การโจมตีของแฮ็คเกอร์ครั้งใหญ่ที่สุด 15 ครั้ง

อาชญากรรมบนโลกไซเบอร์และความปลอดภัยบนโลกออนไลน์เป็นหนึ่งในปัญหาสังคมที่ใหญ่ที่สุดในศตวรรษที่ 21 หมายเหตุจากบรรณาธิการ: เราให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ของเรากับผู้อ่าน และเรามุ่งมั่นที่จะได้รับความไว้วางใจจากคุณด้วยการทำงานด้วยความโปร่งใสและความซื่อสัตย์ เว็บของเราอยู่ในกลุ่มเจ้าของเดียวกันกับผลิตภัณฑ์ชั้นนำในอุตสาหกรรมบางส่วนที่ได้รับการตรวจสอบบนเว็บไซต์นี้: Intego, Cyberghost, ExpressVPN และ Private Internet Access อย่างไรก็ตามสิ่งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการตรวจสอบของเรา เนื่องจากเราปฏิบัติตามวิธีการทดสอบที่เข้มงวด

เราได้รวบรวมการโจมตีบนโลกไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่สุด 15 ครั้งที่จะช่วยเตือนเราว่าเราไม่ควรมองข้ามความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์

การโจมตีโดยแฮ็คเกอร์ครั้งใหญ่ที่สุด 15 ครั้ง!

1 WannaCry

สิ่งที่เรียกว่า ransomware ได้เติบโตขึ้นมากภายในช่วงเวลาไม่กี่ปีมานี้ การใช้วิธีการ phishing ของมันจะหยุดการทำงานหรือควบคุมระบบ และผู้ที่ทำสิ่งนี้ก็จะเรียกค่าไถ่เป็น Bitcoin

การโจมตีบนโลกไซเบอร์ที่มีชื่อว่า WannaCry ในเดือนพ.ค. ปีพ.ศ. 2562 นั้นเป็น ransomware ที่มีชื่อว่า cryptoworm (ซอฟต์แวร์ไวรัสที่จะเพิ่มจำนวนขึ้นและกระจายตัวได้เอง) Wannacry กระจายตัวได้อย่างรวดเร็วและจะส่งผลต่อระบบปฏิบัติการเก่าๆที่อ่อนแอ ซึ่ง NSA เตือนไว้หลายปีแล้วแต่ไม่มีใครสนใจ

ภายในไม่กี่วัน องค์กรและบริษัทต่างๆนับพันใน 150 ประเทศรวมถึงหน่วยงานบริการสาธารณสุขแห่งชาติ หรือ National department of health services (NHS) ของอังกฤษถูกล็อคไม่ให้เข้าสู่ระบบเนื่องจากการเข้ารหัสแบบ Wannacry โดยผู้โจมตีจะเรียกค่าไถ่ราคาแพงเพื่อปลดล็อครหัสนั้น

2 The Bangladesh Bank Cyber Heist หรือการปล้นธนาคารกลางบังคลาเทศ

การโจรกรรมครั้งนี้มีชื่อเสียงเนื่องจากวิธีการที่แฮ็คเกอร์ใช้เจาะระบบไอทีของธนาคารกลางบังคลาเทศ

การโจมตีดังกล่าวก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการที่คนร้ายได้แทรกซึมเข้าสู่ระบบการโอนเงินสดทั่วโลกของ SWIFT  ทำให้พวกเขาสามารถถอนเงินจากระบบที่ควรจะได้รับการรักษาควมปลอดภัยโดย SWIFT ที่เคยเป็นระบบที่ปลอดภัย

กลุ่มอาชญากรที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้พยายามจะถอนเงิน 850 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯก่อนที่จะมีการสะกดคำผิดพลาดซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยขึ้นมา แต่คนร้ายก็ยังเอาเงินไปได้ประมาณ 81 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ซึ่งได้รับคืนมา  18 ล้านดอลล่าร์ และการโจมตีครั้งนี้ก็มีความเกี่ยวข้องกับการโจมตีธนาคารในเอเชียหลายๆครั้ง

3 Mt Gox Bitcoin Exchange

มีเว็บสำหรับเทรดบิทคอยน์มากมายให้คุณทำการซื้อขาย และในเดือนกุมภาพันธ์  พ.ศ.2557 Mt Gox exchange ซึ่งเป็นเว็บเทรดบิทคอยน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในขณะนั้นก็หยุดการซื้อขายอย่างกระทันหัน

เว็บเทรดนี้ล้มละลายไปโดยที่มีการรายงานว่าบิทคอยน์มูลค่า 460 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯถูกขโมยไปในระหว่างที่แฮ็คเกอร์เข้าสู่ระบบและปลอมแปลงมูลค่าของบิทคอยน์เหล่านั้นก่อนที่จะโอนออกไป

นักพัฒนาชาวฝรั่งเศสที่ชื่อ Mark Kerpelẻs ซึ่งซื้อ Mt Gox ไปในปีพ.ศ. 2544  ถูกจับกุมในเวลาต่อมาในข้อหาฉ้อโกงและยักยอกเงินถึงแม้ว่าจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการโจรกรรมบิทคอยน์โดยตรงก็ตาม

4 Spamhaus

Spamhaus เป็นหนึ่งในแอพ anti-spam apps ที่ใหญ่ที่สุดในโลกโดยมีรายชื่อเซิร์ฟเวอร์ที่เป็นอันตราย

เมื่อ Spamhaus เพิ่ม Cyberbunker ซึ่งเป็นเว็บโฮสต์ติ้งของเนเธอร์แลนด์เข้าไปในรายชื่อ ทุกอย่างก็เหมือนตกอยู่ในความมืด โดยทางบริษัทกล่าวหาว่าบริษัทจากเนเธอร์แลนด์นี้ทำการปล่อยการโจมตี DDoS ครั้งใหญ่ซึ่งเป็นหนึ่งในการโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นมา

5 PlayStation Network

ในเดือนเมษายนพ.ศ.2554 สมาคมแฮคเกอร์ที่ชื่อ LulzSec ได้เจาะเครือข่าย Sony PlayStation

นักเล่นเกมที่พยายามจะเข้าสู่ระบบเพื่อเล่นเกมออนไลน์ พวกเขาก็ได้ ‘รับ’ ข้อความที่บอกว่ากำลังปิดปรับปรุงระบบ แต่จริงๆแล้วพวกแฮ็คเกอร์กำลังพยายามปลดรหัสความปลอดภัยของ Sony เพื่อเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน 77 ล้านคน

6 CitiGroup

ในปีพ.ศ.2544 การโจมตีทางไซเบอร์ที่มุ่งไปยังบริกาด้านการเงินของ Citigroup ซึ่งมีแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีระดับความปลอดภัยต่ำ พวกแฮ็คเกอร์เจอประตูหลังที่ทำให้พวกเขาเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวที่มีค่าของผู้ใช้งานได้

ข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีของลูกค้า 200,000 รายถูกเปิดเผยซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีทั้งที่อยู่ ชื่อ ข้อมูลทางการเงิน และทางบริษัทสูญเสียเงินไปกว่า 2.7 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นหายนะที่เกิดจากความล้มเหลวด้านความปลอดภัยครั้งใหญ่่ที่สุดและเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าการโจมตีทางไซเบอร์นั้นมุ่งไปที่แพลตฟอร์มออนไลน์ที่อ่อนแอ

7 Stuxnet

มีการบันทึกเกี่ยวกับการที่รัฐบาลใช้งานมัลแวร์เพื่อจุดประสงค์ทางการทหาร

ตัวอย่างเช่น ‘logic bomb’ ที่ว่ากันว่า CIA เป็นผู้ปล่อยและอีกตัวอย่างก็คือ Stuxnet ซึ่งเป็นหนอนที่มีการค้นพบในปีพ.ศ.2553 โดยมันได้รับการออกแบบมาให้โจมตีและทำลายเครื่องมือควบคุมอุตสาหกรรมของ Siemens โดยเฉพาะ การโจมตีครั้งนี้เข้าถึงคอมพิวเตอร์ 200,000 เครื่องและทำลายเครื่องมือไปกว่า 1,000 เครื่องและทำลายความสามารถด้านนิวเคลียร์ของอิหร่านไปหนึ่งในห้าส่วน

8 Conficker

Conficker เป็นมัลแวร์ที่มีชื่อเสียงในทางแปลกๆ โดยถูกค้นพบเมื่อปีพ.ศ.2551 และไม่มีใครทราบว่ามันมาจากไหนหรือใครเป็นผู้ออกแบบ มัลแวร์ตัวนี้กำจัดได้ยากและมันได้พยายามเจาะและทำลายระบบทั่วโลก

เมื่อมัลแวร์ตัวนี้แพร่กระจาย มันจะทำลายระบบโดยการสร้าง botnet ที่มีการเติบโตตลอดเวลา (botnet มันถูกใช้เพื่อทำการโจมตี DDoS ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานเข้าเว็บไซต์ต่างๆไม่ได้และก็จะขโมยข้อมูลเหล่านั้น) มีการค้นพบ Conflicker ทั้งหมดห้าเวอร์ชัน และนี่เป็นหนอนคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดตัวหนึ่งของโลก

9 Iceman

Max Ray Butler เป็นที่ปรึกษาด้านไอทีที่มีชื่อเสียง แต่ในเวลาว่าง เขาเป็นแฮ็คเกอร์ที่มีชื่อว่า ‘Iceman’

Max ถูกจับในปีพ.ศ 2550 ในข้อหาขโมยหมายเลขบัตรเครดิตอย่างน้อย 2 ล้านหมายเลขซึ่งได้ทำการจ่ายไปกว่า 86 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ยังถูกกล่าวหาว่ามีความผิดในฐานดำเนินการฟอรัมดิจิทัลที่ผิดกฎหมายซึ่งเป็นเว็บไซต์ค้าขายของเถื่อน

10 Operation Get Rich

โดยทั่วไปแล้วร้านค้าปลีกในสหรัฐฯที่มีชื่อเสียงจะตกเป็นเป้าหมายของการแฮ็ค เพราะคนร้ายเหล่านี้ต้องการขโมยหมายเลขบัตรเครดิตและเดบิตของลูกค้า

การโจมตีเหล่านี้ดำเนินการโดย Alberto Gonzales กับแกงค์อาชญากรของเขาซึ่งจะใช้สิ่งที่เรียกว่า ‘SQL injections’ เพื่อใช้ประโยชน์จากความอ่อนแอของเครือข่ายอินเทอร์เน็ตสาธารณะหรือเครือข่ายของบริษัทที่ไม่ปลอดภัย

11 Operation Shady RAT

ปฏิบัติการ Shady RAT คือการโจมตีทางไซเบอร์ที่มีเป้าหมายคือองค์กร 74 แห่งใน 14 ประเทศและ World Anti-Doping Agency และ IOC เคยตกเป็นเป้าโจมตีก่อนการจัดการแข่งขันโอลิมปิคในปีพ.ศ. 2551 และถึงแม้ว่าจีนจะถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ทำการโจมตีแต่ไม่มีใครทราบว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนั้น

เราทราบว่าพวกเขาใช้ระบบการเข้าถึงจากทางไกลแบบเดียวกันเพื่อเข้าถึงคอมพิวเตอร์ของเหยื่อ

12 Estonia DDoS

ช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคมปีพ.ศ. 2550 ในประเทศเอสโทเนียได้เกิดเหตุการณ์ที่หน่วยสืบราชการลับได้ ‘ทำข้อมูลรั่วไหล’ และตกอยู่ในสงครามไซเบอร์ ภายในหนึ่งอาทิตยก็เกิดการโจมตี DDoS ที่ส่งผลกระทบต่อเซิร์ฟเวอร์ของรัฐบาล รวมถึงเซิร์ฟเวอร์ที่เกี่ยวกับการศึกษา สื่อ และการธนาคาร ภายในไม่กี่วันการโจมตีนี้ก็ทำให้เศรษฐกิจ ชีวิตประจำวัน และบริการสาธารณะในประเทศกลายเป็นอัมพาต

การโจมตีครั้งนี้ทำให้องค์กรทางทหารทั่วโลกต้องพิจารณาถึงความสำคัญของความปลอดภัยของเครือข่าย

13 Sven Jaschan/ Delta Airlines

นักเรียนชาวเยอรมันที่มีชื่อว่า Sven Jaschan ได้ทำการแฮ็คที่ทำลายล้างมากที่สุดครั้งใหญ่ของโลกจากห้องนอนของเขา เขาอายุเพียง 18 ปีและยังอาศัยอยู่กับพ่อแม่ โดยเขาได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่พัฒนาหนอน Sasser ขึ้นมา ซึ่งหนอนคอมพิวเตอร์ตัวนี้เป็นไวรัสที่เพิ่มจำนวนและแพร่กระจายได้ด้วยตัวเองซึ่งจะทำลายระบบ Windows

สายการบิน Delta Airlines ได้รับผลกระทบครั้งใหญ่ต่อไฟลท์ข้ามมหาสุทรแอตแลนติกของพวกเขา สุดท้ายเขาก็โดนจับหลังจากมีการเปิดโปงอย่างลึกลับ แต่เมื่อถึงเวลานั้นไวรัสก็ได้สร้างความสูญเสียไปมากกว่า 500 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ

14 MafiaBoy

นี่เป็นอีกหนึ่งการโจมตีทางไซเบอร์ที่มีแฮ็คเกอร์วัยรุ่นเป็นผู้ก่อเหตุ โดยอัจฉริยะคนนี้ได้ทำการโจมตี DDoS เขามีชื่อว่า Micheal Calce และเขาสามารถเจาะระบบ Yahoo, Amazon, CNN, Fifa.com และ eBay

Michael ใช้มัลแวร์เพื่อเพิ่มทราฟฟิคบนเว็บไซต์จนกระทั่งเว็บไซต์ล่ม หลังจากคุมตัวไว้แปดเดือน เขาก็ยังยืนยันว่าเขาทำการโจมตีไปโดยไม่รู้ตัว

15 Melissa Virus

ในปีพ.ศ. 2542 ไวรัสแบบมาโครที่ชื่อ Melissa ได้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว โดยมันแฝงไปกับเอกสาร word บนอีเมล และการเปิดไฟล์นี้ก็จะทำลายระบบของคุณรวมถึงคนในรายชื่อผู้ติดต่อของคุณอีก 50 คนด้วย

การแฮ็คคืออะไรและมีใครอยู่เบื้องหลัง?

การแฮ็คคือการเข้าสู่เครือข่ายหรือระบบโดยไม่ได้รับอนุญาตและมักจะทำเพื่อเงิน เพื่อขโมยข้อมูล หรือเพื่อสร้างความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นหน่วยสืบราชการลับ วัยรุ่นที่คึกคะนอง พรรคการเมือง หรือใครก็ตามที่มีความต้องการและมีความรู้ก็สามารถแฮ็คระบบได้

ตั้งแต่วัยรุ่นที่เอาความสามารถไปใช้ในทางที่ผิด ไปจนถึงกลุ่มผู้ก่อการร้ายบนโลกไซเบอร์ที่อยากได้เงิน ในช่วงสิบที่ผ่านมานี้มีการแฮ็คเพิ่มขึ้นมากมาย การโจมตีเหล่านี้ทำลายบริษัทและหน่วยงานรายการต่างๆจึงมีการเพิ่มมาตรฐานการรักษาความปลอดภัย แต่คุณจะรักษาความปลอดภัยให้กับอุปกรณ์ของคุณจากอันตรายเหล่านี้ได้อย่างไร?

และเพื่อป้องกันอาชญากรรมบนโลกไซเบอร์ เราขอแนะนำให้ ใช้ VPN

นอกจากนี้คุณจะต้องอัพเดตระบบของคุณและควรแน่ใจว่าคุณได้ทำการเปิด anti-virus, firewalls และอื่นๆ และระวังเว็บไซต์หรือเนื้อหาที่น่าสงสัย

หมายเหตุจากบรรณาธิการ: เราให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ของเรากับผู้อ่าน และเรามุ่งมั่นที่จะได้รับความไว้วางใจจากคุณด้วยการทำงานด้วยความโปร่งใสและความซื่อสัตย์ เว็บของเราอยู่ในกลุ่มเจ้าของเดียวกันกับผลิตภัณฑ์ชั้นนำในอุตสาหกรรมบางส่วนที่ได้รับการตรวจสอบบนเว็บไซต์นี้: Intego, Cyberghost, ExpressVPN และ Private Internet Access อย่างไรก็ตามสิ่งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการตรวจสอบของเรา เนื่องจากเราปฏิบัติตามวิธีการทดสอบที่เข้มงวด