ระยะเวลาในการอ่าน:

ภาพรวม Norton 2024

Norton เป็นผู้เล่นที่มีชื่อเสียงในตลาดแอนตี้ไวรัส ดังนั้นฉันจึงอยากรู้ว่า Norton 360 นั้นยังคงเป็นโปรแกรมที่ดีที่สุดในปี 2024 หรือไม่หรือแค่อาศัยชื่อแบรนด์ไปงั้น ๆ

เพื่อระบุว่า Norton ทำงานได้ตามชื่อเสียงหรือไม่ ทีมงานของฉันและฉันได้ดำเนินการทดสอบสแกนไวรัส การป้องกันตามเวลาจริงและฟีเจอร์ของแอนตี้ไวรัสอื่น ๆ มากมาย มีการดำเนินการทดสอบทั้งหมดบนอุปกรณ์ Windows, Mac, Android และ iOS ดังนั้นฉันจึงสามารถดูได้ว่า Norton ทำงานในระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกันไปได้ดีแค่ไหน

ฉันมีความยินดีที่จะบอกว่า Norton คู่ควรกับตำแหน่งซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสอันดับ #1 (เอาชนะคู่แข่งชั้นนำอย่าง TotalAV และ McAfee) ได้ Norton 360 ปิดกั้นมัลแวร์ได้ถึง 100% โดยส่งผลกระทบต่อความเร็วและประสิทธิภาพของระบบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันยังมีของแถมอย่างผู้จัดการรหัสผ่าน แผงควบคุมสำหรับผู้ปกครอง โปรแกรม VPN และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์มาให้อีกด้วย

ลองใช้ Norton โดยไม่มีความเสี่ยงเป็นระยะเวลา 60 วัน!

ไม่มีเวลาอ่านใช่ไหม? นี่คือบทสรุปฉบับ 1 นาที

ความปลอดภัย

- 9

Norton มีคู่แข่งที่มีคุณภาพใกล้เคียงกันในตลาดอยู่สองสามรายและไม่มีคู่แข่งรายใดที่ทำได้ดีกว่าในตอนนี้ (แม้แต่ McAfee ก็ยังได้อันดับสองไปอย่างชิวเฉียด) ตามการทดสอบของฉัน Norton ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นแอนตี้ไวรัสที่มีความปลอดภัยสูงโดยมีอัตราการตรวจจับมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยม การป้องกันแอนตี้ฟิชชิ่งที่แข็งแกร่งและไฟร์วอลล์อันทรงพลัง

สแกนไวรัส – มีตัวเลือกในการสแกนไวรัสพร้อมให้บริการ 3 ตัวเลือก

ทีมงานของฉันและฉันเปิดใช้อุปกรณ์สำหรับทดสอบและดาวน์โหลดไฟล์ที่เป็นอันตรายมากมายที่พบในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา – และการสแกนแบบเต็มของ Norton ก็ตรวจพบการโจมตีทางไซเบอร์ทั้งหมด

Norton 360 มีตัวเลือกในการสแกนให้เลือก 3 ตัวเลือกโดยขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการสแกนลึกมากแค่ไหน การสแกนแบบรวดเร็วจะมุ่งเน้นส่วนที่เสี่ยงมากที่สุดในคอมพิวเตอร์ของคุณ การสแกนแบบเต็มจะตรวจสอบทุกส่วนของไดร์ฟและแม้กระทั่งไดร์ฟภายนอกของคุณและการสแกนแบบกำหนดเองจะให้คุณสแกนไฟล์และโฟลเดอร์ที่คุณต้องการเท่านั้น ตัวเลือกเหล่านี้มอบความยืดหยุ่นในการดูแลอุปกรณ์ของคุณให้ปลอดภัยได้อย่างมาก ตัวอย่างเช่น ฉันเปิดใช้งานการสแกนแบบเต็มทุก ๆ สองถึงสามวันและการสแกนแบบรวดเร็วทุกเช้าตอนเปิดเครื่อง

ภาพหน้าจอของผลการสแกนด่วนของ Norton 360

ฉันสามารถตั้งค่าให้ Norton เปิดใช้งานการสแกนแบบรวดเร็วทุกครั้งตอนเปิดเครื่องได้อย่างง่ายดาย

การสแกนแบบรวดเร็วสแกนไฟล์ประมาณ 11,400 ไฟล์ได้ใน 2 นาทีในขณะที่การสแกนแบบเต็มใช้เวลา 12 นาทีในการสแกนไฟล์ 778,000 ไฟล์ นี่ถือว่าเร็วจนน่าประทับใจ – โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากฉันไม่สังเกตเห็นผลกระทบในประสิทธิภาพใด ๆ บนคอมพิวเตอร์ Windows ของฉันเลย! โปรดทราบว่าฮาร์ดไดร์ฟ 1TB ของฉันนั้นมีข้อมูลจุอยู่ประมาณครึ่งหนึ่งในขณะเปิดใช้งานการสแกนเหล่านี้และฉันมีโปรเซสเซอร์ที่ทรงพลังบน PC ของฉัน ประสบการณ์การใช้งานของคุณอาจแตกต่างไปตามอุปกรณ์ของคุณ

ฉันยังประทับใจมากยิ่งขึ้นกับความแม่นยำในการตรวจจับมัลแวร์ของ Norton ข้อเสียของแอนตี้ไวรัสก็คือบางครั้งมันรุกรานมากเกินไปและทำเครื่องหมายเว็บไซต์หรือโปรแกรมปกติว่าเป็นอันตราย อย่างไรก็ตามตอนที่การสแกนระบบแบบเต็มกำลังทำงาน Norton ไม่เคยพลาดทำเครื่องหมายเว็บไซต์หรือซอฟต์แวร์ใด ๆ ว่าเป็นมัลแวร์ เพื่อให้คุณมีข้อมูลอ้างอิง ค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมคือการตรวจจับผิดพลาด 16 ครั้ง แตกต่างจากโปรแกรมแอนตี้ไวรัสอื่น ๆ คุณไม่ต้องใช้เวลาที่ไม่จำเป็นเพื่อมานั่งดูว่าไฟล์ใดเป็นมัลแวร์จริง ๆ (หรือปลอดภัย) กับ Norton

คุณยังสามารถใช้ Norton Insight เพื่อการสแกนไวรัสที่รวดเร็วยิ่งขึ้นในอนาคตได้อีกด้วย ฟีเจอร์นี้จะสแกนระบบทั้งหมดของคุณและทำเครื่องหมายไฟล์ที่รู้ว่าปลอดภัยซึ่งจะถูกคัดแยกออกจากการสแกนในอนาคต ฉันเปิดใช้งาน Insight และยินดีที่ได้เห็นว่าไฟล์เกือบ 90% ของฉันปลอดภัย ผลที่ได้คือ Norton Insight ลดระยะเวลาการสแกนแบบเต็มของฉันจาก 12 นาทีเหลือเพียงประมาณ 3 นาทีเท่านั้น!

ฉันยังชอบเครื่องมือ Power Eraser ของ Norton สำหรับการลบไวรัสและมัลแวร์ที่แอบซ่อนอยู่อย่างล้ำลึก มันได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อดำเนินการสแกนอุปกรณ์ของคุณให้ละเอียดมากขึ้น อย่างไรก็ตามมันพร้อมให้บริการเฉพาะ Windows เท่านั้น ดังนั้นผู้ใช้งาน Mac และ iOS จะไม่มีสิทธิ์ในการเข้าถึงฟีเจอร์นี้

การป้องกันตามเวลาจริง – ปิดกั้นภัยคุกคามทางไซเบอร์ทั้งหมดได้สำเร็จ 100%

ทีมงานของฉันและฉันได้ดำเนินการทดสอบการป้องกันตามเวลาจริงของ Norton โดยการเปิดอุปกรณ์สำหรับทดสอบและเปิดลิงก์ที่ติดมัลแวร์ที่พบในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา – และ Norton ก็ปิดกั้นลิงก์เหล่านั้นได้ 100% ตลอดเวลา สิ่งนี้น่าประทับใจอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับอัตราการตรวจจับเฉลี่ยในอุตสาหกรรมที่อยู่ที่ 98%

ตอนที่ฉันพบกับเว็บไซต์หรือไฟล์ที่ติดมัลแวร์ Norton จะแสดงข้อความเตือนเพื่อป้องกันฉันจากการดาวน์โหลดหรือดำเนินการเพิ่มเติม เมื่อโปรแกรมตรวจพบไฟล์ที่เป็นอันตราย Norton จะเคลื่อนย้ายมันไปยังเขตกักกันโดยทันที คุณจะไม่ต้องดำเนินการเพิ่มเติมอะไรหลังจากจุดนี้ แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็สามารถตัดสินใจที่จะลบไฟล์เหล่านั้นโดยสมบูรณ์ได้โดยกลับไปยังเขตกักกันอีกครั้งในอนาคตก็ตาม

คู่แข่งมากมายพึ่งพาฐานข้อมูลมัลแวร์ที่รู้จักอย่างมาก – นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมแอนตี้ไวรัสทั้งหมดถึงตรวจจับภัยคุกคามที่ยังไม่ได้อยู่ในฐานข้อมูลไม่ได้ Norton คือผู้นำอุตสาหกรรมในเวลานี้เนื่องจากการวิเคราะห์ SONAR อันซับซ้อน การวิเคราะห์นี้จะตรวจจับภัยคุกคามที่รู้จักบนเว็บไซต์หรือไฟล์ที่คุณตอบสนองด้วยและยังตรวจสอบตรวจสอบพฤติกรรมของแอปพลิเคชันเพื่อระบุว่ามันเสี่ยงหรือไม่ก่อนที่มันจะเป็นที่รู้จักอย่างเป็นทางการ

ส่วนขยายเว็บเบราว์เซอร์ที่ปลอดภัย – สำหรับ Chrome, Firefox, Safari และ Microsoft Edge

Safe Web เป็นส่วนขยายเบราว์เซอร์ที่สแกนเว็บไซต์อยู่เป็นประจำเพื่อให้แน่ใจว่าคุณสามารถเยี่ยมชมได้อย่างปลอดภัย หาก Safe Web ตรวจพบเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย คุณจะเห็นป๊อปอัพแจ้งเตือนบนหน้าจอ:

ภาพหน้าจอของ Norton Safe Web เพื่อยืนยันว่าเว็บไซต์ปลอดภัยหรือเป็นอันตราย

Norton Safe Web เพิ่มชั้นการป้องกันเพิ่มเติมให้กับการท่องเว็บของคุณ

ในการทดสอบ ฉันต้องการวัดประสิทธิภาพของ Safe Web โดยเปรียบเทียบกับ Chrome, Firefox, Safari และระบบความปลอดภัยภายในตัวของ Microsoft Edge ฉันรวบรวมรายการเว็บไซต์ฟิชชิ่งและเปิดลิงก์ในแต่ละเบราว์เซอร์ ฉันเปรียบเทียบผลลัพธ์เหล่านี้กับ Safe Web ซึ่งฉันติดตั้งลงในเบราว์เซอร์ Chrome แยกต่างหาก น่าประทับใจที่ Safe Web ตรวจจับภัยคุกคามได้เกือบ 99% เมื่อเทียบกับ Chrome ที่ได้อันดับที่สอง (97%)

คุณยังสามารถดาวน์โหลดส่วนขยาย Safe Search ของ Norton ซึ่งจะเปลี่ยนหน้าแรกของคุณเป็นเครื่องมือค้นหาเฉพาะของ Norton เพื่อการท่องเว็บที่ปลอดภัยมากขึ้นได้อีกด้วย Safe Search จะตรวจจับว่าเว็บไซต์ใดที่ปลอดภัยและเว็บไซต์ใดที่เป็นอันตรายอย่างแม่นยำโดยการทำเครื่องหมาย URL ด้วยลูกศรติ๊กถูกสีเบียว กากบาทสีแดงหรือเครื่องหมาย “!” สีส้มเพื่อให้ดำเนินการด้วยความระมัดระวัง

ภาพหน้าจอของส่วนขยายเบราว์เซอร์ Safe Search ของ Norton ตรวจจับ URL ที่ปลอดภัยและไม่ปลอดภัยได้อย่างแม่นยำ

Safe Search ของ Norton ทำให้การท่องเว็บปลอดภัย

Safe Search ครอบคลุมแม้กระทั่งแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง Twitter และ Facebook และอีเมลบนเว็บโดยจะทำเครื่องหมายลิงก์ที่ไม่ปลอดภัยเพื่อช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการคลิกมัน

เพื่อความปลอดภัยเพิ่มเติม Norton เสนอโหมด Banking Protection สำหรับ Firefox, Microsoft Edge และ Chrome ฟีเจอร์นี้จะเปิดเว็บไซต์การเงินในหน้าต่างเบราว์เซอร์ที่ปลอดภัยเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีการตรวจสอบหรือติดตามกิจกรรมของคุณ คุณจะเป็นต้องเปิดฟีเจอร์นี้ด้วยตัวเองก่อนคุณจึงจะสามารถใช้งานมันได้

ไฟร์วอลล์ที่ซับซ้อน – เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นและผู้ใช้ขั้นสูง

ฉันชอบไฟร์วอลล์ของ Norton เพราะมันแข็งแกร่งพอที่จะใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องมีการกำหนดค่าเพิ่มเติมใด ๆ นอกจากนี้มันยังมีความยืดหยุ่นสูง ดังนั้นฉันจึงสามารถควบคุมโปรแกรมต่าง ๆ ที่มีสิทธิ์ในการเข้าถึงเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของฉันได้ด้วยตัวเองหากฉันต้องการการปรับแต่งมากขึ้น

ภาพหน้าจอการตั้งค่าไฟร์วอลล์ของ Norton แสดงความสามารถในการปรับแต่งระดับสูง

ผู้ใช้ขั้นสูงสามารถปรับแต่งการตั้งค่าไฟร์วอลล์ของ Norton ได้อย่างง่ายดาย

ไฟร์วอลล์ของ Norton ยังมีฟีเจอร์ Intrusion Protection ที่จะป้องกันอุปกรณ์ของคุณจากภัยคุกคามภายในด้วย การเชื่อมต่อที่แสดงลายเซ็นการโจมตีจะถูกปิดกั้นโดยทันทีเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการใช้ประโยชรน์จากช่องโหว่ของระบบได้

Norton มี “รายการอนุญาต” (รายการที่รู้จักและไว้ใจได้) ของโปรแกรมยอดนิยมที่รู้จักของตัวเอง เช่น Microsoft Word และ Skype ดังนั้นจึงไม่มีแอปใดเหล่านี้ถูกปิดกั้นโดยไฟร์วอลล์ แม้ว่าฉันจะสามารถกำหนดค่ารายการโปรแกรมที่ไว้วางใจได้บน Norton ได้ด้วยตัวเอง แต่ฉันก็มีความสุขที่ได้เห็นว่ามันเรียนรู้ด้วยตัวเอง ไฟร์วอลล์ยังตรวจจับแอปพลิเคชันใหม่ ๆ และปิดกั้นหากมันสังเกตเห็นการดำเนินการที่เป็นอันตรายใด ๆ ซึ่งจะดูแลให้อุปกรณ์ของคุณปลอดภัยแม้ว่าคุณจะไม่ได้ตระหนักถึงอันตรายเลยก็ตาม

ประสิทธิภาพของระบบ – ส่งผลกระทบต่ออุปกรณ์เล็กน้อยโดยไม่พบการล่าช้าที่สังเกตเห็นได้

ซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสทุกโปรแกรมจะทำให้อุปกรณืของคุณช้าลง แต่ฉันยินดีที่จะรายงานให้ทราบว่าฉันไม่พบการล่าช้าที่สังเกตเห็นได้ใด ๆ เลยเมื่อใช้ Norton ในการทดสอบของฉัน ฉันเปิดใช้งานแอนตี้ไวรัส Norton อยู่ในแบกกราวด์ในขณะที่ฉันเปิดใช้งานโปรแกรมอื่น ๆ อีก 10 โปรแกรมในเวลาเดียวกัน โหลดเว็บไซต์ 50 ครั้งและถ่ายโอนข้อมูลขนาด 5GB ระหว่างอุปกรณ์ของฉันและฮาร์ดไดร์ฟภายใน 5 ครั้ง

ในการทดสอบของฉัน ฉันเปิดแอนตี้ไวรัส Norton ไว้ในพื้นหลังในขณะที่ฉันเปิดใช้งานอีก 10 โปรแกรมในเวลาเดียวกัน โหลด 50 เว็บไซต์และถ่ายโอนข้อมูลขนาด 5GB ระหว่างอุปกรณ์และฮาร์ดไดร์ฟภายนอกของฉัน 5 ครั้ง ฮาร์ดไดร์ฟขนาด 1TB ของฉันเต็มครึ่งหนึ่งในขณะที่ดำเนินการสแกนและฉันก็ใช้โปรเซสเซอร์ที่มีประสิทธิภาพอย่างมากใน PC ของฉัน

ฉันแทบจะไม่พบกับการหยุดชะงักของกิจกรรมใด ๆ ของฉันที่มีการล่าช้า 4 ถึง 9% นี่ถือเป็นการล่าช้าที่เล็กน้อยและเป็นสิ่งที่ฉันคาดหวังจะได้รับจากผลิตภัณฑ์แอนตี้ไวรัสพรีเมียม

สำหรับคอเกมและผู้ที่ชื่นชอบการดูหนัง Norton จะระงับการสแกนและการแจ้งเตือนเอาไว้ตอนที่แอปของคุณทำงานในโหมดเต็มหน้าจอ ฉันชอบที่ฉันสามารถใช้ PC ของฉันได้ตามปกติสำหรับการนำเสนองานที่ที่ทำงานหรือเล่นเกมออนไลน์กับเพื่อน ๆ และ Norton ก็จะไม่กวนใจฉันด้วยการแจ้งเตือนป๊อปอัพ (ยกเว้นแต่จะมีปัญหาด้านความปลอดภัยที่รุนแรง)

ปกป้องอุปกรณ์ของคุณด้วย Norton

ฟีเจอร์ส

- 10

นอกจากฟีเจอร์แอนตี้ไวรัสหลักแล้ว Norton ยังมีมาตรการการป้องกันที่เป็นประโยชน์อีกมากมาย แม้ว่าฉันจะคาดหวังจะได้รับแอดออนจากซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัส แต่บ่อยครั้งที่ฉันก็ผิดหวังกับประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม Norton บรรลุความคาดหวังของฉันด้วยพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ที่แสนใจกว้าง แผงควบคุมสำหรับผู้ปกครองและผู้จัดการรหัสผ่าน โปรแกรม VPN ยังต้องได้รับการพัฒนาเพิ่มเพื่อให้สามารถเป็นบริการ VPN โปรแกรมเดียวได้ แต่มันก็เป้นหนึ่งในโปรแกรม VPN ที่ดีที่สุดที่คุณจะพบได้ในแพ็กเกจแอนตี้ไวรัส

Software Updater — ตรวจสอบซอฟต์แวร์สำหรับการอัปเดตเพื่อหลีกเลี่ยงช่องโหว่

หนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดในการป้องกันอุปกรณ์ของคุณจากภัยคุกคามคือดูแลให้อุปกรณ์ของคุณได้รับการอัปเดตล่าสุดและหลีกเลี่ยงช่องโหว่ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ สามารถกำหนดค่าให้ Software Updater ของ Norton ดำเนินการสแกนและอัปเดตซอฟต์แวร์โดยอัตโนมัติได้ซึ่งจะช่วยให้แอปและระบบปฏิบัติการของคุณทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ภาพหน้าจอของ Software Updater ของ Norton อัปเดต 10 โปรแกรมเพื่อป้องกันช่องโหว่ของแอป

Updater ใช้เวลาน้อยกว่า 10 นาทีในการตรวจสอบให้มั่นใจว่าแอปของฉันเป็นเวอร์ชันล่าสุด

ฉันเปิดใช้งานการสแกน Software Updater และพบ 10 รายการที่ต้องอัปเดต บางแอปก็เป็นแอปที่ฉันไม่ได้ใช้งานมาสักระยะหนึ่งแล้วและไม่ได้อัปเดตตัวเองโดยอัตโนมัติและอีกสองสามแอปก็มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากไม่ได้อัปเดตนานมากแล้ว Updater ใช้เวลาน้อยกว่า 10 นาทีในการอัปเดตแอป (พร้อมรีสตาร์ทระบบสำหรับโปรแกรม Microsoft Visual บางโปรแกรม)

พื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ – พื้นที่จัดเก็บข้อมูลเข้ารหัสสำหรับข้อมูลขนาด 200GB

ด้วยพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ของ Norton คุณจะได้รับพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเข้ารหัสเพื่อที่คุณจะได้สามารถสำรองไฟล์ที่สำคัญและไฟล์ที่ละเอียดอ่อนเอาไว้ได้อย่างปลอดภัย นี่หมายความว่าคุณจะไม่ต้องกังวลว่าหากอุปกรณ์ของคุณเกิดถูกขโมยหรือถูกล็อกเอาไว้โดยแรนซัมแวร์ – คุณจะมีสิทธิ์ในการเข้าถึงไฟล์บนคลาวด์ของ Norton เสมอ

ภาพหน้าจอของคุณสมบัติการตั้งค่าการสำรองข้อมูลของ Norton บน Windows

Cloud Storage ของ Norton เหมาะสำหรับการป้องกันการโจมตีแรนซัมแวร์

ตั้งเวลาสำรองข้อมูลได้ง่าย ๆ เพื่อที่ Norton จะได้สามารถส่งการแจ้งเตือนอัตโนมัติให้กับคุณ ตอนที่ฉันทดสอบฟีเจอร์สำรองข้อมูล ฉันสามารถเลือกระหว่างสำรองไฟล์ของฉันรายสัปดาห์ รายเดือน ด้วยตัวเองหรืออัตโนมัติได้

แผน Standard และ Deluxe ที่เป็นที่นิยมที่สุดมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลให้บริการ 10GB และ 50GB ตามลำดับซึ่งถือว่าเยอะมากเมื่อเทียบกับคู่แข่ง สำหรับแผนให้บริการ Advanced คุณจะได้รับพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ที่ปลอดภัยสูงสุดถึง 200GB น่าเสียดายที่ปัจจุบัน Cloud Backup พร้อมให้บริการเฉพาะสำหรับ Windows PC เท่านั้น — ฉันอยากให้มีฟีเจอร์นี้สำหรับผู้ใช้ Mac, iOS และ Android ด้วย

แผงควบคุมสำหรับผู้ปกครอง – ตรวจสอบกิจกรรมบนอินเทอร์เน็ตของลูกคุณได้จากระยะไกล

ซอฟต์แวร์แผงควบคุมสำหรับผู้ปกครองของ Norton ให้คุณจำกัดสิ่งที่ลูก ๆ ของคุณสามารถทำและดูทางออนไลน์ได้ มันทำแบบนี้โดยการปิดกั้นเว็บไซต์และแอปเฉพาะเจาะจงและจำกัดเวลาการออนไลน์ของพวกเขา ฟีเจอร์นี้พร้อมให้บริการเฉพาะในแผนให้บริการ Deluxe, Premium และ LifeLock เท่านั้น แต่ฉันเชื่อว่ามันจะมอบความคุ้มค่าให้กับการลงทุนของคุณเป็นอย่างดีหากคุณมีลูกหรือเด็ก

มีภัยคุกคามทางออนไลน์มากมายที่พุ่งเป้าไปที่เด็กโดยเฉพาะ – ตั้งแต่เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาโจ่งแจ้งไปจนถึงคนแปลกหน้าที่เป็นอันตรายในห้องแชท โชคดีที่การตั้งค่าฟีเจอร์แผงควบคุมสำหรับผู้ปกครองนั้นง่ายและรวดเร็ว คุณสร้างโปรไฟล์สำหรับลูกของคุณ (สูงสุด 15 โปรไฟล์!) ติดตั้งแอป Norton Family บนอุปกรณ์ของลูกคุณ ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชีของคุณและเลือกโปรไฟล์ลูกของคุณ หลังจากที่การตั้งค่าครั้งแรกเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณก็สามารถจัดการทุกสิ่งจากระยะไกลได้

ภาพหน้าจอของการตั้งค่าการควบคุมโดยผู้ปกครองของ Norton 360

ฉันประทับใจกับตัวเลือกแผงควบคุมสำหรับผู้ปกคริงมากมายใน Norton 360

คุณสามารถจำกัดเวลาของหน้าจอ ปิดกั้นเว็บไซต์ที่เฉพาะเจาะจง คัดกรองเนื้อหาในเครื่องมือค้นหาและล็อกอุปกรณ์โดยสมบูรณ์ได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามการติดตามตำแหน่งและการปิดกั้นแอปนั้นพร้อมให้บริการเฉพาะอุปกรณ์มือถือเท่านั้น

ตอนที่ฉันทดสอบฟีเจอร์นี้ ฉันสร้างบัญชีผู้ปกครองและโปรไฟล์ของลูกขึ้นมา (“Wiz Kid”) ฉันเชื่อมโยงโปรไฟล์ของลูกกับสมาร์ทโฟน Android จากนั้นฉันก็ใช้บัญชีผู้ปกคริงในการปิดกั้นแอป Netflix ในโปรไฟล์ของ Wiz Kid จากระยะไกล ข้อจำกัดดังกล่าวมีผลบังคับใช้กับโทรศัพท์ Android โดยทันทีและแอป Netflix ก็ถูกปิดกั้นจนกว่าฉันจะปิดการใช้งานข้อจำกัดจากบัญชีผู้ปกครอง

ข้อเสียก็คือแผงควบคุมสำหรับผู้ปกครองของ Norton นั้นไม่มีให้บริการบน Mac และเด็ก ๆ ที่มีความรู้ทางเทคโนโลยีก็สามารถหลีกเลี่ยงมันได้อย่างง่ายดาย — การสร้างบัญชี Chrome ใหม่ที่ไม่ได้รับการตรวจสอบโดย Norton คือวิธีที่ง่ายและใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที

แม้ว่าจะมีเรื่องนี้ แต่ฉันก็พบว่าฟีเจอร์ของ Norton ก็เป็นเครื่องมือที่ครบครันและมีประสิทธิภาพในการดูแลให้เด็ก ๆ ของคุณปลอดภัยและมีสมาธิเมื่อพวกเขาออนไลน์

Secure VPN – ปลดบล็อกเว็บไซต์และแอปที่ถูกจำกัด (เช่น Netflix) ได้

โปรแกรม VPN เป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับการออนไลน์อย่างปลอดภัยซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงมีความสุขที่ได้เห็นว่า Norton มี Secure VPN ฟรีให้บริการในทุกแผน (ยกเว้นแผนพื้นฐาน Norton 360 Standard) Secure VPN ยังไม่จำกัดข้อมูลและแบนด์วิดธ์อีกด้วยซึ่งทำให้มันเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นท่ามกลางคู่แข่ง ผลิตภัณฑ์แอนตี้ไวรัสส่วนใหญ่ที่มีโปรแกรม VPN มาให้จะให้บริการข้อมูลรายเดือนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม Secure VPN อนุญาตให้คุณสตรีมและท่องอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่มีข้อจำกัด ในระหว่างการทดสอบของฉัน ฉันยังสามารถปลดบล็อก Netflix ของสหรัฐอเมริกา, HBO Max และรายการในท้องถิ่นอย่าง Workpoint และ Doonee ได้อีกด้วย

ภาพหน้าจอของ Norton Secure VPN ที่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในสหราชอาณาจักร โดยผลการทดสอบการรั่วไหลของ IP แสดงให้เห็นว่าไม่มีการรั่วไหลของข้อมูล

ฉันไม่พบการรั่วไหลของข้อมูลใด ๆใน VPN ของ Norton

ที่สำคัญที่สุดคือ Secure VPN จะปิดบังหมายเลข IP ที่แท้จริงของคุณซึ่งจะทำให้มั่นใจได้ว่ากิจกรรมทางออนไลน์ของคุณจะยังคงปลอดภัยและเป็นส่วนตัวแม้ในเครือข่าย WiFi สาธารณะ

แม้ว่า Secure VPN จะเป็นบริการฟรีที่ดี แต่ฉันก็ไม่พึงพอใจกับประสิทธิภาพโดยรวมนิดหน่อย Secure VPN มีตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ตั้งอยู่ทั่วโลกเพียง 30 เซิร์ฟเวอร์เท่านั้นซึ่งมักส่งผลให้เกิดเซิร์ฟเวอร์หนาแน่นและความเร็วที่ล่าช้า ฉันยังผิดหวังมากที่ได้รู้ว่า Secure VPN ปิดกั้นเส้นทาง Torrenting ทั้งหมด อย่างไรก็ตามฉันจะไม่แนะนำมันสำหรับการ Torrenting เนื่องจากมันเก็บบันทึกข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้บางส่วน ในทางกลับกัน VPN ชั้นนำแยกต่างหากทั้งหมดมีนโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน ความเร็วที่รวดเร็วและรองรับการ Torrenting

ฉันแนะนำให้จำกัดการใช้งาน Secure VPN ของคุณสำหรับการสตรีมมิ่งและการท่องเว็บทั่วไปเท่านั้น คุณสามารถดูผลการทดสอบฉบับเต็มสำหรับ Secure VPN ได้ในรีวิวเชิงลึกนี้

ผู้จัดการรหัสผ่าน – จัดเก็บรหัสผ่านได้ไม่จำกัด

วันแห่งการใช้รหัสผ่านเดียวกันนั้นควรเป็นเรื่องที่ทุกคนเลิกทำได้แล้ว แต่ฉันรู้ว่าการจำรหัสผ่านที่แข็งแกร่งนั้นจำยากแค่ไหน ด้วยผู้จัดการรหัสผ่านของ Norton คุณจะต้องจำรหัสผ่านมาสเตอร์เพียงแค่ 1 รหัสผ่านเท่านั้นและ Norton จะจัดเก็บรหัสผ่านที่เหลือให้กับคุณเอง

เมื่อคุณไปยังเว็บไซต์ที่คุณบันทึกข้อมูลลงชื่อเข้าใช้เอาไว้ Norton จะกรอกข้อมูลลงชื่อเข้าใช้และรหัสผ่านให้กับคุณ ที่ดียิ่งกว่านั้นคือรหัสผ่านของคุณจะซิงค์เข้ากับอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยอัตโนมัติ ดังนั้นคุณจะไม่มีวันต้องเผชิญกับปัญหาการนั่งรีเซตรหัสผ่าน

ภาพหน้าจอของฟีเจอร์จัดการรหัสผ่านของ Norton

เครื่องมือจัดการรหัสผ่านจัดเก็บจำนวนรหัสผ่านได้ไม่จำกัด

เครื่องมือจัดการรหัสผ่านใช้การเข้ารหัสระดับทหารในการป้องกันรหัสผ่านของคุณและเข้ากันได้กับอุปกรณ์ Windows, Mac, Android และ iOS นอกจากนี้มันยังมีเครื่องมือสร้างรหัสผ่านที่ปลอดภัยในการสร้างรหัสผ่านที่ไม่สามารถเจาะได้สำหรับบัญชีออนไลน์ที่เป็นความลับของคุณ

ฉันประทับใจเป็นอย่างยิ่งกับฟีเจอร์ Autochange Password ของ Norton ซึ่งฉันไม่เคยเห็นในโปรแกรมผู้จัดการรหัสผ่านเฉพาะอื่นใด สิ่งนี้จะมอบการอนุญาตให้ Norton สร้างรหัสผ่านที่แข็งแกร่งใหม่ เปลี่ยนมันให้คุณและจากนั้นก็จะจัดเก็บมันไว้ในที่ที่ปลอดภัย – ทั้งหมดในคลิกเดียว คุณจะไม่ต้องมานั่งอัปเดตรหัสผ่านในแต่ละเว็บไซต์ด้วยตัวเอง แม้ว่าฟีเจอร์นี้จะใช้งานไม่ได้กับทุกเว็บไซต์ แต่มันก็เข้ากันได้กับเว็บไซต์หลัก ๆ มากมาย เช่น Reddit, Facebook และ Netflix

อย่างไรก็ตามมันแตกต่างจากผู้จัดการรหัสผ่านอื่น ๆ คุณไม่สามารถแบ่งปันข้อมูลลงชื่อเข้าใช้กับผู้อื่นได้และไม่มีการยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน ไม่ว่ายังไงก็ตามฉันก็ยังชอบผู้จัดการรหัสผ่านและมันเป็นฟีเจอร์ที่ดีที่มีมาให้ในแพ็กเกจ Norton 360 มันยังพร้อมให้บริการฟรีในรูปแบบแอปแยกต่างอีกด้วย

เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพ — เพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์

Norton เสนอชุดเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพพื้นฐานที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อกระตุ้นประสิทธิภาพของอุปกรณ์ของคุณเล็กน้อย นี่รวมถึง:

  • Optimize Disk — สแกนอุปกรณ์ของคุณเพื่อตรวจสอบการแตกแฟรกเมนต์ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้การทำงานช้าลง
  • File Cleanup — กำจัดไฟล์ชั่วคราวออกจาก Windows และเบราว์เซอร์
  • Startup Manager — ให้คุณเลือกโปรแกรมที่จะเปิดระหว่างเปิดเครื่องเพื่อยกระดับความเร็วตอนเปิดเครื่อง
  • Graphs — ตรวจสอบประสิทธิภาพของอุปกรณ์ระหว่างการสแกน การตรวจจับมัลแวร์ การดาวน์โหลดและการใช้งานโดยทั่วไป

ภาพหน้าจอของเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพของ Norton

แต่ละเครื่องมือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของอุปกรณ์ของคุณได้อย่างรวดเร็ว

ระหว่างการทดสอบของฉัน เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพของ Norton ทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เครื่องมือทั้งหมดใช้เวลาในการทำลายน้อยกว่าหนึ่งนาทีและฉันก็สังเกตเห็นการปรับปรุงในประสิทธิภาพของอุปกรณ์ของฉันอย่างเห็นได้ชัด ระยะเวลาเปิดเครื่อง PC ของฉันปกติก็เร็วอยู่แล้วโดยอยู่ที่ประมาณ 30 วินาทีเท่านั้น แต่หลังจากที่ใช้งาน Startup Manager ของ Norton ระยะเวลาดังกล่าวก็ลดลงเหลือเพียง 20 วินาทีเท่านั้น

SafeCam (เฉพาะ Windows เท่านั้น) — ปิดกั้นการเข้าถึงเว็บแคมที่ไม่ได้รับอนุญาต

ส่วนเสริม SafeCam สำหรับ Windows คือตัวเลือกอันดับหนึ่งจาก Norton เนื่องจากมันปิดกั้นการพยายามเข้าถึงเว็บแคมของคุณได้หากแหล่งที่มาไม่ได้รับอนุญาต นี่หมายความว่าคุณสามารถใช้ PC ของคุณได้โดยไม่ต้องกังวลว่าแฮกเกอร์จะเปิดกล้องเว็บแคมและบันทึกคุณแล้วเอาฟุตเทจที่ได้มาใช้เพื่อแบล็กเมลหรือหาผลประโยชน์จากคุณ หากมีแหล่งที่มาที่ไม่ได้รับอนุญาตพยายามเข้าถึงเว็บแคมของคุณ Norton จะส่งการแจ้งเตือนให้ทราบทันที

ID Theft Protection — ฟีเจอร์ตรวจสอบและกู้คืนข้อมูลตัวตน

ID Theft Protection ของ Norton เป็นวิธีในการตรวจสอบข้อมูลของคุณที่ยอดเยี่ยมเพื่อป้องกันตัวคุณเอาจากการฉ้อโกงและโจรขโมยตัวตน มันพร้อมให้บริการสำหรับผู้ใช้ในประเทศต่าง ๆ มากกว่า 20 ประเทศโดยจะตรวจสอบข้อมูลของคุณอย่างเข้มงวดบนเว็บมืด คุณสามารถเพิ่มข้อมูลอย่างรายละเอียดบัญชีธนาคารข ข้อมูลบัตรเครดิต แฮนเดิลโซเชียลมีเดียและแม้กระทั่ง Gamertag ของคุณได้

ภาพหน้าจอแดชบอร์ด ID Theft Protection ของ Norton

สามารถเข้าถึงฟีเจอร์ ID Theft Protection ทั้งหมดและตั้งค่าจากเบราว์เซอร์ของคุณได้ง่าย ๆ

ความแตกต่างอย่างมากสำหรับการตรวจสอบของ Norton คือการใช้เจ้าหน้าที่ที่เป็นคนจริง ๆ แทนที่จะเป็นโปรแกรมอัตโนมัติที่ใช้ฐานข้อมูล เจ้าหน้าที่เหล่านี้สามารถค้นหาและเข้าถึงข้อมูลที่โปรแกรมไม่สามารถเข้าถึงได้

ID Theft Protection ยังได้รับการรองรับจากบริการ Identity Restoration ของ Norton ด้วย หากเกิดมีการรุกล้ำข้อมูลตัวตนของคุณ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนเฉพาะจะแนะนำคุณผ่านกระบวนการต่าง ๆ ในการกู้คืนความปลอดภัยของคุณกลับมา พวกเขาจะช่วยคุณแก้ไขปัญหากับสถาบันการเงิน เจ้าหน้าที่บัตรเครดิตและแม้กระทั่งหน่วยงานรัฐบาล ความช่วยเหลือแบบนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นเมื่อต้องรับมือกับโจรขโมยตัวตนและไม่ใช่สิ่งที่ฉันเห็นในบริการของที่อื่น

ความง่ายต่อการใช้งาน

- 10

การติดตั้งและการใช้งานแอป Norton นั้นเรียบง่ายและใช้งานได้ง่าย ฉันเป็นแฟนแอปเดสก์ท็อปสำหรับ Windows และ Mac ซึ่งมีฟีเจอร์ขั้นสูงมากมาย แต่ก็เข้าใจได้ง่าย (แม้สำหรับผู้ใช้เริ่มต้นก็ตาม) หลังจากที่ฉันลงทะเบียนแล้ว ฉันก็แค่ปฏิบัติตามคำแนะนำการติดตั้งบนหน้าจอของ Norton และขั้นตอนทั้งหมดก็ใช้เวลาเพียง 4 นาทีเท่านั้น

แอปเดสก์ท็อปสำหรับ Windows และ Mac – ชัดเจนและใช้งานง่าย

ฉันพบว่าแอปเดสก์ท็อปของ Norton นั้นเป็นมิตรต่อผู้ใช้อย่างมาก ในหน้าแรก คุณจะได้รับการเข้าถึงลัดไปยังกิจกรรมที่สำคัญที่สุด (การสแกน การสำรองข้อมูล การปรับแต่งประสิทธิภาพ) และข้อมูลทั่วไป (การสแกนครั้งล่าสุด มีการสำรองข้อมูลเอาไว้มากแค่ไหน การใช้งานทรัพยากร) สำหรับตัวเลือกที่ทรงพลังและขั้นสูงกว่า คุณจะพบไฟร์วอลล์ การกำหนดค่าการสแกนแบบกำหนดเองและการตั้งค่าการสำรองข้อมูลภายในไม่กี่คลิก

ภาพหน้าจอของอินเทอร์เฟซแดชบอร์ด My Norton ของ Norton บน Windows

สามารถใช้งาน Norton บน Windows และ Mac ได้อย่างง่ายดายแม้กระทั่งสำหรับมือใหม่

แอปภาษาไทยของ Norton มีอินเทอร์เฟซสำรองที่เปิดขึ้นเมื่อคุณต้องการดูความปลอดภัยของอุปกรณ์ (Device Security) ฟีเจอร์นี้ประกอบไปด้วยการทำงานที่สำคัญที่สุด (การสแกน สำรองข้อมูล การเพิ่มประสิทธิภาพ) และข้อมูลทั่วไปบางส่วน (การสแกนครั้งล่าสุด ปริมาณข้อมูลที่สำรองเอาไว้ การใช้แหล่งทรัพยากร) สำหรับตัวเลือกที่ทรงพลังกว่าและขั้นสูงกว่า คุณสามารถดูไฟร์วอลล์ กำหนดค่าการสแกนแบบกำหนดเองและการตั้งค่าการสำรองข้อมูลได้ภายในไม่กี่คลิกเพิ่มเติม

ภาพหน้าจอแดชบอร์ด Device Security ของ Norton สำหรับ Windows

แดชบอร์ด Device Security ของ Norton มีตัวเลือกและการตั้งค่าความปลอดภัยที่ปรับแต่งได้

ฉันชอบที่ว่าคุณสามารถกำหนดค่า Norton ให้ดำเนินการสแกนโดยอัตโนมัติได้ตามตารางที่คุณกำหนดเอง เช่นเดียวกับการสำรองข้อมูล – ง่าย ๆ เพียงเลือกเวลาและโฟลเดอร์ที่เฉพาะเจาะจงที่คุณต้องการจัดเก็บลงบนคลาวด์และ Norton จะจัดการที่เหลือให้กับคุณเอง

ปัญหาเพียงอย่างเดียวที่ฉันพบกับอินเทอร์เฟซของ Norton คือการค้นหาไฟร์วอลล์ น่าแปลกที่มันซ่อนอยู่ในส่วนการตั้งค่า ในฐานะฟีเจอร์หลัก ฉันคาดหวังว่ามันจะอยู่ในหน้าแรกข้างการสแกน

Norton Mobile – แอปแบบกำหนดเองที่มีความปลอดภัยสูงสำหรับ Android และ iOS

Norton Mobile เป็นแอนตี้ไวรัสและแอปรักษาความปลอดภัยสำหรับ Android และ iOS และมันให้บริการแอปขั้นสูงที่เหมือนกันทั้งสองระบบปฏิบัติการ เมื่อคุณเปิดใช้งานแอป คุณจะพบสแกนไวรัสและฟีเจอร์การป้องกันเว็บแสดงอยู่ในหน้าแรก นอกจากนี้คุณยังจะได้เห็นเปอร์เซ็นต์ที่บอกคุณว่าแต่ละอุปกรณ์ได้รับการป้องกันดีแค่ไหน เมื่อคุณคลิกที่ส่วนนี้ แอปจะแสดงคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีทำเพื่อให้ได้คะแนนเต็ม 100%

ภาพหน้าจอของแอพ iOS ของ Norton แสดงให้เห็นว่าอินเทอร์เฟซสะอาดและเรียบง่ายเพียงใด ทำให้ง่ายต่อการใช้งานสำหรับผู้ใช้ระดับเริ่มต้น

ฉันประทับใจกับความง่ายในการติดตั้งและตั้งค่าฟีเจอร์แอปมือถือของ Norton

โดยรวมแล้ว Norton Mobile มีฟีเจอร์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้:

  • การสแกนแอนตี้มัลแวร์ – สแกนอุปกรณ์ของคุณเพื่อมองหาการติดมัลแวร์
  • รายงานความเป็นส่วนตัว – ตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคล เช่น แอปตอบสนองกับตำแหน่งของคุณอย่างไร ซิมการ์ด ประวัติการท่องเว็บและอื่น ๆ อีกมากมาย
  • ความปลอดภัยของ WiFi – แจ้งเตือนคุณเมื่อคุณเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่ไม่ปลอดภัย
  • การป้องกันเว็บไซต์ – ปิดกั้นเว็บไซต์ฉ้อโกงเพื่อป้องกันคุณจากการสแกม
  • การปิดกั้นสายเรียกเข้า – ปิดกั้นสายเรียกเข้าที่น่ารำคาญใจและป้องกันคุณจากการสแปมทางมือถือ
  • การสำรองข้อมูลติดต่อ – สำรองและกู้คืนข้อมูลติดต่อของคุณ

ยังมี Secure VPN, ผู้จัดการรหัสผ่านและแผงควบคุมสำหรับผู้ปกครองให้บริการบนมือถืออีกด้วย อย่างไรก็ตามคุณจะต้องดาวน์โหลดแอปสำหรับแต่ละฟีเจอร์แยกต่างหาก (คุณสามารถดูลิงก์ดาวน์โหลดโดยตรงได้ใน Norton Mobile)

เป็นเรื่องน่าผิดหวังที่ Norton ลยฟีเจอร์ป้องกันการโจรกรรมแบบผสานรวมออกไปจากแอป แต่อุปกรณ์ Android และ iOS ส่วนใหญ่มีตัวเลือกเฉพาะสำหรับการป้องกันนี้อยู่แล้ว iOS ยังไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จากการป้องกันตามเวลาจริงของ Norton Mobile อีกด้วย แต่นี่ก็ไม่ถือเป็นปัญหาใหญ่อะไร (iOS เปิดใช้งานแอปใน “แซนด์บ็อกซ์” ของตนซึ่งจะลบการแทรกแซงแอปและข้อมูลอื่น ๆ)

วิธีดาวน์โหลด Norton บน Windows

  1. เยี่ยมชมเว็บไซต์ทางการของ Nortonภาพหน้าจอของโฮมเพจอย่างเป็นทางการของ Norton
  2. เลือกแผนให้บริการ ฉันแนะนำ Norton Deluxe สำหรับความคุ้มค่าที่ดีที่สุดพร้อมการป้องกันที่ครบครันสำหรับอุปกรณ์ Windows ของคุณภาพหน้าจอของแผนการสมัครสมาชิกปัจจุบันของ Norton
  3. ลงทะเบียนและยืนยันแผนให้บริการของคุณ คุณจะต้องเพิ่มรายละเอียดการชำระเงินของคุณ
  4. ดาวน์โหลด Norton คุณจะได้รับการแจ้งเตือนให้เลือกระบบปฏิบัติการของคุณและเปิดตัวติดตั้งหลังจากที่ดาวน์โหลดเสร็จเรียบร้อยแล้วภาพหน้าจอของหน้าเว็บยอมรับ & ดาวน์โหลด Norton เน้นไฟล์การติดตั้ง
  5. คลิก “ติดตั้ง” จะมีหน้าจอแจ้งเตือนให้อนุญาต Norton ดำเนินการเปลี่ยนแปลง Windows ปรากฏขึ้นมาภาพหน้าจอการติดตั้งของ Norton โดยไฮไลต์ปุ่มติดตั้ง
  6. เมื่อดำเนินการติดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้คลิก “ตั้งค่าฟีเจอร์” สิ่งนี้จะนำคุณไปยังแดชบอร์ด My Nortonภาพหน้าจออินเทอร์เฟซของ Norton หลังการติดตั้งเสร็จสิ้น โดยมีไฮไลท์อยู่ที่ปุ่ม "ตั้งค่าคุณสมบัติ"
  7. เท่านี้คุณก็สามารถเริ่มปรับแต่งการป้องกัน Norton ของคุณได้แล้วภาพหน้าจอของอินเทอร์เฟซแดชบอร์ด My Norton บน Windows

บริการลูกค้า

- 10

โครงสร้างความช่วยเหลือของ Norton นั้นน่าทึ่งและโดดเด่นกว่าคู่แข่ง ฉันเข้าถึงความช่วยเหลือที่เป็นมิตรและมีประโยชน์ได้อย่างรวดเร็วเสมอ – ไม่ว่าจะเป็นช่องทางผ่านแชทออนไลน์ โทรศัพท์หรือฟอรั่มออนไลน์ ฉันพบว่าตัวเลือกที่รวดเร็วที่สุดคือแชทออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็สามารถเลือกค้นหาข้อมูลล่าสุดจากในฟอรั่มได้

แชทออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง – วิธีในการติดต่อ Norton ที่ดีที่สุด

แชทออนไลน์ของ Norton เป็นวิธีการในการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตัวแทนที่รวดเร็วที่สุด ฉันแค่ต้องกรอกข้อมูลของฉันลงในแบบฟอร์มติดต่อบนเว็บไซต์และฉันก็ได้รับการเชื่อมต่อกับตัวแทน Norton ในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ตอนที่ฉันสอบถามเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือ Power Eraser ฉันก็ได้รับคำตอบที่ละเอียดและมีประโยชน์

ภาพหน้าจอของเจ้าหน้าที่แชทสดของ Norton ที่ตอบคำถามเกี่ยวกับเครื่องมือ Power Eraser

แชทออนไลน์ของ Norton เป็นวิธีในการรับคำตอบที่เฉพาะเจาะจงที่รวดเร็วที่สุด

ปัญหาอย่างเดียวเกี่ยวกับแชทออนไลน์คือคุณไม่ได้เชื่อมต่อกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนโดยตรงเสมอไป Norton มีผู้ช่วยอัตโนมัติที่มีชื่อว่าเคท (Kate) ที่ไม่สามารถระบุปัญหาของคุณโดยใช้การตอบกลับที่จำกัดได้เสมอไป เมื่อคุณคลิกที่ช่องแชทออนไลน์ ฉันขอแนะนำให้ถามหาการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการลูกค้าเพื่อติดต่อกับเจ้าหน้าที่ที่เป็นมนุษย์จริง ๆ โดยทันที

บริการความช่วยเหลือผ่านทางโทรศัพท์ – มีประโยชน์ แต่ค่อนข้างช้า

ฉันประทับใจที่ได้พบว่าบริการความช่วยเหลือผ่านทางโทรศัพท์ของ Norton พร้อมให้บริการใน 53 ประเทศโดยรองรับภาษาต่างประเทศมากมายซึ่งรวมถึงภาษาเยอรมัน ฝรั่งเศสและสเปน เมื่อคุณกรอกข้อมูลลงชื่อเข้าใช้ของคุณในแบบฟอร์มออนไลน์บนเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว คุณจะได้รับหมายเลขโทรศัพท์ในท้องถิ่นเพื่อโทรติดต่อ ทั้งสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรต่างก็มอบความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมงแม้ว่าชั่วโมงทำการระหว่างทั้งสองประเทศนี้จะแตกต่างกันก็ตาม

ตอนที่ฉันโทรติดต่อสายความช่วยเหลือในสหราชอาณาจักร ฉันต้องถือสายรอนานกว่า 10 นาที (ช้ากว่าแชทออนไลน์มาก) โชคดีที่ฉันต้องการคำชี้แจงเกี่ยวกับฟีเจอร์แผงควบคุมสำหรับผู้ปกครองนิดหน่อยและตัวแทนของ Norton ก็มีความรู้ที่ยอดเยี่ยมและพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือกับฉัน หากคุณไม่ได้พบปัญหาทางเทคนิคที่เร่งด่วนอะไร บริการความช่วยเหลือผ่านทางโทรศัพท์ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีในการติดต่อ Norton

แหล่งข้อมูลออนไลน์และคำถามที่พบบ่อย — ครบครันและมีการอัปเดตอยู่เสมอ

Norton มีเว็บไซต์สนับสนุนที่ดีมาก ๆ ที่มาพร้อมกับบทความนับร้อย, คำถามที่พบบ่อยและคำแนะนำในการติดตั้งพร้อมให้บริการ ที่สำคัญคือฉันพบข้อมูลที่เกี่ยวข้องและข้อมูลที่ได้รับการอัปเดตล่าสุด — คุณจะไม่พบบทความที่เขียนขึ้นเกี่ยวกับฟีเจอร์และเครื่องมือเมื่อปีที่แล้วปรากฏอีกต่อไป เนื่องจากข้อมูลที่ครบครันที่นี่ คุณจึงมีแนวโน้มที่จะไม่ต้องไปติดต่อกับฝ่ายสนับสนุนลูกค้า ยกเว้นแต่ว่าคุณจะมีคำถามที่เฉพาะเจาะจง

ฉันเป็นแฟนของฟอรั่มคอมมูนิตี้ความชั่วเหลืออย่างแท้จริง แต่พวกเขามักไม่ค่อยให้ข้อมูลโดยละเอียดมากเพียงพอที่คุ้มค่าแก่การใช้งานเท่าไหร่นัก โชคดีที่ฟอรั่มของ Norton นั้นเต็มไปด้วยข้อมูลที่มีประโยชน์ ต้องขอบคุณสมาชิกและผู้ดูแลที่ตั้งใจทำงานกันอย่างเต็มที่ ฉันใช้ฟอรั่มนี้เพื่อค้นหาวิธีการกำหนดค่าฟีเจอร์ไฟร์วอลล์อย่างรวดเร็ว ฟอรั่มนี้พร้อมให้บริการในภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน โปรตุเกส สเปน จีนและญี่ปุ่น

Norton Ultimate Help Desk — ความช่วยเหลือด้าน IT ตามความต้องการแบบชำระเงิน

หากคุณต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมหรือพบว่าคุณต้องการการดูแลทางด้าน IT ที่ครบครัน Norton เสนอเครื่องมือ Ultimate Help Desk นี่ไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณติดตั้งแอนตี้ไวรัส Norton และกำจัดมัลแวร์เท่านั้น — ผู้เชี่ยวชาญด้าน IT ของ Norton จะช่วยแก้ไขปัญหา เพิ่มประสิทธิภาพ PC ของคุณและยังแม้กระทั้งตั้งค่าอีเมล Microsoft Outlook ให้ด้วย

คุณสามารถสมัครสมาชิกใช้งาน Ultimate Help Desk ของ Norton ในราคารายปี (ซึ่งรวมความช่วยเหลือแบบไม่จำกัด) หรือเลือกใช้เซสชันความช่วยเหลือสำหรับแต่ละครั้งก็ได้ ฉันคิดว่าตัวเลือกนี้มีประโยชน์สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการระดับความช่วยเหลือทาง IT เพิ่มเติม แต่ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะไม่จำเป็นต้องใช้บริการนี้

ราคา

- 10

มันไม่ได้เป็นแอนตี้ไวรัสที่มีราคาแพงที่สุดในตลาด แต่ Norton ก็เรียกเก็บเงินในราคาที่สูงกว่าคู่แข่งเล็กน้อย เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน คุณจะได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงแอนตี้ไวรัสขั้นสูงและฟีเจอร์ความปลอดภัยมากมายไม่ว่าคุณจะเลือกแผนให้บริการใดก็ตาม นี่ถือเป็นการแลกเปลี่ยนที่ดีเมื่อเทียบกับแอนตี้ไวรัสคู่แข่งซึ่งมักไม่มีฟีเจอร์รักษาความปลอดภัยที่สำคัญมาให้ในแผนให้บริการที่ถูกที่สุด (เช่น AVG และ Avast)

Norton Antivirus Plus — แผนให้บริการพื้นฐาน

Antivirus Plus ของ Norton เป็นแผนให้บริการพื้นฐานที่สุดที่มีให้บริการซึ่งรวมฟีเจอร์ดังต่อไปนี้:

  • ครอบคลุม 1 PC หรือ Mac
  • การป้องกันมัลแวร์ที่สมบูรณ์ (รวมถึงความปลอดภัยสำหรับแรนซัมแวร์)
  • พื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ขนาด 2GB
  • ไฟร์วอลล์
  • เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน
  • สัญญาการป้องกันไวรัส 100% (รับเงินคืนเต็มจำนวนหากอุปกรณ์ของคุณติดไวรัสที่ Norton ไม่สามารถกำจัดได้)

แผนให้บริการนี้เหมาะสำหรับคุณหากคุณกำลังมองหาการป้องกันมัลแวร์ที่ใช้งานได้ง่าย แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็พบว่ามันขาดฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ Norton บางอย่างไป ดังนั้นมันจึงไม่สามารถป้องกันอุปกรณ์อย่างครบครันได้

แผนให้บริการพื้นฐาน: Norton 360 Standard (ทั่วโลก)

Norton 360 Standard เป็นแผนให้บริการทั่วโลกที่มีราคาน่าคบหาที่สุดและมันมี: การรองรับ 1 อุปกรณ์ แอนตี้ไวรัสและการป้องกันภัยคุกคามทางออนไลน์ พื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ขนาด 10GB ผู้จัดการรหัสผ่าน คำสัญญาเรื่องการป้องกันไวรัส โปรแกรม VPN และ PC SafeCam มาให้ในแพ็กเกจ

นี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดหากคุณไม่ต้องการฟีเจอร์แผงควบคุมสำหรับผู้ปกครองและต้องการการป้องกันอุปกรณ์เพียง 1 อุปกรณ์และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ไม่จำกัด

ความคุ้มค่าที่ดีที่สุด: Norton 360 Deluxe

Norton 360 Deluxe มีฟีเจอร์ที่มีให้บริการใน Standard ทั้งหมดและรองรับอุปกรณ์จำนวน 5 อุปกรณ์ พื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ขนาด 50GB และแผงควบคุมสำหรับผู้ปกครอง นี่เป็นแพ็กเกจที่มอบความคุ้มค่าที่ดีที่สุดโดยรวมและมันยังช่วยให้คุณได้ป้องกันทั้งคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์มือถือของคุณได้อีกด้วย นอกจากนี้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ขนาด 50GB ยังทำให้คุณไม่ต้องเสี่ยงกับแรนซัมแวร์และเป็นวิธีในการสำรองไฟล์ของคุณที่สะดวกสบายอีกด้วย

การป้องกันระดับพรีเมียม: Norton 360 Premium

Norton 360 Premium เป็นแผนให้บริการที่น่าทึ่งสำหรับครัวเรือนขนาดใหญ่ Premium มีฟีเจอร์ที่ให้บริการใน Deluxe ทั้งหมดและรองรับอุปกรณ์จำนวน 10 อุปกรณ์และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ขนาด 75GB

แผนให้บริการสำหรับประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้น (รวม Norton LifeLock)

หากคุณพำนักอาศัยในสหรัฐอเมริกา คุณสามารถสมัครสมาชิกแผนให้บริการแบบ Standard และ Deluxe ได้ นอกจากนี้คุณยังสามารถเข้าถึง Norton Antivirus Plus ซึ่งมีไฟร์วอลล์และแอนตี้ไวรัส การป้องกันการฟิชชิ่งและแรนซัมแวร์เท่านั้นได้อีกด้วย คุณสามารถเลือกหนึ่งในแผนให้บริการ LifeLock ทั้ง 3 แผนของ Norton ได้อีกด้วย แผนให้บริการ LifeLock มีการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลตัวตน การตรวจสอบเครดิต การป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลและอื่น ๆ อีกมากมาย

เวอร์ชันทดลองใช้ฟรี — นานสูงสุดถึง 30 วัน

ระหว่างการค้นคว้าของฉัน ฉันพบว่า Norton มีเวอร์ชันทดลองใช้งานฟรีในระยะเวลาต่าง ๆ มากมายโดยขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่คุณพำนักอาศัย ในสหรัฐอเมริกา ลูกค้าใหม่จะได้รับข้อเสนอให้ทดลองใช้งานฟรีได้ 7 วันในขณะที่ผู้ใช้สหราชอาณาจักรจะได้รับ 30 วัน ฉันขอแนะนำให้คุณลงทะเบียนใช้งานเวอร์ชันฟรีของแผนให้บริการที่ครบครันที่สุดของ Norton เพื่อที่คุณจะได้สามารถลองใช้ฟีเจอร์ทั้งหมดและดูว่าฟีเจอร์ใดบ้างที่ทำงานได้ดีที่สุดสำหรับคุณ

ไม่ว่าคุณจะลงทะเบียนใช้เวอร์ชันทดลองใช้งานฟรีที่ไหน คุณก็จะต้องกรอกช่องทางการชำระเงินที่ใช้งานได้เพื่อเข้าถึง Norton หากคุณชื่นชอบบริการดังกล่าว คุณจะถูกเรียกเก็บเงินในราคาพร้อมส่วนลดในปีแรกหลังสิ้นสุดระยะเวลาทดลองใช้งานฟรี คุณสามารถหลีกเลี่ยงการถูกเรียกเก็บเงินได้โดยการปิดตัวเลือกต่ออายุโดยอัตโนมัติในการตั้งค่าบัญชี Norton ของคุณ

การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 60 วัน – ลองใช้ Norton 360 โดยไม่มีความเสี่ยง

Norton มีการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 60 วันในแผนให้บริการรายปีทั้งหมด หากคุณเกิดเปลี่ยนใจ คุณสามารถติดต่อ Norton ผ่านหนึ่งในช่องทางบริการลูกค้าเพื่อขอเงินคืนเต็มจำนวนได้ นี่ถือเป็นระยะเวลาที่ใจกว้างที่ให้คุณได้ทดสอบผลิตภัณฑ์ได้โดยไม่มีความเสี่ยงในขณะที่คู่แข่งอย่าง Avast, Bitdefender และ Kaspersky ต่างให้แค่เพียง 30 วันเท่านั้น

ที่จริงแล้วการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 60 วันนั้นฟังดูดีเกินกว่าจะเป็นความจริงได้ ฉันต้องการยืนยันว่ามันใช้งานได้จริง – และมันก็ทำได้จริง! ฉันลงทะเบียนใช้แผนให้บริการ Deluxe แบบรายปีและทดสอบ Norton เป็นเวลาสองสามสัปดาห์ ตอนที่ฉันดำเนินการทดสอบเสร็จแล้ว ฉันติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าผ่านแชทออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมงและขอเงินคืนได้อย่างง่ายดาย

เจ้าหน้าที่ Norton ต้องการช่วยฉันแก้ไขปัญหาใด ๆ (และยังเสนอเพิ่มการใช้งานให้ฉันฟรีอีกหนึ่งเดือน!) แต่การขอเงินคืนของฉันก็ได้รับการอนุมัติอย่างรวดเร็วหลังจากที่ฉันยืนยันว่าต้องการยกเลิก แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะบอกให้ว่าการดำเนินการขอเงินคืนอาจใช้เวลา 5 ถึง 7 วัน แต่ฉันก็ประทับใจที่ได้เห็นว่าฉันได้รับเงินคืนกลับเข้าสู่บัญชีธนาคารของฉันใน 5 วันเท่านั้น

ภาพหน้าจอของการรับเงินคืนผ่านแชทสดของ Norton

คุณสามารถรับเงืนคืนได้ง่าย ๆ ผ่านแชทออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมงของ Norton (หรือแม้แต่ได้รับเพิ่มฟรีอีกหนึ่งเดือน!)

คำสัญญาเรื่องการป้องกันไวรัส – คืนเงินเต็มจำนวนหาก Norton ใช้งานไม่ได้

คุณควรติดต่อ Norton ทันทีหากมีไวรัสหลบหนีการตรวจจับและทำให้อุปกรณ์ของคุณติดไวรัส เจ้าหน้าที่ Norton จะเข้าถึงอุปกรณ์ของคุณจากระยะไกลเป็นการชั่วคราวและพยายามกำจัดการติดไวรัสดังกล่าวด้วยตัวเอง หากคุณได้รับไวรัสที่ผู้เชี่ยวชาญของ Norton ไม่สามารถกำจัดได้ คุณจะได้รับเงินคืน – นี่เป็นคำสัญญาเรื่องการป้องกันไวรัส ฉันพบว่าสิ่งนี้ทำให้ฉันมั่นใจขึ้นอย่างมากเพราะมันแสดงให้เห็นว่า Norton เชื่อมั่นใจประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ของตนอย่างแท้จริง

คุณสามารถแลกรับคำสัญญาเรื่องการป้องกันไวรัสได้จากทุกที่ทั่วโลก อย่างไรก็ตามมันมีข้อกำหนดและเงื่อนไขบางอย่างที่อ้างอิงตามประเทศที่คุณพำนักอาศัย ฉันขอแนะนำให้ตรวจสอบเว็บไซต์ของ Norton ก่อนที่จะแลกรับคำสัญญาเรื่องการป้องกันไวรัส

Deluxe
$ 119.99 $ 49.99 ต่อ ปี
You Save 58%
Plus
$ 59.99 $ 29.99 ต่อ ปี
You Save 50%
Standard
$ 94.99 $ 39.99 ต่อ ปี
You Save 58%

บทสรุป

หลังจากการทดสอบอย่างเข้มงวด ฉันก็สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า Norton 360 Antivirus เป็นแพ็กเกจรักษาความปลอดภัยโดยรวมที่ดีที่สุดในตลาด ผู้ให้บริการนี้มอบอัตราการตรวจจับมัลแวร์ แรนซัมแวร์และฟิชชิ่งได้ 100% และไฟร์วอลล์ที่ทรงพลัง ฉันพบว่า Norton นั้นคู่ควรกับชื่อ “360” อย่างแท้จริงเพราะมันมีให้แม้กระทั่งฟีเจอร์โบนัสที่คุณคิดว่าไม่น่าจะได้จากแอนตี้ไวรัส (เช่น พื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ที่แสนใจกว้างและโปรแกรม VPN แบบผสานรวม)

หากคุณยินดีจ่ายเงินเพิ่มเล็กน้อยสำหรับการป้องกันทางออนไลน์ที่ดีที่สุด ฉันขอแนะนำ Norton 360 เป็นอย่างยิ่ง ที่ดียิ่งกว่านั้นคือมันไม่มีความเสี่ยงหากคุณลงทะเบียนด้วยการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 60 วัน! คุณสามารถทดสอบ Norton ได้ด้วยตัวคุณเองและตัดสินใจว่าคุณชอบมันหรือไม่ก่อนที่จะสั่งซื้อแผนสมัครสมาชิกระยะยาว ตอนที่ฉันทดสอบนโยบายรับประกันยินดีคืนเงินสำหรับรีวิวนี้ คำขอคืนเงินเต็มจำนวนของฉันได้รับการอนุมัติอย่างง่ายดายผ่านแชทออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมงภายในเวลาน้อยกว่า 5 นาที

คำถามที่พบบ่อย: Norton Antivirus

แอนตี้ไวรัส Norton มีเวอร์ชันฟรีหรือเปล่า?

โชคร้ายที่แอนตี้ไวรัส Norton 360 ที่เป็นที่นิยมนี้ไม่มีเวอร์ชันฟรี แต่ Norton มีผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยที่ให้บริการฟรี – เช่น ผู้จัดการรหัสผ่านและเครื่องมือ Power Eraser สำหรับ Windows – แต่ไม่มีมีผลิตภัณฑ์ใดที่จะป้องกันอุปกรณ์ของคุณจากการโจมตีทางไซเบอร์ได้อย่างเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตาม ฉันมีทางออกหากคุณต้องการลองใช้ซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสของ Norton โดยไม่ต้องจ่ายเงินสักบาท

คุณสามารถใช้ Norton 360 ฟรีได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 60 วันซึ่งถือเป็นวิธีการทดสอบผลิตภัณฑ์บนอุปกรณ์ของคุณโดยไม่มีความเสี่ยง ตราบใดที่คุณขอเงินคืนก่อนที่ช่วงระยะเวลา 60 วันจะหมดลง คุณก็จะได้รับเงินคืนเต็มจำนวน ฉันทดสอบสิ่งนี้ด้วยตัวเองเพื่อยืนยันว่ามันใช้งานได้จริงและฉันไม่พบกับปัญหาในการขออนุมัติคำขอคืนเงินผ่านทางแชทออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมงเลย ที่ดียิ่งกว่านั้นคือฉันได้รับเงินคืนเข้าบัญชีธนาคารของฉันใน 5 วันเท่านั้น

อุปกรณ์ใดที่เข้ากันได้กับ Norton 360 บ้าง?

Norton ทำงานได้บนอุปกรณ์และระบบปฏิบัติการหลักทั้งหมด นี่รวมถึง Windows (7 หรือสูงกว่า), Mac (สองเวอร์ชันปัจจุบันและก่อนหน้า), Android (8.0 หรือสูงกว่า) และ iOS (สองเวอร์ชันปัจจุบันและก่อนหน้า) ฉันทดสอบ Norton 360 บน Windows, Mac, Android และ iPhone และฉันประทับใจกับความเรียบง่ายของแต่ละแอปเป็นอย่างยิ่ง

แอนตี้ไวรัส Norton จะทำให้คอมพิวเตอร์ของฉันช้าลงไหม?

ช้าลง แต่ความต่างของความเร็วจะมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในการทดสอบของฉัน ความเร็วของฉันช้าลงเพียง 4 ถึง 9% เท่านั้น ฉันไม่เห็นความต่างใด ๆ ในขณะท่องอินเทอร์เน็ต เปิดใช้งานแอปหรือถ่ายโอนไฟล์ใด ๆ ขณะเปิดใช้งาน Norton 360 เลย

ฉันสามารถปิดการใช้งานแอนตี้ไวรัส Norton ได้ไหม?

ได้ คุณสามารถปิดการใช้งานแอนตี้ไวรัส Norton ได้ทุกเวลา คุณสามารถเลือกว่าจะปิดทั้งโปรแกรมหรือปิดบางฟีเจอร์ก็ได้ ฉันแนะนำให้คุณปิดใช้งาน Norton ในวัตถุประสงค์ที่เฉพาะเจาะจงมาก ๆ (เช่น ไฟร์วอลล์หากมันรบกวนโปรแกรมอื่น ๆ) และกลับมาเปิดใช้งานมันทันทีที่คุณดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ฉันสามารถใช้ Norton ในอุปกรณ์ต่าง ๆ มากกว่าหนึ่งอุปกรณ์ได้ไหม?

ขั้นอยู่กับแผนสมัครสมาชิกของคุณ คุณสามารถใช้ Norton ได้สูงสุดถึง 10 อุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน Norton รองรับอุปกรณ์ Windows, Mac, iOS และ Android โดยมีแอปที่ใช้งานง่ายที่ทำให้การติดตั้งและการใช้งานเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ๆ

หากคุณต้องการโอนใบอนุญาต Norton ของคุณจากอุปกรณ์หนึ่งไปยังอีกอุปกรณ์ ขั้นตอนที่ต้องดำเนินการนั้นก็ง่ายมาก:

  1. ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Norton ของคุณและไปยังความปลอดภัยของอุปกรณ์ (Device Security)
  2. ค้นหาอุปกรณ์ที่คุณไม่ต้องการใช้ Norton อีกต่อไป
  3. คลิกที่ไอคอนจุด 3 จุด “ตัวเลือกอื่น ๆ” ด้านล่างของอุปกรณ์ดังกล่าว
  4. เลือก “จัดการใบอนุญาต”
  5. เลือก “ลบใบอนุญาต” จากนั้นให้ยืนยันตัวเลือกของคุณ
  6. ตอนนี้คุณก็สามารถติดตั้งใบอนุญาต Norton บนอุปกรณ์อื่นได้แล้ว
อันดับสูงสุด ตัวเลือกยอดนิยม
Norton
$ 29.99 / year ประหยัด  58%
รับข้อเสนอ
TotalAV
$ 19.00 / year ประหยัด  80%
รับข้อเสนอ
Intego
$ 19.99 / year ประหยัด  60%
รับข้อเสนอ
พวกเราจัดอันดับผู้ให้บริการตามการทดสอบและการค้นคว้าอย่างเข้มงวด แต่ก็จะมีการคำนึงถึงความคิดเห็นของคุณและค่าคอมมิชชั่นจากผู้ให้บริการด้วย ผู้ให้บริการบางรายนั้นจะมีบริษัทแม่แห่งเดียวกันกับพวกเรา

หมายเหตุจากบรรณาธิการ: เราให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ของเรากับผู้อ่าน และเรามุ่งมั่นที่จะได้รับความไว้วางใจจากคุณด้วยการทำงานด้วยความโปร่งใสและความซื่อสัตย์ เว็บของเราอยู่ในกลุ่มเจ้าของเดียวกันกับผลิตภัณฑ์ชั้นนำในอุตสาหกรรมบางส่วนที่ได้รับการตรวจสอบบนเว็บไซต์นี้: Intego, Cyberghost, ExpressVPN และ Private Internet Access อย่างไรก็ตามสิ่งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการตรวจสอบของเรา เนื่องจากเราปฏิบัติตามวิธีการทดสอบที่เข้มงวด

ถูกเขียนขึ้นโดย: โอซามา ซาฮิด
Osama Zahid เป็นนักเขียนที่ WizCase จุดแข็งของเขาคือซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสและเขาก็เขียนรีวิว การเปรียบเทียบและคำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์มากมายในระหว่างที่เขาทำงานที่ WizCase นอกจากจะคอยติดตามการพัฒนาซอฟต์แวร์ล่าสุดอยู่เสมอแล้ว เขาก็มักทำการทดสอบเป็นประจำเพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลที่เขานำเสนอนั้นมีความแม่นยำและเป็นปัจจุบัน ก่อนที่จะมาเข้าร่วมกับ WizCase Osama ใช้เวลาเกือบสิบปีเขียนเกี่ยวกับหัวข้อต่าง ๆ มากมาย ซึ่งรวมถึง AI, ความปลอดภัยทางไซเบอร์, ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์และอื่น ๆ อีกมากมาย ตอนที่เขาไม่ได้กำลังแบ่งปันสิ่งที่เขาเชี่ยวชาญผ่านงานเขียน เขาก็ชอบขัดเกลาทักษะการเขียนโค้ดของเขา ออกไปวิ่งในช่วงตอนกลางคืนหรือดื่มด่ำไปกับเกมสุดโปรด