หลังจากที่ได้เปรียบเทียบ VPN เหล่านี้ เราได้ผู้ชนะแล้ว!
จากที่กล่าวมาข้างต้น เราคิดว่าหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดก็คือการพูดถึงราคาและระบบการชำระเงินNordVPN มีการชำระเงินให้เลือกสามแบบ คือ แบบ Simple สำหรับใช้งานหนึ่งเดือน แบบ Standard สำหรับหกเดือน และแบบที่ดีที่สุดคือแบบรายปี นอกจากนี้ยังมี การรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
WIndscribe มีแผนการชำระเงินสามแบบเช่นเดียวกับ Nord และยังมีแบบฟรีที่คุณสามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์ใดก็ได้ที่คุณต้องการ สำหรับแบบฟรี คุณสามารถใช้งานเซิร์ฟเวอร์ได้ 11 เครื่อง รวมถึงแบนด์วิธฟรี 10 กิ๊กกะไบต์
จากการทดสอบความเร็วของเรา NordVPN ทำงานได้ดีกับ แสดงให้เห็นว่ามันเป็น VPN ที่เหมาะสำหรับการสตรีมมิ่ง การทอร์เรนต์ และการใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่ว ๆไป และแน่นอนนี่คือทุกอย่างที่คุณต้องการจาก VPN หากคุณต้องการดูรายการทีวีโปรดหรือฟังสถานีวิทยุโปรดของคุณ
แต่น่าเสียดายที่ ความเร็วของ Windscribe ไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวัง เพราะมันมีความเร็วต่ำกว่ามาตรฐาน และคุณภาพของคอนเทนต์ก็ค่อนข้างแย่ ดังนั้น หากคุณต้องการบริการที่เชื่อถือได้และรวดเร็ว คุณควรเลือก NordVPN!
ผู้ให้บริการ VPN | ||
---|---|---|
การลดความเร็วในการดาวน์โหลด | 10% (UK) | 38% (UK) |
การลดความเร็วในการอัพโหลด | 14% (FRA) | 42% (FRA) |
เวลา Ping ไปยัง Google.com | 2ms | 203ms |
เวลาเฉลี่ยในการเชื่อมต่อ (วินาที) | 9ms | 14ms |
สามารถหลบหลีกการบล็อคได้สำเร็จสำหรับ | ||
เยี่ยมชมเว็บไซต์ | เยี่ยมชมเว็บไซต์ |
ความเร็วถือเป็นปัจจัยที่สำคัญเมื่อเลือก VPN ซึ่งความเร็วในการใช้ VPN จะมาพร้อมกับค่าใช้ที่เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามยิ่ง VPN มีความเร็วมากเท่าใด คุณยิ่งจะสามารถเข้าใกล้ความเร็วสูงสุดของเน็ตเวิร์คของคุณได้มากเท่านั้น เวลา Ping มีความสำคัญเทียบเท่ากับความเร็วในการดาวน์โหลด/อัพโหลดสำหรับการสตรีมมิ่ง เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับความเร็วในการรับข้อมูล เวลา ping ที่น้อยกว่าและแบนด์วิธในการดาวน์โหลดที่สูงจะช่วยให้การสตรีมมิ่งเป็นไปได้อย่างไม่มีสะดุด การใช้เวลาในการเชื่อมต่อที่สั้นกว่าจะช่วยป้องกันความวุ่นวาย ส่วนการเชื่อมต่อที่เสถียรถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการสตรีมมิ่งหรือทำกิจกรรมใด ๆ ที่ความเป็นส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญ
NordVPN มีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 4,400 เครื่องทั่วโลก เซิร์ฟเวอร์ของบริษัทแบ่งเป็น 5 กลุ่มตามความเชี่ยวชาญและประเภท มีเซิร์ฟเวอร์สำหรับ Tor, AntiDDos, Double VPN, dedicated IP และ P2P ถ้าคุณต้องการสตรีม Netflix หรือใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่ว ๆ ไป คุณสามารถใช้งานเซิร์ฟเวอร์ VPN มาตรฐานทั่ว ๆ ไปได้
ส่วน Windscribe มีเซิร์ฟเวอร์ให้เลือกใน 45 ประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมถึงเซิร์ฟเวอร์มาตรฐานใน สหราชอาณาจักร สหรัฐฯ เนเธอร์แลนด์ ฮ่องกง และอื่น ๆ อีกมากมาย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีเซิร์ฟเวอร์มากเท่า Nord แต่ก็ถือว่าเซิร์ฟเวอร์กระจายไปตามประเทศต่าง ๆ ที่ดี ซึ่งจะช่วยให้คุณเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกจำกัดการเข้าถึงจากบางพื้นที่ได้!
ผู้ให้บริการ VPN | ||
---|---|---|
ตำแหน่งของเซิฟเวอร์ | 6300 | 100 |
ประเทศที่ตั้งเซิฟเวอร์ | 111 | 60 |
IP Address | 5,201+ | 300 |
การสลับเซิฟเวอร์แบบไดนามิค | ||
เยี่ยมชมเว็บไซต์ | เยี่ยมชมเว็บไซต์ |
เซิฟเวอร์จำนวนมากจะหมายถึงความแออัดที่น้อยลงและความเร็วที่มากยิ่งขึ้น ตำแหน่งที่มากยิ่งขึ้นจะเพิ่มตัวเลือกที่มากยิ่งขึ้น แต่คุณก็ควรตรวจสอบพื้นที่ที่คุณต้องการปลดบล็อกเว็บไซต์ การมี IP addresses จำนวนมากจะช่วยในเรื่องความเป็นส่วนตัว ในขณะที่การสลับเซิฟเวอร์แบบไดนามิคจะเป็นตัวที่ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดียิ่งขึ้นและติดตามได้ยากยิ่งขึ้น
Nord มีหน้าคำถามที่พบบ่อย (FAQ) ซึ่งครอบคลุมเกือบทุกเรื่องที่คุณคิด คุณยังจะพบการสอนใช้งานที่เป็นประโยชน์มากมายรวมถึงชุมชนออนไลน์ทและ แชทสดตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงระบบสนับสนุนผ่าน Facebook และอีเมล
สำหรับ Windscribe คุณจะไม่พบตัวเลือกมากมายเท่า เพราะมีส่วนคำถามที่พบบ่อย (FAQ) เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีคู่มือการตั้งค่าเพื่อช่วยเหลือเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามตัวเลือกเหล่านี้อาจจะไม่สามารถตอบสนองความต้องการของคุณได้ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางบริษัทควรปรับปรุง
ผู้ให้บริการ VPN | ||
---|---|---|
ระยะเวลาในการตอบอีเมล | 3 | 2 |
ช่วยเหลือ 24/7 | ||
การแชท | ||
ฐานความรู้ | ||
วิดีโอแนะนำการใช้งาน | ||
เยี่ยมชมเว็บไซต์ | เยี่ยมชมเว็บไซต์ |
ถึงแม้ว่าผู้คนส่วนใหญ่จะคิดว่าการช่วยเหลือที่ดีมีความจำเป็นเฉพาะในช่วงการติดตั้ง VPN แต่จริง ๆ แล้วก็อาจมีอย่างอื่นที่ท่านอาจต้องการความช่วยเหลือนี้ได้เช่นกัน เช่น การเชื่อมต่อไปยังเซิฟเวอร์บางแห่ง การเปลี่ยนโปรโตคอล และการปรับค่า VPN บนเราท์เตอร์ เป็นต้น เราได้ตรวจสอบ VPN แต่ละตัวเพื่อดูว่ามีการช่วยเหลือเวลาใดบ้าง (ถึงแม้ในช่วงกลางดึก), ระยะเวลาที่พวกเขาตอบสนอง และพวกเขาได้ตอบคำถามเราหรือไม่
เมื่อพูดถึงเรื่องความปลอดภัย NordVPN มีโปรโตคอลการเข้ารหัสที่ดีที่สุด ซึ่งรวมถึง:
นอกจากนี้ยังมีตัวเลือก kill switch แบบอัตโนมัติก็ได้เมื่อใดก็ตามที่คุณต้องการ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีประโยชน์เนื่องจากมันจะช่วยปกป้องคุณเมื่อการเชื่อมต่อ VPN หลุด โดยข้อมูลส่วนตัวของคุณและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนจะปลอดภัย และหากคุณต้องการทอร์เรนต์ บริการนี้มีตัวเลือก P2P ที่มาพร้อมกับเซิร์ฟเวอร์ P2P ที่ยอดเยี่ยม
บริการนี้ยังใช้ โปรโตคอลความปลอดภัย OpenVPN ที่มีการเข้ารหัสแบบ AES 256-bit และโปรโตคอลแบบ SHA512 นอกจากนี้ยังมี IPv6 และมีการป้องกัน DNS รั่วไหลเพื่อความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เช่นเดียวกับ Nord มันมี kill switch ที่จะช่วยปกป้องข้อมูลของคุณมากขึ้นไปอีก
นอกจากนี้ยังอนุญาตให้ผู้ใช้งาน ทำการแชร์ไฟล์แบบ P2P หากคุณต้องการดาวน์โหลดทอร์เรนต์อย่างปลอพภัย และมันเหมาะกับการปลดบล็อค Netflix ของสหรัฐฯ ได้จากทุกที่ในโลกนี้ และที่สำคัญที่สุด เช่นเดียวกับ Nord ทางบริษัทไม่มีการเก็บข้อมูลการใช้งานและไม่มีการส่งต้อข้อมูลของผู้ใช้งานให้หน่วยงานรัฐบาล และคุณยังสามารถเลือกการเชื่อมต่อได้ 3 แบบ เพื่อหลบเลี่ยงข้อจำกัดที่เข้มงวดอย่างของประเทศจีน ซึ่งก็คือ:
UDP
โหมด default
TCP
WizCase สนับสนุนผู้อ่าน ดังนั้นเราจึงอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นเมื่อคุณซื้อผ่านลิงก์บนเว็บไซต์ของเรา คุณจะไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มเติมสำหรับผลิตภัณฑ์ใด ๆ ที่คุณซื้อบนเว็บไซต์ของเรา — ค่าคอมมิชชั่นของเรามาจากเจ้าของผลิตภัณฑ์โดยตรง นอกจากนี้ผู้ให้บริการบางรายยังเป็นของบริษัทแม่ของเราด้วย