ่งที่ฉันต้องทำคือติดต่อทีมสนับสนุนลูกค้าเพื่อขอเงินคืนเต็มจำนวน

McAfee ป้องกันมัลแวร์ได้ไหม?

ได้ McAfee Total Protection ป้องคุณจากมัลแวร์ได้ นี่รวมถึงไวรัส แรนซัมแวร์ สปายแวร์ การสแกมฟิชชิ่งและอื่น ๆ อีกมากมาย ในการทดสอบของฉัน McAfee สามารถระบุและปิดกั้นภัยคุกคามที่มีอยู่และภัยคุกคามใหม่ในเวลาจริงได้ 100%

McAfee ทำงานบน Windows, Mac, iPhone หรือ Android ได้ไหม?

ได้ McAfee มีแอปเฉพาะสำหรับอุปกรณ์ Windows, Android, Mac และ iOS McAfee ได้รับการออกแบบมาสำหรับ Windows เป็นหลัก มันมีตัวเลือกที่ปรับแต่งได้มากมาย คุณสามารถปรับแต่งการป้องกันแอนตี้ไวรัสของคุณ เพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์และป้องกันข้อมูลความลับของคุณได้ มันยังมอบอัตราการตรวจจับมัลแวร์บน Windows ถึง 100% ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่น่าประทับใจอย่างมาก

แอปสำหรับ Mac ของ McAfee ก็แข็งแกร่งโดยมันจะมอบการรับประกันการป้องกันแรนซัมแวร์ซีโรเดย์และการโจมตีมัลแวร์ที่เจาะจงพุ่งเป้ามาที่อุปกรณ์ Mac หากคุณกำลังมองหาแผนให้บริการแอนตี้ไวรัสที่มีฟีเจอร์พรีเมียมสำหรับ Mac ฉันขอแนะนำให้คุณลองใช้ Norton โดยไม่มีความเสี่ยง มันมีผู้จัดการรหัสผ่าน, โปรแกรม VPN, แผงควบคุมสำหรับผู้ปกครองและพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ขนาด 50GB สำหรับไฟล์และเอกสารความลับของคุณ

แอปสำหรับ iOS และ Android ก็มีความปลอดภัยที่แข็งแกร่งสำหรับอุปกรณ์มือถือของคุณ แอปดังกล่าวไม่มีการป้องกันตามเวลาจริง แต่มันมีฟีเจอร์ความปลอดภัยอุปกรณ์มากมายซึ่งรวมถึงการสแกนความปลอดภัย (ที่จะตรวจสอบไฟล์และ WiFi ของคุณเพื่อมองหาไวรัส), โปรแกรม VPN และ Safe Web Browsing

อันดับสูงสุด ตัวเลือกยอดนิยม
Norton
$ 29.99 / year ประหยัด  58%
รับข้อเสนอ
TotalAV
$ 19.00 / year ประหยัด  80%
รับข้อเสนอ
Intego
$ 19.99 / year ประหยัด  60%
รับข้อเสนอ
พวกเราจัดอันดับผู้ให้บริการตามการทดสอบและการค้นคว้าอย่างเข้มงวด แต่ก็จะมีการคำนึงถึงความคิดเห็นของคุณและค่าคอมมิชชั่นจากผู้ให้บริการด้วย ผู้ให้บริการบางรายนั้นจะมีบริษัทแม่แห่งเดียวกันกับพวกเรา

หมายเหตุจากบรรณาธิการ: เราให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ของเรากับผู้อ่าน และเรามุ่งมั่นที่จะได้รับความไว้วางใจจากคุณด้วยการทำงานด้วยความโปร่งใสและความซื่อสัตย์ เว็บของเราอยู่ในกลุ่มเจ้าของเดียวกันกับผลิตภัณฑ์ชั้นนำในอุตสาหกรรมบางส่วนที่ได้รับการตรวจสอบบนเว็บไซต์นี้: Intego, Cyberghost, ExpressVPN และ Private Internet Access อย่างไรก็ตามสิ่งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการตรวจสอบของเรา เนื่องจากเราปฏิบัติตามวิธีการทดสอบที่เข้มงวด

ถูกเขียนขึ้นโดย: เพ็ญจรัส ศรีประไพ
เพ็ญจรัสเป็นนักเขียนด้านเทคโนโลยีที่มีความเชื่อว่าในยุคที่เราทำสิ่งต่าง ๆ มากมายส่วนใหญ่ทางออนไลน์ การดูแลข้อมูลให้ปลอดภัยและอยู่ห่างจากเหล่าแฮ็กเกอร์และผู้ไม่ประสงค์ดีนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เมื่อไม่ได้ทำงานที่เกี่ยวข้องกับปัญหาด้านความเป็นส่วนตัว เธอมักใช้เวลาว่างอ่านหนังสือเกี่ยวกับการเงิน