ความเสมอภาคทางเน็ต (Net neutrality) คืออะไร? คู่มือที่ดีที่สุด (อัพเดตปี 2024)
คณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสาร (FCC) ของสหรัฐฯได้มีการลงคะแนนเสียงเพื่อยกเลิกกฎเกี่ยวกับความเป็นกลางทางเน็ตหรือ
net neutrality ซึ่งทำให้เกิดการถกเถียงกันในวงกว้าง ชาวอเมริกันประมาณหนึ่งในสามไม่แน่ใจว่าความเป็นกลางทางเน็ตคืออะไร ดังนั้นเราจึงได้สรุปข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่คุณควรทราบและแสดงให้คุณเห็นว่ามันส่งผลต่อผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างไร
ความเป็นกลางทางเน็ต (Net Neutrality) คืออะไร?
ความเป็นกลางทางเน็ตคือหลักการว่าข้อมูลต่างๆบนโลกออนไลน์ควรได้รับการจัดการอย่างเท่าเทียมกัน
แนวคิดของหลักการนี้ก็คือ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหรือ ISP ไม่ควรแบ่งแยกผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตด้วยการเก็บค่าบริการที่แตกต่างกันหรือทำการลดความเร็วของผู้ใช้งานโดยดูจากเว็บไซต์ที่ใช้งาน ตำแหน่งที่พวกเขาพักอาศัยอยู่ หรือ ประเภทของเนื้อหาที่ใช้งาน ฯลฯ
หากมีกฎเกี่ยวกับความเป็นกลางทางเน็ต รัฐบาลสามารถกำกับดูแลผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต พวกผู้ให้บริการเหล่านี้จึงไม่สามารถยกข้อมูลบางส่วนไปไว้ใน “เลนด่วน” และบล็อคเว็บไซต์อย่าง Netflix หรือบริการสรีมมิ่งอื่นๆ
ประเทศไหนมีกฎเกี่ยวกับความเป็นกลางทางเน็ตบ้าง?
แต่ละประเทศมีมุมมองเกี่ยวกับความเป็นกลางทางเน็ตต่างกัน โดยบางประเทศอย่างสิงคโปร์และอินโดนีเซียได้มีการจัดการตามแนวคิดนี้ โดยมีการแบนบริการต่างประเทศเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับบริการในภูมิภาพ
ประเทศอื่นๆ เช่น เนเธอร์แลนด์และสหรัฐฯอเมริกาได้มีการผ่านกฎหมายที่ช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ให้บริการทางอินเทอร์เน็ตปฏิบัติต่อผู้ใช้งานอย่างไม่เท่าเทียมกัน
สหรัฐฯได้มีการผ่านกฎหมายบังคับใช้ด้านความเป็นกลางทางเน็ตตั้งแต่ปีพ.ศ. 2558 แต่มีการลงคะแนนเสียงโดย FCC ในปีพ.ศ.2560 ให้ยกเลิกกฎหมายนี้ แต่ก็ยังมีโอกาสที่สภาคองเกรสจะผ่านกฎหมายที่ช่วยปกป้องความเป็นกลางทางเน็ต
เกิดอะไรขึ้นกับกฎด้านความเป็นกลางทางเน็ต
กฎหมายเกี่ยวกับความเป็นกลางทางเน็ตที่ออกมาในปีพ.ศ.2558 มีการใช้งานไม่นานเพียงแค่ไม่กี่ปี ในขณะที่หลายๆคนเห็นด้วยกับแนวคิดพื้นฐานของความเป็นกลางทางเน็ตการวางแผนจะใช้หลักการที่ทุกคนดูน่าจะเห็นด้วยนั้นกลับทำให้เกิดการถกเถียงกัน
ในปีพ.ศ. 2560 FCC ที่นำโดยรีพับลิกันได้ลงคะแนนเสียงเพื่อยกเลิกกฎนี้โดยมีคะแนน 3 ต่อ 2 เสียง
ประธานของ FCC กล่าวว่ากฎนี้เป็น “ความผิดพลาด” และ “เป็นการกระทำที่ไม่ไตร่ตรองให้ดีก่อ” และอ้างว่ากฎเหล่านี้ลดความน่าดึงดูดในการลงทุนและขัดขวางการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายนเป็นวันสิ้นสุดการใช้งานกฎหมายด้านความเป็นกลางทางเน็ต และตอนนี้ The Federal Trade Commission มีหน้าที่รับผิดชอบในการปกป้องผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต
FTC สามารถจัดการกับบริษัทที่ไม่โปร่งใสหรือไม่ทำตามสัญญาการใช้งานที่ได้มีการลงนามไว้หรือทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ข้อสนับสนุนความเป็นกลางทางเน็ต
1 ปกป้องสิทธิและอิสรภาพบนโลกอินเทอร์เน็ต
ความเป็นกลางทางเน็ตสนับสนุนการมีอิสระทางคำพูดและป้องกันไม่ให้ ISP มีอำนาจด้านสื่อมากเกินไปจนสามารถแทรกแซงเนื้อหาที่เป็นอิสระได้ และการยกเลิกกฎหมายเกี่ยวกับความเป็นกลางทางเน็ตก็อาจจะทำให้ ISP สามารถควบคุมข้อมูลและจำกัดการเข้าถึงเนื้อหาต่างๆได้
หากเราให้บริษัทสามารถมีบริการที่มีความเร็วสองระดับก็จะไม่มี Usain Bolt กับ Usain Bolt บนมอเตอร์ไซต์ มันมีแต่ Usain Bolt และ Usain ที่ถูกผูกไว้กับเสาเท่านั้นแหละ
– John Oliver
การเข้าเว็บไซต์ต่างๆควรขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณ ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับการตกลงกันของผู้ให้บริการ
– Cindy Cohn
2 ช่วยสร้างการแข่งขันและนวัตกรรมใหม่ๆ
การที่ ISP ไม่สามารถควบคุมข้อมูลหรือเก็บค่าบริการสูงขึ้นเพื่อใช้บริการเสริมทำให้อินเทอร์เน็ตเปิดกว้างสำหรับผู้ประกอบการและแนวคิดใหม่ๆมากขึ้น
3 ป้องกันบริการปลอม
ในปีพศ. 2557 Netflix ได้มีการประกาศใช้ Comcast และ Verizon extra เพื่อหลบเลี่ยงการลดจำนวนแบนด์วิธ แต่สิ่งที่น่ากลัวก็คือแทนที่ ISP จะลงทุนไปกับการวิจัยและพัฒนา ทางบริษัทอาจจะให้ประโยชน์จากคุณภาพการบริการและเก็บค่าบริการที่สูงขึ้นเพื่อไม่ให้ถูกลดแบนด์วิธ
4 สนับสนุนธุรกิจขนาดเล็ก
ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตชอบใช้งานเว็บไซต์ที่มีความเร็วสูงและความล่าช้าเพียงวินาทีเดียวก็ทำให้พวกเขาเลิกสนใจเว็บไซต์นั้นได้ และนี่คือสิ่งที่การลดแบนด์วิธโดย ISP ทำให้เกิดปัญหาได้ ตัวอย่างเช่น หากเว็บไซต์ของธุรกิจขนาดเล็กไม่ได้มีความเร็วสูงเท่าเว็บไซต์ของบริษัทใหญ่ๆพวกเขาก็จะมีปัญหา
ข้อถกเถียงที่ไม่สนับสนุนความเป็นกลางทางเน็ต
1 ทำให้จำนวนเงินลงทุนลดลง
ISP ไม่สนับสนุนความเป็นกลางทางเน็ตเนื่องจากพวกเขาเห็นว่าความเป็นกลางทางเน็ตนี้ทำให้ทางบริษัทหาเงินได้น้อยลงและทำให้นักลงทุนไม่ต้องการลงทุนกับบริษัท ดังนั้นในระยะยาวความเป็นกลางทางเน็ตจะทำให้เกิดผลเสียต่อเครือข่าย
2 กฎหมายที่ไม่จำเป็น
ผู้ที่ไม่สนับสนุนความเป็นกลางทางเน็ตบางคนบอกว่า กฎหมายนี้เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นเพราะ “อินเทอร์เน็ตอยู่มาได้ 15 ปีโดยไม่มีปัญหาใดๆ” และพวกเขาบอกว่า กฎหมายที่ออกโดยรัฐบาลจะทำให้ไม่เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ
ผมกังวลว่าการบังคับใช้กฎหมายทางเศรษฐศาสตร์ที่ไม่มีประโยชน์นี้กับผู้ให้บรริการอินเทอร์เน็ตทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่จะทำให้พวกเขาหมดกำลังใจในการพัฒนาการบริการไปยังส่วนต่างๆของประเทศในพื้นที่ที่มีผู้ที่มีรายได้น้อยอาศัยอยู่หรือในพื้นที่ชนบท
– Ajit Pai
3 ทำให้ไม่สามารถขึ้นราคาค่าบริการได้
Ajit Pai กล่าวว่า ISP คิดว่า “นี่เป็นการแทรกแซงด้านกฎหมายต่อบริษัทซึ่งจะบังคับให้ทางบริษัทต้องขึ้นราคาค่าบริการหรือหยุดการขยายหรือทั้ง 2 อย่าง” นอกจากนี้ยัง “ส่งผลกระทบทางลบต่อทรัพยากรที่จำกัด” อีกด้วย
VPN ช่วยได้อย่างไร
เคยมีเหตุการณ์ในอดีตที่แสดงให้เห็นว่าผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตอย่าง Verizon และ Comcast อาจจะไม่ได้มีจริยธรรมดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องมีกฎหมายข้อบังคับในอุตสาหกรรมนี้
น่าเสียดายที่ FCC ได้ลงคะแนนเสียงยกเลิกกฎหมายเกี่ยวกับความเป็นกลางทางเน็ต แต่มีหลายรัฐที่ได้ทำการออกกฎหมายของตัวเองและก็มีบริษัทด้านเทคโนโลยีหลายบริษัทที่มีการฟ้องร้อง FCC ให้ใช้งานกฎนี้ต่อไป
อย่างไรก็ตาม VPN สามารถปกป้องคุณจากปัญหาต่างๆที่อาจเกิดจากการยกเลิกกฎหมายนี้ได้ เมื่อคุณใช้ บริการ VPN คุณสามารถเปลี่ยนตำแหน่ง IP address ของคุณหากคุณเจอการเซ็นเซอร์หรือการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมบนโลกออนไลน์
ISP ไม่สามารถติดตามดูสิ่งที่คุณทำบนโลกกออนไลน์เมื่อคุณเชื่อมต่อกับ VPN เพราะข้อมูลของคุณจะถูกเข้ารหัส เว็บไซต์ต่างๆไม่สามารถจำกัดการเข้าถึงของคุณได้และคุณก็สามารถดูเว็บไซต์ต่างๆได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ
หมายเหตุจากบรรณาธิการ: เราให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ของเรากับผู้อ่าน และเรามุ่งมั่นที่จะได้รับความไว้วางใจจากคุณด้วยการทำงานด้วยความโปร่งใสและความซื่อสัตย์ เว็บของเราอยู่ในกลุ่มเจ้าของเดียวกันกับผลิตภัณฑ์ชั้นนำในอุตสาหกรรมบางส่วนที่ได้รับการตรวจสอบบนเว็บไซต์นี้: Intego, Cyberghost, ExpressVPN และ Private Internet Access อย่างไรก็ตามสิ่งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการตรวจสอบของเรา เนื่องจากเราปฏิบัติตามวิธีการทดสอบที่เข้มงวด
แสดงความคิดเห็น
ยกเลิก