VyprVPN
8.0
ยอดเยี่ยม
เยี่ยมชม VyprVPN เว็บไซต์

VyprVPN รีวิว 2024: สมควรซื้อหรือเปล่า?

ภาพรวม VyprVPN 2024

ตอนที่ฉันได้ยินเกี่ยวกับ VyprVPN ครั้งแรก ฉันตื่นเต้นเกี่ยวกับความสามารถในการปลดบล็อกและข้อเท็จจริงที่ว่ามันมีโปรโตคอลมากมายที่มาพร้อมกับ Kill Switch อัตโนมัติ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็อยากดูว่าฟีเจอร์เหล่านี้คุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่ายจริงหรือไม่ ดังนั้นฉันจึงได้ดำเนินการทดสอบ VyprVPN โดยละเอียดและเปรียบเทียบมันกับ VPN คุณภาพสูงที่เป็นที่มีชื่อเสียงบางรายการเพื่อดูว่ามันทำงานได้เป็นอย่างไร

ฉันพบว่า VyprVPN มีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยมและปลดบล็อกเว็บไซต์สตรีมมิ่งส่วนใหญ่ได้ ดังนั้นมันจึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการรับเนื้อหาที่คุณจ่ายเงินไว้ขณะที่เดินทางไปยังต่างประเทศ นอกจากนี้ VPN ยังให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของคุณด้วยเพราะมันปฏิบัติตามนโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานและเสนอเซิร์ฟเวอร์ DNS แบบข้อมูลความรู้เป็นศูนย์ ที่ดียิ่งกว่านั้นคือแอปที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้นั้นมีหน้าตาเหมือนกันในระบบปฏิบัติการที่รองรับ ดังนั้นคุณจะไม่พบปัญหาในการสลับเปลี่ยนใช้งานบนอุปกรณ์ต่าง ๆ แต่ถึงอย่างนั้น แม้ว่าความเร็วของฉันจะรวดเร็วในเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้เคียง แต่ฉันก็ได้เรียนรู้ว่า VyprVPN อาจมอบความเร็วที่ช้าจนน่าผิดหวังได้หากคุณเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในตำแหน่งที่อยู่ห่างไกล

ข่าวดีก็คือคุณไม่ต้องแบกรับการสมัครสมาชิกระยะยาวเพื่อแค่ลองใช้ VyprVPN เนื่องจากมันมีการรับประกันยินดีคืนเงิน 30 วัน คุณจึงสามารถลงทะเบียนและทดสอบ VyprVPN ด้วยตัวคุณเองได้ จากนั้นก็ยกเลิกและรับเงินคืนเต็มจำนวนได้หากคุณไม่ต้องการมัน ฉันลองใช้ VPN ด้วยวิธีนี้ด้วยตัวเองแล้วและฉันก็ได้รับเงินคืนภายในระยะเวลาน้อยกว่าหนึ่งสัปดาห์

ลองใช้ VyprVPN โดยไม่มีความเสี่ยงวันนี้

ไม่มีเวลาอ่านใช่ไหม? นี่คือบทสรุปฉบับ 1 นาที

VyprVPN ปลดบล็อก Netflix, Disney+, BBC iPlayer, HBO Max และอื่น ๆ อีกมากมายได้

เว็บไซต์ของ VyprVPN ระบุว่ามันสามารถ Netflix, Hulu, HBO Max, Amazon Prime Video, Disney+, DAZN, ESPN+, BBC iPlayer และอื่น ๆ อีกมากมายได้ ฉันไม่ค่อยเชื่อ ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจที่จะทดสอบข้อกล่างอ้างนั้นด้วยตัวเอง ฉันพบว่า VyprVPN สามารถปลดบล็อก Netflix ของสหรัฐอเมริกาและเว็บไซต์สตรีมมิ่งยอดนิยมอื่น ๆ ซึ่งรวมถึง Disney+ ได้ ในขณะที่มอบความเร็วที่รวดเร็วมากพอในการรับชมรายการโทรทัศน์ชั้นนำในความละเอียดระดับ HD ได้

แม้ว่าความเร็วจะแตกต่างกันไปโดยขึ้นอยุ่กับเซิร์ฟเวอร์ที่ฉันเชื่อมต่อ แต่ฉันก็สามารถสตรีมในความละเอียดระดับ HD ได้โดยมีการสะดุดเล็กน้อยในเว็บไซต์ทั้งหมดที่กล่าวถึงบนเว็บไซต์ของ VyprVPN

Netflix: ปลดบล็อกได้

ในระหว่างการทดสอบของฉัน ฉันพบว่า VyprVPN เข้าถึงคลังข้อมูลของ Netflix ในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดาและเยอรมนีได้ เซิร์ฟเวอร์ในประเทศเหล่านี้มีความเร็วที่ดีซึ่งชะลอความเร็วปกติของฉันลงเพียง 5-10% เท่านั้นซึ่งถือว่าเหมาะสำหรักบารสตรีมมิ่งแม้ในความละเอียดระดับ 4K ไม่ว่าฉันจะเลือกสตรีมรายการอะไร ก็จะมีการสะดุดไปจนถึงไม่มีเลยและกระตุกเล็กน้อยตอนที่เข้าถึงคลังข้อมูลของ Netflix ในท้องถิ่น

Screenshot of VyprVPN streaming Stranger Things
ฉันชื่นชอบที่ฉันสามารถรับชม Netflix ได้โดยไม่สะดุดหรือสะดุดในขณะที่ใช้งาน VyprVPN

Disney+: ปลดบล็อกได้

VyprVPN ช่วยให้ฉันลงชื่อเข้าใช้บัญชี Disney+ ของฉันได้โดยไม่มีปัญหา ดังนั้นฉันจึงสามารถรับชมการเปิดตัวรายการล่าสุดบนแพลตฟอร์มได้ ฉันยังสังเกตเห็นด้วยว่าการสตรีมของฉันนั้นโหลดขึ้นมาเกือบจะโดยทันทีและรักษาคุณภาพสูงเอาไว้ได้จนถึงตอนจบด้วย

สกรีนช็อตของ VyprVPN ปลดบล็อก Disney+

หลังจากเชื่อมต่อ ฉันก็สามารถเริ่มรับชมรายการและภาพยนตร์ยอดนิยมบน Disney+ ได้เลย

HBO Max: ปลดบล็อกได้

มีปัญหาอยู่บ้างในการเข้าถึง HBO Max ด้วย VyprVPN เนื่องจากไม่ใช่ว่าเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกาทั้งหมดจะใช้งานได้ โชคดีที่ฉันพบว่าเซิร์ฟเวอร์ New York และ Washington สามารถปลดบล็อกบริการสตรีมมิ่งดังกล่าวได้เสมอซึ่งช่วยให้ฉันลงชื่อเข้าใช้บัญชีของฉันและรับชมรายการล่าสุดระหว่างที่เดินทางอยู่ในสหรัฐอเมริกาได้ ตอนที่ฉันใช้เซิร์ฟเวอร์ของ VyprVPN ใน New York ฉันไม่พบกับการสะดุดหรือกระตุกเลยซึ่งทำให้ฉันประทับใจมาก ๆ

สกรีนช็อตของ VyprVPN ปลดบล็อก HBO Max

ฉันประทับใจกับคุณภาพของรูปภาพที่ยอดเยี่ยมที่ฉันได้รับขณะที่ปลดบล็อก HBO Max ด้วย VyprVPN

Kodi: ปลดบล็อกได้

VyprVPN ปลดบล็อกเนื้อหาที่ถูกปิดกั้นตามภูมิศาสตร์และแอดออนบน Kodi ได้ ดังนั้นฉันจึงไม่พบกับปัญหาใด ๆ ในตอนที่เล่น The Paperboy และรายการอื่น ๆ เพื่อทดสอบว่า VPN ทำงานร่วมกันกับแพลตฟอร์มดังกล่าวได้ไหม ฉันจึงเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ New York และใช้แอดออน PBG Kids และ Popcornflix (ทั้งสองแอดออนเป็นแอดออนที่ถูกกฎหมาย แต่ถูกจำกัดในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา)

สกรีนช็อตของ VyprVPN ปลดบล็อก Popcornflix บน Kodi

สตรีม The Paperboy และภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ใน Kodi ได้ด้วย VyprVPN

ความเร็ว

- 8.0 / 10

VyprVPN รวดเร็วไหม? รวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้กับคุณ

VyprVPN เสนอความเร็วในการดาวน์โหลดที่ดีเมื่อเทียบกับ VPN ที่ดีที่สุดในตลาด ในตอนแรกฉันคิดว่ามันจะช้ากว่าคู่แข่งมาก ๆ เนื่องจากจำนวนเซิร์ฟเวอร์ที่ค่อนข้างเล็ก แต่ถึงอย่างนั้น VyprVPN ก็ทำให้ฉันประหลาดใจด้วยความเร็วที่รวดเร็วโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้กับตำแหน่งที่แท้จริงของฉัน

มีปัจจัยมากมายที่ส่งผลกระทบต่อผลการทดสอบความเร็ว เช่น ความหนาแน่นของเซิร์ฟเวอร์ ระยะทางทางกายภาพจากเซิร์ฟเวอร์ที่คุณเชื่อมต่อและความเร็วอินเทอร์เน็ตปกติของคุณ นี่หมายความว่าคุณอาจไม่ได้รับผลลัพธ์เดียวกันกับที่ฉันได้หากคุณดำเนินการทดสอบเหล่านี้ด้วยตัวคุณเอง

ผลการทดสอบความเร็ว

ฉันพบว่า VyprVPN มอบความเร็วอันน่าทึ่งกับฉันในตอนที่ฉันเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้เคียง เพื่อให้มั่นใจว่าฉันประเมินความเร็วของ VPN ได้อย่างแม่นยำ ฉันจึงดำเนินการทดสอบเบื้องต้นเพื่อดูว่าความเร็วปกติที่ไม่ได้รับการป้องกันของฉันในขณะนั้นคือ 586Mbps ตอนที่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ของ VyprVPN ฉันสามารถสตรีมในความละเอียดระดับ HD, Torrent ไฟล์ได้อย่างราบรื่นและเล่นเกมได้โดยไม่กระตุก

ภาพหน้าจอของการทดสอบความเร็วที่ดำเนินการบนเซิร์ฟเวอร์ VyprVPN 4 เครื่อง

แม้ว่าความเร็วของฉันจะลดลงในบางเซิร์ฟเวอร์ แต่ฉันก็ยังคงสามารถท่องอินเทอร์เน็ตและเล่นวิดีโอเกมได้

ความเร็วของฉันช้าลงมากยิ่งขึ้นตอนที่ฉันเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกลจากฉันในประเทศอย่างญี่ปุ่นและออสเตรเลีย การเลือกประเทศที่อยู่อีกฟากของโลกนั้นชะลอความเร็วของฉันลงมากกว่า 90% ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดการสะดุดระหว่างการสตรีมของฉัน นอกจากนี้มันยังเพิ่ม Ping ของฉันมากขึ้นด้วย – ตัวเลขที่อธิบายระยะเวลาที่ต้องการสำหรับอุปกรณ์ในการส่งคำสั่งไปยังเว็บไซต์ออนไลน์หรือเซิร์ฟเวอร์เกม ยิ่ง Ping สูงมากเท่าไหร่ ระยะความล่าช้าที่คุณจะประสบก็ยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้น ตามหลักการแล้ว คุณจะต้องการให้ Ping ของคุณต่ำกว่า 40-60ms เนื่องจากสิ่งนี้จะช่วยรับประกันการเล่นเกมที่ราบรื่นและการท่องเว็บที่รวดเร็วได้ แต่เซิร์ฟเวอร์ในญี่ปุ่นและออสเตรเลียทำให้ Ping ของฉันมากกว่า 200ms ซึ่งก่อให้เกิดระยะเวลาโหลดที่ยาวนานและการกระตุก

หากคุณต้องการรักษาความเร็วของคุณเอาไว้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในขณะที่ใช้ VyprVPN ฉันขอแนะนำให้คุณลองใช้โปรโตคอล WireGuard ที่เป็นค่าเริ่มต้นดูก่อน มันเป็นหนึ่งในโปรโตคอล Tunneling ใหม่ล่าสุดและในทางทฤษฎีแล้ว มันรวดเร็วที่สุด ในระหว่างการทดสอบของฉัน ฉันพบกับความเร็วที่ช้าลงเล็กน้อยที่ฉันฉันสลับไปยัง OpenVPN แต่ขอย้ำอีกครั้งว่าผลลัพธ์ความเร็วของคุณอาจแตกต่างจากฉัน ดังนั้นอย่าลืมลองใช้โปรโตคอลต่าง ๆ และดูว่าโปรโตคอลใดที่ทำงานได้ดีที่สุด

ฉันดีใจที่ได้เห็นว่า VyprVPN ขจัดการคาดเดาตัวเลือกของเซิร์ฟเวอร์ออกไป – คุณสามารถจัดเรียงรายการเซิร์ฟเวอร์ตามความเร็วเพื่อค้นหาเซิร์ฟเวอร์ที่รวดเร็วที่สุดได้ ฟีเจอร์ที่มีประโยชน์นี้สามารถช่วยคุณประหยัดเวลาอันล้ำค่าได้เนื่องจากคุณไม่จำเป็นต้องมานั่งทดสอบความเร็วของเซิร์ฟเวอร์ทุกครั้งที่คุณต้องการเชื่อมต่อ

ความเร็วของ VyprVPN รวดเร็วพอสำหรับการเล่นเกมไหม? แน่นอน!

VyprVPN เป็นหนึ่งใน VPN สำหรับเล่นเกมที่ดีที่สุด ฉันเล่นเกมสำหรับหลายผู้เล่นมากมายได้โดยไม่สะดุดหรือพบปัญหาเรื่อง Ping ตอนที่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ของ VyprVPN ที่อยู่ใกล้เคียง ฉันใช้เซิร์ฟเวอร์ในสหราชอาณาจักรเพื่อเล่น Call of Duty ออนไลน์และฉันก็ประทับใจมาก ๆ กับความราบรื่นของเกม ฉันไม่ต้องรอให้เกมกระตุก มันไม่เคยค้างและคุณภาพของภาพก็น่าทึ่ง

สกรีนช็อตของ VyprVPN ที่ทำงานกับ Call of Duty

เซิร์ฟเวอร์ของ VyprVPN ช่วยให้ฉันหลีกเลี่ยง Ping ที่สูงและการกระตุกใน Call of Duty และเกมออนไลน์อื่น ๆ ได้

ฉันยังดีใจที่ได้พบว่า VyprVPN ปิดบังคำขอ DNS ด้วยซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่ากิจกรรมการเล่นเกมของคุณจะถูกปิดบังจาก ISP ของคุณเพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่สามารถจำกัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณได้ ด้วย VyprVPN ISP ของคุณจะไม่สามารถระบุคุณเป็นเกมเมอร์อย่างหนักหน่วงได้ซึ่งหมายความว่าคุณจะได้ใช้ประโยชน์จากความเร็วของ VPN อันยอดเยี่ยมเสมอ

แม้ว่าประสบการณ์ของฉันจะเป็นไปในทางบวก แต่ทีมงานของฉันในนิวยอร์กกล่าวว่าความเร็วที่ลดลงและ Ping ที่เพิ่มขึ้นในเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกล (เช่น ซานฟรานซิสโกและลอสแองเจลิส) ทำให้การเล่นเกมไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่นัก เขาต้องรับมือกับการกระตุกในทุกล็อบบี้ที่เขาเข้าร่วมโดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เซิร์ฟเวอร์ CoD แน่นหนาเกินไป นี่หมายความว่าเขามักจะพลาดกับการยิงครั้งสำคัญในเกมหรือขับรถออกนอกเลนในขณะแข่งขันใน Forza Horizon 4 การเล่นเกมของคุณอาจได้รับผลกระทบมากกว่านี้หากความเร็วอินเทอร์เน็ตของคุณโดยปกติก็ช้าอยู่แล้ว มี VPN ที่ดีกว่าสำหรับการเล่น CoD หากคุณเป็นกมเมอร์ที่จริงจังแบบฉัน

ความสำคัญของความเร็วและสิ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อเลือก VPN?

ความเร็วถือเป็นปัจจัยที่สำคัญเมื่อเลือก VPN ซึ่งความเร็วในการใช้ VPN จะมาพร้อมกับค่าใช้ที่เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามยิ่ง VPN มีความเร็วมากเท่าใด คุณยิ่งจะสามารถเข้าใกล้ความเร็วสูงสุดของเน็ตเวิร์คของคุณได้มากเท่านั้น เวลา Ping มีความสำคัญเทียบเท่ากับความเร็วในการดาวน์โหลด/อัพโหลดสำหรับการสตรีมมิ่ง เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับความเร็วในการรับข้อมูล เวลา ping ที่น้อยกว่าและแบนด์วิธในการดาวน์โหลดที่สูงจะช่วยให้การสตรีมมิ่งเป็นไปได้อย่างไม่มีสะดุด การใช้เวลาในการเชื่อมต่อที่สั้นกว่าจะช่วยป้องกันความวุ่นวาย ส่วนการเชื่อมต่อที่เสถียรถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการสตรีมมิ่งหรือทำกิจกรรมใด ๆ ที่ความเป็นส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญ

เซิร์ฟเวอร์

- 7.0 / 10

ตัวเลือกเซิร์ฟเวอร์มากมายทั่วโลก แต่ไม่มีตัวเลือกในระดับเมือง

ด้วยเซิร์ฟเวอร์ 700 เซิร์ฟเวอร์ใน 63 ประเทศ VyprVPN ไม่ได้มีเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดในตลาด แต่มันก็มากเพียงพอที่จะค้นหาการเชื่อมต่อที่ใช้งานได้ในตำแหน่งยอดนิยมส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตามฉันเสียใจที่ได้เห็นว่า VPN มีตัวเลือกในระดับเมืองในแต่ละตำแหน่งไม่มากนัก ฉันสามารถเลือกตำแหน่งในสหรัฐอเมริกาได้ 8 แห่งและเมืองในออสเตรเลียได้ 3 เมือง แต่ฉันสังเกตเห็นว่ามันไม่มีตัวเลือกในการเลือกตำแหน่งที่เฉพาะเจาะจงในสหราชอาณาจักรและแคนาดา นี่ถือเป็นเรื่องที่แปลกมาก เนื่องจาก VPN ส่วนใหญ่ที่ฉันทดสอบจะมีตัวเลือกในระดับเมืองมากมายในประเทศเหล่านี้เพราะมันมีแนวโน้มว่าจะเป็นที่นิยมในหมู่ของผู้ใช้

แตกต่างจาก VPN ส่วนใหญ่ในตลาด VyprVPN เป็นเจ้าของเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดผ่านบริษัทแม่ Golden Frog สิ่งนี้ช่วยเพิ่มระดับความปลอดภัยให้เนื่องจากคุณไม่ต้องกังวลว่าบุคคลที่สามจะมีอิทธิผลใด ๆ ต่อเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์

ฉันประหลาดใจเล็กน้อยที่ VyprVPN ไม่ได้ระบุว่าเซิร์ฟเวอร์ใดเป็นเซิร์ฟเวอร์ที่มีตำแหน่งทางกายภาพหรือเป็นเซิร์ฟเวอร์เสมือนจริง VPN อื่น ๆ ส่วนใหญ่เปิดเผยข้อมูลนี้ซึ่งทำให้คุณหลีกเลี่ยงตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ที่เฉพาะเจาะจงได้อย่างง่ายดาย แต่ถึงอย่างนั้น VyprVPN ก็บอกว่าเซิร์ฟเวอร์ส่วนใหญ่ในประเทศที่มีข้อจำกัดนั้นเป็นเซิร์ฟเวอร์เสมือนจริง – สิ่งนี้ช่วยให้ VPN ป้องกันฮาร์ดแวร์จากเงื้อมือของรัฐบาลที่สอดแนมประชาชนของพวกเขาได้

VyprVPN เหมาะสำหรับการ Torrenting ไหม? ใช่!

VyprVPN เหมาะสำหรับการ Torrenting อย่างปลอดภัยเนื่องจากมันดูแลให้การดาวน์โหลดของคุณเป็นนิรนามโดยสมบูรณ์ด้วยเซิร์ฟเวอร์ VyprDNS ที่มีข้อมูลความรู้เป็นศูนย์ นี่หมายความว่ามันไม่บันทึกคำขอ DNS ของคุณและข้อมูลของคุณจะไม่ถูกเก็บรวบรวมหรือจัดเก็บเอาไว้ ณ จุดใดจุดหนึ่ง ฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวของ VyprVPN ได้รับการยืนยันโดยบริษัทความปลอดภัยทางไซเบอร์บุคคลที่สามแล้ว ดังนั้นฉึนจึงรู้ได้ว่ามันไม่ใช่แค่ลูกเล่นทางการตลาดเท่านั้น

สกรีนช็อตของคำถามที่พบบ่อยบนเว็บไซต์ VyprVPN

VyprVPN รองรับการ Torrenting ในทุกเซิร์ฟเวอร์

เนื่องจาก VPN ไม่มีเซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการปรับแต่งสำหรับ P2P เซิร์ฟเวอร์ใด ๆ ของ VyprVPN ที่คุณเชื่อมต่อจึงป้องกันความเป็นส่วนตัวของคุณและมอบการดาวน์โหลดไฟล์ที่รวดเร็ว ฉันพบว่า VPN ที่มีเซิร์ฟเวอร์ Torrenting แยกต่างหากนั้นมักประสบกับความหนาแน่นของผู้ใช้จำนวนมากอยู่เป็นประจำซึ่งทำให้ความเร็วของฉันช้าลงอย่างมากและทำให้การ Torrenting มีปัญหา เนื่องจากฉันสามารถใช้เซิร์ฟเวอร์ใด ๆ ก็ตามในรายการได้ ฉันจึงแทบไม่พบกับการเชื่อมต่อที่หนาแน่นเกินไปหรือช้าเลย

น่าผิดหวังที่ VyprVPN ไม่รองรับ Port Forwarding ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่ให้คุณให้ความสำคัญกับการรับส่งข้อมูล Torrenting ของคุณเพื่อเร่งความเร็วในการดาวน์โหลด เมื่อไม่มีฟังก์ชันดังกล่าว การดาวน์โหลดของคุณจึงไม่ได้รวดเร็วอย่างที่คุณต้องการเสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณใช้ไคลเอนต์ P2P อย่าง uTorrent โดยส่วนตัวแล้ว มันไม่ได้สร้างความรำคาญให้กับฉันเนื่องจาก VyprVPN รวดเร็วพอสำหรับการ Torrent หลาย ๆ ไฟล์ในเวลาเดียวกันโดยไม่ลดคุณภาพการสตรีมมิ่งหรือความเร็วในการท่องเว็บลง ฉันรับชม Netflix ได้อย่างสะดวกสบายในขณะที่ดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ 30GB – ฉันไม่สังเกตเห็นการรบกวนมากนักในการสตรีมของฉันขณะที่ไฟล์ในไคลเอนต์ Torrenting ของฉันดาวน์โหลดเสร็จใน 5 ชั่วโมง

VyprVPN ทำงานในประเทศจีนได้ไหม? ได้!

VyprVPN เป็นหนึ่งใน VPN ไม่มากที่สามารถทำงานในประเทศจีนได้อย่างเสถียร เซิร์ฟเวอร์ที่ไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานของ VyprVPN และเซิร์ฟเวอร์ VyprVPN อนุญาตให้คุณเข้าถึงเว็บไซต์สุดโปรดของคุณทั้งหมดในประเทศจีนได้

ตอนที่ทีมงานของฉันทดสอบ VyprVPN ในประเทศจีน พวกเขาสามารถปลดบล็อกเว็บไซต์โดยใช้เซิร์ฟเวอร์ในฮ่องกงได้อย่างง่ายดาย แม้ว่า VyprVPN จะไม่ได้มีความเร็วเท่า ExpressVPN แต่มันก็ยังสามารถสตรีมรายการบน Netflix, อ่านข่าวและเล่น Call of Duty ได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะโดนสอดแนม

ฟีเจอร์ความปลอดภัย

การเข้ารหัสระดับทหารและไฟร์วอลล์ความปลอดภัยที่จะป้องกันทุกคลิกที่คุณดำเนินการทางออนไลน์

VyprVPN มีการเข้ารหัสระดับทหาร AES-256-บิตซึ่งทำให้การรับส่งข้อมูลเครือข่ายของคุณแทบจะถูกถอดรหัสไม่ได้เลย การเข้ารหัสนี้ได้รับการรับรองโดยอัลกอริทึม SHA256 ซึ่งเปลี่ยนข้อมูลที่คุณส่งทางออนไลน์เป็นข้อความแฮชเพื่อที่จะได้ไม่มีใครสามารถอ่านมันได้ หากคุณไม่ต้องการความปลอดภัยที่แข็งแกร่งที่สุด คุณสามารถเปลี่ยนไปใช้การเข้ารหัส 160-บิตได้

VPN ยังพึ่งพา Perfect Forward Secrecy (PFS) ด้วย – กระบวนการที่สร้างคีย์เข้ารหัสที่ไม่เหมือนใครสำหรับทุกเซสชัน คีย์จะหายไปหลังจากที่เซสชันถูกยกเลิก ดังนั้นจึงเพียงเซสชันปัจจุบันเท่านั้นที่ถูกเปิดเผยในกรณีที่การเชื่อมต่อของคุณถูกรุกล้ำ

ฉันพบว่า VyprVPN มีไฟร์วอลล์ NAT ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่อนุญาตเฉพาะการรับส่งข้อมูลอินเทอร์เน็ตที่อุปกรณ์ของคุณร้องขอเท่านั้น ด้วยการเปิดการตั้งค่าไฟร์วอลล์ VyprVPN สามารถป้องกันคุณจากแพ็กเก็ตไม่พึงประสงค์ที่ส่งมาระหว่างการพยายามแฮกได้

ฟีเจอร์ทั้งหมดเหล่านี้หมายความว่าคุณสามารถใช้ VyprVPN ในการป้องกันอินเทอร์เน็ตของคุณได้ ไม่ว่าคุณจะใช้การเชื่อมต่อที่บ้านที่ได้รับการป้องกันหรือ WiFi สาธารณะ

โปรโตคอล VPN มากมายให้เลือกจากอุปกรณ์ต่าง ๆ ของคุณ

VyprVPN อนุญาตให้คุณใช้โปรโตคอล VPN ที่แตกต่างกัน 4 โปรโตคอลซึ่งรวมถึง WireGuard, IPSec (L2TP และ IKEv2), Chameleon (หรือที่รู้จักการในชื่อ ChameleonTM หรือ Chameleon 2.0) และ OpenVPN ตอนที่ฉันเชื่อมต่กับ VyprVPN เป็นครั้งแรก ฉันดีใจที่ได้พบว่าฉันเชื่อมต่อโดยใช้ WireGuard ซึ่งเป็นโปรโตคอลขั้นสูงที่สุดที่มีให้บริการโดยอัตโนมัติ หากคุณไม่มั่นใจว่าโปรโตคอลใดที่เหมาะกับกิจกรรมออนไลน์ของคุณ ให้ลองดูที่ฟีเจอร์หลัก ๆ ด้านล่าง

  • WireGuard เสนอความเร็วที่ดีที่สุด ความปลอดภัยระดับสูงและประสิทธิภาพอุปกรณ์อันยอดเยี่ยม
  • L2TP/IKEv2 มอบความเสถียรตอนที่คุณย้ายระหว่างการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณ
  • Chameleon อนุญาตให้คุณปิดบังการเชื่อมต่อ VPN ของคุณจากการตรวจสอบแพ็กเก็ตข้อมูลของรัฐบาล (DPI) ตอนที่เดินทางไปยังประเทศที่มีการเซ็นเซอร์เข้มงวด
  • OpenVPN โปรโตคอล VPN ที่เป็นที่นิยมที่สุดเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยและรวดเร็วมากที่ทำงานได้ราบรื่นพอ ๆ กับการรับส่งข้อมูล SSL/TLS ปกติ

โปรโตคอลนั้นจะแตกต่างกันเล็กน้อยโดยขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่คุณใช้งาน มีระบบปฏิบัติการเดียวที่สามารถใช้งานได้ทั้ง 4 โปรโตคอลเลยคือ Windows, macOS และ iOS ผู้ใช้ Android ไม่สามารถเลือก IKEv2 ได้ – และหากคุณต้องการดาวน์โหลด VyprVPN บน Linux คุณจะไม่สามารถเลือก WireGuard ได้ โปรโตคอล OpenVPN และ Chameleon ยังพร้อมใช้งานโดยตรงบนเราเตอร์ด้วย

เพื่อสลับเปลี่ยนโปรโตคอลของคุณ ให้คลิกที่แท็บ “กำหนดค่า” และไปยัง “โปรโตคอล” โปรโตคอล WireGuard จะถูกเลือกโดยค่าเริ่มต้นเนื่องจากมันเป็นตัวเลือกครบวงจรขั้นสูงสุด ทุกโปรโตคอลจะมีคำอธิบายโดยละเอียด ดังนั้นคุณจึงรู้อย่างแน่นอนว่าคุณกำลังใช้อะไรอยู่ แตะที่โปรโตคอลที่คุณต้องการใช้และ VPN จะกำหนดค่าการเชื่อมต่อของคุณให้ทันที

สกรีนช็อตของตัวเลือกโปรโตคอลของ VyprVPN

คุณสามารถาลับโปรโตคอล VyprVPN ของคุณได้ใน 3 คลิก

Kill Switch อัตโนมัติโดยสมบูรณ์ – ป้องกันการรับส่งข้อมูลของคุณจากการรั่วไหลของข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

VPN มี Kill Switch ที่หยุดการรั่วไหลของข้อมูลโดยการตัดอินเทอร์เน็ตของคุณลงหากการเชื่อมต่อของคุณเกิดหลุด ด้วยวิธีนี้ คุณจะไม่ต้องกังวลว่าหมายเลข IP ของคุณจะถูกเปิดเผยโดยไม่ตั้งใจหากเกิดไฟดับ อุปกรณ์เข้าสู่โหมดหลับหรือเซิร์ฟเวอร์ของ VPN เกิดดับ

เพื่อทดสอบ Kill Switch บนแล็ปท็อป Windows และโทรศัพท์ Android ของฉัน ฉันจึงสลับระหว่างเซิร์ฟเวอร์ต่าง ๆ ดู การเชื่อมต่อของฉันถูกปิดกั้นทันทีที่ฉันยกเลิกการเชื่อมต่อจากตำแหน่งปัจจุบันและยังคงออฟไลน์จนกระทั่งการรับส่งข้อมูลของฉันถูกเปลี่ยนเส้นทางอย่างปลอดภัยผ่านเซิร์ฟเวอร์ใหม่

เรื่องสำคัญที่ควรทราบคือฟีเจอร์นี้จะถูกปิดการใช้งานเอาไว้โดยค่าเริ่มต้น ดังนั้นอย่าลืมเปิดใช้งานมันในทุกอุปกรณ์ตอนที่คุณดาวน์โหลด VyprVPN เป็นครั้งแรก

น่าเสียดายที่ไม่มี Kill Switch บน iOS ดังนั้นการรับส่งข้อมูบน iPhone ของฉันจึงไม่ได้รับการป้องกันระหว่างการแทรกแซงการเชื่อมต่อของฉันโดยทันที หากคุณต้องการป้องกัน iPhone หรือ iPad ของคุณ ฉันขอแนะนำให้คุณลองดู CyberGhost เรื่องจากมันเป็นหนึ่งใน VPN ไม่มากที่มี Kill Switch บน iOS

การป้องกันการรั่วไหลของ IP และ DNS – ไม่พบความคลาดเคลื่อนหรือการรั่วไหลในระหว่างการทดสอบ

ฉันใช้ ipleak.net เพื่อดำเนินการทดสอบอิสระบน Windows PC ของฉัน ฉันเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VyprVPN ในนิวยอร์ก เพิร์ธ สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสและฉันก็พบว่าไม่มีการรั่วไหล IPv4, IPv6, WebRTC หรือ DNS ในการเชื่อมต่อใด ๆ ผลลัพธ์แสดงตำแหน่ง VPN และหมายเลข IP ทุกครั้งแทนที่จะเป็นตำแหน่งของฉันในสหราชอาณาจักร สิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าฟีเจอร์ความปลอดภัยของ VyprVPN ป้องกันการรับส่งข้อมูลของคุณได้จริงโดยปิดบังข้อมูลทั้งหมดของคุณจากแฮกเกอร์, ISP ของคุณและรัฐบาล

สกรีนช็อตของการทดสอบการรั่วไหลของ IP และ DNS บนเซิร์ฟเวอร์ VyprVPN

ฉันตื่นเต้นที่ได้เห็นข้อมูลของฉันไม่รั่วไหลตอนที่ใช้ VyprVPN

VyprVPN Cloud – ตัวเลือกความปลอดภัยเพิ่มเติมสำหรับบัญชีธุรกิจ

หากคุณต้องการเพิ่มการป้องกันเพิ่มเติมให้กับเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ของคุณ VyprVPN เสนอบริการแยกต่างหากที่มีชื่อว่า VyprVPN Cloud ซึ่งสามารถปรับใช้กับเซิร์ฟเวอร์ภายในได้ง่าย ๆ ในครั้งเดียว

VyprVPN Cloud มอบเซิร์ฟเวอร์ VPN เฉพาะที่ไม่เหมือนใครกับธุรกิจของคุณ ดังนั้นคุณจึงสามารถควบคุมมันได้โดยสมบูรณ์เสมอ เซิร์ฟเวอร์ธุรกิจมาพร้อมกับหมายเลข IP แบบคงที่ ฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวที่ปลอดภัยมาก ๆ และการเชื่อมต่อแอปและซอฟต์แวร์ใด ๆ ของคุณอย่างราบรื่น สิ่งนี้จะลบความต้องการการติดตั้งฮาร์ดแวร์เพิ่มเติมซึ่งทำให้ทีม IT ของคุณติดตั้งได้ง่าย ๆ โดยไม่เสียเวลาอันล้ำค่า ในฐานะเจ้าของธุรกิจ คุณยังสามารถใช้ VyprVPN Cloud ด้วยเวอร์ชันทดลองใช้งานฟรี 7 วันเพื่อดูว่ามันใช้งานง่ายแค่ไหนได้

VyprVPN Cloud ทำงานร่วมกันกับ DigitalOcean, Amazon Web Services (AWS) และ VirtualBox ได้

ตัวเลือก Split Tunneling พร้อมให้บริการสำหรับอุปกรณ์ Android และ macOS

ฉันผิดหวังที่ได้รู้ว่า VyprVPN มี Split Tunneling ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่มีประโยชน์ที่อนุญาตแอปที่เลือกหลีกเลี่ยง VPN เฉพาะบนแอป Android และ macOS เท่านั้น นี่เป็นเรื่องที่น่ารำคาญใจเนื่องจาฟีเจอร์นี้เป็นฟีเจอร์ที่สำคัญหากคุณใช้คอมพิวเตอร์เพื่อควบคุมอุปกรณ์ LAN (เช่น เครื่องพิมพ์) ผ่าน WiFi เนื่องจากมันยังมอบสิทธิ์ในการเข้าถึงโดยสมบูรณ์กับคุณแม้ VPN จะทำงานอยู่ Split Tunneling ยังมีประโยชน์ด้วยหากคุณต้องการเข้าถึงเนื้อหาในท้องถิ่นขณะที่ใช้ VPN เพื่อปิดบังตำแหน่งของคุณ

หากคุณชอบทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกันในอุปกรณ์ทั้งหมดของคุณ ฉันขอแนะนำให้คุณลองใช้ฟีเจอร์ Split Tunneling ของ ExpressVPN ExpressVPN มีการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน ดังนั้นคุณจึงสามารถขอเงินคืนได้เสมอหากคุณไม่พึงพอใจ

Smart DNS ถูกแทนที่ด้วย VyprDNS ที่ปลอดภัยมากกว่า

VyprDNS เป็นฟีเจอร์พร็อกซี DNS ที่ VyprVPN เป็นเจ้าของซึ่งหมายความว่ามีเฉพาะผู้ให้บริการเท่านั้นที่มีสิทธิ์ในการเข้าถึงคำขอ DNS ของคุณ (เว็บไซต์ที่คุณเยี่ยมชมบนอุปกรณ์ของคุณ) เนื่องจากมันเป็นบริการ DNS แบบความรู้เป็นศูนย์ คุณจึงสามารถมั่นใจได้ว่า VyprVPN จะไม่บันทึกกิจกรรมทางออนไลน์ของคุณเอาไว้เพราะเซิร์ฟเวอร์ไม่เคยเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าว VyprDNS จะถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติในการเชื่อมต่อทั้งหมดของคุณ ดังนั้นคุณจึงต้องเลือกแค่เซิร์ฟเวอร์เพื่อใช้ประโยชน์จากความเป็นส่วนตัวทางออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ

ในหลาย ๆ แง่ VyprDNS ทำงานได้ดีกว่า Smart DNS เพราะ Smart DNS ไม่ได้เข้ารหัสการรับส่งข้อมูลของคุณ สิ่งนี้ลดระดับการป้องกันที่คุณได้รับและปล่อยให้คุณมีช่องโหว่สำหรับการโจมตีทางไซเบอร์

อย่างไรก็ตาม คุณไม่สามารถติดตั้ง VyprDNS ด้วยตัวเองบนอุปกรณ์ที่ไม่รองรับแอป VPN ได้ เช่น คอนโซลสำหรับเล่นเกมหรืออุปกรณ์แคสต์ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักของ Smart DNS สิ่งนี้หมายความว่าฉันไม่สามารถเชื่อมต่อ PlayStation 5 หรือ Xbox One ของฉันกับเซิร์ฟเวอร์ VPN DNS ได้อย่างรวดเร็ว แต่ฉันต้องติดตั้ง VyprVPN บนเราเตอร์และเปิดใช้งาน VPN กับทั้งเครือข่ายของฉันแทนหากฉันต้องการเล่นเกมกับเพื่อนที่อยู่ต่างประเทศ

ฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัว

นโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่ได้รับการตรวจสอบแล้วแสดงให้เห็นว่าสามารถไว้วางใจ VPN ได้

VyprVPN เคยมีนโยบายบันทึกข้อมูลการใช้งานที่ไม่ดีนัก แต่โชคดีที่พวกเขาเรียนรู้จากความผิดพลาด ในปี 2018 VyprVPN ได้สร้างชื่อเสียงให้กับสายงานและว่าจ้าง Leviathan Security Group เพื่อดำเนินการทดสอบแนวทางการปฏิบัติอิสระ

Leviathan พบการละเมิดเล็กน้อยโดยไม่ได้ตั้งใจซึ่ง VyprVPN ก็แก้ไขอย่างเหมาะสม ผลลัพธ์นี้ทำให้ Leviathan ยืนยันว่า VyprVPN ไม่ได้บันทึกกิจกรรม VPN ใด ๆ หรือเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้าเอาไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต ดังนั้นคุณจึงสามารถใช้ VyprVPN ได้โดยรู้ว่าข้อมูลของคุณปลอดภัยตลอดเวลา

สกรีนช็อตของผลการตรวจสอบอิสระที่ดำเนินการบน VyprVPN

ฉันมั่นใจที่ VyprVPN ได้ผลลัพธ์เชิงบวกจากการตรวจสอบของ Leviathan Group

ขอบเขตอำนาจศาลของบริษัท

แม้ว่ามันจะดำเนินการจากสหรัฐอเมริกา แต่ Golden Frog (บริษัทแม่ของ VyprVPN) ตั้งอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจากสวิตเซอร์แลนด์ไม่ได้อยู่ในสหภาพยุโรปและอยู่นอกหน่วยข่าวกรอง 5, 9 และ 14 Eyes Intelligence Agencies และ SIGINT VyprVPN จึงไม่จำเป็นต้องแบ่งปันข้อมูลของผู้ใช้ตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามบางครั้งประเทศดังกล่าวก็เข้าร่วมในการสืบสวนเพื่อค้นหาความจริง ดังนั้น VPN จึงอาจแบ่งปันข้อมูลที่มันเก็บเอาไว้บนเซิร์ฟเวอร์ สวิตเซอร์แลนด์ยังมีกฎหมายกำกับดูแลข้อมูลของตัวเองอีกด้วย (BÜPF และ VÜPF) แต่มันคลุมเครือมากและไม่บังคับให้ VPN รวบรวมบันทึกข้อมูลของผู้ใช้

โชคดีที่นโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่เข้มงวดนั้นหมายความว่าไม่มีข้อมูลผู้ใช้ให้แบ่งปันแม้ว่า VyprVPN จะถูกบังคับให้ตอบสนองต่อหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย บริษัทไม่ได้เก็บบันทึกข้อมูลของหมายเลข IP, ตราประทับเวลา, ประวัติการท่องเว็บหรือกิจกรรมทางออนไลน์อื่น ๆ ขณะที่คุณเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN ข้อมูลเดียวที่มีเก็บรวบรวมเอาไว้คือข้อมูกลารเรียกเก็บเงินและชำระเงิน ชื่อ อีเมลและที่อยู่ของคุณ – แต่ไม่มีข้อมูลใด ๆ เหล่านี้ที่เกี่ยวข้องกับเซสชัน VPN ของคุณ ดังนั้นข้อมูลเดียวที่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายจะได้รับคือคุณมีบัญชี VyprVPN ซึ่งไม่ผิดกฎหมายในประเทศส่วนใหญ่

ตำแหน่งของเซิฟเวอร์

กรีซ
กาตาร์
คอสตาริกา
ซาอุดิอาราเบีย
นสไตน์
นอร์เวย์
นิวซีแลนด์
บราซิล
บัลแกเรีย
บาห์เรน
ประเทศญี่ปุ่น
ประเทศมาเลเซีย
ประเทศลิธัวเนีย
ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
ประเทศอังกฤษ
ดูตำแหน่งที่รองรับทั้งหมด...

เป็นมิตรต่อผู้ใช้

- 8.0 / 10

ขีดจำกัดอุปกรณ์และความเข้ากันได้ – รองรับ 10 การเชื่อมต่อในเวลาเดียวกันในระบบปฏิบัติการส่วนใหญ่

VyprVPN เสนอการเชื่อมต่ออุปกรณ์ 10 การเชื่อมต่อ – ซึ่งถือว่ามากกว่าค่าเฉลี่ยที่ 5 อุปกรณ์จากบริการ VPN ส่วนใหญ่ นี่ถือว่ามากพอสำหรับผู้ใช้ทั่วไปในการใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ของ VyprVPN บนอุปกรณ์ทั้งหมด

เพื่อใช้ประโยชน์จากขีดจำกัดจำนวนอุปกรณ์ 10 อุปกรณ์ VyprVPN ให้คุณดาวน์โหลดแอปได้บน:

  • โทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต: iOS 10 และใหม่กว่า, Android 5 หรือใหม่กว่า, Windows, Amazon Fire Tablet, Blackberry และ Blackphone
  • PC: Windows 7 และใหม่กว่า, macOS 10.12 หรือใหม่กว่า, Linux (Ubuntu และ Mint distributions) และ Chromebook
  • สมาร์ททีวี: Amazon Fire TV, Roku TV, Razer Forge TV, Sony Smart TV, Samsung Smart TV และ Android Smart TV
  • อุปกรณ์แคสต์และสตรีมเมอร์: Amazon Fire Stick, Chromecast, IPTV, Kodi, Nvidia Shield, Xiaomi Mi Box และ Boxee
  • เราเตอร์และอุปกรณ์อื่น ๆ: QNAP, DD-WRT, AsusWRT, OpenWRT, Tomato, Anonabox และ Synology NAS

ฉันพบว่ามันสะดวกสบายมากที่ VyprVPN ทำงานได้บนเราเตอร์เนื่องจากสิ่งนี้ช่วยให้คุณป้องกันอุปกรณ์ของคุณที่โดยปกติแล้วไม่รองรับซอฟต์แวร์ VPN ได้ หากคุณต้องการใช้ VyprVPN บนสมาร์ททีวี, Nintendo, Xbox, Playstation และคอนโซลสำหรับเลนเกมและอุปกรณ์อื่น ๆ ของคุณ นี่ถือเป็นวิธีที่ดีในการป้องกันเครือข่ายทั้งหมดของคุณ

น่าเสียดายที่ฟีเจอร์ของ VyprVPN นั้นจะแตกต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่คุณดาวน์โหลดแอปมา หากคุณใช้ VyprVPN เพื่อ Torrent โดยไม่เปิดเผยตัวตน คุณจะสังเกตเห็นอย่างรวดเร็วเลยว่าแอป Windows และ Android ไม่มีตัวปิดกั้นมัลแวร์ภายในตัว สิ่งนี้ไม่ได้เปลี่ยนฟังก์ชันการทำงานของ VPN เนื่องจากมันยังคงดูแลให้คุณได้รับการป้องกัน แต่มันเป็นเรื่องน่าอายที่ VyprVPN ตัดสินใจที่จะไม่รวมสิ่งนี้ในฐานะรูปแบบความปลอดภัยเพิ่มเติมมาให้

นอกจากนี้ VyprVPN ยังให้ฉันเปลี่ยนอะแดปเตอร์ TAP จาก OpenVPN ไปเป็น VyprVPN เฉพาะบน Windows PC ของฉันเท่านั้น แม้ว่ามันจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ฉันเลือกอยู่บ่อย ๆ แต่การมีมันเอาไว้ในกรณีที่คุณประสบกับปัญหาการเชื่อมต่อในอะแดปเตอร์ค่าเริ่มต้นก็เป็นเรื่องดี

การตั้งค่าและการติดตั้งที่ง่ายดาย – กระบวนการที่แสนง่ายดายที่ให้คุณเชื่อมต่อได้ภายในเวลา 1 นาที

VyprVPN เป็นตัวเลือกที่ดีหากคุณไม่เคยใช้ VPN มาก่อน หลังจากที่ชำระเงินค่าสมัครสมาชิกของฉันแล้ว ฉันก็ดาวน์โหลดและติดตั้งแอปสำหรับเดสก์ท็อปบน PC ของฉันอย่างรวดเร็ว มันใช้เวลาน้อยกว่า 5 นาทีในการติดตั้ง VyprVPN เวอร์ชันมือถือนั้นไม่แตกต่างจากแอปพลิเคชันเดสก์ท็อปเลยซึ่งหมายความว่าคุณไม่ต้องเรียนรู้วิธีการใช้งานโปรแกรมที่แตกต่างกันสองโปรแกรม

ภาพหน้าจอของอินเทอร์เฟซแอป VyprVPN บน Windows PC, Android, macOS และ iOS

ฉันไม่พบปัญหาในการสลับเปลี่ยนระหว่างอุปกรณ์ต่าง ๆ เพราะแอปของ VyprVPN เหมือนกันหมด

แอปของ VyprVPN ทั้งสองแอปต่างก็สร้างความประทับใจให้กับฉันด้วยอินเทอร์เฟซที่เรียบง่าย ฟังก์ชันทั้งหมดแบ่งออกเป็น 3 แท็บ – กำหนดค่า การเชื่อมต่อและเซิร์ฟเวอร์

ภาพหน้าจอของอินเทอร์เฟซผู้ใช้แอป VyprVPN

ฉันประหลาดใจที่อินเทอร์เฟซของ VyprVPN นั้นเหมือนกันทั้งบนแพลตฟอร์มเดสก์ท็อปและมือถือ

ในแท็บการเชื่อมต่อ คุณสามารถดูได้ว่า VPN เปิดหรือปิดอยู่และมีตัวเลือกในการเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่เร็วที่สุด หากคุณไปยังแท็บเซิร์ฟเวอร์ คุณจะสามารถดูตำแหน่งทั้งหมดที่พร้อมให้บริการและจัดเรียงมันตามตัวอักษรตามประเทศ ภูมิภาคหรือความเร็วได้

แท็บกำหนดค่าเป็นหน้าสำหรับการตั้งค่ามากมายที่คุณสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของคุณ สิ่งนี้รวมถึงการเปิดใช้งานการป้องกัน WiFi สาธารณะหรือ Kill Switch, เปลี่ยนโปรโตคอล VPN ของคุณและแม้กระทั่งกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์ DNS โดยค่าเริ่มต้นแล้วแอปจะใช้โปรโตคอล WireGuard เพราะมันเป็นตัวเลือกครบวงจรขั้นสูงสุด แต่คุณสามารถสลับมันไปเป็น OpenVPN มาตรฐานหรือ Chameleon เพื่อปลดบล็อกเว็บไซต์ที่เข้าถึงได้ยากกว่านี้และอื่น ๆ อีกมากมายได้ มีคำอธิบายสำหรับการตั้งค่าทั้งหมด ดังนั้นคุณจึงรู้ว่าคุณจะเปิดใช้งานอะไรและมันจะส่งผลกระทบต่อการใช้งาน VPN ของคุณอย่างไร

ฉันประหลาดใจที่ได้เห็นว่าฉันสามารถปรับแต่งการเข้ารหัสของฉันจาก AES-256 เป็น AES-128 บนสมาร์ททีวีของฉันได้ด้วย สิ่งนี้เป็นอะไรที่หาได้ยากมาก ๆ เนื่องจากโดยปกติแล้ว VPN จะมีโปรโตคอลเข้ารหัสเพียงโปรโตคอลเดียว (AES-256) บนสมาร์ททีวี เนื่องจากโปรโตคอลที่ล้าสมัยกว่าโดยปกติแล้วจะช่วยกระตุ้นความเร็วการเชื่อมต่อของคุณได้ ดังนั้นคุณจึงสามารถใช้ VyprVPN เพื่อเพิ่มคุณภาพการสตรีมมิ่งของคุณขณะที่เพลิดเพลินไปกับการป้องกันและเทคโนโลยีการปลดบล็อก

ส่วนขยายเบราว์เซอร์ – เฉพาะบน Google Chrome เท่านั้น

ฉันดีใจที่ได้เห็นว่า VyprVPN ตอนนี้มีส่วนขยายเบราว์เซอร์สำหรับ Google Chrome แม้ว่ามันจะไม่มีฟีเจอร์เสริมใด ๆ แต่มันก็มีเซิร์ฟเวอร์จำนวน 17 เซิร์ฟเวอร์ให้เลือก นี่ถือว่ามากกว่าที่ VPN พรีเมียมมากมายมีให้บริการ ดังนั้นมันก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการเชื่อมต่ออย่างรวดเร็ว

ทุกเซิร์ฟเวอร์ที่ฉันลองเชื่อมต่อโดยทันทีและฉันก็รู้ว่าข้อมูลของฉันปลอดภัยจริง ๆ เพราะการทดสอบ DNS ของฉันไม่พบกการรั่วไหล การทดสอบของฉันพบว่าเซิร์ฟเวอร์ของส่วนขยายนั้นสามารถเข้าถึง HBO Max, Hulu และ Netflix ได้โดยไม่มีปัญหา

บริการลูกค้า

- 10 / 10

ฉันพึงพอใจอย่างยิ่งกับทีมสนับสนุนของ VyprVPN เนื่องจากฉันได้รับคำตอบที่เหมาะสมและละเอียดสำหรับคำถามใด ๆ ระหว่างการทดสอบของฉัน

คุณสามารถรับความช่วยเหลือโดยตรงผ่านเว็บไซต์ของ VyprVPN ได้ 3 ช่องทาง:

  • ติดต่อบริการลูกค้าผ่านแชทออนไลน์ตลอด 24/7
  • ใช้ระบบตั๋วอีเมล
  • เยี่ยมชมเว็บไซต์ของ VyprVPN และใช้หน้าความช่วยเหลือที่เต็มไปด้วยคำถามที่พบบ่อยและคำแนะนำในการแก้ไขปัญหา

นอกจากนี้ VyprVPN ยังให้คุณรายงานบัคที่คุณพบโดยตรงผ่านในแอปบนอุปกรณ์ใด ๆ ก็ตามด้วย ฉันพบตัวเลือกแท็บ “ความช่วยเหลือ” หลังจากที่เปิดเมนูการตั้งค่า VPN

แชทออนไลน์ตลอด 24/7 – ระยะเวลาการตอบกลับทันทีเพื่อการช่วยเหลือที่รวดเร็ว

ทุกครั้งที่ฉันใช้แชทออนไลน์ของ VyprVPN ในการขอความช่วยเหลือ ฉันก็เชื่อมต่อกับผู้ให้คำแนะนำโดยทันทีโดยไม่ต้องรอคิว ฉันลองอยู่หลายครั้งในระหว่างการทดสอบของฉันเพื่อชี้แจงข้อมูลดังกล่าวและแก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อบางอย่างเกี่ยวกับเซิร์ฟเวอร์ในญี่ปุ่น ไม่ว่าประเภทของคำถามของฉันจะเป็นอย่างไร เจ้าหน้าที่ VPN ที่ฉันพูดคุยด้วยก็มอบคำตอบและทางแก้ที่เหมาะสมสำหรับปัญหาของฉัน พวกเขายังมักสำรองแนวคิดความช่วยเหลือของพวกเขาด้วยบทความที่เกี่ยวข้องจากเว็บไซต์ของ VyprVPN ด้วย

ภาพหน้าจอของ VyprVPN แชทสด

แชทออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมงของ VyprVPN เป็นช่องทางในการขอความช่วยเหลือที่รวดเร็วที่สุดจากผู้เชี่ยวชาญ

ไม่สำคัญว่าคุณจะพูดภาษาอังกฤษหรือไม่ – VyprVPN เปิดใช้งาน Google Translate ในแชทออนไลน์เพื่อที่การตอบกลับทั้งหมดจะถูกแปลเป็นภาษาของคุณโดยอัตโนมัติ ฉันชี้แจงกับตัวแทนของ VPN ที่ยืนยันว่าแชทออนไลน์ทำงานได้ในภาษาใด ๆ ก็ตามที่มีให้บริการบน Google Translate ซึ่งรวมถึงจีนกลาง ตุรกี ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เยอรมันและอื่น ๆ

ความช่วยเหลือผ่านทางอีเมล – รับการตอบกลับภายในหนึ่งชั่วโมง

ฉันได้รับการตอบกลับที่เป็นมืออาชีพและละเอียดสำหรับคำถามทางอีเมลของฉันภายในเวลาน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมง นี่เป็นสิ่งที่แทบไม่เคยเห็นมาก่อนเพราะ VPN ส่วนใหญ่ใช้เวลาประมาณ 24 ชั่วโมงในการตอบคำถาม

เพื่อรับความช่วยเหลือผ่านทางอีเมล ฉันต้องส่งแบบฟอร์มคำขอทางออนไลน์ก่อน สิ่งนี้ง่ายมาก ๆ และฉันก็ดำเนินการเสร็จภายในเวลาน้อยกว่า 1 นาที

หากคุณต้องการการตอบกลับที่รวดเร็ว ฉันขอแนะนำให้เลือกหมวดหมู่ของคำถามของคุณโดยใช้เมนูแบบดึงลงใต้กล่องข้อความหลัก สิ่งนี้จะทำให้มั่นใจได้ว่าคำขอของคุณถูกส่งไปยังทีมที่เหมาะสมแทนที่จะไปผ่านแผนกอื่น ๆ อีกมากมาย

คำแนะนำทางออนไลน์และคำถามที่พบบ่อยเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมในการค้นหาทางออกสำหรับปัญหาส่วนใหญ่

ฉันชอบที่ VyprVPN มีความช่วยเหลือทางออนไลน์ในแท็บ “ความช่วยเหลือ” บนเว็บไซต์ด้วย ผู้ขายจัดเรียงคำแนะนำที่พร้อมให้บริการเกี่ยวกับการลงทะเบียน การตั้งค่าการเชื่อมต่อของคุณ การแก้ไขปัญหาทั่วไปและคำตอบสำหรับคำถามที่พบบ่อยเอาไว้ในหมวดหมู่ที่เหมาะสมเพื่อที่คุณจะได้สามารถค้นหาสิ่งที่คุณต้องการได้ง่าย ๆ ทุกบทความมีคำตอบโดยละเอียดและคำแนะนำ VPN ก็อยู่ในรูปแบบคำแนะนำแบบทีละขั้นตอน นี่หมายความว่าแม้ว่าคุณจะไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับ VPN คุณก็สามารถกำหนดค่าตามที่คุณชอบได้โดยไม่มีปัญหา

สกรีนช็อตของหน้าสนับสนุนของ VyprVPN

หากคุณไม่สะดวกใจที่จะพูดคุยกับผู้ให้คำแนะนำ คุณสามารถหาคำตอบสำหรับคำถามมากมายได้ในหน้าของ VyprVPN

หากคุณมองหาคำตอบสำหรับคำถามที่เฉพาะเจาะจง คุณสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ VyprVPN เพ่าอใช้กลไกการค้นหาความช่วยเหลือและหาบทความที่เกี่ยวข้องได้อย่างรวดเร็ว หลังจากที่ฉันพิมพ์คีย์เวิร์ดหรือวลีอย่าง “ทดลองใช้งานฟรี” หรือ “การรับประกันยินดีคืนเงิน” VPN ก็แนะนำหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับการค้นหาของฉันโดยทันที แม้ว่าฉันจะไม่พบบทความเกี่ยวกับการทดลองใช้งานฟรี แต่กลไกการค้นหาก็แสดงเกี่ยวกับนโยบายการขอคืนเงินซึ่งเป็นบทความโดยละเอียดเกี่ยวกับหัวข้อดังกล่าวกับฉันอย่างรวดเร็ว

การอัปเดตสถานะการบริการ – ตรวจสอบปัญหาทางเทคนิคที่เกิดขึ้นและรับทราบเมื่อมันได้รับการแก้ไข

ฉันดีใจที่ได้เห็นว่า VyprVPN มีหน้าสถานะการบริการซึ่งแสดงให้คุณเห็นรายการของปัญหาทางเทคนิคที่เกิดขึ้นทั้งหมดและมอบการอัปเดตในการแก้ไขปัญหาของพวกเขา หน้านี้จะมอบการอัปเดตในปัญหาอื่น ๆ มากมาย เช่น:

  • สถานะการให้บริการของ VyprVPN ในประเทศจีน
  • การซ่อมบำรุงเซิร์ฟเวอร์
  • ปัญหาการสตรีมมิ่งในแพลตฟอร์มต่าง ๆ

ระหว่างการทดสอบการสตรีมมิ่งของฉัน ฉันพบว่าหน้าสถานะบริการนี้มอบความสะดวกสบายในการติดตามว่าเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่สามารถทำงานร่วมกันกับ Netflix, BBC iPlayer, and Disney+ ได้

ทำไมฉันถึงต้องดูที่การช่วยเหลือ ในเมื่อฉันสามารถทำได้เอง?

ถึงแม้ว่าผู้คนส่วนใหญ่จะคิดว่าการช่วยเหลือที่ดีมีความจำเป็นเฉพาะในช่วงการติดตั้ง VPN แต่จริง ๆ แล้วก็อาจมีอย่างอื่นที่ท่านอาจต้องการความช่วยเหลือนี้ได้เช่นกัน เช่น การเชื่อมต่อไปยังเซิฟเวอร์บางแห่ง การเปลี่ยนโปรโตคอล และการปรับค่า VPN บนเราท์เตอร์ เป็นต้น เราได้ตรวจสอบ VPN แต่ละตัวเพื่อดูว่ามีการช่วยเหลือเวลาใดบ้าง (ถึงแม้ในช่วงกลางดึก), ระยะเวลาที่พวกเขาตอบสนอง และพวกเขาได้ตอบคำถามเราหรือไม่

ราคา

- 7.0 / 10

VyprVPN เป็นหนึ่งใน VPN ที่มีราคาแพงที่ฉันเคยทดสอบมาซึ่งมีราคาอยู่ที่ $3.00 ต่อเดือน (แผนสมัครสมาชิก: 2 ปี) น่าเสียดายที่ฉันไม่คิดว่าฟีเจอร์ดังกล่าวคู่ควรกับราคาที่แพง แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่พบปัญหาที่สำคัญใด ๆ กับ VyprVPN มี VPN อื่น ๆ อีกมากมายที่มีราคารายเดือนที่ถูกกว่า VyprVPN และมีฟีเจอร์เดียวกัน

รองรับช่องทางการชำระเงินมากมาย

VyprVPN มอบตัวเลือกในการชำระเงินมากมาย แต่จำกัดเมื่อเทียบกับ VPN ที่เป็นที่นิยมมากกว่าอย่าง ExpressVPN หรือ CyberGhost คุณสามารถสมัครสมาชิก VyprVPN ของคุณได้โดยใช้:

  • บัตรเครดิต: Visa, American Express, Mastercard, Discover และ UnionPay
  • บัญชี PayPal
  • Google Play และ Apple App Store หากคุณลงทะเบียนผ่านอุปกรณ์มือถือ

ฉันชอบที่ได้เห็นแบบฟอร์มการชำระเงินในรูปแบบที่ไม่เปิดเผยตัวมากขึ้นอย่าง Bitcoin หรือ Mint ก็มีให้บริการเช่นกัน สิ่งนี้จะทำให้มั่นใจว่าข้อมูลชื่อและการเรียกเก็บเงินของคุณไม่ถูกเปิดเผยในการรั่วไหลของข้อมูลโดยไม่ได้ตั้งใจ – ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถเชื่อมโยงคุณกับบัญชี VyprVPN ได้ แต่ถึงอย่างนั้นนี่ก็ไม่ใช่จุดเด่นมากนักเพราะนโยบายไม่บันทึกข้อมูลส่วนบุคคลและการป้องกันการรั่วไหลของ DNS นั้นทำให้มั่นใจได้ว่ากิจกรรมทางออนไลน์ของคุณจะถูกปิดบังเอาไว้ตลอดเวลา

การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วันให้คุณทดลองใช้งานได้โดยไม่มีความเสี่ยง

ทุกแผนให้บริการของ VPN มีการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วันซึ่งหมายความว่าคุณสามารถลองใช้ VyprVPN โดยไม่มีความเสี่ยงได้เกือบหนึ่งเดือน ขั้นตอนการขอยกเลิกนั้นง่ายมากเนื่องจากมันเป็นแบบอัตโนมัติ สิ่งที่ฉันต้องทำคือเปิดแท็บ “บัญชี” ในโปรไฟล์ VyprVPN ออนไลน์ของฉันและเลือก “ยกเลิกบริการ” ที่อยู่ถัดจากตัวเลือกแผนให้บริการของฉัน

สกรีนช็อตของการตั้งค่าบัญชีของ VyprVPN

การขอยกเลิกการสมัครสมาชิกผ่านขั้นตอนการขอยกเลิกของ VyprVPN นั้นง่ายมาก

คุณจะต้องแจ้งเหตุผลสำหรับการยกเลิก แต่คุณไม่จำเป็นต้องแจ้งโดยละเอียด ฉันเลือกตัวเลือกที่บอกว่า “ฉันไม่ต้องการใช้ VPN อีกต่อไปแล้ว” เท่านั้น

หลังจากที่ยกเลิก คุณจะต้องติดต่อฝ่ายสนับสนุนลูกค้าของ VyprVPN เพื่อขอเงินคืน ตอนที่ฉันติดต่อบริการลูกค้าโดยใช้แชทออนไลน์ตลอด 24-7 ฉันพบว่าตัวแทน VPN ไม่ได้พยายามใช้กลยุทธ์การขายอย่างหนักหน่วงและพยายามทำให้ฉันใช้งานต่อ เขาแค่ขอที่อยู่อีเมล PayPal ของฉันเพื่อเป็นการยืนยันบัญชีและเริ่มขั้นตอนการคืนเงินโดยไม่มีปัญหา ฉันได้รับเงินคืนเข้าที่อยู่ PayPal ของฉันใน 3 วัน

สกรีนช็อตของตัวแทนแชทสด VyprVPN 24/7 ที่อนุมัติคำขอคืนเงิน

ฉันพึงพอใจกับความง่ายในการขอเงินคืนสำหรับการสมัครสมาชิกใช้งาน VyprVPN ของฉัน

ทดลองใช้งานฟรี 3 วันตอนที่คุณลงทะเบียนผ่านอุปกรณ์ Android หรือ iOS

นอกจากการรับประกันยินดีคืนเงินแล้ว VyprVPN ให้คุณลองใช้บริการโดยไม่มีค่าใช้จ่ายฟรี 3 วัน – แต่ข้อเสนอนี้พร้อมให้บริการเฉพาะบน Android และ iOS เท่านั้น เพื่อแลกรับมัน สิ่งที่คุณต้องทำคือสมัครใช้งาน VyprVPN บนโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตของคุณ แม้ว่าคุณจะต้องกรอกรายละเอียดการชำระเงินของคุณ แต่คุณจะไม่ถูกเรียกเก็บเงินจนกว่าช่วงระยะเวลา 3 วันจะสิ้นสุดลง หากคุณเกิดตัดสินใจว่าคุณไม่ต้องการจ่ายเงิน แค่ยกเลิกการสมัครสมาชิกของคุณโดยการลงชื่อเข้าใช้บัญชีของคุณผ่านเบราว์เซอร์ จากนั้นให้เปิดการตั้งค่าบัญชีของคุณและยกเลิกบริการดังกล่าวเพื่อปิดบัญชีของคุณโดยทันที

VyprVPN มีแพลนดังต่อไปนี้

1-เดือน
 
$ 10.00
ต่อ เดือน
 
ดูแพลน
2-ปี
$10.00
$ 3.00
ต่อ เดือน
ประหยัด 70%
ดูแพลน
ดูแพลน
ประหยัด 70%
1-ปี
$10.00
$ 5.00
ต่อ เดือน
ประหยัด 50%
ดูแพลน
ดูแพลน
ประหยัด 50%

บทสรุป

จากการทดสอบของฉัน ฉันสามารถพูดได้อย่างมั่นใจเลยว่า VyprVPN ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีใน 2024 เนื่องจากความปลอดภัยที่ไม่สามารถทำลายได้และความง่ายในการใช้งาน VPN เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการสตรีมมิ่งและ Torrenting เนื่องจากมันปลดบล็อกแพลตฟอร์มยอดนิยมมากมายและมันไม่เปิดเผยตัวตนคุณโดยสมบูรณ์และมอบแบนด์วิดธ์ที่จำเป็นสำหรับการดาวน์โหลดที่ปลอดภัยแบบไม่จำกัด

ข้อเสียอย่างมากเพียงอย่างเดียวคือราคาและความเร็วที่หลากหลาย – แม้ว่าคุณอาจจะพบกับประสบการณ์ที่แตกต่างโดยขึ้นอยู่กับความเร็วพื้นฐานของอินเทอร์เน็ตของคุณ แต่คุณจะไม่มีทางรู้เลยว่า VyprVPN เป็นตัวเลือกที่ดสำหรับคุณหรือไม่หากไม่ได้ลองใช้งานดูก่อน การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วันของ VPN มอบช่องทางในการทดสอบโดยไม่มีความเสี่ยงกับคุณก่อนที่คุณจะตัดสินใจสมัครแผนให้บริการระยะยาว หากคุณตัดสินใจที่จะอยากยกเลิกการสมัครสมาชิกของคุณ คุณสามารถขอรับเงินคืนผ่านแชทออนไลน์ตลอด 24/7 ของ VPN ได้เต็มจำนวน ฉันได้รับเงินของฉันคืนภายใน 3 วันเท่านั้นหลังจากส่งคำขอ

ลองใช้ VyprVPN โดยไม่มีความเสี่ยงวันนี้

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ VyprVPN

VyprVPN ดีไหม?

ดี VyprVPN มีฟีเจอร์มากมายที่คุณคาดหวังจะได้รับจาก VPN คุณภาพสูงซึ่งรวมถึงความสามารถในการปลดบล็อกเว็บไซต์สตรีมมิ่งยอดนิยมที่สุดมากมาย VyprVPN ยังมีฟีเจอร์ความปลอดภัยมากมายที่จะดูแลให้คุณปลอดภัยขณะท่องอินเทอร์เน็ตด้วย

อย่างไรก็ตามปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่ฉันพบกับ VyprVPN คือมันส่งผลกระทบต่อความเร็วของฉันอย่างมากในเซิร์ฟเวอร์ในประเทศที่อยู่ห่างไกลจากฉัน ความเร็วของฉันลดลงมากกว่า 70% ของความเร็วอินเทอร์เน็ตของฉัน ดังนั้นมันจึงใช้เวลาในการดาวน์โหลดไฟล์จากอีเมลหรือสำหรับโหลดวิดีโอนานกว่า นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงรักความเร็วการเชื่อมต่อที่รวดเร็วสูงของ ExpressVPN VPN นั้นรวดเร็วมากจนบ่อยครั้งที่ฉันลืมว่าฉันกำลังใช้งานมันอยู่ นั่นหมายความว่าฉันมีแนวโน้มว่าจะใช้ ExpressVPN สำหรับทุกอย่างตั้งแต่การปลดบล็อกเว็บไซต์สตรีมมิ่งไปจนถึง Torrenting

VyprVPN ปลอดภัยไหม?

VyprVPN ใช้โปรโตคอลเข้ารหัสระดับทหาร ความลับในการส่งต่อที่สมบูรณ์และโปรโตคอล Tunneling ขั้นสูงเพื่อให้มั่นใจว่าการเชื่อมต่อของคุณยังคงปลอดภัย ฉันดำเนินการทดสอบการรั่วไหลหลายครั้งและหมายเลข IP ที่แท้จริงของฉันก็ไม่เคยถูกเปิดเผยเลย นโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานได้รับการตรวจสอบจากบริษัทอิสระแล้วซึ่งนี่เป็นอะไรที่ฉันไม่สามารถพูดได้สำหรับบริษัท VPN ยอดนิยมมากมาย

ฉันสามารถใช้ VyprVPN ฟรีได้ไหม?

แม้ว่าคุณจะไม่สามารถใช้งานมันได้ฟรี แต่คุณสามารถลองใช้ VyprVPN เป็นระยะเวลาหนึ่งเดือนได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน สิ่งที่คุณต้องทำคือลงทะเบียนสำหรับสมาชิกและคุณจะได้รับโอกาสในการลองใช้ซอฟต์แวร์โดยไม่มีความเสี่ยงเป็นระยะเวลาสองสามสัปดาห์ หากคุณเกิดเปลี่ยนใจก่อนที่ระยะเวลา 30 วันจะสิ้นสุดลง คุณสามารถยกเลิกการสมัครสมาชิกของคุณได้โดยการติดต่อฝ่ายสนับสนุนลูกค้าเพื่อขอเงินคืน ตอนที่ฉันขอเงินคืน เจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนของฉันเสนอทางแก้ไขปัญหาใด ๆ ที่ฉันมี แต่ก็ดำเนินการตามคำขอของฉันอย่างเหมาะสมตอนที่ฉันยืนยันการตัดสินใจของฉันว่าฉันต้องการเงินคืน ฉันได้รับเงินคืนเต็มจำนวนผ่าน PayPal ใน 3 วันหลังจากนั้นเท่านั้น อย่างไรก็ตามหากคุณกำลังมองหา VPN ที่ฟรีโดยสมบูรณ์ คุณสามารถลองดู VPN ฟรีที่ดีที่สุดในปี 2024 ดูได้

เปรียบเทียบกับตัวเลือกอื่น
9.8
/ 10
เยี่ยมชม
9.6
/ 10
เยี่ยมชม
9.4
/ 10
เยี่ยมชม
8.0  / 10
พวกเราจัดอันดับผู้ให้บริการตามการทดสอบและการค้นคว้าอย่างเข้มงวด แต่ก็จะมีการคำนึงถึงความคิดเห็นของคุณและค่าคอมมิชชั่นจากผู้ให้บริการด้วย ผู้ให้บริการบางรายนั้นจะมีบริษัทแม่แห่งเดียวกันกับพวกเรา เรียนรู้เพิ่มเติม

Wizcase ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2018 ในฐานะเว็บไซต์รีวิวบริการ VPN อย่างอิสระและเว็บไซต์ข่าวเกี่ยวกับเรื่องความเป็นส่วนตัว วันนี้ ทีมงานนักวิจัยความปลอดภัยทางไซเบอร์, นักเขียน และบรรณาธิการนับร้อยของพวกเราได้ช่วยผู้อ่านให้ต่อสู้เพื่ออิสรภาพทางออนไลน์ผ่านการจับมือกับ Kape Technologies PLC ซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ดังต่อไปนี้: ExpressVPN, CyberGhost, Intego และ Private Internet Access ซึ่งอาจจะได้รับการจัดอันดับและรีวิวบนเว็บไซต์ของเราด้วย รีวิวที่ได้รับการเผยแพร่บน Wizcase นั้นมีความแม่นยำถึงวันที่ทำการเผยแพร่ และแต่ละรีวิวก็จะถูกเขียนขึ้นโดยอ้างอิงมาตรฐานที่เข้มงวดด้านการรีวิวซึ่งจะเน้นความเป็นอิสระและการค้นคว้าวิจัยอย่างซื่อสัตย์และเป็นมืออาชีพของนักรีวิว โดยจะเน้นไปถึงความสามารถและคุณภาพของผลิตภัณฑ์รวมถึงความคุ้มค่าที่มันมีต่อผู้ใช้งาน การจัดอันดับและรีวิวที่พวกเราเผยแพร่นั้นอาจจะคำนึงถึงการเป็นเจ้าของเดียวกันที่กล่าวถึงด้านบน และค่าคอมมิชชั่นที่พวกเราได้รับในกรณีที่มีการสั่งซื้อผ่านลิงก์บนเว็บไซต์ของเราด้วย พวกเราไม่ได้ทำการรีวิวผู้ให้บริการ VPN ทั้งหมด และข้อมูลที่เผยแพร่นั้นจะมีความแม่นยำถึงวันที่เผยแพร่แต่ละบทความ