ซอฟต์แวร์ความปลอดภัยอินเทอร์เน็ตพร้อมแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุด (2024)
มีการเผยแพร่ภัยคุกคามใหม่บนอินเทอร์เน็ตทุกวันและไม่ใช่ภัยคุกคามทั้งหมดนั้นจะเป็นไวรัสหรือมัลแวร์ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมแบรนด์แอนตี้ไวรัสตอนนี้ถึงต้องมีฟีเจอร์ความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตที่ครอบคลุม เช่น ไฟร์วอลล์, VPN, แผงควบคุมสำหรับผู้ปกครอง, ผู้จัดการรหัสผ่าน, การป้องกันฟิชชั่นและเครื่องมือป้องกันสปายแวร์
ฉันทดสอบแอนตี้ไวรัสมากกว่า 30 รายการเพื่อสร้างรายการชุดความปลอดภัยอินเทอร์เน็ตที่ดีที่สุดนี้ขึ้นมา ฉันประทับใจเป็นอย่างยิ่งกับ Norton 360 ซึ่งสามารถตรวจจับมัลแวร์ทุกประเภทในการทดสอบได้ทั้งหมด ที่ดียิ่งกว่านั้นคือทุกแผนให้บริการมาพร้อมกับ VPN, ผู้จัดการรหัสผ่าน, แผงควบคุมสำหรับผู้ปกครอง, ไฟร์วอลล์และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์เพื่อรักษาการป้องกันภัยคุกคามทางออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพ
คุณยังสามารถลองใช้ Norton ได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 60 วันโดยไม่มีความเสี่ยง ฉันทดสอบสิ่งนี้ด้วยตัวเองแล้วและก็ได้รับเงินคืนเข้าบัญชีของฉันในระยะเวลาเพียง 5 วันเท่านั้น
ลองใช้ Norton โดยไม่มีความเสี่ยง!
คำแนะนำ: ชุดความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตครบวงจรที่ดีที่สุดในปี 2024
- Norton — ชุดความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตขั้นสูงที่มาพร้อมกับการป้องกันทางออนไลน์ที่ครอบคลุมซึ่งรวมถึง VPN, (ไม่จำกัดข้อมูล), พื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์, ผู้จัดการรหัสผ่าน, แผงควบคุมสำหรับผู้ปกครองและอื่น ๆ อีกมากมาย มีการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 60 วัน
- McAfee — แอนตี้ไวรัสที่ทรงพลังที่มาพร้อมกับ VPN ประสิทธิภาพสูง, ผู้จัดการรหัสผ่านและอื่น ๆ อีกมากมาย แต่มีฟีเจอร์ความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตน้อยกว่า Bitdefender และ Norton
- TotalAV — แอนตี้ไวรัสที่ดีที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ต เช่น VPN, เครื่องมือตรวจสอบการรั่วไหลของข้อมูลและผู้จัดการรหัสผ่าน แต่ไม่มีแผงควบคุมสำหรับผู้ปกครองและพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์
- iolo — การป้องกันสปายแวร์และแอดแวร์ที่ยอดเยี่ยม แต่มีฟีเจอร์ความปลอดภัยออนไลน์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
- Bitdefender — อัตราการตรวจจับมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยมที่มาพร้อมกับแผงควบคุมสำหรับผู้ปกครองที่มีประสิทธิภาพ, ไฟร์วอลล์, ผู้จัดการรหัสผ่าน, เครื่องมือกำจัดไฟล์ถาวร, เครื่องมือกู้คืนแรนซัมแวร์ แต่ทุกแผนให้บริการไม่มี VPN ยกเว้นแผนให้บริการที่ 1
ป้องกันอุปกรณ์ของคุณด้วย Norton เป็นระยะเวลา 60 วัน
5 ซอฟต์แวร์ความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตที่ดีที่สุด (ทดสอบแล้วเมื่อ 2024)
1. Norton 360 – แพ็กเกจความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตที่ดีที่สุดที่มาพร้อมกับกลไกลแอนตี้ไวรัสที่แข็งแกร่ง
ฟีเจอร์หลัก:
- อัตราการตรวจจับมัลแวร์ที่รู้จักและมัลแวร์ใหม่ที่ยอดเยี่ยม
- มีไฟร์วอลล์, VPN, พื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์, แผงควบคุมสำหรับผู้ปกครอง, ผู้จัดการรหัสผ่านและอื่น ๆ อีกมากมาย
- เข้ากันได้กับ Windows, Mac, Android และ iOS
- ฝ่ายสนับสนุนลูกค้าผ่านอีเมล แชทและโทรศัพท์
- การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 60 วัน
Norton 360 เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเพราะมันเสนอแพ็กเกจความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตที่ครอบคุลมในราคาที่ย่อมเยา ในการทดสอบของฉัน Norton ทำผลลัพธ์ได้ดีที่สุดด้วยอัตราการตรวจจับภัยคุกคามมัลแวร์ตามเวลาจริง 100% มีฟีเจอร์ประสิทธิภาพสูงมากมายที่ช่วยมอบความปลอดภัยเพิ่มเติมให้ เช่น ไฟร์วอลล์, VPN, การสำรองข้อมูลบนคลาวด์และส่วนขยายเบราว์เซอร์เพื่อป้องกันการโจมตีฟิชชิ่ง
ฉันชอบไฟร์วอลล์ของ Norton เป็นพิเศษเนื่องจากมันได้รับการกำหนดค่าเริ่มต้นมาอย่างดีแม้ว่ามันจะเสนอการปรับแต่งมากมายสำหรับผู้ใช้ระดับสูงก็ตาม ไฟร์วอลล์ใช้รายการอนุญาตโปรแกรมที่ปลอดภัยแบบผสานรวมตั้งแต่เริ่มต้น แต่จะคอยวิเคราะห์โปรแกรมอื่น ๆ เพื่อตรวจสอบว่ามันกำลังดำเนินการอย่างปลอดภัยหรือน่าสงสัย สิ่งนี้ช่วยดูแลให้คุณปลอดภัยมากยิ่งขึ้นในระดับเครือข่ายโดยที่คุณไม่ต้องทำอะไรเลย
Secure Line VPN ของ Norton เป็นฟีเจอร์พิเศษอีกฟีเจอร์หนึ่งเนื่องจากการอนุญาตในการใช้ข้อมูลได้ไม่จำกัดในทุกแผนให้บริการ สิ่งนี้เป็นเรื่องที่หาได้ยากในแบรนด์แอนตี้ไวรัสคู่แข่ง คุณสามารถใช้ Secure Line VPN เพื่อเข้ารหัสเส้นทางของคุณและปิดบังตัวตนจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณและการติดตามบนเว็บได้ คุณยังสามารถแทนที่หมายเลข IP ของคุณเพื่อ Torrent โดยไม่เปิดเผยตัวตนและเข้าถึงเนื้อหาที่จำกัดตามภูมิศาสตร์อย่างคลังข้อมูลของ Netflix ต่างประเทศได้อีกด้วย แม้ว่าฉันจะพบกับความเร็วที่แตกต่างกันในระหว่างการทดสอบของฉัน (ความเร็วที่ฉันได้รับจากเซิร์ฟเวอร์ท้องถิ่นในยุโรปของฉันอยู่ที่ 98Mbps และ 11Mbps จากลอสแองเจลิส) ทั้งสองเซิร์ฟเวอร์รวดเร็วมากพอสำหรับการสตรีมมิ่งในความละเอียดระดับ HD
นอกจากนี้ Norton ยังมีข้อเสนอที่แสนใจกว้างมากกว่าคู่แข่งด้วย นั่นก็คือพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ แผนให้บริการ Standard มอบพื้นที่จัดเก็บให้ขนาด 10GB ในขณะที่แผนให้บริการ Premium มอบให้มากถึง 75GB พื้นที่จัดเก็บข้อมูลของ Norton คือการป้องกันการโจมตีแรนซัมแวร์เนื่องจากมันเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับสำรองข้อมูลเอาไว้ หากอุปกรณ์ของคุณเกิดถูกรุกราน คุณจะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการสูญเสียไฟล์ที่สำคัญ คุณยังสามารถบันทึกข้อมูลลงชื่อเข้าใช้ของคุณเอาไว้ด้วยผู้จัดการรหัสผ่านของ Norton ได้ มันยังสามารถสร้างรหัสผ่านใหม่และอัปเดตมันให้กับคุณได้ด้วยซึ่งฉันพบว่านี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างโดดเด่น
ผู้ปกครองจะต้องมีความสุขที่ได้รู้ว่า Norton มีแผงควบคุมสำหรับผู้ปกครองมาให้ในรูปแบบส่วนหนึ่งของแพ็กเกจความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ต คุณสามารถใช้มันเพื่อตั้งค่าข้อจำกัดในด้านของเวลาใช้งานหน้าจอ ปิดกั้นเนื้อหาและแอปที่ไม่เหมาะสม คัดกรองผลลัพธ์การค้นหาและตรวจสอบประวัติการสตรีมมิ่งได้
Norton ยังมาพร้อมกับส่วนขยายเบราว์เซอร์ Safe Web ที่ยอดเยี่ยมสำหรับ Chrome, Firefox, Safari หรือ Microsoft Edge ด้วย Safe Web จะแจ้งเตือนคุณหากมีลิงก์หรือหน้าใด ๆ ที่คุณเยี่ยมชมเป็นอันตราย ส่วนหนึ่งของฟีเจอร์นี้ทำงานได้สำเร็จเนื่องจากคอมมูนิตี้ของ Norton ดำเนินการทำเครื่องหมายเว็บไซต์ที่เป็นอันตรายเอาไว้เมื่อพวกเขาเข้าถึงและ AI ของ Norton ก็จะทำเครื่องหมายอันตรายขึ้นมา ในการทดสอบ ฉันพบว่า Safe Web นั้นทำงานได้ยอดเยี่ยมมากกว่าการป้องกันค่าเริ่มต้นของเบราว์เซอร์ มันเป็นวิธีง่าย ๆ ในการเพิ่มความปลอดภัยเพิ่มเติมสำหรับการท่องเว็บของคุณ — ยิ่งคุณพบกับภัยคุกคามน้อยเท่าไหร่ โอกาสที่คุณจะติดไวรัสก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น
ในหมู่แผนให้บริการ Plus, Standard, Deluxe และ Premium แผนให้บริการ Deluxe เสนอความคุ้มค่าให้มากที่สุด แผนให้บริการดังกล่าวป้องกันอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้สูงสุดถึง 5 อุปกรณ์และเสนอพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ขนาด 50GB ซึ่งเพียงพอสำหรับผู้ใช้รายบุคคล นอกจากนี้มันยังมีแผงควบคุมสำหรับผู้ปกครอง, VPN ที่ใช้งานได้ใน 5 อุปกรณ์, การตรวจสอบความเป็นส่วนตัวและการตรวจสอบเว็บมืดที่จะแจ้งให้คุณทราบเกี่ยวกับการรั่วไหลของข้อมูลใด ๆ ตารางด้านล่างนี้จะแสดงฟีเจอร์ที่มีให้บริการในแต่ละแผนให้บริการ:
Plus | Standard | Deluxe | Premium | |
# จำนวนอุปกรณ์ | 1 | 3 | 5 | 10 |
พื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ | 2GB | 2GB | 50GB | 250GB |
เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน | ✔ | ✔ | ✔ | ✔ |
แผงควบคุมสำหรับผู้ปกครอง | ✘ | ✘ | ✔ | ✔ |
VPN | ✘ | 3 อุปกรณ์ | 5 อุปกรณ์ | 10 อุปกรณ์ |
การตรวจสอบเว็บมืด | ✘ | ✔ | ✔ | ✔ |
แม้ว่าจะมีราคาแพงกว่าคู่แข่งเล็กน้อย แต่ Norton 360 ก็คุ้มค่ากับราคาดังกล่าวเพราะความสามารถในการตรวจจับที่ยอดเยี่ยม นอกจากนี้มันยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยอินเทอร์เน็ตมากมายที่จะดูแลให้คุณออนไลน์อย่างปลอดภัย แม้แต่แผนให้บริการพื้นฐานก็มีเครื่องมือจัดการรหัสผ่านซึ่งแอนตี้ไวรัสส่วนใหญ่ไม่มีมาให้ในแผนให้บริการพื้นฐาน คุณสามารถลองใช้ Norton 360 โดยไม่มีความเสี่ยงได้ในราคาแสนถูกเพียง $29.99 พร้อมการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 60 วัน
ติดตั้ง Norton 360 เป็นเวลา 60 วันโดยไม่มีความเสี่ยง
2. McAfee – ไฟร์วอลล์ปรับแต่งได้สูงเพื่อดูแลให้คุณปลอดภัยจากแฮกเกอร์
ฟีเจอร์หลัก:
- อัตราการตรวจจับมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยมตามเวลาจริงและในระหว่างการสแกน
- มาพร้อมกับ VPN, ผู้จัดการรหัสผ่าน, เครื่องมือกำจัดไฟล์ถาวรและอื่น ๆ อีกมากมาย
- รองรับ Windows, Mac, Android และ iOS
- มีฝ่ายสนับสนุนลูกค้าพร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
- การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน
McAfee เป็นแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดที่มีอัตราการตรวจจับมัลแวร์ที่สมบูรณ์แบบและเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการรักษาการป้องกันทางออนไลน์ที่แข็งแกร่ง ฉันชื่นชอบ VPN เป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เครื่องมือ Ransom Guard, ผู้จัดการรหัสผ่าน, แผงควบคุมสำหรับผู้ปกครอง, เครื่องมือกำจัดไฟล์ถาวรและเครื่องมือเข้ารหัส, My Home Network ที่มีประสิทธิภาพด้วย
ฉันยังชอบเครื่องมือ Ransom Guard ของ McAfee ด้วยซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อป้องกันคุณจากแรนซัมแวร์ Ransom Guard จะสแกนอุปกรณ์ของคุณเพื่อมองหาโปรแกรมที่พยายามจะทำการเปลี่ยนแปลงไฟล์หรือโฟลเดอร์โดยไม่ได้รับอนุญาต มันทำสิ่งนี้ได้โดยการวิเคราะห์ภัยคุกคามแรนซัมแวร์ที่มีอยู่เพื่อคาดการณ์ว่าในอนาคตนั้นมันจะเป็นอย่างไร หากมีการตรวจพบอันตรายใด ๆ คุณจะได้รับการแจ้งเตือนโดยทันทีและสามารถเลือกดำเนินการได้
คุณสามารถป้องกัน Windows, Mac, iPhone และโทรศัพท์ Android ของคุณด้วยแอปของ McAfee ได้ แอปสำหรับเดสก์ท็อปนั้นใช้อินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายเหมือนกัน แต่แอปสำหรับ Windows มีฟีเจอร์มากกว่า macOS หนึ่งฟีเจอร์ เช่นเดียวกันกับที่แอปสำหรับ Android มีฟีเจอร์อย่างเครื่องมือการเพิ่มประสิทธิภาพและการติดตามมากกว่าซึ่งแอปสำหรับ iOS ไม่มี
หลังจากตรวจสอบผลิตภัณฑ์ของ McAfee แล้ว ฉันแนะนำให้เลือกใช้ McAfee Total Protection มันมีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่จำเป็นทั้งหมดในการดูแลให้คุณออนไลน์ได้อย่างปลอดภัย คุณสามารถรับ Total Protection ในราคาที่น่าสนใจเพียง $39.99 ได้ มันมี 4 แผนฝห้บริการดังต่อไปนี้โดยแผนให้บริการ “Plus” ที่อยู่ในระดับปานกลางมอบความคุ้มค่าให้ได้มากที่สุดในความเห็นของฉัน
Basic | Plus | Premium | Advanced | |
จำนวนอุปกรณ์ที่ครอบคลุม | 1 | 5 | ไม่จำกัด | ไม่จำกัด |
ส่วนขยายการป้องกันเว็บไซต์ | ✔ | ✔ | ✔ | ✔ |
ไฟร์วอลล์ขั้นสูง | ✔ | ✔ | ✔ | ✔ |
เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน | ✔ | ✔ | ✔ | ✔ |
เครื่องมือทำความสะอาดส่วนบุคคล | ✘ | ✘ | ✔ | ✔ |
การป้องกันโจรขโมยตัวตน | ✘ | ✘ | ✘ | ✔ |
หากคุณต้องการทดสอบฟีเจอร์ต่าง ๆ ด้วยตัวคุณเอง คุณสามารถลองใช้ McAfee ฟรีเป็นระยะเวลา 30 วันได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงิน ตอนที่ฉันทดสอบสิ่งนี้ด้วยตัวเอง ฉันผิดหวังที่ตัวเลือกความช่วยเหลือนั้นมีเพียงการติดต่อฝ่ายสนับสนุนของ McAfee ผ่านทางโทรศัพท์เท่านั้น โชคดีที่ระยะเวลารอนั้นไม่นานมากเพียงแค่ 5 นาทีและสายโทรศัพท์นั้นก็สิ้นสุดลงภายในเวลาน้อยกว่า 10 นาที แม้ว่ามันจะทำงานได้ดี แต่ฉันก็อยากให้ McAfee มีแชทออนไลน์หรือระบบตั๋วให้บริการ
รับการป้องกันออนไลน์ด้วย McAfee
3. TotalAV – สแกนเนอร์มัลแวร์ที่ดีที่มาพร้อมกับฟีเจอร์การป้องกันอินเทอร์เน็ตพื้นฐาน
ฟีเจอร์หลัก:
- ตรวจจับและปิดกั้นมัลแวร์ตามเวลาจริงและในการสแกนได้อย่างง่ายดาย
- มี VPN, ผู้จัดการรหัสผ่าน, เครื่องมือป้องกันการรั่วไหลและอื่น ๆ อีกมากมาย
- เข้ากันได้กับ Windows, Mac, Android และ iOS
- มีฝ่ายสนับสนุนลูกค้าพร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
- การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน
TotalAV มีสแกนเนอร์มัลแวร์ที่ดีที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตที่มีประโยชน์ เช่น VPN, ผู้จัดการรหัสผ่าน, การป้องกันฟิชชิ่นและเครื่องมือปิดกั้นโฆษณา ในแง่ของสแกนเนอร์ไวรัส TotalAV มีอัตราการตรวจจับมัลแวร์ถึง 100% ในการสแกนและสามารถระบุภัยคุกคามตามเวลาจริงได้ถึง 99% สิ่งนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าคุณได้รับการป้องกันจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ล่าสุด
TotalAV ได้รับใบอนุญาต VPN จาก Windscribe ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและไว้วางใจได้ในอุตสาหกรรม VPN คุณจะได้รับตัวเลือกที่เรียบง่าย แต่เป็นผลิตภัณฑ์ของ Windscribe ที่มีความสามารถมาก ฉันปลดบล็อกบริการสตรีมมิ่งอย่าง Netflix ของสหรัฐอเมริกา, Hulu, HBO Max และ Disney ได้สำเร็จ นอกจากการเข้าถึงด้านความบันเทิงแล้ว ฉันขอแนะนำให้คุณเชื่อมต่อกับ VPN ตลอดเวลาเพื่อปิดบังเส้นทางทางออนไลน์ของคุณ สิ่งนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งหากคุณเป็นแฟน Torrenting
ตู้นิรภัยรหัสผ่านก็เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่มีประโยชน์ มันจะกรอกรายละเอียดการลงชื่อเข้าใช้ของคุณที่คุณบันทึกเอาไว้บนเว็บไซต์โดยอัตโนมัติซึ่งถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่สำคัญสำหรับการจัดเก็บข้อมูลลงชื่อเข้าใช้มากมายด้วยรหัสผ่านที่ไม่ซ้ำกัน การใช้รหัสผ่านซ้ำเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักเบื้องหลังการรุกรานบัญชี ดังนั้นการมีผู้จัดการรหัสผ่านคุณภาพจึงอาจเป็นเหมือนฟีเจอร์ช่วยชีวิตได้
ฉันยังชอบส่วนขยายเบราว์เซอร์ Web Shield ของ TotalAV ด้วย (สำหรับ Chrome เท่านั้น) ซึ่งจะแจ้งเตือนคุณเมื่อใดก็ตามที่ลิงก์น่าสงสัยบนหน้าหรือเมื่อคุณคลิกเข้าไปยังเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย นอกจากนี้มันยังมีเครื่องมือปิดกั้นโฆษณาซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่สำคัญสำหรับความปลอดภัยทางออนไลน์ด้วยเพราะมันจะช่วยป้องกันคุณจากเครื่องมือติดตามที่แอบสอดส่องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ
แอปของ TotalAV ค่อนข้างใช้งานได้ง่ายแม้แต่สำหรับผู้ใช้มือใหม่ แต่ถึงอย่างนั้นอินเทอร์เฟซผู้ใช้สำหรับ Mac ก็แตกต่างจากแอป Windows อย่างเห็นได้ชัด ด้วยแอปสำหรับเดสก์ท็อปทั้งสองเวอร์ชัน คุณจะได้รับฟีเจอร์ความปลอดภัยออนไลน์ที่จำเป็น เช่น Web Shield และเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน เช่นเดียวกันกับ McAfee แอปสำหรับ Android ของ TotalAV มีการสแกนไวรัส การป้องกันตามเวลาจริงและ App Lock เพิ่มเติมที่ไม่มีให้บริการในแอป iOS มาให้ ลองดูแอนตี้ไวรัสสำหรับ iOS เหล่านี้หากคุณต้องการป้องกัน iPhone ของคุณ
คุณสามารถลองใช้ชุดความปลอดภัยแบบครบวงจรของ TotalAV ฟรีเป็นระยะเวลา 30 วันได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงิน ฉันทดสอบสิ่งนี้ด้วยตัวเองโดยการลงทะเบียนแผนให้บริการายปีและจากนั้นก็ส่งคำขอคืนเงินผ่านทางอีเมล ฝ่ายสนับสนุนทางอีเมลก็ไม่ได้รวดเร็วนัก พวกเขาใช้เวลา 2 วันในการตอบกลับและต้องให้ฉันเขียนอีเมลไปเพื่อติดตาม อย่างไรก็ตามฉันได้รับการอนุมัติภายใน 3 ชั่วโมงให้หลังจากที่ร้องขอ
4. iolo – การป้องกันออนไลน์ที่จะดูแลให้คุณปลอดภัยจากสปายแวร์และแอดแวร์
ฟีเจอร์หลัก:
- ตรวจจับได้ 98.7% ของไวรัสทั้งหมดในเวลาจริงเพื่อปิดกั้นการดาวน์โหลดที่เป็นอันตรายโดยทันที
- การป้องกันสปายแวร์ปิดกั้นสปายแวร์ แอดแวร์และมัลแวร์ที่รุกล้ำอื่น ๆ
- PC Cleanup กำจัดไฟล์ที่ไม่จำเป็นและคุกกี้ออกจากเบราว์เซอร์อินเทอร์เน็ตของคุณ
- แชทออนไลน์ ฝ่ายสนับสนุนผ่านโทรศัพท์และฐานข้อมูลความรู้
- การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน
การป้องกันสปายแวร์ของ iolo มอบความปลอดภัยออนไลน์ที่แน่นหนา การตรวจจับสปายแวร์นั้นเป็นเรื่องยาก มันอาจอยู่ในคอมพิวเตอร์ของคุณมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนโดยแอบขโมยข้อมูลของคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัว มันยังสามารถหลีกเลี่ยง Windows Defender ได้อีกด้วย ดังนั้นฉันจึงอยากรู้ว่า iolo จะตรวจจับมันได้ไหม ฉันทดสอบ iolo กับไฟล์สปายแวร์และแอดแวร์ทดสอบมากกว่า 20 ไฟล์และแอปของ iolo ก็ปิดกั้นมันได้ทั้งหมด
แม้ว่าจะยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความสามารถในการป้องกันตามเวลาจริง แต่ฉันก็ลองใส่ตัวอย่างไวรัส EICAR 150 รายการซึ่งประกอบไปด้วยโทรจัน เวิร์ม รูทคิทและอื่น ๆ อีกมากมายและ iolo ตรวจจับได้ 147 รายการ มันตรวจไม่พบรูทคิทและไวรัสซีโรเดย์ 2 รายการที่ซ่อนอยู่ภายในไฟล์ zip ฉันสามารถปล่อยผ่านได้เนื่องจากมัลแวร์ซ่อนอยู่ในไฟล์ zip ซึ่งตรวจจับได้ยาก แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่สามารถเพิกเฉยที่ iolo ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพระบบอย่างหนักได้ การสแกนอย่างเต็มรูปแบบทำให้การใช้งาน RAM และ CPU ของฉันเพิ่มขึ้น 61% และ 77% ตามลำดับ
นอกจากการป้องกันตามเวลาจริงที่เกือบจะสมบูรณ์แบบแล้ว iolo ยังมีฟีเจอร์อื่น ๆ ที่จะเสริมความปลอดภัยทางออนไลน์ของคุณด้วย ฟีเจอร์เหล่านี้รวมถึง:
- PC Cleanup — ให้คุณล้างไฟล์ขยะออกจากคอมพิวเตอร์ของคุณ นอกจากนี้มันยังลบคุกกี้และการติดตามออกจากเบราว์เซอร์ทั้งหมดของคุณด้วย
- Privacy Guardian — ป้องกันเว็บไซต์ไม่ให้สร้างโปรไฟล์ของคุณผ่านกิจกรรมการท่องเว็บซึ่งป้องกัน “การพิมพ์ลายนิ้วมือ”
- เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน — ติดตั้งส่วนขยายบน Chrome, Safari, Firefox และ Edge เพื่อกรอกรหัสผ่านและบันทึกข้อมูลในตู้นิรภัยของ iolo โดยอัตโนมัติ
ฉันติดต่อฝ่ายสนับสนุนแชทออนไลน์ของ iolo เพื่อสอบถามเกี่ยวกับการเข้ารหัสที่ใช้ในเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน ฉันได้รับการตอบกลับที่รวดเร็ว แต่เจ้าหน้าที่พยายามที่จะขายอย่างต่อเนื่อง จะดีกว่าถ้าคุณใช้แชทออนไลน์สำหรับปัญหาทั่วไปที่แก้ไขได้ง่าย ๆ เท่านั้น คุณสามารถพบคำตอบสำหรับปัญหาทางเทคนิคส่วนใหญ่ของคุณได้ในฐานข้อมูลความรู้ของ iolo
ฉันพบว่า System Mechanic Pro มอบความคุ้มค่าสำหรับเงินได้มากที่สุดและคุณสามารถใช้บริการดังกล่าวได้ในราคาแสนถูกเพียง $23.99 ต่อเดือน มันไม่มีเครื่องมือจัดการรหัสผ่านมาให้ แต่เสนอการป้องกันในเวลาจริงและการป้องกันสปายแวร์และเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพ เพื่อเป็นการเปรียบเทียบ คุณสามารถเลือกแผนให้บริการ Deluxe ของ Norton ที่มีราคาถูกกว่าและมีฟีเจอร์ที่ iolo ไม่มี เช่น พื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์และการตรวจสอบเว็บมืดได้ หากคุณต้องการลองใช้ iolo โดยไม่มีความเสี่ยง คุณก็สามารถใช้การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วันได้
ป้องกันตัวคุณเองทางออนไลน์ด้วย iolo
5. Bitdefender – การป้องกันเว็บแคมและเสียงเพื่อไม่ให้แฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของคุณได้
ฟีเจอร์หลัก:
- สแกนเนอร์ไวรัสช่วยป้องกันมัลแวร์ตามเวลาจริง
- มีผู้จัดการรหัสผ่าน แผงควบคุมสำหรับผู้ปกครอง การกู้คืนแรนซัมแวร์และอื่น ๆ อีกมากมาย
- ทำงานได้บน Windows, Mac, Android และ iOS
- มีฝ่ายสนับสนุนลูกค้าพร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
- การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน
ฟีเจอร์ที่โดดเด่นที่สุดของ Bitdefender คือการป้องกันเว็บแคมและเสียง เว็บแคมและไมโครโฟนคอมพิวเตอร์ของคุณตกเป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์ได้อย่างง่ายดายเนื่องจากมันไม่มีการป้องกันขั้นสูงใด ๆ แต่คุณเอาเทปมาแปะที่เว็บแคมของคุณหรือปิดเสียงไมโครโฟนของคุณเพราะความหวาดระแวง แอปของ Bitdefender ให้คุณปิดกั้นเว็บแคมและไมโครโฟนของคุณและควบคุมว่าแอปใดที่เข้าถึงมันได้บ้างซึ่งช่วยให้คุณออนไลน์และออฟไลน์ได้อย่างปลอดภัย
ฉันกังวลว่านักโฆษณาจะติดตามข้อมูลของฉันผ่านคุกกี้ในขณะที่ฉันท่องเว็บอย่างมาก ฉันจึงโล่งใจที่มีส่วนขยายเบราว์เซอร์ Anti-Tracking ของ Bitdefender เนื่องจากมันปิดกั้นการติดตามโฆษณาทั้งหมดบน Chrome, Firefox และ Edge ฉันอยากให้มีฟีเจอร์นี้บน Safari ด้วย แต่ถึงอย่างนั้น เบราว์เซอร์ของ Mac ก็มีการปิดกั้นการติดตามในตัวเองอยู่แล้ว
ฉันยังชอบเครื่องมือ Ransomware Remediation ของ Bitdefender ด้วย มันจะวิเคราะห์ฮาร์ดไดร์ฟของคุณตามเวลาจริงเพื่อตรวจสอบว่ามีไฟล์ใด ๆ ของคุณที่กำลังตกอยู่ในความเสี่ยงหรือไม่ หากมันสังเกตเห็นภัยคุกคาม มันจะดำเนินการสำรองไฟล์ที่เกี่ยวข้องเอาไว้อย่างปลอดภัยก่อนที่จะจัดการกับภัยคุกคามแรนซัมแวร์และกู้คืนข้อมูลของคุณ นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือถอดรหัสมาให้ด้วยเผื่อในกรณีที่ฮาร์ดไดร์ฟของคุณถูกรุกรานแล้ว หากคุณคือผู้ปกครองที่มีลูกหรือเด็กวัยรุ่นต้องดูแล คุณจะต้องชอบข้อเท็จจริงที่ว่า Bitdefender มาพร้อมกับแผงควบคุมสำหรับผู้ปกครองภายในตัว (ดังนั้นคุณจึงไม่จำเป็นต้องซื้อซอฟต์แวร์แยกต่างหาก!) ฟีเจอร์ที่มีประโยชน์อื่น ๆ ได้แก่ ฟีเจอร์ผู้จัดการรหัสผ่านของ Bitdefender, การป้องกันเว็บแคมและไมโครโฟนและเครื่องมือกำจัดไฟล์ถาวรและ Safe File
ข้อเสียเพียงอย่างเดียวก็คือ VPN ของ Bitdefender เนื่องจากมันมีขีดจำกัดข้อมูลรายวัน แผนให้บริการทั้งหมดนอกจากแผนให้บริการ Premium จะจำกัดข้อมูลใช้งานของคุณเพียง 200MB ต่อวัน สิ่งนี้ไม่เพียงพอสำหรับการ Torrenting, สตรีมมิ่ง, เล่นเกมหรือทำกิจกรรมที่ใช้ข้อมูลเยอะอื่น ๆ ตัวอย่างเช่นการรับชม Netflix ในคุณภาพระดับ SD เป็นเวลา 1 ชั่วโมงนั้นใช้ข้อมูล 1GB ยกเว้นแต่คุณจะเลือกแผนให้บริการ Premium เท่านั้น คุณจะมีข้อมูลมากเพียงพอสำหรับการท่องเว็บทั่วไปสองสามชั่วโมงเท่านั้น
คุณสามารถทดสอบ Bitdefender ฟรีเป็นระยะเวลา 30 วันได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงิน ฉันยืนยันว่าสิ่งนี้ทำงานได้จริงโดยการส่งคำขอเงินคืนผ่านทางอีเมลไปให้กับ Bitdefender ฉันผิดหวังนิดหน่อยที่มันใช้เวลาถึง 5 วันในการตอบกลับ แต่พวกเขาไม่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมใด ๆ และฉันก็ได้รับเงินคืนภายใน 5 วันหลังจากนั้น
ลองใช้ Bitdefender เป็นระยะเวลา 30 วัน!
ตารางเปรียบเทียบ: ซอฟต์แวร์ความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตที่ดีที่สุดของปี 2024
สแกนเนอร์มัลแวร์ | ไฟร์วอลล์ | การป้องกันแรนซัมแวร์ | VPN | การรับประกันยินดีคืนเงิน, วัน | |
Norton 360 | ✔ | ✔ | ✔ | ✔ | 60 |
McAfee | ✔ | ✔ | ✔ | ✔ | 30 |
TotalAV | ✔ | ✔ | ✔ | ✔ | 30 |
iolo | ✔ | ✔ | ✔ | ✘ | 30 |
Bitdefender | ✔ | ✔ | ✔ | ✔ | 30 |
แบรนด์ชั้นนำที่ไม่เป็นไปตามเกณฑ์
1. Avast และ AVG
Avast เป็นแอนตี้ไวรัสยอดนิยม แต่ถูกจับได้ว่าขายข้อมูลผู้ใช้อย่างลับ ๆ โดยไม่ได้รับอนุญาต — ซึ่งรวมถึงการเยี่ยมชมเว็บไซต์สำหรับผู้ใหญ่และการค้นหาบน Google แม้ว่า Avast จะป้องกันตัวเองโดยการอ้างว่าข้อมูลทั้งหมดนั้นไม่ระบุตัวตน แต่ก็มีหลายวิธีในการเชื่อมโยงข้อมูลเหล่านี้กลับมายังผู้ใช้ที่เฉพาะเจาะจง นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันจึงไม่สามารถแนะนำทั้ง Avast และบริษัทในเครือ AVG ได้เนื่องจากการละเมิดทางด้านจริยธรรมและความไว้วางใจ
2. Microsoft Defender
Microsoft Defender มอบชั้นการป้องกันพื้นฐานสำหรับอุปกรณ์ Windows 10 แต่มันไม่มีฟีเจอร์ความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตขั้นสูงใด ๆ นี่รวมถึง VPN, ผู้จัดการรหัสผ่านและการป้องกันแรนซัมแวร์และฟิชชิ่งขั้นสูง
3. Vipre
แม้ว่า Vipre จะมีการป้องกันมัลแวร์ที่แข็งแกร่งบน PC แต่ฉันก็ผิดหวังที่ฟีเจอร์ที่ดีที่สุดนั้นพร้อมให้บริการเฉพาะในชุด Ultimate Security เท่านั้น นอกจากนี้มันยังถูกจำกัดมาก ๆ บน macOS และมือถือซึ่งทำให้มันไม่ได้รับการจัดอันดับในรายการนี้
3 ขั้นตอนง่าย ๆ: วิธีใช้ซอฟต์แวร์ความปลอดภัยอินเทอร์เน็ต
- สแกนคอมพิวเตอร์ของคุณ — เปิดใช้งานการสแกนฉบับเต็มโดยใช้แอนตี้ไวรัสของคุณ ฉันแนะนำ Norton 360 เพราะมันตรวจจับไวรัสได้ 100% โดยไม่ล้มเหลว
- กำจัดการติดไวรัส — เลื่อนดูรายการไวรัสที่ตรวจพบและติ๊กถูกออกจากรายการผลบวกที่ผิดพลาดใด ๆ ก่อนที่จะดำเนินการลบไวรัสอย่างเหมาะสม
- รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ของคุณ — รีสตาร์ทอุปกรณ์ของคุณหลังจากที่ลบไวรัสออกแล้วเพื่อลบสิ่งที่หลงเหลืออยู่หรือกระบวนการในพื้นหลังที่เกี่ยวข้องกับไวรัสออก
วิธีที่ฉันให้คะแนนแพ็กเกจความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตที่ดีที่สุดในปี 2024
แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดนั้นมาพร้อมกับฟีเจอร์เสริมมากมายที่อาจไม่สามารถป้องกันข้อมูลของคุณในขณะท่องอินเทอร์เน็ตได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงได้ดำเนินการทดสอบและให้คะแนนแต่ละแอนตี้ไวรัสในรายการนี้ตามเกณฑ์ดังต่อไปนี้:
- สแกนเนอร์มัลแวร์ที่แข็งแกร่ง — ฉันทดสอบและจัดอันดับแต่ละแอนตี้ไวรัสโดยอ้างอิงว่ามันสามารถป้องกันไวรัสได้ดีแค่ไหน ความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตคือสิ่งที่จำเป็น คุณควรมองหาอัตราการป้องกันไวรัสสูงสุดจากแอนตี้ไวรัสเสมอ
- ฟีเจอร์ความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ต — แอนตี้ไวรัสของคุณต้องได้รับการอัปเดตเป็นประจำเพื่อป้องกันภัยคุกคามทางออนไลน์ที่ซับซ้อนและภัยคุกคามใหม่ล่าสุดทั้งหมด สิ่งนี้รวมถึงไวรัสและมัลแวร์ประเภทอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงฟิชชิ่ง แรนซัมแวร์และอื่น ๆ อีกมากมาย เฉพาะอัตราการตรวจจับที่สมบูรณ์แบบหรือเกือบสมบูรณ์แบบเท่านั้นที่จะได้รับการยอมรับที่นี่
- แอปสำหรับ Windows, Mac, Android และ iOS — ความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตไม่ได้ควรใช้งานได้เพียง 1 อุปกรณ์เท่านั้น — แอนตี้ไวรัสของคุณควรรองรับทั้งอุปกรณ์เดสก์ท็อปและอุปกรณ์มือถือของคุณเพื่อป้องกันภัยคุกคามต่าง ๆ
- ความคุ้มค่ากับเงิน — การป้องกันโดยรวมและฟีเจอร์เสริมที่รวมมาให้ในแพ็กเกจนั้นคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปหรือเปล่า? ยิ่งแพ็กเกจมีราคาแพงมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งต้องมีอะไรให้บริการมากขึ้นเท่านั้น
- ความง่ายในการใช้งาน — แม้ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ การใช้งานแอนตี้ไวรัสก็ควรเป็นมิตรต่อผู้ใช้และเรียบง่าย ฉันตรวจสอบความง่ายของเมนูนำทางและตัวเลือกที่ซับซ้อนอื่น ๆ นั้นมีคำอธิบายที่ดีหรือเปล่า
คำถามที่พบบ่อย: แอนตี้ไวรัสพร้อมความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ต
ทำไมคุณจึงต้องมีฟีเจอร์ความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ต?
ฉันสามารถใช้ซอฟต์แวร์ความปลอดภัยอินเทอร์เน็ตเพื่อป้องกันอุปกรณ์อะไรได้บ้าง?
“ความปลอดภัยอินเทอร์เน็ต” และ “แอนตี้ไวรัส” แตกต่างกันอย่างไร?
บริการแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดที่มาพร้อมกับความปลอดภัยอินเทอร์เน็ตคือบริการใด?
ฉันสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตฟรีได้ไหม?
แม้ว่าจะมีแอนตี้ไวรัสฟรีที่ไว้วางใจได้อยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่จะไม่สามารถป้องกันคุณทางออนไลน์ได้ มันไม่มีฟีเจอร์ความปลอดภัยทางออนไลน์ที่จำเป็น เช่น การป้องกันแรนซัมแวร์และการป้องกันในเวลาจริง ไฟร์วอลล์ เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน เป็นต้น ที่แย่ไปกว่านั้นคือแอนตี้ไวรัสฟรีอย่าง AVG และ Avast อาจแบ่งปันข้อมูลของคุณกับบุคคลที่สามโดยที่คุณไม่ยินยอม ดังนั้นฉันจึงแนะนำให้ใช้แอนตี้ไวรัสชั้นนำอย่าง Norton อยู่เสมอ คุณสามารถลองใช้ Norton โดยไม่มีความเสี่ยงได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 60 วัน
ป้องกันตัวคุณเองทางออนไลน์ด้วยซอฟต์แวร์ความปลอดภัยอินเทอร์เน็ต
เนื่องจากภัยคุกคามทางออนไลน์มีความซับซ้อนและกลายเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้นเรื่อย ๆ ซอฟต์แวร์ความปลอดภัยอินเทอร์เน็ตจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมี แอปความปลอดภัยอินเทอร์เน็ตที่ไว้วางใจได้จะมอบการป้องกันในเวลาจริงที่ยอดเยี่ยม มันยังมีไฟร์วอลล์ เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน ส่วนขยายเว็บเบราว์เซอร์และฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมากมายเพื่อดูแลให้คุณปลอดภัยจากภัยคุกคามออนไลน์ทั้งหมดรวมมาให้ด้วย
หลังจากที่ทดสอบซอฟต์แวร์ความปลอดภัยอินเทอร์เน็ตยอดนิยมมากมาย ฉันได้คัดเลือก 5 บริการที่ดีที่สุดที่มอบความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยมให้กับฉัน Norton 360 เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งในรายการของฉันเพราะการป้องกันในเวลาจริงที่สมบูรณ์แบบต่อสปายแวร์ แรนซัมแวร์ แอดแวร์และลิงก์ที่เป็นอันตรายทั้งหมดที่ฉันพบเจอ มันมีไฟร์วอลล์ที่แข็งแกร่งที่ปิดกั้นการรับส่งข้อมูลขาเข้าและออกที่เป็นอันตราย มันมีฟีเจอร์ความปลอดภัยทางออนไลน์มากมายและมาพร้อมกับราคาที่น่าคบหา คุณสามารถลองใช้ Norton 360 โดยไม่มีความเสี่ยงได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 60 วัน
แสดงความคิดเห็น
ยกเลิก