ความเร็ว | 10 / 10 |
เซิร์ฟเวอร์ | 10 / 10 |
เป็นมิตรต่อผู้ใช้ | 10 / 10 |
บริการลูกค้า | 10 / 10 |
ราคา | 9.0 / 10 |
หมายเหตุจากบรรณาธิการ: ExpressVPN และเว็บไซต์นี้อยู่ในกลุ่มบริษัทที่มีเจ้าของเดียวกัน
ExpressVPN รีวิว 2024: รวดเร็ว, ปลอดภัย - ยังคงเป็นที่สุด?
ภาพรวม ExpressVPN 2024
ExpressVPN เป็น VPN อันดับหนึ่งมานานหลายปี โดยมีความเร็วการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว ความปลอดภัยระดับพรีเมียมและไม่มีปัญหาด้านความเป็นส่วนตัวหรือการรั่วไหลของข้อมูลเลย แต่บริการนี้ยังเป็นคู่แข่งอันดับต้น ๆ เมื่อแข่งกัน VPN ที่มีฟีเจอร์อื่น ๆ มากมายที่พร้อมให้บริการไหม — และบริการนี้ยังเป็นบริการที่พิสูจน์แล้วว่าคู่ควรกับแผนสมาชิกที่มีราคาแพงกว่าไหม? ทีมงานและผมได้ดำเนินการประเมิน ExpressVPN โดยละเอียดเพื่อค้นหาคำตอบ
ในระหว่างการทดสอบ ExpressVPN ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยและไว้วางใจได้สำหรับการสตรีมมิ่ง โหลดบิท เล่นเกมและอื่น ๆ อีกมากมาย ความเร็วนั้นรวดเร็วอย่างสม่ำเสมอ มีเซิร์ฟเวอร์พร้อมให้บริการทั่วโลกและฟีเจอร์ใหม่ (เช่น การป้องกันมัลแวร์ การปิดกั้นโฆษณา แผงควบคุมการใช้งานอินเทอร์เน็ตของเด็กและเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน) ส่งผลให้แอปนี้เป็นแอปที่ครบครันที่เหมาะสำหรับการใช้งานทุกวัน
แม้ว่า ExpressVPN จะไม่มีฟีเจอร์ที่ปรับแต่งได้มากมายให้เล่น แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าบริการนี้ขาดฟีเจอร์อะไรไป ฟีเจอร์เหล่านี้ยังทำงานได้ แต่ในพื้นหลัง ซึ่งผมคิดว่ามันทำให้การใช้ ExpressVPN เป็นเรื่องง่ายมากกว่าคู่แข่ง ความเรียบง่ายควบคู่ไปกับชื่อเสียงที่น่าประทับใจและฟีเจอร์คุณภาพทำให้ ExpressVPN คุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่ายเพิ่ม
ลองใช้ ExpressVPN โดยไม่มีความเสี่ยง!
ไม่มีเวลาอ่านใช่ไหม? นี่คือสรุปฉบับย่อ (ใช้เวลาอ่าน 1 นาที)
- ทำงานร่วมกับเว็บไซต์สตรีมมิ่งได้อย่างน่าเชื่อถือ ทีมงานของเราสามารถดู Netflix, BBC iPlayer, Disney+ และอื่น ๆ อีกมากมายได้โดยไม่กระตุกเลย นี่คือเว็บไซต์ที่ ExpressVPN ทำงานได้
- ความเร็วที่ยอดเยี่ยม ผมได้รับความเร็วที่รวดเร็วจากทุกเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลก ไม้ว่าจะเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลยหรือเยอรมนีก็ตาม ข้ามไปยังผลการทดสอบความเร็ว
- ฟีเจอร์รักษาความปลอดภัยขั้นสูง นอกจากการเข้ารหัสระดับทหารและโปรโตคอลรักษาความปลอดภัยมากมาย ExpressVPN มี Kill Switch, Split Tunneling, การป้องกันการรั่วไหลและอื่น ๆ อีกมากมาย ดูฟีเจอร์รักษาความปลอดภัยทั้งหมด
- นโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่เข้มงวด ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ExpressVPN ไม่เก็บรวบรวมข้อมูลของผู้ใช้ ดูว่านโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานนี้ได้รับการทดสอบอย่างไร
- ใช้งานในประเทศจีนได้ ExpressVPN เป็นหนึ่งใน VPN จำนวนไม่มากที่สามารถหลีกเลี่ยงไฟร์วอลล์ที่แข็งแกร่งของภูมิภาคดังกล่าวนี้และใช้งานได้อย่างน่าเชื่อถือในประเทศจีน คลิกที่นี่เพื่อดูผลการทดสอบในประเทศจีน
- แอปเฉพาะสำหรับ Mac, Windows, Android, iPhone และอื่น ๆ อีกมากมาย สามารถเชื่อมต่อแอปที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้พร้อมกันได้ถึง 8 อุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน ดูว่าอุปกรณ์ใดที่ทำงานร่วมกันกับ ExpressVPN ได้ดีที่สุด
- ราคาแพงกว่าคู่แข่งเล็กน้อย หลังจากที่ดำเนินการทดสอบโดยละเอียด ผมก็รู้สึกว่านี่เป็นบริการที่คุ้มค่ากับราคาเมื่อพิจารณาถึงฟีเจอร์พรีเมียมทั้งหมดที่มี ดูตัวเลือกราคาทั้งหมด (และดูว่าวิธีหาข้อเสนอลับ)
รับข้อเสนอ Black Friday จาก ExpressVPN! คุณสามารถสมัครสมาชิก ExpressVPN ได้ในราคาแสนถูกเพียง $4.99 ต่อเดือน + รับเพิ่มฟรี 6 เดือนฟรีในแผนให้บริการแบบ 2 ปี (ประหยัดได้สูงสุดถึง 61%)! นี่เป็นข้อเสนอจำกัดเวลา ดังนั้นอย่าลืมคว้ามันเอาไว้ก่อนตอนนี้ก่อนมันจะหายไป ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสนอนี้ได้ที่นี่
ExpressVPN ทำงานร่วมกันกับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่าง ๆ ได้มากกว่า 100 รายการ (Netflix, Amazon Prime Video, Hulu, Disney+, Kodi และอื่น ๆ อีกมากมาย)
ExpressVPN เป็นหนึ่งใน VPN ที่ไว้วางใจได้มากที่สุดสำหรับการสตรีมมิ่ง ในระหว่างการทดสอบ ทีมงานที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลกของผมสามารถดู Netflix (สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, แคนาดา, เยอรมนีและอื่น ๆ) Amazon Prime Video (สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร, Disney+ (ทุกประเทศ), Hulu, Kodi add-ons, BBC iPlayer, Sling TV, Max (ชื่อเดิม HBO Max), Showtime, UKTV, DAZN, ESPN+ และอื่น ๆ ได้อีกเพียบ
เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลก 3000 เซิร์ฟเวอร์และหมายเลข IP ได้รับการอัปเดตเป็นประจำ ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการพบกับข้อผิดพลาดพร็อกซีจึงเป็นเรื่องที่หาได้ยากเมื่อใช้ ExpressVPN กับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง
หนึ่งในเรื่องที่ทำให้ ExpressVPN โดดเด่นคือจำนวนบริการสตรีมมิ่งระหว่างประเทศจำนวนมากที่ ExpressVPN สามารถปลดล็อกได้นอกเหนือไปจากบริการยอดนิยมอย่าง Netflix, Hulu, Max (HBO), ESPN, Amazon Prime Video และ Disney+ ExpressVPN ให้คุณสตรีมแพลตฟอร์มต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ได้:
Netflix | Hulu | BBC iPlayer | Max | ESPN |
Amazon Prime Video | Disney+ | FuboTV | Channel4 | Hotstar |
DAZN | Sky Go | Showtime | Apple TV+ | SlingTV |
Peacock | Sky TV | ITVX | Paramount+ | BEIN Sports |
Discovery+ | Canal+ | Hallmark Channel | Philo | BritBox |
ผมยังพบด้วยว่าผมสามารถจัดการกับปัญหาที่พบได้ยากสองสามเรื่องในขณะสตรีมมิ่งในเบราว์เซอร์ของผมได้โดยใช้ส่วนขยายเบราว์เซอร์ของ ExpressVPN ด้วย ส่วนขยายนี้ใช้ฟีเจอร์ขั้นสูงอย่างการปิดกั้นตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของ WebRTC และ HTML5 ซึ่งเป็นเครื่องมือในการรับมือกับเทคนิคการปิดกั้นที่ซับซ้อนกว่า
ผมยังพบด้วยว่าการสลับไปใช้เบราว์เซอร์อื่นหรือใช้ Incognito Mode บ่อยครั้งช่วยแก้ปัญหาได้ การสลับจาก Chrome เป็น Firefox ช่วยให้เข้าถึง Hulu ได้ง่ายมากขึ้นและการใช้ Incognito Mode ก็ช่วยให้ผมเข้าถึง Max (ชื่อเดิม HBO Max) ได้
Netflix
ผมทดสอบผู้ให้บริการต่าง ๆ กว่า 30 ผู้ให้บริการกับ Netflix และ ExpressVPN เป็นหนึ่งใน VPN ชั้นนำของผม ทีมงานที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลกของเราสามารถดู Netflix ในสหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, ญี่ปุ่น, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ออสเตรเลียและอื่น ๆ อีกมากมายได้สม่ำเสมอ ทุกเซิร์ฟเวอร์ที่ผมทดสอบ ผมสามารถสตรีม Netflix ในความละเอียดระดับ UHD ได้และต้องรอโหลด เพียง 1-3 วินาทีเท่านั้น
ผมประทับใจเป็นอย่างยิ่งกับความเร็วที่รวดเร็วตอนที่ผมเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ New York, Paris, London และ Frankfurt-1
Amazon Prime Video
ทีมงานของเราพบว่า ExpressVPN ทำงานร่วมกันกับ Amazon Prime Video ในตำแหน่งที่มีให้บริการได้ ซึ่งรวมถึงสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา
ในขณะที่ดูรายการ The Boys ผมพบว่ามีการกระตุกประมาณ 4 วินาทีจากเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกาและไม่กระตุกเลยจากเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้สหราชอาณาจักรมากกว่า
Hulu
ทีมงานในสหรัฐอเมริกาพบว่าเซิร์ฟเวอร์ของ ExpressVPN ในสหรัฐอเมริกาทำงานร่วมกันกับ Hulu ได้ — คุณควรใช้ Firefox แทน Chrome หากคุณใช้เบราว์เซอร์ในการสตรีมมิ่งเพราะตัวเลือกนี้จะมอบการเชื่อมต่อที่เสถียรได้มากกว่า พวกเขาสามารถสตรีม Palm Springs ผ่านเซิร์ฟเวอร์นิวยอร์ก นิวเจอร์ซีย์ วอชิงตันและลอสแองเจลิสในความละเอียดระดับ UHD โดยไม่กระตุกได้อีกด้วย
หลังจากที่ดู Hulu เป็นเวลานานกว่าชั่วโมงหนึ่ง การเชื่อมต่อ ExpressVPN ของผมก็ยังคงเสถียรดี โดยมีการกระตุกกลางเรื่องที่กินเวลาไม่นานเกินสองสามวิเกิดขึ้นไม่บ่อยนักอยู่บ้าง
Disney Plus
ทีมงานเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์และออสเตรเลียได้และทุกเซิร์ฟเวอร์ต่างก็ทำงานร่วมกันกับ Disney+ ได้ รายการ The Mandalorian โหลดขึ้นมาภายในไม่กี่วินาทีและผมก็พบการโหลดตอนเริ่มต้นเพียงสองสามวินาทีเท่านั้น
ตอนที่ผมทดสอบความเร็ว เซิร์ฟเวอร์ UK-London เป็นเซิร์ฟเวอร์ที่รวดเร็วที่สุดและเซิร์ฟเวอร์ Australia-Sydney เป็นเซิร์ฟเวอร์ที่ช้าที่สุด ความเร็วที่ได้ยังคงรวดเร็วพอสำหรับการสตรีมในความละเอียดระดับ UHD ดังนั้นผมจึงยิ่งกว่าพึงพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้
Max
ทีมงานระหว่างประเทศของเราเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์มากมายของ ExpressVPN ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งรวมถึงนิวยอร์ก ลอสแองเจลิสและนิวเจอร์ซีย์ — เซิร์ฟเวอร์ที่ทดสอบทั้งหมดทำงานร่วมกันกับ Max (ชื่อเดิม HBO Max) ได้โดยไม่มีปัญหา
ความเร็วเองก็ยอดเยี่ยม ความเร็วที่ได้ถือว่ารวดเร็วมากพอสำหรับการสตรีม Aquaman โดยไม่กระตุก
Kodi
ExpressVPN ทำงานร่วมกันกับแอดออน Kodi ได้ แม้กระทั่งบริการที่จำกัดในตำแหน่งที่เฉพาะเจาะจง เพื่อทดสอบเรื่องนี้ ผมได้ลองสตรีมแอดออน Popcornflix (ถูกกฎหมาย แต่ถูกจำกัดตามภูมิศาสตร์) ซึ่งเปิดให้บริการเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาเท่านั้น เซิร์ฟเวอร์ USA–New York และ Canada–Toronto ของ ExpressVPN สตรีมในความละเอียดระดับ UHD ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
จากนั้นผมก็ทดสอบแอดออน Kodi ที่สตรีมไฟล์ BitTorrent ที่แคชไว้ ผมสามารถดูรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์ที่เป็นสาธารณสมบัติในรูปแบบ UHD ได้ และต้องรอโหลดสตรีมเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น โบนัสคือการได้รู้ว่าการรับส่งข้อมูลของผมปลอดภัยตลอดเวลาที่ผมสตรีมมิ่งบน Kodi
ไม่สามารถทำงานร่วมได้: N/A
น่าประทับใจที่ ExpressVPN ทำงานร่วมกันกับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งทั้งหมดที่ทีมงานระหว่างประเทศของเราทดสอบได้ แม้ว่าประสิทธิภาพของบริการนี้จะไม่ได้ไร้ที่ติ แต่เราก็สามารถแก้ไขปัญหาข้อความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเป็นบางครั้งได้ง่าย ๆ โดยใช้ส่วนขยายเบราว์เซอร์ของ ExpressVPN หรือง่าย ๆ เพียงเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์
เรื่องสำคัญที่คุณควรทราบคือความสามารถในการสตรีมมิ่งของ ExpressVPN ไม่เพียงแต่ครอบคลุมแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งยอดนิยมี่ทสุดเท่านั้น มันยังทำงานร่วมกันกับบริการที่แม้กระทั่ง VPN ชั้นนำอย่าง CyberGhost ก็ประสบปัญหาได้ บริการดังกล่าวนั้นรวมถึง DAZN, ITVX, Channel 4, Sky GO และบริการในท้องถิ่นอื่น ๆ เช่น TF1
ความเร็ว
- 10 / 10ExpressVPN เร็วไหม? (ใช่ เร็วมากด้วย!)
ExpressVPN เป็น VPN ที่เร็วที่สุดที่ผมเคยทดสอบ บริการนี้รวดเร็วมากจนบางครั้งผมก็ลืมไปเลยว่าผมเชื่อมต่ออยู่ ตอนนี้ผมใช้ ExpressVPN เพื่อท่องอินเทอร์เน็ต สตรีมรายการโทรทัศน์และหนัง เล่นเกมออนไลน์และโหลดไฟล์บิทขนาดใหญ่ถึง 90GB และมากกว่านี้มาเกือบหนึ่งปีแล้วและผมก็ไม่มีเรื่องให้ต้องบ่นเกี่ยวกับความเร็วเลย
ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ความเร็วของ ExpressVPN นั้นเพิ่มขึ้นอย่างมากเพราะการอัปเกรดเครือข่าย ปัจจุบัน เครือข่ายของ ExpressVPN มากกว่า 80% ตอนนี้ใช้เซิร์ฟเวอร์ 10Gbps ที่มอบความเร็วที่มากกว่าและการเชื่อมต่อที่เสถียรกว่า เซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดที่อยู่ในประเทศหลัก ๆ เช่น สหรัฐอเมริกาและสหราชอาจักรได้รับการอัปเกรดแล้ว
ผลทดสอบความเร็ว
ผมทดสอบความเร็วจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก (ด้วยความช่วยเหลือของเพื่อนร่วมงาน) – และผมก็ประทับใจที่ได้เห็นว่าเซิร์ฟเวอร์ของ ExpressVPN มีความรวดเร็วสม่ำเสมอกันทั่วโลก
โดยทั่วไปแล้ว เซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างจากตำแหน่งที่แท้จริงของคุณมีแนวโน้มที่จะทำงานได้ช้ากว่า แต่น่าประหลาดใจที่ไม่มีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเจนอะไรระหว่างความเร็วของเซิร์ฟเวอร์ ExpressVPN ที่อยู่ใกล้ฝรั่งเศสหรือเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกลออกไปเกือบ 17,000 กิโลเมตรในออสเตรเลีย
ผมยังทดสอบโปรโตคอล Lightway และ OpenVPN ของ ExpressVPN เพื่อเปรียบเทียบความเร็วด้วย Lightway ก็อย่างที่ชื่อบอก ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ไม่หนักเครื่อง โดยมีโปรโตคอลที่ประกอบไปด้วยโค้ดประมาณ 2,000 บรรทัด (เทียบกับ 70,000 ของ OpenVPN) เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนสำหรับผมว่าผมสามารถเชื่อมต่อและสลับเปลี่ยนระหว่างเซิร์ฟเวอร์ได้รวดเร็วแค่ไหน นอกจากนี้มันยังเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับมือถือด้วยเนื่องจากมันไม่กินแบตเตอรี่มากนัก
น่าสนใจที่ผมพบว่า OpenVPN เร็วกว่า Lightway เล็กน้อย (ตามขอบเขตความผิดพลาด) แต่ถึงอย่างนั้น สำหรับเพื่อนร่วมงานบางส่วนของผม Lightway เร็วกว่าเล็กน้อย ซึ่งสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าตัวแปรต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณอาจส่งผลต่อโปรโตคอลที่เหมาะสำหรับคุณมากที่สุด โดยทั่วไปแล้ว การเลือกโปรโตคอล “อัตโนมัติ” ที่ให้ ExpressVPN เลือกตัวเลือกที่เหมาะกับคุณที่สุดถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
คุณสามารถดูผลลัพธ์ของแต่ละโปรโตคอลได้ที่ด้านล่าง เมื่อเทียบกับความเร็วปกติของผมที่ 520Mbps ผลลัพธ์ของคุณอาจแตกต่างออกไป แต่ด้านล่างนี้ก็เป็นตัวบ่งชี้ที่ดีว่าโปรโตคอลใดมีความสามารถอะไรบ้าง
เมื่อเทียบกับคู่แข่ง ExpressVPN ส่งผลกระทบต่อความเร็วอินเทอร์เน็ตพื้นฐานของผมน้อยที่สุด (ซึ่งหมายความว่ามันจะไม่ทำให้อุปกรณ์ของคุณทำงานช้าลง) เพื่อทดสอบเรื่องนี้ ผมได้เปิดใช้งาน ExpressVPN บน Windows PC ของผมและเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ Melbourne ซึ่งอยู่ห่างจากที่ที่ผมอยู่มากที่สุด ความเร็วในการดาวน์โหลดของผมลดลงเพียง 25% เท่านั้น – ถือว่าไม่มากนักเมื่อพิจารณาถึงระยะทาง
เพื่อการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่รวดเร็วที่สุด ผมขอแนะนำให้เลือกเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้กับตำแหน่งที่คุณอยู่มากที่สุด แต่หากคุณกำลังอยู่ในระหว่างเดินทางหรือต้องการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างออกไป ExpressVPN ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าบริการนี้เสนอความเร็วการเชื่อมต่อที่ดีทั่วโลก ดังนั้นคุณจะไม่พบกับประสบการณ์การใช้งานที่ช้าเป็นอย่างมาก
เคล็ดลับ: รับความเร็วสูงสุดด้วย ExpressVPN
- เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ “แนะนำ: เซิร์ฟเวอร์ “แนะนำ” เสนอความเร็วที่ดีที่สุดตามระยะทางของคุณจากตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์และจำนวนผู้ใช้ที่เชื่อมต่ออยู่
- เลือกโปรโตคอลรักษาความปลอดภัยที่เร็วกว่า: ผมขอแนะนำให้เลือกโปรโตคอลที่เร็วกว่าอย่าง Lightway หรือ OpenVPN (UDP)
- ติดต่อฝ่ายสนับสนุนลูกค้าผ่านแชทออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง: คุณสามารถติดต่อทีมสนับสนุนออนไลน์ได้และพวกเขาจะแนะนำเซิร์ฟเวอร์ที่รวดเร็วให้กับคุณ
ความเร็วของ ExpressVPN เร็วพอสำหรับเล่นเกมไหม? (ใช่)
การมีความเร็วที่รวดเร็วถือเป็นเรื่องสำคัญเมื่อพูดถึงการเล่นเกม โดยมีเวลาแฝงต่ำเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด เวลาแฝง (บ่อยครั้งเรียกว่า ping) เป็นมาตรวัดระยะเวลาที่แพ็กเกตข้อมูลเดินทางระหว่างคอมพิวเตอร์ของคุณและเซิร์ฟเวอร์เกม เวลาแฝงสูงอาจก่อให้เกิดการกระตุกอย่างเห็นได้ชัดในระหว่างเล่นเกม ซึ่งส่งผลเชิงลบต่อปฏิกิริยาและการกำหนดเวลาในเกมของคุณ
ผมตัดสินใจที่จะทดสอบ ExpressVPN กับเกมสองสามเกม ซึ่งรวมถึง Call of Duty: Warzone และ Counter-Strike: Global Offensive (CS:GO) บน Steam เนื่องจากเป็นเกมออนไลน์ที่มีการแข่งขันสูง เกมเหล่านี้จึงต้องมีการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว เวลาแฝงต่ำเนื่องจากความล่าช้าใด ๆ อาจหมายถึงความแตกต่างระหว่างชนะและแพ้
ผมดีใจมากที่ ExpressVPN ทำได้มากกว่าที่ผมคาดหวังเอาไว้ ตอนที่ผมเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ใกล้กับเยอรมนี อัตรา ping ของผมอยู่ที่ประมาณ 55ms เทียบกับปกติที่ 40ms – เหมาะสำหรับการเล่นเกม โดยพื้นฐานแล้ว ผมโอเคกับการเล่นเกมออนไลน์ที่มี ping ต่ำกว่า 90ms แม้ว่าผมจะชอบให้อยู่ต่ำกว่า 65ms โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมที่เล่นเร็วกว่าก็ตาม
โดยรวมแล้ว ผมแทบไม่สังเกตเห็นเลยว่าผมกำลังใช้ VPN อยู่ ยกเว้นแต่ตอนที่เพื่อนร่วมทีมส่วนใหญ่ของผมเริ่มพูดภาษาเยอรมันกัน ผมแม้แต่ใช้งานมันในวันหยุดในตุรกีด้วยและค่า ping ก็อยู่ที่เฉลี่ย 79ms ซึ่งเพียงพอในขณะที่เล่น Warzone ผลลัพธ์ของคุณเองจะแตกต่างออกไปอย่างมากตามระยะห่างของคุณกับเซิร์ฟเวอร์
ความสำคัญของความเร็วและสิ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อเลือก VPN?
ความเร็วถือเป็นปัจจัยที่สำคัญเมื่อเลือก VPN ซึ่งความเร็วในการใช้ VPN จะมาพร้อมกับค่าใช้ที่เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามยิ่ง VPN มีความเร็วมากเท่าใด คุณยิ่งจะสามารถเข้าใกล้ความเร็วสูงสุดของเน็ตเวิร์คของคุณได้มากเท่านั้น เวลา Ping มีความสำคัญเทียบเท่ากับความเร็วในการดาวน์โหลด/อัพโหลดสำหรับการสตรีมมิ่ง เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับความเร็วในการรับข้อมูล เวลา ping ที่น้อยกว่าและแบนด์วิธในการดาวน์โหลดที่สูงจะช่วยให้การสตรีมมิ่งเป็นไปได้อย่างไม่มีสะดุด การใช้เวลาในการเชื่อมต่อที่สั้นกว่าจะช่วยป้องกันความวุ่นวาย ส่วนการเชื่อมต่อที่เสถียรถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการสตรีมมิ่งหรือทำกิจกรรมใด ๆ ที่ความเป็นส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญ
เซิร์ฟเวอร์
- 10 / 10เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกขนาดใหญ่ (105 ประเทศ)
ExpressVPN เสนอเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 3000 เซิร์ฟเวอร์ใน 105 ประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่เยอะมากสำหรับ VPN แม้ว่าบริการนี้จะไม่ได้มีจำนวนเซิร์ฟเวอร์รวมสูงสุด แต่ตัวเลือกมากมายที่ครอบคลุมหลายพื้นที่ทั่วโลก นี่หมายความว่าคุณจะพบเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้เคียงเสมอ ไม้ว่าคุณจะอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส ศรีลังกาหรือนิวซีแลนด์ก็ตาม
ตัวเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่ครอบคลุมที่ดีที่สุดพร้อมให้บริการในประเทศต่าง ๆ ในยุโรปและอเมริกาเหนือ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีตัวเลือกมากมายในภูมิภาคตะวันออกกลาง แอฟริกา อเมริกาใต้และเอเชียแปซิฟิก
เซิร์ฟเวอร์ Obfuscated – เหมาะสำหรับการซ่อนตัวจากการแอบติดตาม
เซิร์ฟเวอร์ของ ExpressVPN ทั้งหมดเป็น Obfuscated โดยค่าเริ่มต้น ซึ่งทำให้บริการนี้เป็นตัวเลือกที่ดีหากคุณกำลังเดินทางไปยังประเทศที่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับการใช้งาน VPN เซิร์ฟเวอร์ Obfuscated ปิดบังข้อเท็จจริงที่ว่าคุณกำลังใช้ VPN ซึ่งทำให้การหลีกเลี่ยงการตรวจจับแพ็กเกจเชิงลึก (เทคโนโลยีที่ตรวจจับการรับส่งข้อมูล VPN) เป็นเรื่องง่าย
ตอนที่ผมทดสอบจากตุรกี ผมไม่เคยมีปัญหาการเชื่อมต่อเลย – แม้ว่าที่นั่นจะบล็อกเว็บไซต์ของ ExpressVPN ก็ตาม นอกจากนี้บริการดังกล่าวยังเสนอเว็บไซต์สำรองที่มีการอัปเดตเป็นประจำในกรณีที่คุณต้องการดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ในขณะที่อยู่ในประเทศที่มีการเซ็นเซอร์เข้มงวด แค่ส่งอีเมลถึงทีมสนับสนุนเพื่อขอลิงก์ที่ใช้งานได้ล่าสุด (support@expressvpn.zendesk.com)
ExpressVPN มีเซิร์ฟเวอร์เสมือนจริงสำหรับภูมิภาคที่มีโครงสร้างพื้นฐานไม่เสถียรหรือกฎหมายอินเทอร์เน็ตที่เข้มงวด ตัวอย่างเช่น หากคุณเลือกเซิร์ฟเวอร์ในเวเนซูเอลาที่ขึ้นชื่อเรื่องกฎระเบียบข้อบังคับออนไลน์ที่รัดกุม ExpressVPN จะมอบหมายเลข IP ในเวเนซูเอลาให้กับคุณ แต่เชื่อมต่อคุณกับเซิร์ฟเวอร์ใกล้เคียงในบราซิล สิ่งนี้จะช่วยรับประกันการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยและเสถียรในเวลาเดียวกัน
เทคโนโลยี TrustedServer – ลบข้อมูลทั้งหมดจากเซิร์ฟเวอร์โดยอัตโนมัติ
เซิร์ฟเวอร์ของ ExpressVPN มากกว่า 3000 เซิร์ฟเวอร์ทำงานผ่านดิสก์ RAM แทนที่จะเป็นฮาร์ดไดร์ฟ ดิสก์ RAM ต้องใช้พลังงานในการเก็บข้อมูลเอาไว้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นทุกครั้งที่มีการเปิดและปิดเซิร์ฟเวอร์อีกครั้ง ข้อมูลทั้งหมดจะถูกลบออกไปทันที นั่นหมายความว่าเทคโนโลยี TrustedServer ลบการติดตามข้อมูลส่วนบุคคลและประวัติการท่องเว็บใด ๆ ของคุณออกทุกครั้งที่มีการรีบูต
แม้ว่าฟีเจอร์นี้จะกำลังกลายเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้นท่ามกลาง VPN พรีเมียมชั้นนำ แต่ผู้ให้บริการอื่น ๆ มากมายก็ยังคงใช้เซิร์ฟเวอร์ผ่านฮาร์ดไดร์ฟ ปัญหาก็คือฮาร์ดไดร์ฟกักเก็บข้อมูลทั้งหมดเอาไว้จนกว่าจะมีการลบหรือเขียนทับด้วยตัวเอง ข้อมูลดังกล่าวนั้นรวมถึงข้อมูลความลับ ซึ่งสร้างปัญหาความเป็นส่วนตัวที่อาจเกิดขึ้นได้หากเกิดการรั่วไหลหรือโดนแฮก
เพื่อแสดงถึงความมั่นใจในเทคโนโลยี TrustedServer ExpressVPN ได้ตั้งเงินรางวัลมูลค่า $100,000 ให้กับใครก็ตามที่พบข้อบกพร่องที่มีความสำคัญต่อความปลอดภัย เงินรางวัลก้อนโตนี้แสดงให้ผมเห็นว่า ExpressVPN ไม่คิดว่าจะมีใครพบการรั่วไหลหรือข้อบกพร่องในความปลอดภัยของเซิร์ฟเวอร์ของพวกเขา ซึ่งทำให้ผมมั่นใจว่าข้อมูลของผมปลอดภัยดี
Smart Location – เหมาะสำหรับการดำเนินการระดับปานกลาง
ในทางทฤษฎีแล้ว ฟีเจอร์ Smart Location จะแนะนำเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้เคียงโดยอัตโนมัติเพื่อการเชื่อมต่อที่ดีที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นบางครั้งฟีเจอร์นี้ก็มักแนะนำตัวเลือกที่แปลก เช่น เซิร์ฟเวอร์ในอิตาลีในขณะที่ผมอยู่ที่โปแลนด์หรือเซิร์ฟเวอร์ในนิวยอร์กขณะที่ผมอยู่ในอังกฤษ แม้ว่ามันจะมีเป้าหหมายในการหาเซิร์ฟเวอร์ที่มีความเร็วสูงและเวลาแฝงต่ำ แต่โดยทั่วไปแล้วผมพบว่าตัวเลือกที่เลือกเองนั้นแม่นยำมากกว่า
แม้ว่าการปรับปรุงปัจจุบันจะค่อนข้างคาดเดาได้ยาก แต่ผมก็ชอบที่ได้เห็นฟีเจอร์นี้พัฒนาเพราะมันช่วยประหยัดวินาทีอันล้ำค่าของคุณเมื่อคุณกำลังเร่งรีบ ผมใช้ฟีเจอร์นี้ในผู้ให้บริการ VPN อื่นอยู่บ่อย ๆ ซึ่งเรื่องนี้เลยทำให้เป็นหนึ่งในจุดอ่อนเล็กน้อยของ ExpressVPN เมื่อเทียบกับคู่แข่ง (โชคดีที่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร)
ExpressVPN เหมาะสำหรับการโหลดบิทและ P2P ไหม? ใช่!
ExpressVPN ไม่ได้โฆษณาตัวฟีเจอร์ P2P ของตนมากเหมือนกับที่ VPN อื่น ๆ ทำ ดังนั้นผมเลยคิดว่าบริการนี้ไม่รองรับการโหลดบิท – แต่กลายเป็นว่าผมคิดผิด หลังจากที่ดำเนินการทดสอบโดยละเอียด ผมประทับใจที่ได้พบว่า ExpressVPN จริง ๆ แล้วเป็นหนึ่งใน VPN ที่เหมาะสำหรับการโหลดบิทมากที่สุด
ทุกเซิร์ฟเวอร์ได้รับการปรับปรุงเพื่อกิจกรรม P2P โดยรองรับไคลเอนต์ยอดนิยมอย่าง uTorrent, qBittorrent และ Vuze เรื่องนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดให้ความสำคัญกับความเร็วและความปลอดภัยอย่างเต็มที่
ฟีเจอร์สนับสนุนความเป็นส่วนตัวมากมายทำให้ ExpressVPN เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับการโหลดบิท การเข้ารหัสระดับทหารจะปิดบังการรับส่งข้อมูลของคุณ การหมุนเวียนหมายเลข IP ยังช่วยให้คุณนำหน้าการติดตามอยู่ก้าวหนึ่งอย่างต่อเนื่องและ Network Lock (Kill Switch ของ ExpressVPN) จะยกเลิกการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณในกรณีที่มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นในการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์
นอกจากนี้แล้ว เขตอำนาจศาลในหมู่เกาะบริติชเวอร์จิ้นยังเสนอการรับประกันเพิ่มเติมด้วย ด้วยการเป็นอิสระจากข้อบังคับการจัดเก็บข้อมูล นี่หมายความว่า ExpressVPN ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายในด้านการจัดเก็บหรือแบ่งปันกิจกรรมออนไลน์ของคุณ แต่ถึงอย่างนั้น นี่ก็ไม่ได้หมายความว่า ExpressVPN ให้ไฟเขียวแก่คุณในการโหลดไฟล์อะไรก็ได้ที่คุณต้องการ – การดาวน์โหลดสื่อที่ได้รับการคุ้มครองจากลิขสิทธิ์เป็นเรื่องผิดกฎหมายเสมอ ดังนั้นกรุณาใช้งานอย่างมีความรับผิดชอบด้วย
แน่นอนว่าหากไม่มีความเร็วที่รวดเร็วสูง ทั้งหมดนี้คงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ โชคดีที่ตามที่เราเห็นกันข้างต้น ExpressVPN มีความเร็วสูง เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นในการทดสอบ P2P ของผม ตอนที่ผมสามารถดาวน์โหลดไฟล์ขนาด 10GB ได้ใน 3 นาทีครึ่งเท่านั้น
ExpressVPN ทำงานในประเทศจีนได้ไหม? (ได้)
การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในประเทศจีนนั้นเป็นเรื่องยากมาก ๆ เพราะกฎหมายการเซ็นเซอร์ของประเทศจีน – และ VPN ส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถทำงานในประเทศจีนได้แล้ว โชคดีที่ ExpressVPN สามารถหลีกเลี่ยงไฟร์วอลล์ที่แข็งแกร่งของประเทศนี้ได้สำเร็จ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้บริการนี้เป็นหนึ่งใน VPN ไม่มากที่สามารถทำได้ การเข้าถึงเว็บไซต์อย่าง Facebook, Google, Wikipedia, YouTube, Netflix และอื่น ๆ นั้นไม่เคยเป็นปัญหาเลย
ExpressVPN ไม่มีเซิร์ฟเวอร์ในประเทศจีน ซึ่งทำให้บริการนี้เป็นอิสระจากกฎระเบียบข้อบังคับท้องถิ่นและข้อกำหนดในการบันทึกข้อมูล หากคุณกำลังเดินทางไปยังประเทศจีน ผมขอแนะนำให้ดาวน์โหลด ExpressVPN เอาไว้ล่วงหน้าเนื่องจากอาจมีการปิดกั้นเว็บไซต์ที่นั่น หรือคุณสามารถติดต่อ ExpressVPN ผ่านทางอีเมล (support@expressvpn.zendesk.com) เพื่อขอลิงก์สำรองล่าสุด ซึ่งจะช่วยให้คุณดาวน์โหลดแอปจากภายในประเทศจีนได้
หลังจากที่เชื่อมต่อแล้ว การรับส่งข้อมูลอินเทอร์เน็ตของคุณจะได้รับการเข้ารหัสและปิดบังจากการเซ็นเซอร์ รัฐบาลและ ISP ทั้งหมด เพื่อเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม Network Lock ที่เป็น Kill Switch จะปิดกั้นการรับส่งข้อมูลอินเทอร์เน็ตทั้งหมดหากการเชื่อมต่อ VPN เกิดไม่เสถียรหรือไม่ทำงาน สิ่งนี้ช่วยป้องกันไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณรั่วไหลทางออนไลน์และเปิดเผยตัวตนของคุณ
เพื่อยืนยันเรื่องนี้ ทีมงานค้นคว้าของผมจึงได้ดำเนินการทดสอบการรั่วไหลของ DNS จากประเทศจีนในขณะที่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ New York ของ ExpressVPN เราไม่พบการรั่วไหล – ดังนั้นคุณจึงสามารถมั่นใจได้ว่าการรับส่งข้อมูลออนไลน์ของคุณได้รับการป้องกันเป็นอย่างดี
ปัญหาเล็กน้อยที่ผมพบคือไม่ใช่ทุกเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้งานในประเทศจีนได้ ดังนั้นคุณจะถูกจำกัดโดยตัวเลือกที่สามารถใช้งานได้ แต่ถึงอย่างนั้น เซิร์ฟเวอร์ในญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาของ ExpressVPN ก็สามารถหลีกเลี่ยงไฟร์วอลล์ของประเทศจีนได้สำเร็จ
หมายเหตุ! ประเทศจีนแบน VPN ที่ไม่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล ซึ่งหมายความว่าการใช้งาน ExpressVPN ที่นั่นอาจถือเป็นการทำผิดกฎหมายได้ กรุณาตรวจสอบกฎหมายในท้องถิ่นล่าสุดหากคุณต้องการใช้ ExpressVPN เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดกั้นของรัฐบาล (ในประเทศใดก็ตาม) และอย่าลืมตรวจสอบให้มั่นใจว่าคุณไม่ได้ทำอะไรที่อาจนำไปสู่ปัญหาทางกฎหมายได้
ฟีเจอร์รักษาความปลอดภัย
มาตรฐานการเข้ารหัสล้ำสมัย – มอบชั้นการป้องกันที่ไม่สามารถทำลายได้
ExpressVPN ใช้การเข้ารหัส AES 256-บิตผสานรวมกันกับคีย์ 4096-บิต RSA และการยืนยัน SHA-512 HMAC เรื่องนี้หมายความว่าอะไร? นี่เป็นมาตรฐานการเข้ารหัสสูงสุดและปัจจุบันก็ได้รับการพิจารณาว่าเป็นมาตรฐานที่แทบจะเจาะไม่ได้เลย
การยืนยัน SHA-512 HMAC ช่วยเพิ่มชั้นความปลอดภัยเพิ่มเติมให้กับการถ่ายโอนข้อมูล (เช่นการแชร์ไฟล์ P2P และการโหลดบิท) ทั้งผู้ส่งและผู้รับไฟล์ใช้คีย์ลับร่วมกัน – การเปลี่ยนแปลงคีย์ลับใด ๆ หมายถึงการเชื่อมต่อถูกสกัดกั้น ดังนั้นคุณจะรู้ได้ทันทีว่ามีผู้บุกรุก
นอกจากนี้ ตอนนี้ ExpressVPN ยังมีการป้องกันหลังควอนตัมกับโปรโตคอล Lightway ด้วย เมื่อเชื่อมต่อกับ Lightway คุณจะได้รับความปลอดภัยเพิ่มเติมที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อป้องกันเทคโนโลยีควอนตัม ซึ่งมีศักยภาพในการทำลายการเข้ารหัสชั้นนำในปัจจุบัน — ExpressVPN กำลังป้องกันความปลอดภัยของข้อมูลของคุณในอนาคต
โปรโตคอลรักษาความปลอดภัยมากมายที่พร้อมใช้งานในทุกอุปกรณ์
ExpressVPN เสนอโปรโตคอล Lightway อันโดดเด่น ควบคู่ไปกับตัวเลือกมาตรฐานอย่าง OpenVPN (UDP และ TCP) และ IKEv2 ExpressVPN ไม่ได้ทำให้โปรโตคอลทั้งหมดพร้อมใช้งานในทุกอุปกรณ์ แต่ถึงอย่างนั้น แต่ละระบบปฏิบัติการก็มีตัวเลือกมากมาย เช่น:
- Windows – Lightway (UDP และ TCP), OpenVPN (UDP และ TCP), IKEv2 (ExpressVPN เวอร์ชัน 10 เท่านั้น)
- Mac – Lightway (UDP และ TCP), OpenVPN (UDP และ TCP) และ IKEv2
- Android – Lightway (UDP และ TCP), OpenVPN (UDP และ TCP) และ IKEv2.
- iOS – Lightway (UDP และ TCP) และ IKEv2
- Linux – Lightway (UDP และ TCP), OpenVPN (UDP และ TCP) และ IKEv2
- เราเตอร์ – Lightway, OpenVPN และ IKEv2
ผมขอแนะนำให้คุณใช้โปรโตคอลที่ปลอดภัยและล้ำสมัยอย่าง Lightway และ OpenVPN Lightway เป็นโปรโตคอลอันเป็นกรรมสิทธิ์ที่พัฒนาขึ้นสำหรับลูกค้า ExpressVPN โดยเฉพาะและโดยทั่วไปแล้วถือเป็นตัวเลือกที่รวดเร็วที่สุดสำหรับการเชื่อมต่อทั่วโลก
คุณสามารถเลือกโปรโตคอลได้ง่าย ๆ โดยการคลิกที่ไอคอน “การตั้งค่า” และไปยัง “โปรโตคอล” ด้วยการเปิดใช้งานตัวเลือกเริ่มต้น “อัตโนมัติ” ExpressVPN จะเลือกโปรโตคอล VPN ที่ดีที่สุดให้ตามการตั้งค่าเครือข่ายของคุณ สำหรับคนส่วนใหญ่ การเลือกตัวเลือกนี้ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่หากคุณประสบกับปัญหาเครือข่ายใด ๆ คุณก็สามารถสลับเปลี่ยนมันได้อย่างรวดเร็ว
โปรโตคอลที่คุณจะไม่เห็น ExpressVPN รองรับคือ SSTP, PPTP และ L2TP/IPSec โปรโตคอลล้าสมัยเหล่านี้ไม่สามารถติดตามภัยคุกคามที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดที่ผู้ใช้หลายคนได้เจอทัน แม้แต่การมีไว้เป็นตัวเลือกก็อาจทำให้ระบบของคุณมีช่องโหว่สำหรับภัยคุกคามได้หากคุณเผลอไปเลือกเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ
Kill Switch อัตโนมัติ – ป้องกันการรับส่งข้อมูลอินเทอร์เน็ตของคุณให้ปลอดภัยในขณะที่ขาดการเชื่อมต่อได้สำเร็จ
Network Lock ป้องกันข้อมูลหรือข้อมูลการรับส่งใด ๆ จากการรั่วไหลหากการเชื่อมต่อ VPN ของคุณเกิดหลุด ในกรณีที่มีปัญหาด้านการเชื่อมต่อใด ๆ Kill Switch นี้จะตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณลงชั่วคราวจนกว่าจะมีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวและคุณกลับมาเชื่อมต่อใหม่อีกครั้ง
ฟีเจอร์นี้พร้อมใช้งานบน Windows, Mac, Android, Linux และแอปสำหรับเราเตอร์ ผมทดสอบฟีเจอร์บน Macbook, Windows PC และสมาร์ทโฟนของผม (ที่มีระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 13) และการเชื่อมต่อของผมก็ถูกปิดกั้นได้สำเร็จทุกครั้งที่ผมลองรบกวนการเชื่อมต่อ VPN ด้วยตัวเอง ซอฟต์แวร์เปิดใช้งานฟีเจอร์นี้เอาไว้ให้โดยอัตโนมัติ ดังนั้นคุณเลยไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการเปิดใช้งาน
คุณยังได้รับตัวเลือกในการอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้เข้าถึงอุปกรณ์ LAN (เช่น เครื่องพิมพ์หรือเซิร์ฟเวอร์ไฟล์) ด้วยหาก Network Lock ตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ด้วยวิธีนี้ คุณจะได้รับตัวเลือกในการเปิด LAN ของคุณเอาไว้เพื่อหลีกเลี่ยงการแทรกแซงเมื่อสั่งพิมพ์ได้ หรือ Network Lock สามารถตัดการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ของคุณบนเครือข่ายทั้งหมดโดยสมบูรณ์ ซึ่งถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับความปลอดภัย
Split Tunneling – สำหรับ Windows, Mac, Android และแอปสำหรับเราเตอร์ (มากกว่า VPN อื่น ๆ ส่วนใหญ่)
นี่คือจุดที่ ExpressVPN เป็นผู้ชนะอย่างเห็นได้ชัด VPN มากมายไม่มี Split Tunneling ให้บริการ และแม้ VPN จะมีฟีเจอร์นี้ให้ใช้ก็มีให้ใช้ได้แค่ใน 1 หรือ 2 แอปเท่านั้น – โดยปกติแล้วจะเป็น Android แต่ ExpressVPN เสนอ Split Tunneling บนแอปสำหรับ Android, Windows และเราเตอร์ทั้งหมด
Split Tunneling จะมอบความสามารถในการเลือกแอปที่เฉพาะเจาะจงที่จะหลีกเลี่ยง VPN แก่คุณ สมมติว่าคุณอยากดูรายการในแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่างประเทศ แต่คุณก็อยากทำการธนาคารออนไลน์ในท้องถิ่นไปด้วย ด้วยการเปิดใช้งาน Split Tunneling คุณจะสามารถตั้งค่าให้ Netflix เชื่อมต่อกับ ExpressVPN ในขณะที่เบราว์เซอร์อินเทอร์เน็ตปกติของคุณหลีกเลี่ยง VPN ได้
น่าเสียดายที่ Split Tunneling ไม่พร้อมใช้งานบน macOS 11 (Big Sur) และใหม่กว่าหรือบน iOS เรื่องนี้เป็นเรื่องโชคร้ายของอุปกรณ์ Apple ซึ่งไม่อนุญาตให้มี Split Tunneling เลยหรืออนุญาตให้ใช้ได้บน macOS ที่มีโปรโตคอลเข้ารหัสเฉพาะ (และเป็นที่นิยมน้อยกว่า) เท่านั้น ซึ่งทำให้การปรับปรุงเป็นเรื่องยากมากขึ้นสำหรับผู้ให้บริการ VPN
ผลการทดสอบการรั่วไหล – ไม่พบการรั่วไหล
แม้ว่า VPN จะเข้ารหัสการรับส่งข้อมูลออนไลน์ของคุณ แต่ก็ยังเป็นไปได้ที่ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณจะเกิดรั่วไหลผ่าน DNS, WebRTC และ IPv4 ExpressVPN เสนอการทดสอบการรั่วไหลของตนเอง แต่ผมอยากดำเนินการทดสอบด้วยตัวของผมเองที่ ipleak.net
ผมทดสอบเซิร์ฟเวอร์ของ ExpressVPN ในสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นบน Mac ของผมและผมก็ยินดีที่จะบอกให้ทราบว่า ExpressVPN ไม่มีการรั่วไหลเลยตลอดเซสชันของผม มีเพียงหมายเลข IPv4 ใหม่ของผมเท่านั้นที่มองเห็นได้และ IPv6 ก็ถูกปิดกั้นไว้ ดังนั้นจึงไม่มีความเสี่ยงที่จะข้อมูลส่วนบุคคลของผมจะเกิดรั่วไหลได้
DNS เข้ารหัสในทุกเซิร์ฟเวอร์
ฟีเจอร์ Encrypted DNS ของ ExpressVPN จะป้องกันความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยทางออนไลน์ของคุณโดยการเข้ารหัสคำขอ DNS ของคุณแทนที่จะเปิดเผยมันกับบุคคลที่สาม นี่หมายความว่า ISP, รัฐบาลหรือพวกชอบสอดแนมไม่พึงประสงค์อื่น ๆ ไม่สามารถดูได้ว่าคุณกำลังเยี่ยมเว็บไซต์อะไร นอกจากนี้มันยังปิดกั้นโฆษณาและการติดตาม ซึ่งช่วยยกระดับความเป็นส่วนตัวของคุณมากยิ่งขึ้น
ไม่จำเป็นต้องเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ – มันเปิดใช้งานเสมอโดยค่าเริ่มต้นอยู่แล้วเพื่อให้มั่นใจว่าการรับส่งข้อมูลของคุณทั้งหมดได้รับการคุ้มครองตั้งแต่การเชื่อมต่อครั้งแรกของคุณ
Advanced Protection (การป้องกันขั้นสูง) — ปิดกั้นโฆษณา การติดตาม เว็บไซต์ที่เป็นอันตรายและมีเครื่องมือควบคุมการใช้งานอินเทอร์เน็ตสำหรับเด็ก
ฟีเจอร์ Advanced Protection ของ ExpressVPN เพิ่มการป้องกันความเป็นส่วนตัวเพิ่มเติมโดยการปิดกั้นเว็บไซต์และแอปจากการติดตามคุณ ตลอดจนปิดกั้นเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย โฆษณาและเว็บไซต์สำหรับผู้ใหญ่ ฟีเจอร์อื่น ๆ ก็พร้อมให้บริการในเมนูตัวเลือก ได้แก่ Threat Manager (เครื่องมือจัดการภัยคุกคาม), Ad Blocker (ตัวปิดกั้นโฆษณา) และ Parental Controls (เครื่องมือควบคุมการใช้งานอินเทอร์เน็ตสำหรับเด็ก)
Threat Manager หยุดโฆษณาเป้าหมายบนเว็บไซต์หลังจากการค้นหาบน Google เฉพาะหรือใช้แอปที่เฉพาะเจาะจงได้เป็นดีเป็นพิเศษ ผมไม่เห็นโฆษณาเป้าหมายใด ๆ เลยในขณะที่ใช้ Advanced Protection ของ ExpressVPN
ผมประทับใจที่ได้พบว่ามีฟีเจอร์เหล่านี้เหมือนกันในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ฟีเจอร์เหล่านี้พร้อมให้บริการบน Windows, Mac, Android, iOS และ Linux แค่อย่าลืมว่าฟีเจอร์เหล่านี้จะทำงานเฉพาะในขณะที่คุณเชื่อมต่อกับ VPN เท่านั้น — หลังจากที่คุณยกเลิกการเชื่อมต่อ ฟีเจอร์ Advanced Protection จะไม่ทำงานอีกต่อไป
เข้ากันได้กับ Tor เพื่อความปลอดภัยเพิ่มเติม
ผมพบว่า ExpressVPN ทำงานร่วมกันกับ Tor ได้ดีเป็นพิเศษเนื่องจาก:
- ความเร็วที่ยอดเยี่ยม – แม้ว่าการท่องเว็บบน Tor จะทำให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตช้าลง แต่ความเร็วที่รวดเร็วของ ExpressVPN จะไม่ส่งผลเสียต่อการเชื่อมต่อของคุณมากนัก
- การเข้ารหัส 256-บิต – ปิดบังการรับส่งข้อมูลจากโหนดทั้งหมดในเครือข่าย Tor
- Kill Switch – ปิดกั้นการรั่วไหลโดยบังเอิญหากการเชื่อมต่อ VPN เกิดถูกขัดจังหวะเพื่อให้ไม่มีการเปิดเผยหมายเลข IP ที่แท้จริงของคุณไปยังการเข้าและออกโหนดของ Tor
- นโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน – หยุดข้อมูลส่วนบุคคลของคุณและกิจกรรม Tor ไม่ให้ถูกบันทึกเก็บไว้
- เซิร์ฟเวอร์บน RAM – ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลของคุณจะถูกลบออกจากเซิร์ฟเวอร์ของ ExpressVPN
เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น ผมขอแนะนำให้เชื่อมต่อกับ ExpressVPN ก่อนเสมอและค่อยเชื่อมต่อกับ Tor วิธีนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ “Tor over VPN” หรือ “Onion over VPN” และป้องกันแม้กระทั่ง Tor จากการมองเห็นหมายเลข IP ที่แท้จริงของคุณ
เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน Keys จาก ExpressVPN
หนึ่งในวิธีการหลัก ๆ ที่ความปลอดภัยทางออนไลน์ของผู้คนถูกรุกล้ำคือการใช้รหัสผ่านที่อ่อนแอสำหรับบัญชีออนไลน์ บริการ Keys ของ ExpressVPN มีเป้าหมายในการแก้ไขเรื่องนี้โดยการเสนอเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่สามารถสร้างและจัดเก็บรหัสผ่านที่แข็งแกร่งมาก (และข้อมูลลงชื่อเข้าใช้ที่เกี่ยวข้อง) ฟีเจอร์นี้ยังมีการกรอกข้อมูลบนเว็บไซต์และแอปโดยอัตโนมัติเพื่อลดเวลาการลงชื่อเข้าใช้ด้วย
ฟีเจอร์นี้ใช้สถาปัตยกรรมความรู้เป็นศูนย์ ซึ่งหมายความว่ามีเพียงรหัสผ่านหลักของคุณ (หรือไบโอเมตริกบนอุปกรณ์มือถือ) เท่านั้นที่สามารถกู้คืนรายการที่คุณจัดเก็บเอาไว้ได้ นี่หมายความว่าแม้แต่ ExpressVPN เองก็มองไม่เห็นมัน (และหากคุณเกิดลืมรหัสผ่าน คุณก็โชคร้ายไปเลย!)
แตกต่างจากเครื่องมือจัดการรหัสผ่านอื่น ๆ ExpressVPN ให้คุณจัดเก็บรหัสผ่านได้ไม่จำกัดจำนวนและคุณยังสามารถจัดเก็บข้อมูลอย่างหมายเลขหนังสือเดินทาง ข้อมูลทางการแพทย์หรือบัตรเครดิต/เครดิตในรูปแบบ “บันทึกความลับ” — ได้ไม่จำกัดด้วยเช่นกัน คีย์ยังช่วยระบุรหัสผ่านที่มีความเสี่ยงและตรวจสอบว่ารหัสผ่านของคุณถูกละเมิดหรือไม่ในการละเอียดข้อมูลด้วย
มันเป็นบริการที่ผมดีใจเสมอที่ได้เห็นการแข่งขันมากขึ้นและด้วยภูมิหลังด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของ ExpressVPN ผมจึงมั่นใจในความสามารถในการมอบผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่งของพวกเขา จริง ๆ แล้ว Keys ได้รับการตรวจสอบโดยบริษัทความปลอดภัยทางไซเบอร์ชั้นนำ Cure53 แล้ว ดังนั้นคุณจึงสามารถมั่นใจได้เลยว่ารหัสผ่านของคุณได้รับการจัดเก็บเอาไว้อย่างปลอดภัย (และเป็นส่วนตัว)
ข้อเสียเล็กน้อย: ไม่มีหมายเลข IP เฉพาะ
ExpressVPN ไม่มีหมายเลข IP เฉพาะเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้มีระดับความเป็นส่วนตัวสูงสุด ไม่มีหมายเลข IP คงที่เพื่อเพิ่มระดับการไม่เปิดเผยตัวตนของคุณ — มีการหมุนเวียนหมายเลข IP ทั้งหมดเป็นประจำ ดังนั้นคุณจึงอาจได้รับหมายเลข IP ที่คุณเคยใช้มาก่อนหรือหมายเลข IP ใหม่ที่คุณไม่เคยใช้เมื่อคุณเชื่อมต่อ
ผมคิดว่าเป็นเรื่องน่าอายที่ ExpressVPN ไม่มีหมายเลข IP เฉพาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการ — มันเป็นวิธีในการหลีกเลี่ยง CAPTCHA และกระบวนการยืนยันบัญชีที่ดี และบ่อยครั้งที่มักมอบการเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ที่ปิดกั้น VPN ได้ หากคุณสนใจที่จะใช้หมายเลข IP คงที่นี้ CyberGhost มีหมายเลข IP เฉพาะในราคารายเดือนที่ไม่แพง
ฟีเจอร์ความปลอดภัย
นโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่เข้มงวด – ทดสอบแล้วและสอบผ่าน
คุณจะพบบริการ VPN มากมายอ้างว่าใช้นโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน – แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องจริงเสมอไป ผู้ให้บริการ VPN ยอดนิยมที่มี “นโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน” จะยังคงติดตามหมายเลข IP, ตราประทับเวลาการเชื่อมต่อและอุปกรณ์ของผู้ใช้ นั่นจึงเป็นเหตุว่าทำไมจึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่นโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานได้รับการตรวจสอบและพิสูจน์แล้ว.
ในปี 2017 ทางการตุรกีได้ค้นหาบันทึกผู้ใช้จาก ExpressVPN เนื่องจากนโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน ExpressVPN จึงไม่มีข้อมูลอะไรที่จะส่งให้ได้ แต่ถึงอย่างนั้นทางการก็ได้เข้ายึดเซิร์ฟเวอร์ในท้องถิ่นเพื่อพยายามกู้คืนข้อมูล แต่ก็ไม่สำเร็จ เรื่องนี้เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ – ในโลกแห่งความเป็นจริง – ว่า ExpressVPN พูดความจริงและข้อมูลผู้ใช้ปลอดภัยแค่ไหน
ExpressVPN มอบตัวเลือกในการแบ่งปันข้อมูลของคุณกับทีมเทคนิคเพื่อวัตถุประสงค์ในการวิเคราะห์ ข้อมูลนี้รวมถึงรายงานการทดสอบความเร็ว ความล้มเหลวในการเชื่อมต่อหรืออาการค้างของแอป ข้อมูลทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้และไม่สามารถติดตามย้อนกลับมาหาบุคคลหรืออุปกรณ์ใด ๆ ได้ ดังนั้นคุณถึงมั่นใจถึงความเป็นส่วนตัวของคุณได้ เพื่อเป็นการระมัดระวังด้านความปลอดภัยเพิ่มเติม ผมขอแนะนำให้ปฏิเสธตัวเลือกนี้
ตั้งอยู่ในหมู่เกาะบริติชเวอร์จิ้น
ExpressVPN มีเจ้าของคือ Express VPN International Limited ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนในหมู่เกาะบริติชเวอร์จิ้น (BVI) การที่ตำแหน่งของ ExpressVPN อยู่ใน BVI เป็นเรื่องสำคัญเพราะ:
- ไม่มีกฎหมายบังคับให้เก็บข้อมูล – ดังนั้น ExpressVPN จึงไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องเก็บข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับกิจกรรมอินเทอร์เน็ตของผู้ใช้เอาไว้ ซึ่งแตกต่างจากออสเตรเลียและประเทศอื่น ๆ ในยุโรป
- ไม่มีโครงการเฝ้าระวังมวลชน – เนื่องจากกฎหมายความเป็นส่วนตัวที่เข้มงวดของ BVI ที่ป้องกันผู้พำนักอาศัยและธุรกิจอย่าง ExpressVPN ซึ่งตรงข้ามกับการเฝ้าระวังในวงกว้างที่เห็นได้ในประเทศเช่นสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร
- เขตอำนาจศาลที่เป็นอิสระและควบคุมตนเอง – เนื่องจาก ExpressVPN อยู่ภายใต้กฎหมายของ BVI และไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจศาลของประเทศอื่นใด
- อยู่นอก 5, 9 และ 14 Eyes – เนื่องจาก BVI ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของหน่วยงานแบ่งปันข่าวกรอง “Eyes” ระหว่างสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เดนมาร์ก ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ เยอรมนี เบลเยี่ยม อิตาลี สวีเดนและสเปน
การตรวจสอบโดยบุคคลที่สาม – สอบผ่าน
น่าประหลาดใจที่มีหลาย VPN ที่ไม่เคยได้รับการตรวจสอบจากบริษัทบุคคลที่สาม ผมพบว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแปลก – ผู้คนไม่ควรพึ่งพาแค่เพียงชื่อเสียงและหลงเชื่อเมื่อประเมินข้อกล่าวอ้างจากผู้ให้บริการ VPN อย่างหลับหูหลับตา
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผมจึงประทับใจได้ ExpressVPN ได้รับการตรวจสอบจากบริษัทอิสระมากมายเพื่อสนับสนุนคำสัญญาเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของพวกเขา เริ่มตั้งแต่ปี 2019 ExpressVPN ได้จ้างบริษัทมากมาย โดยเริ่มตันจาก PwC เพื่อยืนยันนโยบายความเป็นส่วนตัว นับตั้งแต่นั้นมา ExpressVPN ก็ได้รับการตรวจสอบจากบริษัทดังต่อไปนี้:
- PwC (PricewaterhouseCoopers) – สำหรับการตรวจสอบครั้งแรกในปี 2019 เพื่อยืนยันนโยบายความเป็นส่วนตัวและเทคโนโลยี TrustedServer ของ ExpressVPN
- Cure53 – เพื่อตรวจสอบส่วนขยายเบราว์เซอร์, โปรโตคอล Lightway และเทคโนโลยี TrustedServer เพื่อหาข้อบกพร่องด้านความปลอดภัยใด ๆ
- KPMG – เพื่อทดสอบนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานของ ExpressVPN และการปรับปรุง TrustedServer
- ioXt Alliance – ยืนยันและรับรองแอป Android ของ ExpressVPN
- F-secure – ตรวจสอบแอป Windows ของ ExpressVPN เพื่อหาช่องโหว่
จริง ๆ แล้ว ExpressVPN ผ่านการทดสอบจากบริษัทอิสระ 12 แห่งแค่เพียงในปี 2012 เท่านั้น การตรวจสอบนี้รวมถึงนโยบายด้านความเป็นส่วนตัว, เทคโนโลยี TrustedServer, เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน Keys, เราเตอร์ Aircove, โปรโตคอล Lightway และอื่น ๆ อีกมากมาย เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า ExpressVPN ไม่มีอะไรต้องปิดบังและให้ความสำคัญกับความโปร่งใส เมื่อเทียบกับ VPN อื่น ๆ มากมายที่เลือกเส้นทางที่ไม่ชัดเจน
มีการเผยแพร่การทดสอบเหล่านี้ส่วนใหญ่อย่างเต็มรูปแบบทางออนไลน์ ExpressVPN ยังเปิดส่วนขยายเบราว์เซอร์เพื่อให้ผู้คนสามารถตรวจสอบรหัสโค้ดด้วยตัวเองอีกด้วย
ตำแหน่งของเซิฟเวอร์
เป็นมิตรต่อผู้ใช้
- 10 / 10การติดตั้งและการตั้งค่าที่ง่ายดายในแอปเฉพาะ (ใช้เวลาน้อยกว่า 2 นาที!)
VPN พรีเมียมไม่มากนักที่เสนอแอปเฉพาะสำหรับประเภทอุปกรณ์ต่าง ๆ มากกว่า 4 หรือ 5 อุปกรณ์ แต่ถึงอย่างนั้น ExpressVPN ก็มีแอปเฉพาะสำหรับ Windows, Android, Mac, iOS, Linux, Amazon Fire TV (ทุกเวอร์ชัน), Amazon Fire Stick (รุ่นที่ 2 ขึ้นไป), Android TV, Nvidia Shield และเราเตอร์
ใช้เวลาในการติดตั้งแอปเหล่านี้เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ซึ่งทำให้ ExpressVPN เป็นตัวเลือกที่ดีหากคุณเป็นผู้เริ่มต้นหรือมือใหม่สำหรับ VPN ไม่มีการตั้งค่าด้วยตัวเองที่ซับซ้อนและนี่คือภาพรวมฉบับย่อที่จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงกระบวนการดังกล่าว
วิธีการติดตั้ง ExpressVPN:
- ดาวน์โหลด ExpressVPN หากคุณใช้ PC ให้ไปยังเว็บไซต์ ExpressVPN หากคุณใช้มือถือ ให้ไปยังร้านค้าแอปที่เกี่ยวข้องและดาวน์โหลดแอปจากที่นั่น
- เปิดไฟล์ที่ดาวน์โหลด เมื่อหน้าต่างป๊อปอัพปรากฏ ให้คลิก ‘ใช่’ เพื่อติดตั้งแอป เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว! หากเป็นบนมือถือ ง่าย ๆ เพียงติดตั้ง ExpressVPN และก็เปิดใช้งานได้เลย
- ลงชื่อเข้าใช้และเชื่อมต่อ! อินเทอร์เฟซที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ของแอปพลิเคชันทำให้การเลือกเซิร์ฟเวอร์และเชื่อมต่อไม่ใช่เรื่องยาก
ฟีเจอร์นั้นจะแตกต่างกันออกไปตามแอปเฉพาะของ ExpressVPN แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่มีฟีเจอร์หลักอย่าง Split Tunneling และ OpenVPN บน iOS ตารางด้านล่างนี้จะสรุปความแตกต่างระหว่างแอปเวอร์ชันต่าง ๆ
Windows | Mac | iOS | Android | Linux | เราเตอร์ | ||
Lightway UDP | ได้รับการปรับปรุงเพื่อความเร็ว ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ | ✔ | ✔ | ✔ | ✔ | ✔ | ✔***** |
Lightway TCP | ช้ากว่า UDP แต่เชื่อมต่อได้ดีกว่าในบางเครือข่าย | ✔ | ✔ | ✔ | ✔ | ✔ | ✔***** |
OpenVPN UDP | เสนอความเร็วและความปลอดภัยที่ดี แต่ไม่สามารถใช้งานได้ในทุกเครือข่าย | ✔ | ✔ | ✘ | ✔ | ✔ | ✔ |
OpenVPN TCP | ช้ากว่า OpenVPN UDP แต่ใช้งานได้ดีกว่าในบางเครือข่าย | ✔ | ✔ | ✘ | ✔ | ✔ | ✔ |
IKEv2 | รวดเร็ว แต่ไม่สามารถใช้งานได้ในทุกเครือข่าย | ✘* | ✔ | ✔ | ✘ | ✘ | ✔***** |
Split Tunnelling | อนุญาตให้คุณใช้ได้การเชื่อมต่อ VPN ได้กับแอปที่เฉพาะเจาะจงเท่านั้น | ✔ | ✔** | ✘ | ✔ | ✘ | ✔**** |
Threat Manager | ปิดกั้นการติดตามและเว็บไซต์อันตรายบนรายการที่ไม่อนุญาตของ ExpressVPN | ✔ | ✔ | ✔ | ✔ | ✔ | ✘ |
Kill Switch | ตัดการเชื่อมต่อจากอินเทอร์เน็ตของคุณโดยอัตโนมัติหากการเชื่อมต่อ VPN ของคุณเกิดหลุด | ✔ | ✔ | ✔*** | ✔*** | ✔ | ✔ |
Keys | เครื่องมือจัดการรหัสผ่านของ ExpressVPN | ✔ | ✔ | ✔ | ✔ | ✔ | ✘ |
*ExpressVPN เวอร์ชัน 12 สำหรับ Windows ลบการรองรับ IKEv2 และ L2TP/IPSec ออกไป
**Split Tunneling ไม่พร้อมใช้งานสำหรับ ExpressVPN สำหรับ Mac ที่ใช้ macOS 11 (Big Sur) และใหม่กว่า
***”Network Lock” ที่เป็น Kill Switch ของ ExpressVPN จะใช้ชื่อ “การป้องกันเครือข่าย” บน Android และ iOS
****บนเราเตอร์ Split Tunneling จะใช้ชื่อว่า “กลุ่มอุปกรณ์” ฟีเจอร์นี้ใช้งานได้เฉพาะบนอุปกรณ์ที่รองรับเท่านั้น ไม่ใช่ผ่านการกำหนดค่าด้วยตนเอง
*****มีการรองรับ Lightway และ IKEv2 เฉพาะบนเราเตอร์ VPN ที่เฉพาะเจาะจงเท่านั้น การตั้งค่าด้วยตนเองรองรับเฉพาะ OpenVPN เท่านั้น
แอปเฉพาะสำหรับ Windows, Mac, iOS และ Android – ใช้งานง่าย
ผมใช้ ExpressVPN มาหลายปีและผมต้องบอกเลยว่า – แอปเหล่านี้เป็นหนึ่งในแอปที่ดีที่สุดสำหรับอุปกรณ์ Windows, Mac, iOS และ Android การออกแบบสะอาดตาและเรียบง่ายด้วยเลย์เอาท์ที่ใช้งานง่าย อินเทอร์เฟซแอปนั้นมีหน้าตาคล้ายกันในระบบปฏิบัติการต่าง ๆ ซึ่งทำให้การสลับการใช้งานระหว่างอุปกรณ์อย่างรวดเร็วระหว่างวันเป็นเรื่องง่าย แถมคุณยังสามารถดาวน์โหลดแอปเฉพาะ ExpressVPN ในภาษาต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงภาษาไทยได้อีกด้วย
มีปุ่ม “เปิด/ปิด” ขนาดใหญ่ที่พยายามจะเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่เร็วที่สุดที่มีให้บริการในคลิกเดียว คุณยังสามารถเลือกเซิร์ฟเวอร์จากรายการเซิร์ฟเวอร์หรือพิมพ์ตำแหน่งที่ต้องการและเลือกเซิร์ฟเวอร์เองก็ได้ บน Windows และ Mac คุณจะได้รับตัวเลือกในการเปิดโดยอัตโนมัติเมื่อเปิดเครื่อง – ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมพบว่าสะดวกมากตอนที่ผมลืมเชื่อมต่อ!
เช่นเดียวกันกับแอปสำหรับเดสก์ท็อป แอปสำหรับ Android และ iOS ก็ใช้งานง่ายเหมือนกัน ผมยังสามารถเพิ่มทางลัดไปยังแอปที่ผมชอบ 5 แอป (อย่าง Netflix, Spotify และ Chrome) ซึ่งทำให้การท่องเว็บอย่างปลอดภัยเป็นไปอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้นได้อีกด้วย
น่าเสียดายที่บน iOS คุณสามารถใช้ได้เพียง Lightway UDP, Lightway TCP และ IKEv2 (ไม่รองรับ OpenVPN) และไม่มีฟีเจอร์ Split Tunneling ด้วย – แต่นอกจากนั้นแล้ว ทั้งแอปสำหรับ iOS และ Android ก็มีฟังก์ชันการทำงานที่เหมือนกันกับแอปสำหรับเดสก์ท็อปทั้งหมด
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่มีเฉพาะ Android เท่านั้นคือ Protection Summary เครื่องมือนี้มอบข้อมูลเชิงลึกส่วนบุคคลแก่คุณ เช่น จำนวนวันและเปอร์เซ็นต์เวลาที่คุณเชื่อมต่อกับ ExpressVPN แม้ว่าผู้ใช้งานส่วนใหญ่จะไม่ได้สนใจในฟีเจอร์นี้ แต่ฟีเจอร์นี้อาจมอบความมั่นใจเกี่ยวกับความปลอดภัยทางดิจิทัลแก่คุณที่ได้ทราบว่าคุณได้รับการป้องกันอย่างต่อเนื่องมานานแค่ไหนแล้ว
สิ่งหนึ่งที่แอปสำหรับ iOS มี แต่ไม่มีให้บริการบน Android คือการตั้งค่า Reinstall VPN Configuration นี่หมายความว่าคุณสามารถรีเซตการตั้งค่าได้ง่าย ๆ หากคุณมีปัญหาโดยที่ไม่ต้องยกเลิกการติดตั้งและติดตั้งแอปใหม่ทั้งหมด (ซึ่งนั่นคือสิ่งที่คุณต้องทำบน Android)
ส่วนขยายเบราว์เซอร์ Chrome และ Firefox – รีโมทอันทรงพลังสำหรับแอปหลัก
ExpressVPN เสนอส่วนขยายเบราว์เซอร์สำหรับเบราว์เซอร์ Chrome และ Firefox แอดออนเบราว์เซอร์คือส่วนขยายของแอป ExpressVPN ดังนั้นตัวแอปเพียงอย่างเดียวที่จะทำงานในพื้นหลัง เพื่อรับส่วนขยายเบราว์เซอร์ คุณจะต้องติดตั้งแอป ExpressVPN สำหรับ:
- Mac (เวอร์ชัน 7.1 หรือใหม่กว่า)
- Windows (เวอร์ชัน 6.9 หรือใหม่กว่า)
- Linux (เวอร์ชัน 2.0 หรือใหม่กว่า)
เหตุผลหลักที่ผมชอบส่วนขยายเบราว์เซอร์คือความสะดวกสบาย – ผมสามารถสลับระหว่างเซิร์ฟเวอร์ในเบราว์เซอร์ของผมได้โดยตรงภายในไม่กี่คลิก นี่คือหน้าตาของส่วนขยายดังกล่าวใน Chrome และ Firefox:
แม้ว่าส่วนขย้ายอาจดูเหมือนรีโมทคอนโทรลสำหรับแอปหลัก แต่จริง ๆ แล้วมันเพิ่มฟีเจอร์ที่น่าสนใจสองสามอย่างเข้ามา ฟีเจอร์เหล่านี้นั้นรวมถึง:
- การปลอมแปลงตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ HTML5 – วิธีการขั้นสูงในการเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกปิดกั้นตามภูมิศาสตร์
- HTTPS ทุกที่ – เปลี่ยนเส้นทางของคุณไปยังเว็บไซต์เวอร์ชันเข้ารหัสที่ปลอดภัยกว่าทุกเมื่อที่ทำได้
- ปิดกั้น WebRTC – ปิดบังหมายเลข IP ของคุณจากการรั่วไหล WebRTC เพื่อป้องกันเว็บไซต์จากการติดตามตำแหน่งและ IP ที่แท้จริงของคุณ
MediaStreamer สำหรับ PS4, Xbox และสมาร์ททีวี – ความปลอดภัยที่จำกัด
MediaStreamer ให้คุณเปลี่ยนตำแหน่งเสมือนจริงบนสมาร์ททีวีและเกมคอนโซลของคุณ สิ่งนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการสตรีมมิ่ง – เช่น หากคุณต้องการดู Netflix ของสหรัฐอเมริกาจากสหราชอาณาจักรบน PS5 หรือ Xbox Series X คุณก็สามารถฟีเจอร์นี้กับ Apple TVs, Samsung Smart TVs, LG Smart TVs, Nintendo Switches, เครื่อง Xboxes และ PlayStation ที่เก่ากว่าและอื่น ๆ อีกมากมายได้
โดยพื้นฐานแล้ว มีหลายความคิดเห็นที่ชอบและไม่ชอบ MediaStreamer แต่โดยส่วนตัวแล้วผมชอบที่ได้ใช้ฟีเจอร์นี้บน PS4 เพื่อเข้าถึงบริการสตรีมมิ่ง แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ไม่ได้เข้ารหัสการรับส่งข้อมูลของคุณ ดังนั้นมันจึงไม่ได้ทำหน้าที่ในฐานะ VPN ได้อย่างเต็มรูปแบบและยังต้องมีการตั้งค่าด้วยตัวเองด้วย อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์นี้มอบโซลูชันในกรณีที่ไม่มีเลย โดยทำให้มันมีค่าสำหรับผมและคนอื่น ๆ อีกมากมาย
คุณควรทราบว่า MediaStreamer ไม่ได้ใช้งานได้กับคลังข้อมูลเนื้อหาท้องถิ่นเสมอไป ซึ่งอาจทำให้คุณเสี่ยงที่จะละเมิดลิขสิทธิ์ ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการดู Netflix MediaStreamer จะเปิด Netflix ของสหรัฐอเมริกาโดยค่าเริ่มต้นเสมอ (แม้ว่าคุณจะไม่ได้อยู่ในประเทศนี้ก็ตาม) ผมแนะนำให้ติดต่อกับฝ่ายบริการลูกค้าเพื่อยืนยันว่ามันจะทำงานร่วมกันกับบริการสตรีมมิ่งของคุณได้
แอปเฉพาะสำหรับเราเตอร์ – เหมาะสำหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์แบบไม่จำกัด
สิทธิประโยชน์ที่ดีเป็นอย่างยิ่งคือ ExpressVPN เป็นหนึ่งใน VPN พรีเมียมที่มีแอปเฉพาะสำหรับเราเตอร์ คุณสามารถเชื่อมต่อกับทุกอุปกรณ์ในครัวเรือนของคุณกับ ExpressVPN ได้เมื่อคุณติดตั้งแอปลงบนเราเตอร์ของคุณ (แม้แต่อุปกรณ์ที่ไม่รองรับ VPN เช่น สมาร์ททีวีและเกมคอนโซล) สิ่งนี้ถือเป็นข้อได้เปรียบที่แข่งขันได้มากในหมู่คู่แข่งพรีเมียม
ที่ดีไปกว่านั้น เราเตอร์ได้รับการพิจารณาว่าเป็น 1 การเชื่อมต่ออุปกรณ์เท่านั้น ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเชื่อมต่ออุปกรณ์กี่อุปกรณ์กับเราเตอร์ดังกล่าว คุณก็ยังมีการเชื่อมต่ออุปกรณ์ว่างอีกหลายอุปกรณ์
เราเตอร์บางรุ่นที่คุณสามารถดาวน์โหลดแอป ExpressVPN ได้นั้นรวมถึง:
- Asus – RT-AC56(U/R/S), RT-AC68U และ RT-AC87U
- Linksys – EA6200, WRT1200AC, WRT1900AC(S) และ WRT3200ACM
- Netgear – R6300v2, R6700v3, Nighthawk R7000 และ Nighthawk R7000P
คุณยังสามารถตั้งค่าและติดตั้ง ExpressVPN ด้วยตัวเองได้หากคุณมีเราเตอร์ที่ต่างออกไป (แม้ว่าจะไม่มีการรองรับเราเตอร์ทุกรุ่นก็ตาม) สามารถตั้งค่าเราเตอร์ Asus, Linksys และ Netgear ส่วนใหญ่ผ่านเบราว์เซอร์ของคุณ ตลอดจนเราเตอร์ D-Link, Xiaomi, TP-Link และ Tomato ได้ด้วยตัวเอง – แต่คุณจะถูกจำกัดให้เปลี่ยนหมายเลข IP ด้วยการตั้งค่าด้วยตัวเอง
แอปเฉพาะสำหรับเราเตอร์มาพร้อมกับสิทธิประโยชน์มากกว่าแค่ความง่ายในการใช้งาน ผมพบว่าการสลับระหว่างเซิร์ฟเวอร์บนแอปนั้นง่ายขึ้นและผมยังสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ต่าง ๆ อย่าง Network Lock ที่เป็น Kill Switch และ Split Tunneling ได้อีกด้วย จริง ๆ แล้ว ผมยังมีสิทธิ์ในการควบคุม Split Tunneling ในขณะที่ผมสามารถควบคุมว่าอุปกรณ์ใดในครัวเรือนของผมที่เชื่อมต่อกับ VPN บ้างได้
Aircove – เราเตอร์ที่ได้รับการป้องกันเพื่อรับประกันการป้องกันทั้งครอบครัว
Aircove เป็นโซลูชันของ ExpressVPN สำหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ทั่วทั้งครัวเรือนหรือธุรกิจของคุณ มันคือเราเตอร์เฉพาะที่มาพร้อมกับการติดตั้งการป้องกันชั้นนำของ ExpressVPN เอาไว้ล่วงหน้า หลังจากที่ติดตั้งแล้ว การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทั้งหมดของคุณจะได้รับการป้องกันและเข้ารหัส ไม่จำเป็นต้องติดตั้งแอปหรือวุ่นวายกับการโหลดซอฟต์แวร์บนเราเตอร์ที่อาจไม่สามารถเข้ากันได้
สมาชิกในครัวเรือนและแขกจะได้รับการป้องกันง่าย ๆ โดยการเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่บ้านของคุณและการติดตั้งง่าย ๆ ก็สามารถดำเนินการให้เสร็จได้ภายในไม่กี่นาที นอกจากจะเป็นโซลูชันความปลอดภัยสำหรับทั้งครอบครัวแล้ว Aircove ยังเป็นเราเตอร์อันทรงพลังในตัวมันเองด้วย เราเตอร์รองรับ WiFi 6 แบบดูอัลแบนด์ ความเร็วสูงสุด 1,200Mbps และครอบคลุมพื้นที่สูงสุด 1,600 ตารางฟุต.
ปัจจุบัน Aircove พร้อมให้บริการในออสเตรีย, เบลเยี่ยม, บัลแกเรีย, โครเอเชีย, ไซปรัส, สาธารณรัฐเช็ก, เดนมาร์ก, เอสโตเนีย, ฟินแลนด์, เยอรมนี, ฮ่องกง, ฮังการี, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, อิตาลี, ลัตเวีย, ลิทัวเนีย, ลักเซมเบิร์ก, มอลตา, เนเธอร์แลนด์, นอร์เวย์, โปแลนด์, โปรตุเกส, โรมาเนีย, เซอร์เบีย, สโลวาเกีย, สเปน, สวีเดน, สหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา
การเชื่อมต่ออุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน – การครอบคลุมมากมายสำหรับทุกอุปกรณ์ของคุณ
ด้วยการสมัครสมาชิกเดียว 6 หรือ 12 เดือน คุณจะสามารถเชื่อมต่อได้สูงสุดถึง 8 อุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน ด้วยแผนสมาชิกรายเดือน ขีดจำกัดการเชื่อมต่อคือ 5 การเชื่อมต่อ ตามที่ระบุไว้ข้างต้น คุณสามารถรับการเชื่อมต่อแบบไม่จำกัดได้หากคุณติดตั้งแอป ExpressVPN บนเราเตอร์ของคุณหรือใช้ Aircove สิ่งนี้ช่วยให้อุปกรณ์ทั้งหมดที่เชื่อมต่อกับเราเตอร์สามารถใช้ ExpressVPN ได้
จำนวนดังกล่าวอาจไม่มากนักในการแข่งขันที่ที่การเชื่อมต่ออุปกรณ์แบบไม่จำกัดกลายเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ 8 อุปกรณ์ก็น่าจะเพียงพอสำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว
ในระหว่างการทดสอบของผม ผมไม่พบปัญหาในการสลับระหว่าง Macbook, iPhone, iPad, Windows PC และ Samsung S22 ของผมเลย ทุกการใช้งานตั้งแต่การสตรีมมิ่งไปจนถึงกการท่องเว็บเป็นไปอย่างราบรื่นในทุกแพลตฟอร์ม แม้จะมีการใช้การเชื่อมต่อในเวลาเดียวกันสูงสุดเลยก็ตาม
บริการลูกค้า
- 10 / 10เมื่อใดก็ตามที่ผมจ่ายเงินสำหรับบริการ ผมก็คาดหวังจะได้พบกับฝ่ายสนับสนุนลูกค้าคุณภาพ – และ ExpressVPN ก็ทำมันได้
คุณสามารถมองหาความช่วยเหลือได้ 3 ช่องทาง:
- เยี่ยมชมเว็บไซต์ – ซึ่งมีคำแนะนำในการแก้ไขปัญหา คู่มือฉบับเขียนและวิดีโอและคำแนะนำในการติดตั้งใน 16 ภาษา
- อีเมล – ตัวเลือกที่มีประโยชน์สำหรับปัญหาไม่เร่งด่วนหรือหากคุณอยู่ในประเทศที่เว็บไซต์ถูกปิดกั้น
- แชทออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง – เพื่อคำตอบที่รวดเร็วและมีประโยชน์จากตัวแทนฝ่ายสนับสนุนลูกค้า
ไม่มีตัวเลือกในการโทรติดต่อ แต่นี่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมเพราะผมได้รับความช่วยเหลือทั้งหมดที่ผมต้องการจากตัวเลือกที่มีให้บริการ
แชทออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง – วิธีในการติดต่อ ExpressVPN ที่ดีที่สุดเพื่อขอความช่วยเหลือที่รวดเร็วและเป็นมิตร
ผมทดสอบตัวเลือกแชทออนไลน์บนเว็บไซต์ ExpressVPN ตอนที่ผมประสบกับปัญหาการเชื่อมต่อแล็ปท็อปของผมกับ Chromecast
แชทออนไลน์คือช่องทางที่ผมเลือกตอนติดต่อกับ ExpressVPN เนื่องจากเป็นช่องทางที่รวดเร็วและง่ายดาย ตอนที่ผมทดสอบแชทออนไลน์ต่ออีกสองสามครั้ง ผมก็ไม่เคยต้องรอนานเกิน 3 นาทีเลย
ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการเชื่อมต่อกับตัวแทนฝ่ายสนับสนุนลูกค้าที่มอบคำอธิบายโดยละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นและทำไมมันถึงเกิดขึ้ยน ผมได้รับโซลูชัน (เพื่อติดตั้งแอป ExpressVPN บนเราเตอร์ของผมเพื่อที่อุปกรณ์ทั้งหมด ซึ่งรวมถึง Chromecast จะได้เชื่อมต่อโดยอัตโนมัติ) – ซึ่งแก้ไขปัญหาได้จริง
ฝ่ายสนับสนุนทางอีเมล – ใช้เวลาในการตอบกลับเพียง 30 นาทีเท่านั้น
ผมส่งอีเมลไปหาฝ่ายสนับสนุนลูกค้าหลายฉบับเลยในช่วง 24 ชั่วโมง ผมสอบถามเกี่ยวกับเซิร์ฟเวอร์ที่เหมาะสำหรับ Netflix มากที่สุดและพวกเขามีตัวปิดกั้นโฆษณาที่ใช้งานได้หรือไม่ (น่าเสียดายที่ไม่มี) และวิธีใช้โปรโตคอล Lightway ผมยังส่งอีเมลจากที่อยู่อีเมลที่ไม่ได้ลงทะเบียนด้วย เพราะผมอยากดูว่า ExpressVPN จะยังช่วยผมไหมถ้าผมไม่ใช่ลูกค้าปัจจุบัน
ผมประทับใจเป็นอย่างยิ่งกับระยะเวลาการตอบกลับที่รวดเร็ว ผมได้รับการตอบกลับอีเมลของผมภายใน 30 นาทีทุกครั้งและการตอบกลับทั้งหมดก็เป็นมิตรและมีประโยชน์ ไม่มีความแตกต่างอะไรสำหรับระดับบริการที่ผมได้รับ ไม่ว่าผมจะเป็นลูกค้าเดิมหรือแค่สอบถามเกี่ยวกับ VPN ก็ตาม
ทดสอบแล้ว: คำแนะนำการแก้ไขบนเว็บไซต์และหน้าคำถามที่พบบ่อย
ผมพบว่าศูนย์ช่วยเหลือของ ExpressVPN ได้รับการจัดระเบียบเป็นอย่างดีด้วยคำแนะนำเชิงลึกมากมายเกี่ยวกับฟีเจอร์ ปัญหาทางเทคนิคที่พบบ่อยทั่วไปและคำแนะนำในการติดตั้งอุปกรณ์ ผมชอบคู่มือวิดีโอสำหรับหัวข้อทางเทคนิคเพิ่มเติมที่มีประโยชน์เป็นพิเศษ! แม้ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ คุณก็สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำของ ExpressVPN เพื่อตั้งค่าที่ซับซ้อนได้ไม่ยาก
เนื่องจาก VPN ชั้นนำมากมาย เช่น IPVanish มีเพียงคุ่มือข้อความและรูปภาพเท่านั้น ผมจึงประทับใจเป็นอย่างยิ่งที่ ExpressVPN มีคู่มือวิดีที่อธิบายโดยละเอียด ซึ่งนอกเหนือไปจากคู่มือและคำตอบคำถามที่พบบ่อยมาตรฐาน วิดีโอเหล่านี้ครอบคลุมปัญหาที่พบบ่อยที่สุดและปฏิบัติตามได้ง่ายไม่ว่าคุณจะมีความรู้ทางด้านเทคนิคหรือไม่ก็ตาม
ทำไมฉันถึงต้องดูที่การช่วยเหลือ ในเมื่อฉันสามารถทำได้เอง?
ถึงแม้ว่าผู้คนส่วนใหญ่จะคิดว่าการช่วยเหลือที่ดีมีความจำเป็นเฉพาะในช่วงการติดตั้ง VPN แต่จริง ๆ แล้วก็อาจมีอย่างอื่นที่ท่านอาจต้องการความช่วยเหลือนี้ได้เช่นกัน เช่น การเชื่อมต่อไปยังเซิฟเวอร์บางแห่ง การเปลี่ยนโปรโตคอล และการปรับค่า VPN บนเราท์เตอร์ เป็นต้น เราได้ตรวจสอบ VPN แต่ละตัวเพื่อดูว่ามีการช่วยเหลือเวลาใดบ้าง (ถึงแม้ในช่วงกลางดึก), ระยะเวลาที่พวกเขาตอบสนอง และพวกเขาได้ตอบคำถามเราหรือไม่
ราคา
- 9.0 / 10แม้ว่าจะไม่ได้เป็นผู้ให้บริการที่มีราคาแพงที่สุด แต่ ExpressVPN ก็มีราคาค่อนข้างแพงกว่าคู่แข่ง แผนสมาชิกระยะเวลา 1 เดือนมีราคาแพงที่สุด ดังนั้นผมจึงขอแนะนำให้เลือกแผนสมาชิกระยะยาว (การสมัครสมาชิกแบบ 2 ปี + ฟรี 6 เดือน) เพราะแผนสมาชิกดังกล่าวเสนอความคุ้มค่าให้มากที่สุด แถมคุณยังได้รับส่วนลด 61 % และสามารถรับเพิ่มฟรีได้อีกหลายเดือนด้วย
ตัวเลือกการชำระเงินมากมายพร้อมให้บริการ
คุณสามารถลงทะเบียนสมัครสมาชิกด้วยช่องทางการชำระเงินมากมายได้ จริง ๆ แล้ว ExpressVPN เสนอตัวเลือกการชำระเงินมากกว่าคู่แข่ง คุณสามารถเลือกได้ระหว่าง:
- บัตรเครดิต: Visa, Mastercard, American Express, Discover, JCB, Visa Electron และ Diners Club International
- PayPal
- BitPay (Bitcoin)
- ช่องทางการชำระเงินอื่น ๆ: Alipay, UnionPay, iDEAL, Klarna, WebMoney, Giropay, Yandex Money, Interac Online, Mint, OneCard, Carte Bleue, Maestro, FanaPay และอื่น ๆ อีกมากมาย
แม้ว่าบริการดังกล่าวจะไม่มี QIWI เป็นช่องทางการชำระเงินจากรัสเซียอีกต่อไป แต่ก็ยังมีตัวเลือกการชำระเงินที่ไม่เปิดเผยตัวตนผ่านสกุลเงินดิจิทัล คุณสามารถลงทะเบียนใช้งาน ExpressVPN โดยใช้หนึ่งในช่องทางการชำระเงินเหล่านี้ได้และใช้ที่อยู่อีเมลแบบ “ใช้แล้วทิ้ง” สิ่งนี้ช่วยให้คุณใช้งาน ExpressVPN ได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องเปิดเผยชื่อและข้อมูลการเรียกเก็บเงินของคุณ
การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วันให้คุณทดลองใช้ ExpressVPN ได้โดยไม่มีความเสี่ยง
ทุกแผนสมาชิกมาพร้อมการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน ดังนั้นคุณจึงสามารถทดลองใช้ ExpressVPN เป็นระยะเวลาสองสามสัปดาห์ได้โดยไม่มีความเสี่ยง หากคุณเกิดเปลี่ยนใจ คุณก็สามารถขอเงินคืนได้จากตัวแทนแชทออนไลน์ ส่วนที่ดีที่สุดเกี่ยวกับการรับประกันยินดีคืนเงินคือ “ไม่ต้องตอบคำถาม” – ดังนั้นคุณจึงไม่ต้องบอกเหตุผลว่าทำไมคุณถึงต้องการยกเลิก
ผมทดสอบการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วันด้วยตัวเอง ผมลงทะเบียนแผนสมาชิก ใช้บริการดังกล่าวเป็นระยะเวลาสองสามสัปดาห์และจากนั้นก็ขอเงินคืนผ่านทางแชทออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง นโยบายการคืนเงินเป็นแบบไม่ต้องตอบคำถามอะไรและคำขอของผมก็ได้รับการอนุมัติภายใน 5 นาที ผมได้รับเงินคืนเข้าบัญชีหลังจากนั้น 5 วัน
ExpressVPN มีแพลนดังต่อไปนี้
หมายเหตุจากบรรณาธิการ: ExpressVPN และเว็บไซต์นี้อยู่ในกลุ่มบริษัทที่มีเจ้าของเดียวกัน
บทสรุป
ตามผลลัพธ์ของเรา ผมดีใจที่จะแนะนำ ExpressVPN ให้เป็นหนึ่งใน VPN ชั้นนำในปี 2024 มันเป็น VPN ที่รวดเร็วที่สุดที่เราทดสอบ ด้วยความเร็วที่เสถียรในเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่กว้างขวาง ผลลัพธ์ของเราแสดงให้เห็นว่าไม่มีข้อบกพร่องด้านความเป็นส่วนตัวหรือความปลอดภัย ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับ VPN ที่น่าเชื่อถือและไว้วางใจได้ที่คุณสามารถใช้งานในทุกวันได้อย่างมั่นใจ
แม้ว่าจะมีสองสามเรื่องที่ผมอยากเห็น ExpressVPN ปรับปรุง (เช่น ปุ่ม Smart Location ที่แม่นยำมากกว่านี้หรือหมายเลข IP คงที่เพิ่มเติม) แต่ผมก็บ่นอะไรเกี่ยวกับฟังก์ชันการทำงานโดยรวมและความง่ายในการใช้งานไม่ได้มากนัก ผู้ใช้ VPN ขั้นสูงอาจต้องการตัวเลือกที่ปรับแต่งได้มากกว่าที่ ExpressVPN เสนอให้ แต่แอปที่ใช้งานง่ายนี้ก็มากกว่าเพียงพอแล้วสำหรับผู้ใช้ส่วนใหญ่
ท้ายที่สุดแล้ว ExpressVPN ก็ยังคงเป็นคู่แข่งอันดับต้น ๆ ของ VPN ด้วยการพัฒนา การขยายอย่างต่อเนื่องและการตรวจสอบเป็นประจำ ผมคิดว่าบริการนี้คงจะได้อยู่อันดับต้น ๆ ไปอีกนานเลยทีเดียว
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ExpressVPN
ฉันจะใช้ ExpressVPN ฟรีได้ยังไง?
แม้ว่าจะไม่มีแผนสมาชิกฟรี แต่คุณสามารถลองใช้ ExpressVPN แบบไม่มีความเสี่ยงได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน หากคุณไม่พึงพอใจในบริการดังกล่าว คุณก็สามารถขอรับเงินคืนได้โดยไม่ต้องตอบคำถามอะไร ตอนที่ผมทดสอบกระบวนการนี้ด้วยตัวเอง ผมก็ขอรับเงินคืนได้ง่าย ๆ ภายในไม่กี่นาทีและผมก็ได้รับเงินคืนเข้าบัญชีภายในเวลาน้อยกว่า 1 สัปดาห์!
มีเวอร์ชันทดลองใช้งานฟรี 7 วันสำหรับ Android และ iOS แต่คุณจะต้องใช้ Apple App Store อย่างระมัดระวัง ExpressVPN ไม่เสนอการคืนเงินให้สำหรับแผนสมาชิกที่สั่งซื้อผ่าน Apple App Store เพื่อการยกเลิกและขอเงินคืน คุณจะต้องติดต่อ Apple เองโดยตรง
จากประสบการณ์ของผม เวอร์ชันทดลองไม่คุ้มกับความยุ่งยากและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ผมพบว่าการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วันเป็นวิธีในการทดลองใช้ ExpressVPN และดูว่าคุณชอบบริการดังกล่าวหรือไม่ที่ดีกว่ามาก
ExpressVPN ปลอดภัยสำหรับ Netflix ไหม?
ใช่ ExpressVPN ปลอดภัยสำหรับ Netflix บริการดังกล่าวขึ้นชื่อเรื่องความสามารถในการหลีกเลี่ยงข้อจำกัดตามภูมิศาสตร์ของ Netflix ได้อย่างน่าเชื่อถือและเสนอความเร็วในการสตรีมมิ่งที่รวดเร็ว โดยทำให้มั่นใจได้ถึงประสบการณ์การรับชมที่ราบรื่น นอกจากนี้ ExpressVPN ยังใช้มาตรฐานการเข้ารหัสที่แข็งแกร่งเพื่อดูแลให้กิจกรรมออนไลน์ของคุณเป็นส่วนตัวและปลอดภัย ดังนั้นคุณจึงสามารถสตรีมได้ด้วยความมั่นใจในความปลอดภัยทางดิจิทัลของคุณ
ExpressVPN ดีกว่า NordVPN หรือเปล่า?
อาจจะ – มันขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณกำลังมองหาจาก VPN VPN ทั้งสองบริการต่างก็มีความเร็วและฟีเจอร์รักษาความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม แต่หากคุณต้องการ VPN ที่ใช้งานได้ในประเทศที่มีการเซ็นเซอร์เข้มงวด ExpressVPN คือตัวเลือกที่ไว้วางใจได้มากที่สุดในตลาด แถมกระบวนการขอเงินคืนของ ExpressVPN ก็ง่ายกว่าของ NordVPN ด้วยนโยบาย “ไม่ต้องตอบคำถาม”
อย่างไรก็ตาม มีบางกรณีที่คุณอาจพบว่า NordVPN ตอบโจทย์คุณได้มากกว่า ตัวอย่างเช่น NordVPN มีตัวปิดกั้นโฆษณาภายในตัวและฟีเจอร์ MeshNet อันโดดเด่นที่ให้คุณสร้างเครือข่ายส่วนบุคคลของอุปกรณ์ของคุณสูงสุดถึง 50 อุปกรณ์เพื่อแชร์ไฟล์ เข้าถึงจากระยะไกลหรือปาร์ตี้ LAN
สามารถใช้งาน ExpressVPN ได้อย่างปลอดภัยหรือเปล่า?
ใช่! ExpressVPN เข้ารหัสการรับส่งข้อมูลอินเทอร์เน็ตของคุณด้วยมาตรฐาน AES-256-บิต ซึ่งบุคคลที่สามแทบจะเจาะผ่านมันไปไม่ได้เลย ไม่แม้แต่ ExpressVPN ก็ไม่รู้ว่าคุณกำลังทำอะไรทางออนไลน์ – บริการดังกล่าวใช้นโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน (และได้รับการตรวจสอบจากบริษัทอิสระแล้ว) ดังนั้นจึงไม่สามารถติดตามย้อนรอยกลับไปหาผู้ใช้รายบุคคลได้
ExpressVPN ถูกกฎหมายไหม?
ใช่ ExpressVPN เป็นบริการที่ถูกกฎหมาย การใช้ ExpressVPN เพื่อท่องอินเทอร์เน็ตโดยอิสระนั้นถูกกฎหมายโดยขึ้นอยู่กับประเทศของคุณ แต่ถึงอย่างนั้นรัฐบาลที่กดขี่บางแห่งก็มีการเซ็นเซอร์ทางออนไลน์ที่เข้มงวดและแม้กระทั่งแบนหรือไม่สนับสนุนการใช้ VPN ประเทศเหล่านี้รวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียงรัสเซีย จีน อิหร่าน ตุรกี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และซาอุดีอาระเบีย
หากคุณกำลังเดินทางไปและต้องการใช้ ExpressVPN ผมขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้ลองตรวจสอบกฎหมายและข้อบังคับของประเทศดังกล่าวก่อนล่วงหน้า
ExpressVPN ทำให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตของฉันช้าลงไหม?
เล็กน้อยเท่านั้น – แม้ว่าจริง ๆ แล้ว VPN ทั้งหมดจะทำให้ความเร็วของคุณช้าลงเล็กน้อยเนื่องจากการรับส่งข้อมูลไปกลับ แต่ ExpressVPN แทบจะไม่ทำให้ความเร็วของผมช้าลงเลย
ไม่ว่าจะสตรีมมิ่ง ดาวน์โหลดหรือเล่นเกม ExpressVPN ก็รักษาความเร็วที่รวดเร็วดังกล่าวเอาไว้ได้จนบ่อยครั้งเลยที่ผมลืมไปว่าผมเชื่อมต่อกับ VPN อยู่ ด้วยเซิร์ฟเวอร์ในท้องถิ่น ผมยังได้รับการเชื่อมต่อที่มีเวลาแฝงต่ำที่ช่วยให้ผมสามารถเล่นเกมออนไลน์ได้อย่างสะดวกสบาย ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกิดขึ้นบ่อยนักกับ VPN ส่วนใหญ่
ฉันจะทำอย่างไรหากเซิร์ฟเวอร์ ExpressVPN เกิดล่ม?
หากคุณเกิดเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้งานไม่ได้ ผมขอแนะนำให้คุณเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์ แค่คลิกเพียง 2 ครั้งเพื่อเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์ใหม่ แต่ถึงอย่างนั้น เรื่องนี้ก็เป็นสถานการณ์ที่หาได้ยากมาก ๆ เพราะ ExpressVPN มีอัปไทม์ 99.9% และมีการบำรุงรักษาเซิร์ฟเวอร์อยู่เป็นประจำ ผมใช้ ExpressVPN มานานหลายปีและแทบไม่เคยเจอข้อผิดพลาดเลย
ExpressVPN ไว้วางใจได้ไหม?
ใช่ จริง ๆ แล้ว ผมพบว่าบริการนี้เป็นบริการที่ไว้วางใจได้มากที่สุดในหมู่ VPN มากมายที่ผมเคยทดสอบ บริการนี้มีอัปไทม์ 99.9%, ความเร็วสูงและความสามารถในการปลดบล็อกบริการสตรีมมิ่งหลักอย่างต่อเนื่อง นี่หมายความว่าคุณจะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการสูญเสียการเชื่อมต่อของคุณในขณะที่นั่งดูรายการบน Netflix, โหลดบิทหรือแม้กระทั่งเล่นเกมออนไลน์สุดโปรดของคุณ
หมายเหตุจากบรรณาธิการ: เราให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ของเรากับผู้อ่าน และเรามุ่งมั่นที่จะได้รับความไว้วางใจจากคุณด้วยการทำงานด้วยความโปร่งใสและความซื่อสัตย์ เว็บของเราอยู่ในกลุ่มเจ้าของเดียวกันกับผลิตภัณฑ์ชั้นนำในอุตสาหกรรมบางส่วนที่ได้รับการตรวจสอบบนเว็บไซต์นี้: Intego, Cyberghost, ExpressVPN และ Private Internet Access อย่างไรก็ตามสิ่งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการตรวจสอบของเรา เนื่องจากเราปฏิบัติตามวิธีการทดสอบที่เข้มงวด