ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย จัสติน นิวแมน

Adobe Premiere Pro มีเครื่องมือจำเป็นทั้งหมดสำหรับทุกคนที่ต้องการผลิตวิดีโอสไตล์มืออาชีพ ชุดเครื่องมือที่ครบครันนั้นรวมถึงการแก้ไขมัลติแคม การปรับและการไล่สี ทรานสิชันที่ราบรื่น เอฟเฟกต์ภาพ การแก้ไขเสียงและอื่น ๆ อีกมากมาย

Premiere Pro เป็นส่วนหนึ่งของคอลเลอชันของแอป Creative Cloud ที่น่าประทับใจของ Adobe สิ่งนี้ช่วยให้การผสานรวมองค์ประกอบต่าง ๆ จาก Photoshop, After Effects, Adobe Stock Images และอื่น ๆ อีกมากมาเป็นเรื่องง่าย

ปฏิบัติตามคำแนะนำด้านล่างและผมจะบอกวิธีการดาวน์โหลดและติดตั้ง Premiere Pro ฟรี 7 วันกับคุณ

ดาวน์โหลด Adobe Premiere Pro ฟรี

วิธีดาวน์โหลดและติดตั้ง Adobe Premiere Pro ฟรี

  1. ไปยังหน้าดาวน์โหลด Adobe Premiere Pro อย่างเป็นทางการโดยตรง
  2. คลิกที่ตัวเลือกทดลองใช้งานฟรีที่อยู่ด้านบนทางขวาของแถบเมนูเมนูทดลองใช้ Adobe Premiere Pro ฟรี
  3. Adobe มอบตัวเลือกในการดาวน์โหลดแค่เพียงซอฟต์แวร์ Premiere Pro เท่านั้นหรือคุณสามารถทดลองใช้คอลเลกชัน Adobe Creative Cloud ทั้งหมดด้วยตัวเองได้ แพ็กเกจนี้รวมโปรแกรมอย่าง Photoshop, InDesign, Illustrator, Acrobat Pro, Lightroom และอื่น ๆ อีกมากมาย ในทั้งสองกรณี จะมีการติดตั้ง Creative Cloud บนคอมพิวเตอร์ของคุร ผมดาวน์โหลดแค่ซอฟต์แวร์ Premiere Pro เท่านั้น แต่คำแนะนำนั้นจะเหมือนกันสำหรับทั้งสองตัวเลือก หลังจากที่คุณตัดสินใจได้แล้ว ให้คลิกที่ปุ่มเริ่มใช้เวอร์ชันทดลองใช้งานฟรีเริ่มทดลองใช้ Premiere Pro ฟรี
  4. ไม่ว่าคุณจะมีบัญชีกับ Adobe อยู่แล้วหรือไม่มี คุณก็จะต้องกรอกที่อยู่อีเมลของคุณ นี่จะเป็นชื่อผู้ใช้ที่คุณจะต้องใช้เพื่อลงชื่อเข้าใช้บัญชี Premiere Pro ของคุณ
  5. แม้ว่า Adobe เปิดให้บริการในรูปแบบของเวอร์ชันทดลองใช้งานฟรี 7 วัน แต่คุณก็จะต้องกรอกข้อมูลบัตรเครดิตหรือ PayPal ของคุณ คุณจะไม่ถูกเรียกเก็บเงินจนกว่าจะสิ้นสุดระยะเวลาทดลองใช้งานแล้วทดลองใช้ฟรี Premiere Pro
  6. ระบบจะแจ้งให้คุณกรอกรหัสผ่านใหม่ รหัสผ่านจะต้องมีความยาวระหว่าง 8-20 ตัวอักษร เมื่อคุณกรอกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้กดที่ปุ่มดำเนินการต่อ
  7. ระบบจะดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้ง Creative Cloud ลงบนคอมพิวเตอร์ของคุณ
  8. เมื่อดาวน์โหลดเสร็จแล้ว ให้เปิดไฟล์ติดตั้งเพื่อเริ่มการติดตั้ง
  9. กรอกรหัสผ่านใหม่ของคุณและระบบจะเริ่มติดตั้ง Creative Cloud บนคอมพิวเตอร์ของคุณโดยอัตโนมัติ
  10. เมื่อติดตั้ง Creative Cloud เสร็จเรียบร้อยแล้ว ตัวติดตั้งจะเริ่มติดตั้ง Premiere Pro ทันที หากคุณเลือกติดตั้งแอป the Creative Cloud ทั้งหมด ระบบจะเริ่มดำเนินการติดตั้งโปรแกรมเหล่านั้นทีละโปรแกรม

ดาวน์โหลด Adobe Premiere Pro ฟรี

ภาพรวมของ Adobe Premiere Pro

Adobe Premiere Pro เป็นโปรแกรมตัดต่อวิดีโอมาตรฐานอุตสาหกรรม ใคร ๆ ตั้งแต่นักสร้างภาพยนตร์มือสมัครเล่นและนักเรียนไปจนถึงมืออาชีพด้านการตลาดและผู้ผลิตภาพยนตร์ต่างก็ใช้โปรแกรมนี้ ตัวโปรแกรมมีกระดานแก้ไขเชิงเส้นหลายแทร็กที่ใช้งานง่ายและคอลเลกชันเครื่องมือมากมาย ในฐานะส่วนหนึ่งของ Adobe Creative Cloud การเพิ่มองค์ประกอบจากซอฟต์แวร์ Adobe อื่น ๆ ไปยังวิดีโอของคุณจึงเป็นเรื่องง่าย

เมื่อไม่นานมานี้มีการเปลี่ยนแปลง Premiere Pro ที่สำคัญทั้งในแง่ของรูปลักษณ์และฟังก์ชันการทำงาน ส่วนเสริมเพิ่มเติมที่น่าสนใจคือเครื่องมือ Auto Reframe, การปรับปรุงความสามารถข้อความ กราฟิกและเสียง, การสนับสนุน Codec มากขึ้นและการเปิดตัวฟีเจอร์ Quick Export เพื่อไฮไลท์การอัปเดตไม่กี่รายการ

เราไม่สามารถรีวิวซอฟต์แวร์นี้ในทุกด้านได้ ดังนั้นเราจะเน้นที่ฟีเจอร์ที่โดดเด่นและการอัปเดตใหม่บางส่วนเท่านั้น

ฟีเจอร์ Adobe Premiere Pro

อัปเดต: มีการปรับปรุงประสิทธิภาพใน Premiere Pro เวอร์ชันล่าสุดเยอะมากโดยประสิทธิภาพของไทม์ไลน์รวดเร็วขึ้นสูงสุดถึง 5 เท่า นี่เป็นเพราะปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ซึ่งรวมถึง:

  • กลไกการเรนเดอร์ไทม์ไลน์ใหม่: ทำงานร่วมกันกับโครงงานขนาดใหญ่และซับซ้อนมากยิ่งขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภพมากขึ้น
  • ปรับปรุงการเร่งความเร็ว GPU: สิทธิ์ในการเข้าถึงการดำเนินการเพิ่มเติม เช่น การเรนเดอร์ไทม์ไลน์และการประมวลผลเอฟเฟกต์
  • การปรับปรุงเมมโมรี่: สามารถช่วยยกระดับประสิทธิภาพในระบบที่มีเมมโมรี่จำกัดได้

ด้วยการอัปเกรดเหล่านี้ การทำงานมากมายให้เสร็จ ซึ่งรวมถึงการส่งออกที่มีความละเอียดสูงและฟุตเทจเฟรมเรทสูง การเรนเดอร์โครงงานที่ความซับซ้อนที่มีเอฟเฟกต์มากมายและเปิดและบันทึกโครงงานจึงเป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น

ในขณะที่ซอฟต์แวร์มีฟีเจอร์สำหรับมืออาชีพมากมายและต้องใช้เวลาสักพักในการทำความคุ้นเคย แต่ผมก็สามารถใช้ Premiere Pro ได้ โชคดีที่ Adobe มีแหล่งข้อมูลที่มีประโยชน์มากมายในการช่วยเหลือบุคคลตั้งแต่ผู้ที่ต้องการสร้างภาพยนตร์ไปจนถึงผู้เชี่ยวชาญด้าการตลาดในการใช้เครื่องมือเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้บรรลุผลตามที่ต้องการ

Premiere Pro มีคู่มือสองประเภท; ประเภทแรกที่เปิดในแอปและประเภทที่เปิดในเบราว์เซอร์ของคุณ ผมพบว่าคำแนะนำในแอปนั้นมีประโยชน์มากที่สุดเนื่องจากมันมอบประสบการณ์ตรงในขณะที่คุณเรียนรู้เทคนิคต่าง ๆ คู่มือบนเบราว์เซอร์จะเป็นแบบคำแนะนำทีละขั้นตอนและวิดีโอที่จะสอนคุณเกี่ยวกับวิธีการใช้งานฟังก์ชันการตัดต่อวิดีโอต่าง ๆค้นพบ Premiere Pro

คู่มือบางส่วนที่คุณสามารถดูได้ในแอป Premier Pro

เครื่องมือตัดต่อสี่ประเภทสำหรับตัดแต่งวิดีโอ

มีวิธีในการตัดต่อวิดีโอใน Premiere Pro อยู่ด้วยกัน 4 วิธี การแก้ไข Ripple และ Roll ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ทำงานร่วมกันกับพื้นที่ว่างระหว่างวิดีโอสองคลิป

  • Roll: เมื่อคุณมีคลิปวิดีโอมากมาย คุณสามารถตัดแต่ง In Point ของวิดีโอแรกและ Out Point ของวิดีโอที่สองได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงความยาวของทั้งสองคลิป
  • Ripple: ปิดช่องว่างทางด้านซ้ายและขวาของวิดีโอที่ตัดแต่งโดยการแก้ไข

ระลอกคลื่น

เครื่องมือ Ripple สามารถปิดช่องว่างระหว่างคลิปวิดีโอทั้งสองคลิปได้

เครื่องมือ Slide และ Slip คือเครื่องมือสำคัญสำหรับการปรับแต่งการตัดต่อทั้งสองคลิปตามลำดับของคลิปวิดีโอสามคลิป

  • Slide: เมื่อคุณใช้การแก้ไข Slide เพื่อย้ายคลิปวิดีโอจากทางขวาหรือซ้าย มันจะตัดคลิปที่เลื่อนไปโดยอัตโนมัติ
    Slip: เปลี่ยนจุด In and Out ของคลิปด้วยจำนวนเฟรมที่เท่ากันในทั้งสองทิศทาง เครื่องมือ Slip จะเปลี่ยนเฟรมเริ่มต้นและเฟรมสุดท้าย แต่จะไม่เปลี่ยนระยะเวลาของคลิปหรือส่งผลต่อคลิปวิดีโอโดยรอบ

เครื่องมือสลิป

การใช้เครื่องมือ Slip เพื่อแก้ไขตรงกลางของคลิปวิดีโอ

แม้ว่า Slip และ Slide โดยทั่วไปแล้วจะถูกใช้ตรงกลางของคลิป แต่ทั้งสองเครื่องมือต่างก็ทำงานได้โดยที่คลิปวิดีโอเป็นคลิปแรกหรือคลิปสุดท้ายในลำดับ

Scene Edit Detection ใช้ AI เพื่อทำให้กระบวนการแก้ไขง่ายขึ้น

Scene Edit Detection คือฟีเจอร์ใหม่ใน Adobe Premiere Pro ที่ใช้ AI ในการตรวจจับการเปลี่ยนแปลงฉากในวิดีโอโดยอัตโนมัติ ฟีเจอร์นี้อาจมีประโยชน์สำหรับการตัดต่อวิดีโอที่มีการเปลี่ยนแปลงฉากมากมาย เช่น รายงานข่าว สารคดีและมิวสิกวิดีโออย่างง่ายดายและรวดเร็ว

เพื่อใช้ Scene Edit Detection ง่าย ๆ เพียงเลือกคลิปวิดีโอที่คุณต้องการวิเคราะห์ จากนั้นคลิกที่ปุ่ม Scene Edit Detection ในแถบเครื่องมือ แล้ว Premiere Pro จะดำเนินการวิเคราะห์คลิปวิดีโอและตรวจจับการเปลี่ยนแปลงฉากทั้งหมดให้

หลังจากที่มีการตรวจพบการเปลี่ยนแปลงฉากแล้ว คุณจะสามารถเพิ่มจุดในการเปลี่ยนแปลงฉากแต่ละฉากได้โดยการคลิกที่ปุ่ม Add Cut Points จากนั้น Premiere Pro จะเพิ่มจุดตัดในการเปลี่ยนแปลงฉากแต่ละฉากให้โดยอัตโนมัติ

คุณยังสามารถปรับความละเอียดอ่อนของฟีเจอร์ Scene Edit Detection ได้โดยการใช้แถบเลื่อน Sensitivity ในแผงควบคุม Scene Edit Detection ได้อีกด้วย ความละเอียดอ่อนที่สูงขึ้นจะทำให้ตรวจจับการเปลี่ยนแปลงฉากได้มากขึ้น

นี่คือเคล็ดลับสำหรับการใช้ Scene Edit Detection บางส่วน:

  • ใช้ Scene Edit Detection ใน videos ที่มีการเปลี่ยนแปลงฉากเยอะ เช่น รายงานข่าว สารคดีและมิวสิกวิดีโอ
  • หลีกเลี่ยงการใช้ Scene Edit Detection ในวิดีโอที่มีการเคลื่อนไหวเยอะหรือซับซ้อนมาก ๆ สิ่งนี้อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่แม่นยำ
  • ลองใช้การตั้งค่าต่าง ๆ สำหรับ Scene Edit Detection เพื่อหาสิ่งที่เหมาะกับฟุตเทจของคุณมากที่สุด
  • ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงฉากที่ตรวจพบก่อนที่คุณจะปรับใช้มันกับวิดีโอของคุณเพื่อให้มั่นใจว่าคุณพึงพอกับผลลัพธ์นั้นจริง ๆ

ประหยัดเวลาด้วยการแก้ไขตามข้อความ

การแก้ไขตามข้อความคือฟีเจอร์ใหม่ใน Adobe Premiere Pro ที่ให้คุณสร้างการตัดต่อวิดีโอของคุณแบบคร่าว ๆ โดยการกรอกข้อความหรือคำสั่ง จากนั้นซอฟต์แวร์จะใช้ AI เพื่อสร้างการตัดต่อแบบคร่าว ๆ ตามคำสั่งโดยอัตโนมัติ ฟีเจอร์นี้ยังไม่พร้อมใช้ในฐานะเครื่องมือตัดต่อสุดท้ายสำหรับโครงงานสำคัญหรือวิดีโอแบบมืออาชีพ แต่ถึงอย่างนั้น การแก้ไขตามข้อความก็มีประโยชน์สำหรับการสร้างวิดีโอสำหรับโซเชียลมีเดียหรือขอคำเสนอแนะเกี่ยวกับวิดีโอก่อนที่ผมจะเริ่มตัดต่อคลิปโดยละเอียด

เพื่อใช้การตัดต่อตามข้อความ ง่าย ๆ เพียงสร้างลำดับใหม่ใน Premiere Pro และจากนั้นให้คลิกที่ปุ่มการแก้ไขตามข้อความในแถบเครื่องมือ สิ่งนี้จะเปิดแผงควบคุมการแก้ไขตามข้อความขึ้นมา หลังจากที่แผงควบคุมปรากฏขึ้นมา ให้กรอกข้อความสำหรับวิดีโอของคุณ จากนั้น Premiere Pro จะสร้างการตัดต่อวิดีโอของคุณแบบคร่าว ๆ ตามข้อความของคุณขึ้นมา

จากนั้นคุณก็สามารถแก้ไขการตัดต่อคร่าว ๆ ใน Premiere Pro ได้หากจำเป็น ตัวอย่างเช่น คุณสามารถเพิ่มคลิปวิดีโอ ตัดแต่งคลิปวิดีโอและปรับแต่งเวลาของคลิปวิดีโอได้ หลังจากที่คุณดำเนินการตัดต่อคร่าว ๆ เสร็จแล้ว คุณก็สามารถส่งออกไฟล์วิดีโอดังกล่าวหรืออัปโหลดไปยังเว็บโฮสต์วิดีโอได้

ปรับแต่งมิติของวิดีโอโดยอัตโนมัติด้วย Auto Reframe

แม้ว่ามันคงจะเป็นเรื่องที่สะดวกสบายหากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั้งหมดตกลงกันเรื่องขนาดมาตรฐานสำหรับวิดีโอคลิปได้ แต่ก็ฟังดูไม่น่าจะเป็นไปได้ที่มาตรฐานนั้นจะเกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้ การสร้างวิดีโอที่น่าสนใจที่เหมาะกับมิติของแพลตฟอร์มต่าง ๆ อย่าง Facebook, Twitter, TikTok, Instagram และอื่น ๆ จึงเป็นงานที่ท้าทาย

เครื่องมือ Auto Reframe ได้รับการออกแบบมาเพื่อทำให้การปรับแต่งอัตราส่วนของวิดีโอของคุณเป็นเรื่องง่ายโดยไม่ต้องฟอร์แมตวิดีโอใหม่

ด้วยการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง Premiere Pro สามารถวิเคราะห์วิดีโอและดำเนินการปรับแต่งให้ได้โดยไม่ต้องสละวัตถุสำคัญหรือตัดหัวบุคคลหรือวัตถุรอบ ๆ ขอบวิดีโอออกไป

เรื่องสำคัญที่ควรทราบก็คือนี่ยังเป็นการอัปเดตใหม่และยังทำงานได้ไม่สมบูรณ์แบบนัก ฟีเจอร์นี้ทำงานได้ดีที่สุดกับวัตถุที่อัลกอริทึม Auto Reframe สามารถระบุได้ถูกต้อง ลองดูวิดีโอก่อนที่ดำเนินการตัดต่อสุดท้ายและหากต้องการ คุณสามารถดำเนินการเปลี่ยนแปลงเฟรมเล็กน้อยเพื่อทำให้วิดีโอออกมาสมบูรณ์แบบได้ ในกรณีส่วนใหญ่ ผมไม่พบปัญหาอะไรกับวิดีโอที่ผมสร้างและผมพบว่าฟีเจอร์นี้ช่วยประหยัดเวลาได้อย่างมาก

เพื่อเปิดเครื่องมือ Auto Reframe ให้คลิกที่ปุ่ม Sequence ที่แถบเมนูที่ด้านบนของหน้าและคลิกที่ตัวเลือก Auto Reframe Sequence สิ่งนี้จะเปิดกล่องข้อความขึ้นมา และคุณก็สามารถเลือกขนนาดที่กำหนดไว้ล่วงหน้าหรือเลือกมิติแบบกำหนดเองได้ปรับเฟรมใหม่อัตโนมัติ

การตั้งค่ามิติ Auto Reframe

ทรานสิชันและเอฟเฟกต์มืออาชีพ

Premiere Pro มีทรานสิชันวิดีโอมากกว่า 40 รายการเพื่อให้สามารถข้ามจากคลิปวิดีโอหนึ่งไปยังอีกคลิปหนึ่งได้อย่างราบรื่น หากคุณรู้สึกว่าคุณต้องการทรานสิชันเพิ่ม คุณก็สามารถติดตั้งปลั๊กอินทรานสิชันเพื่อความหลากหลายที่มากขึ้นหรือสร้างทรานสิชันแบบกำหนดเองได้ใน Adobe After Effect และอัปโหลดทรานสิชันผ่านคลังข้อมูล Creative Cloud

ฟีเจอร์ Transitions เสนอฟังก์ชันการลากและวางที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ เพื่อเข้าถึงฟีเจอร์นี้ ให้ไปยังเมนู Effects ที่อยู่ทางด้านซ้ายของไทม์ไลน์ของคุณและหาโฟลเดอร์ Transition Effect จากนั้นก็สามารถลากและวางไฟล์ที่ต้องการที่จุดเริ่มต้นหรือจุดสิ้นสุดของคลิปวิดีโอของคุณได้อย่างง่ายดาย เพื่อตรวจสอบการทำงานของทรานสิชัน ง่าย ๆ เพียงกดเล่นคลิปวิดีโอและดูทรานสิชันได้ในตัวอย่างวิดีโอการเพิ่มเอฟเฟกต์

ลากและวางทรานสิชันบนคลิปวิดีโอของคุณ

Premiere Pro มาพร้อมกับเอฟเฟกต์วิดีโอทั้งหมดที่คุณต้องมีเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องแสง เปลี่ยนสีและเครื่องมือแก้ไขเพื่อให้มั่นใจว่าทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบ

ในการอัปเดตล่าสุด Adobe ได้เพิ่มฟีเจอร์ Warp Stabilize ที่รวมอยู่ใน After Effects เพื่อแก้ไขคลิปวิดีโอที่สั่นเข้ามา มีตัวเลือกต่าง ๆ มากมายที่คุณสามารถใช้เพื่อทำวิดีโอของคุณเสถียรได้ ซึ่งรวมถึงการตัดวิดีโอ การเลือกว่าคุณต้องการให้วิดีโอของคุณราบรื่นมากแค่ไหนและปรับขนาดเส้นขอบอัตโนมัติ

Morph Cut ทำให้การตัดต่อแบบข้ามไปข้ามมาราบรื่นด้วย AI

ฟีเจอร์ Morph Cut ใน Adobe Premiere Pro คือทรานสิชันตัดต่อวิดีโอที่ช่วยในการสร้างวิดีโอที่สวยงามของผู้คนที่พูดคุยกันโดยทำให้การตัดต่อระหว่างเสียงแทรกต่าง ๆ ราบรื่นขึ้น ความท้าทายทั่วไปทั่มาพร้อมกับการแก้ไขฟุตเทตคือ “นักวิพากย์วิจารณ์ทางทีวี” ที่อาจพูดติดอ่าง ใช้คำเดิมบ่อย ๆ หรือพูดไม่สัมพันธ์กัน สิ่งนี้อาจนำไปสู่การตัดแบบข้ามไปข้ามมาในวิดีโอสุดท้าย ซึ่งอาจทำให้วิดีโอออกมาไม่ต่อเนื่องกันและดูไม่เป็นมืออาชีพ

ฟีเจอร์ Morph Cut ใช้ AI ในการวิเคราะห์ฟุตเทจวิดีโอและสร้างทรานสิชันที่ราบรื่นระหว่างคลิปวิดีโอทั้งสองคลิปโดยอัตโนมัติ ทรานสิชันนี้ถูกสร้างขึ้นโดยปรับเปลี่ยนคลิปวิดีโอทั้งสองเข้าด้วยกัน ซึ่งช่วยปิดบังการตัดต่อแบบข้ามไปข้ามมา

เพื่อใช้ฟีเจอร์ Morph Cut ง่าย ๆ เพียงเลือกคลิปวิดีโอที่คุณต้องการจะทรานสิชันระหว่างวิดีโอมาสองคลิป จากนั้นให้คลิกที่ปุ่ม Morph Cut ที่แถบเครื่องมือ Premiere Pro จะสร้างทรานสิชันขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด คุณควรใช้ฟีเจอร์ Morph Cut ในคลิปที่มีความยาวและองค์ประกอบที่คล้ายกัน สิ่งนี้จะช่วยในการทำให้การสร้างทรานสิชันราบรื่นมากขึ้น นอกจากนี้ อย่าใช้คลิปที่มีการเคลื่อนไหวเยอะเนื่องจากมันอาจทำให้ทรานสิชันออกมาขาด ๆ หาย ๆ

สร้างวิดีโอ VR Ready 360 องศา

Premiere Pro เปิดให้ผู้ใช้สร้างวิดีโอแบบ 360 องศาที่ขั้นกันได้กับอุปกรณ์ VR มากมาย ด้วยซอฟต์แวร์นี้ คุณจะได้รับความยืดหยุ่นในการปรับแต่งมุมมอง โดยทำให้มั่นใจได้ว่าไม่มีการมองข้ามรายละเอียดที่สำคัญไป ยิ่งไปกว่านั้น คุณยังสามารถรวมองค์ประกอบ 3 มิติเข้าไปในวิดีโอเพื่อรองรับผู้ชมที่ไม่มีอุปกรณ์ VR แม้ว่าผู้ชมจะต้องสวมแว่นตาสีแดงและสีน้ำเงินเพื่อสัมผัสประสบการณ์เอฟเฟกต์ที่สมจริงอย่างเต็มที่ก็ตาม

เมื่อคุณผลิตวิดีโอ อย่าลืมตรวจสอบให้มั่นใจว่าแท็กวิดีโอเป็นวิดีโอ 360 องศาเพื่อที่เว็บไซต์อย่าง Facebook และ YouTube จะได้เข้าใจและปฏิบัติต่อวิดีโดดังกล่าวเป็นวิดีโอแบบ 360 องศา

การแก้ไขมุมมองกล้องหลายตัว

ไม่มีขีดจำกัดจำนวนมุมกล้องที่คุณแก้ไขได้ด้วย Premiere Pro ไฮไลท์คลิปวิดีโอที่คุณต้องการแก้ไขและเปิดลำดับแหล่งที่มาแบบหลายกล้อง ซอฟต์แวร์จะซิงค์คลิปต่าง ๆ ตามปัจจัยมากมาย รวมถึงเสียงโดยอัตโนมัติ ซึ่งมีประโยชน์ในกรณีที่ไม่มีการประทับเวลาภายใน การแก้ไขมุมมองกล้องหลายตัวจะมอบความสามารถในการเปลี่ยนมุมมองของวิดีโอแก่คุณในขณะที่เล่นไฟล์เดิม หลังจากที่คุณเลือกมุมที่คุณต้องการได้แล้ว คุณก็สามารถทำการแก้ไขทั้งหมดที่คุณต้องการเพื่อทำให้ฉากสมบูรณ์ได้

ปรับแต่งสี

Adobe นำเสนอ Lumetri Color Tools ใน Premiere Pro ฟีเจอร์นี้มอบความยืดหยุ่นอันน่าเหลือเชื่อแก่นักตัดต่อวิดีโอเมื่อต้องปรับแต่งสีเพื่อกำหนดโทนของวิดีโอ คุณสามารถเปลี่ยนสมดุลสีขาว เพิ่มหรือลดการเปิดรับแสงและเพิ่มไฮไลท์และเงาผ่านคีย์เฟรมได้

เครื่องมือ Lumetri ยังมีตัวกรองสำหรับวิดีโอที่ให้คลิปของคุณดูเป็น HDR, เปลี่ยนเป็นสไตล์วินเทจหรือเพียงแค่ค้นหาการผสมสีที่ดีกว่าที่ปรากฏบนหน้าจอตามธรรมชาติได้Lumetri

ใช้ตัวกรอง Lumetri เพื่อปรับแต่งว่าคุณต้องการให้คลิปวิดีโอของคุณดูเป็นอย่างไร

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ Premiere Pro เพิ่งเพิ่มเข้ามาเมื่อไม่นานมานี้คือ Color Match เปิดใช้งานฟีเจอร์นี้เมื่อต่อคลิปวิดีโอตั้งแต่สองคลิปขึ้นไปเข้าด้วยกัน โดยฟีเจอร์นี้จะวิเคราะห์สีในแต่ละคลิปและจับคู่สีให้เข้ากันเพื่อหลีกเลี่ยงความไม่สอดคล้องกัน

ตัวเลือกข้อความและการพิมพ์ที่หลากหลาย

การผลิตวิดีโอและการแก้ไขไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับคลิปวิดีโอ คุณยังต้องมีฟอนต์และตัวเลือกการพิมพ์ที่เหมาะสมเพื่อทำให้โครงงานของคุณดูดีและมีสไตล์แบบที่คุณต้องการ ข้อความอาจถูกใช้เพื่อแนะนำวิดีโอ ระบุผู้พูด แสดงข้อมูลและสร้างความสนใจเชิงภาพได้

เพื่อเพิ่มข้อความในวิดีโอของคุณใน Premiere Pro คุณสามารถใช้เครื่องมือ Text ได้ เครื่องมือ Text อยู่ที่แถบเครื่องมือ เพื่อใช้เครื่องมือ Text ง่าย ๆ เพียงคลิกบนหน้าจอที่คุณต้องการเพิ่มข้อความและเริ่มพิมพ์ได้เลย

หลังจากที่คุณเพิ่มข้อความไปยังวิดีโอของคุณเรียบร้อยแล้ว คุณสามารถปรับแต่งมันโดยใช้แผงควบคุม Text ได้ แผงควบคุม Text อยู่ที่หน้าต่าง Essential Graphics และฟีเจอร์นี้จะให้คุณเปลี่ยนฟอนต์ ขนาด สีและคุณลักษณะอื่น ๆ ของข้อความได้ คุณยังสามารถเพิ่มเอฟเฟกต์ไปยังข้อความของคุณใน Premiere Pro ได้อีกด้วย ง่าย ๆ เพียงเลือกเลเยอร์ข้อความใน Timeline จากนั้นให้คลิกที่แท็บ Effects ซึ่งระบุรายการเอฟเฟกต์ทั้งหมดที่คุณสามารถเพิ่มให้กับข้อความของคุณได้

หากคุณมีบริษัท คุณคงอยากใช้ฟอนต์เดียวกันกับแบรนด์ของคุณเพื่อความเสถียรและการจดจำแบรนด์ หากไม่ฟอนต์ของคุณติดตั้งไว้ใน Premiere Pro คุณก็สามารถติดตั้งฟอนต์ดังกล่าวลงในคอมพิวเตอร์ของคุณได้ จากนั้นฟอนต์นี้จะพร้อมให้บริการจากเมนู Font แบบดึงลงในแผงควบคุม Text

นี่คือเคล็ดลับบางส่วนสำหรับการใช้ข้อความและการพิมพ์ใน Premiere Pro:

  • ใช้ฟอนต์ที่อ่านได้ง่าย หลีกเลี่ยงการใช้ฟอนต์ที่เล็กจนเกินไป บางเกินไปหรือหรูหราจนเกินไป
  • ใช้ฟอนต์ที่เหมาะสำหรับโทนสีของวิดีโอของคุณ ตัวอย่างเช่น ใช้ฟอนต์ที่ขวดงวดมากขึ้นสำหรับวิดีโอทางธุรกิจและฟอนต์ที่ดูสนุกสนานมากขึ้นสำหรับวิดีโอส่วนบุคคล
  • ใช้สีข้อความที่ตรงกันข้ามกับพื้นหลัง การทำแบบนี้จะทำให้อ่านข้อความได้ง่ายขึ้น
  • ใช้เอฟเฟกต์เท่าที่จำเป็น เอฟเฟกต์ที่มากเกินไปอาจทำให้ข้อความของคุณดูยุ่งเหยิงและไม่เป็นมืออาชีพ

เครื่องมือตัดต่อเสียงขั้นสูง

ผมพบว่าเครื่องมือตัดต่อเสียงช่วยให้ผมดำเนินการปรับแต่งที่สำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ผมต้องการได้ ฟีเจอร์นี้มีประโยชน์อย่างยิ่งเนื่องจากนั่นหมายความว่าผมไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดอีกโปรแกรมเพื่อแก้ไขเสียง ฟีเจอร์แก้ไขเสียงนี้ทรงพลังมากพอที่จะตอบโจทย์ความต้องการของทั้งนักตัดต่อวิดีโอมืออาชีพและมือสมัครเล่น ฟีเจอร์แก้ไขเสียงที่พบบ่อยที่สุดใน Premiere Pro ได้แก่:

  • การปรับระดับเสียง: Premiere Pro ให้คุณปรับระดับเสียงของคลิปวิดีโอและแทร็กแต่ละรายการได้ คุณยังสามารถใช้เครื่องผสมเสียงเพื่อปรับระดับเสียงโดยรวมของโครงงานของคุณได้อีกด้วย
  • เอฟเฟกต์เสียง: Premiere Pro มีคลังข้อมูลเอฟเฟกต์เสียงที่คุณสามารถเพิ่มไปยังวิดีโอของคุณได้ นอกจากนี้คุณยังสามารถนำเข้าเอฟเฟกต์เสียงของคุณจากแหล่งที่มาอื่น ๆ ได้อีกด้วย
  • การผสมเสียง: Premiere Pro ให้คุณผสมแทร็กเสียงมากมายเข้าด้วยกัน ฟีเจอร์นี้อาจมีประโยชน์สำหรับการสร้างซาวน์แทร็กที่ซับซ้อนสำหรับวิดีโอของคุณ

นอกจากฟีเจอร์แก้ไขเสียงพื้นฐานเหล่านี้แล้ว Premiere Pro ยังมีฟีเจอร์แก้ไขเสียงขั้นสูงอีกมากมาย เช่น:

  • การลดเสียง: ฟีเจอร์นี้จะลดระดับเสียงของแทร็กเสียงหนึ่งลงโดยอัตโนมัติเมื่ออีกแทร็กเสียงหนึ่งกำลังเล่น บ่อยครั้งที่ฟีเจอร์นี้ถูกใช้เพื่อลดระดับเสียงเพลงพื้นหลังตอนที่ใครบางคนกำลังพูดอยู่ในวิดีโอ
  • การปรับเสียงให้เท่านั้น: ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผมปรับแต่งการตอบสนองความถี่ของแทร็กเสียงได้ เราสามารถใช้ฟีเจอร์นี้เพื่อปรับปรุงคุณภาพเสียงของแทร็กเสียงของคุณหรือเพื่อสร้างเอฟเฟกต์เฉพาะได้
  • การบีบอัดเสียง: คุณสามารถลดขนาดของไฟล์เสียงได้โดยไม่ต้องสละคุณภาพมากจนเกินไป ฟีเจอร์นี้อาจมีประโยชน์สำหรับการประหยัดพื้นที่บนฮาร์ดไดร์ฟของคุณหรือสำหรับการสตรีมมิ่งวิดีโอออนไลน์

ตัวเลือกการส่งออกไฟล์มากมาย

มีตัวเลือกการส่งออกไฟล์มากมายใน Premiere Pro ซึ่งให้คุณส่งออกวิดีโอของคุณในสกุลไฟล์และการตั้งค่าต่าง ๆ ได้ นี่คือตัวเลือกที่พบบ่อยมากที่สุดบางส่วน:

  • สกุลไฟล์: คุณสามารถส่งออกวิดีโอในสกุลไฟล์ต่าง ๆ ได้ รวมถึง MP4, MOV, AVI และ WMV สกุลไฟล์ที่คุณเลือกจะขึ้นอยู่กับว่าคุณวางแผนจะแบ่งปันวิดีโอของคุณที่ไหน
  • ขนาดกรอบ: Premiere Pro ช่วยให้คุณส่งออกวิดีโอในขนาดกรอบที่แตกต่างกันได้ รวมถึง 1920×1080 (HD), 3840×2160 (4K) และ 7680×4320 (8K) ขนาดของกรอบที่คุณเลือกจะขึ้นอยู่ความละเอียดของฟุตเทจวิดีโอของคุณและอุปกรณ์ที่คุณวางแผนจะเล่นวิดีโอนี้
  • เฟรมเรท: มีเฟรมเรทมากมายที่ใช้งานได้ รวมถึง 24fps, 25fps, 30fps และ 60fps เฟรมเรทที่คุณเลือกจะขึ้นอยู่กับประเภทของวิดีโอที่คุณกำลังสร้าง
  • บิตเรท: บิตเรทกำหนดคุณภาพและขนาดไฟล์ของวิดีโอของคุณ บิตเรทที่สูงจะทำให้วิดีโอมีคุณภาพที่สูงขึ้น แต่ก็ส่งผลให้ไฟล์มีขนาดใหญ่ขึ้นด้วย บิตเรทที่คุณเลือกจะขึ้นอยู่กับว่าคุณวางแผนจะแบ่งปันวิดีโอของคุณที่ไหน

นอกจากตัวเลือกการส่งออกพื้นฐานเหล่านี้แล้ว Premiere Pro ยังเสนอตัวเลือกการส่งออกขั้นสูงมากมาย เช่น ความสามารถในการส่งออกวิดีโอที่มี Codec และโปรไฟล์แบบกำหนดเอง คุณยังสามารถส่งออกวิดีโอที่มแทร็กเสียงและคำบรรยายมากมายได้อีกด้วย

หลังจากที่คุณเลือกการตั้งค่าการส่งออกแล้ว ให้คลิกที่ปุ่ม Export จาก Premiere Pro จะเริ่มส่งออกวิดีโอของคุณ ระยะเวลาการส่งออกจะแตกต่างกันไปตามความยาวของวิดีโอและการตั้งค่าการส่งออกที่คุณเลือกเอาไว้

หลังจากที่กระบวนการส่งออกดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณจะพบวิดีโอที่ส่งออกมาในตำแหน่งที่คุณระบุไว้ในหน้าต่าง Export Settings

ความง่ายในการใช้งาน

Premiere Pro เป็นโปรแกรมที่ซับซ้อนที่มีเครื่องมือขั้นสูงมากมาย การเรียนรู้การใช้งานนั้นจะเป็นเรื่องง่ายอย่างมากหากคุณมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการตัดต่อวิดีโออยู่บ้างแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น ในส่วนของเครื่องมือตัดต่อ เราสามารถใช้งานได้ง่าย ๆ และหากคุณมีความรู้พื้นฐาน คุณก็น่าจะทำความคุ้นเคยกับเครื่องมือพื้นฐานและขั้นสูงได้อย่างรวดเร็ว

หากคุณไม่มีความรู้หรือพื้นฐานในการตัดต่อวิดีโอเลย ผมขอแนะนำให้ใช้ประโยชน์จากคู่มือข้อมูลเชิงลึกที่ Premiere Pro มีให้บริการ นอกจากนี้ยังมีคู่มือทั้งภายในแอปที่จะมอบประสบการณ์โดยตรงกับคุณและคู่มือผ่านเบราว์เซอร์ที่ใช้วิดีโอในการแนะนำคุณเกี่ยวกับเทคนิคการตัดต่อต่าง ๆ

หนึ่งในเรื่องดีเกี่ยวกับ Premiere Pro คือมันเข้ากันได้กับแอป Creative Cloud อื่น ๆ การออกแบบงานศิลปะใน Photoshop หรือ Illustrator หรือสร้างทรานสิชันหรือเอฟเฟกต์ดิจิทัลใน After Effects และอัปโหลดมันไปยังคลังข้อมูล CC ของคุณ จากนั้นก็นำเข้าองค์ประกอบเหล่านี้เข้ามายังวิดีโอของคุณจะกลายเป็นเรื่องง่าย ๆ

อินเทอร์เฟซ

Premiere Pro ใช้เลย์เอาท์ธีมมืดเดียวกันกับซอฟต์แวร์ Adobe อื่น ๆ ผมพบว่ามันยากในตอนแรก แต่มันช่วยให้ผมมีสมาธิอยู่กับงาน ไม่ใช่อยู่ที่แถบเครื่องมือและแผงควบคุมที่ยุ่งวุ่นวาย

เราสามารถปรับแต่งเวิร์กสเตชันได้โดยสมบูรณ์และคุณก็สามารถเลือกเครื่องมือที่คุณต้องการในแถบเมนูเพื่อการเข้าถึงอย่างรวดเร็วได้อีกด้วย เวิร์กสเตชันเริ่มต้นประกอบไปด้วยส่วนต่าง ๆ สี่ส่วน:

  • ตัวอย่างต้นฉบับที่มุมด้านซ้ายบน
  • ตัวอย่างโครงงานที่มุมขวาด้านบน
  • มีการจัดระเบียบองค์ประกอบของโครงงานที่มุมซ้ายล่าง
  • ไทม์ไลน์วิดีโอหลายแทร็กอยู่ที่มุมขวาล่าง

อินเทอร์เฟซ Premiere Pro

แผงควบคุมทั้งสี่ของเวิร์กสเตชันเริ่มต้น

นอกจากเวิร์กสเตชันเริ่มต้นแล้ว Premiere Pro ก็มีเวิร์กสเตชันที่กำหนดไว้ล่วงหน้าอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น Assembly, Editing, Color, Effects, Audio และ Titles แต่ละเวิร์กสเตชันจะมีเครื่องมือที่แตกต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับประเภทของงานที่คุณกำลังทำ การสลับเปลี่ยนไปยังเวิร์กสเตชันต่าง ๆ ในขณะที่ทำงานในโครงงานของคุณนั้นไม่ใช่เรื่องยาก ระบบได้สร้างรายการเวิร์กสเตชันเอาไว้ให้ที่แถบเมนูด้านบน และเมื่อคุณคลิกที่เวิร์กสเตชันดังกล่าว ซอฟต์แวร์จะดำเนินการเปลี่ยนเลย์เอาท์ ปรับแต่งแผงควบคุมที่มองเห็นได้และเครื่องมือของคุณโดยอัตโนมัติเวิร์กสเตชัน

หาเวิร์กสเตชันที่เหมาะกับโครงงานของคุณมากที่สุด

มันจะไม่ส่งผลกระทบต่อผลงานที่คุณทำเสร็จแล้ว แค่เปลี่ยนสิทธิ์ในการเข้าถึงเครื่องมือและแผงควบคุมที่ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว

อินเทอร์เฟซมีความยืดหยุ่นสูงและทำงานด้วยความสามารถแบบลากและวาง คุณสามารถย้ายแผงควบคุมไปรอบ ๆ, ฝังหรือยกเลิกการฝังมันและเพิ่มหรือลบเครื่องมือในเมนูต่าง ๆ เพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงานของคุณและประหยัดเวลาในการค้นหาเครื่องมือหรือฟีเจอร์ที่เฉพาะเจาะจง

วิธียกเลิกการติดตั้ง Adobe Premiere Pro

ในตอนสิ้นสุดระยะเวลาทดลองใช้งานฟรี คุณก็สามารถยกเลิกการติดตั้ง Adobe Premiere Pro ได้ในขั้นตอนง่าย ๆ ไม่กี่ขั้นตอน

  1. พิมพ์ Add or Remove Programs ในแถบค้นหาของ Windows และกดที่ปุ่ม Enter
  2. หา Adobe Premiere Pro ในรายการของโปรแกรมที่ติดตั้งและกดปุ่มยกเลิกการติดตั้งถอนการติดตั้ง Adobe Pro
  3. แอป Adobe Creative Cloud จะปรากฏขึ้นมาและถามว่าคุณต้องการบันทึกการตั้งค่า Premiere Pro ของคุณบนคอมพิวเตอร์เอาไว้หรือไม่ ให้เลือกใช่หรือไม่
  4. หน้าต่างยกเลิกการติดตั้ง Adobe จะทำงานและลบ Premiere Pro ออกจากอุปกรณ์ของคุณโดยสมบูรณ์

วิธียกเลิกบัญชี Adobe Premiere Pro ของคุณ

เมื่อคุณยกเลิกบัญชีของคุณ คุณจะสูญเสียสิทธิ์ในการเข้าถึง Premiere Pro ทันที นี่หมายความว่าคุณจะต้องยกเลิกบัญชีของคุณเฉพาะตอนที่คุณไม่ต้องการใช้งานอีกต่อไปแล้ว ปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อยกเลิกบัญชีของคุณ (หากคุณไม่อยากถูกเรียกเก็บเงิน อย่าลืมปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้ก่อนที่ระยะเวลาทดลองใช้งานจะสิ้นสุดลง)

  1. ไปที่ Adobe.com และลงชื่อเข้าใช้บัญชีของคุณ
  2. คลิกที่แท็บ Plans ที่แถบเมนูยกเลิก Adobe 1
  3. คลิกที่ Manage Plansจัดการแผน Adobe Premiere Pro
  4. กดที่ปุ่ม Cancel Planยกเลิกแผนอะโดบี
  5. คุณจะต้องตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับเหตุผลว่าทำไมคุณถึงปิดบัญชี คุณสามารถคลิกเลือกคำตอบใดก็ได้และกดที่ปุ่ม Continue
  6. Adobe จะพยายามและสร้างข้อเสนอที่ดีกว่าเพื่อโน้มน้าวให้คุณสั่งซื้อสมาชิก หากคุณไม่สนใจให้กดปุ่มดำเนินการต่อ
  7. ที่ด้านล่างของหน้าคือปุ่ม Confirm กดที่ปุ่มนี้เพื่อยกเลิกบัญชี หลังจากที่ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณจะสูญเสียสิทธิ์ในการเข้าถึง Premiere Pro

แอป Adobe Creative Cloud เพิ่มเติม

  • Adobe Photoshop: ซอฟต์แวร์ตัดต่อดิจิทัลตามพิเซกที่ครบครันมากที่สุดในตลาดมีเครื่องมือที่คุณต้องใช้ในการแปลงรูปภาพใด ๆ ให้เป็นผลงานศิลปะ Photoshop ใช้เลเยอร์เพื่อมอบอิสระให้ผู้ใช้แก้ไขวัตถุแต่ละวัตถุหรือข้อความได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่ออะไรก็ตามในหน้านั้น คุณสามารถเพิ่มเงาและสีหรือตัดส่วนต่าง ๆ ของเลเยอร์ได้โดยไม่ต้องกังวลว่ามันจะส่งผลกระทบต่อรูปภาพทั้งรูป
  • Adobe Illustrator: แตกต่างจาก Photoshop ที่ทำงานร่วมกันกับพิเซก Illustrator เป็นโปรแกรมตัดต่อตามเวกเตอร์ มันมีฟีเจอร์ที่มีประโยชน์อย่าง CSS Extractor Tool เพื่อให้มั่นใจว่าผลงานของคุณออกมาเหมือนกันกับใน Illustrator หลังจากที่คุณเผยแพร่ผลงานแล้วและฟีเจอร์ Color Synchronization ก็ทำให้การจับคู่สีที่มีอยู่ในเอกสารกับผลงานใด ๆ ที่คุณกำลังทำอยู่ได้อย่างง่ายดาย
  • Adobe InDesign: ใช้ InDesign เพื่อผลิตเลย์เอาท์ที่เป็นมืออาชีพทั้งสำหรับสิ่งพิมพ์ดิจิทัลและแบบพิมพ์ ด้วยฟีเจอร์ที่มีประโยชน์อย่างฟังก์ชัน Master Page และเครื่องมือประมวลผลคำพูดภายในตัว คุณจะมีทุกอย่างที่คุณต้องมีเพื่อออกแบบและเผยแพร่หน้าหรือเลย์เอาท์นิตยสารของคุณ

คำถามที่พบบ่อย

Adobe Premiere Pro ฟรีไหม?

Adobe Premiere Pro เป็นส่วนหนึ่งของคอลเลกชันแอป Creative Cloud ที่ต้องสมัครสมาชิก แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้นที่ผมบอกวิธีดาวน์โหลดโปรแกรมดังกล่าวมาใช้งานฟรี 7 วันได้ ช่วงเวลานี้มากเพียงพอให้คุณได้ลองทดสอบซอฟต์แวร์และแม้กระทั่งทำงานโครงงานที่เฉพาะเจาะจงของคุณให้เสร็จ

ฉันสามารถเพิ่มข้อความลงใน Adobe Premiere Pro ได้ไหม

Adobe Premiere Pro มาพร้อมกับฟอนต์นับร้อย ซึ่งรวมถึงคลังข้อมูล Adobe Fonts ฉบับสมบูรณ์และตัวเลือกการพิมพ์ต่าง ๆ มากมาย คุณยังสามารถอัปโหลดฟอนต์แบบกำหนดเองจากคอมพิวเตอร์ของคุณไปมายังเวิร์กสเปซของคุณได้อีกด้วย ดังนั้นคุณจึงสามารถมอบรูปลักษณ์และสไตล์ที่คุณต้องการแก่วิดีโอของคุณได้

หลังจากที่คุณเตรียมฟอนต์ของคุณแล้ว คุณสามารถเพิ่มข้อความลงในวิดีโอของคุณได้โดยการปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้:

  1. เปิด Premiere Pro และสร้างโครงงานใหม่
  2. นำเข้าฟุตเทควิดีโอที่คุณต้องการเพิ่มข้อความ
  3. คลิกที่เครื่องมือ Text ในแถบเครื่องมือ
  4. คลิกที่หน้าจอในตำแหน่งที่คุณต้องการเพิ่มข้อความและเริ่มพิมพ์
  5. ปรับแต่งข้อความโดยใช้แผงควบคุม Text คุณสามารถเปลี่ยนฟอนต์ ขนาด สีและองค์ประกอบอื่น ๆ ของข้อความได้
  6. คุณยังสามารถเพิ่มเอฟเฟกต์ภาพและภาพเคลื่อนไหวในข้อความโดยใช้แท็บ Effects ได้อีกด้วย

จะส่งออกไฟล์วิดีโอใน Adobe Premiere Pro อย่างไร?

Premiere Pro มีตัวเลือกการส่งออกไฟล์มากมาย ดังนั้นคุณจึงสามารถมั่นใจได้เลยว่าวิดีโอของคุณจะมีการตั้งค่าและระดับคุณภาพที่เหมาะสมสำหรับแพลตฟอร์มที่จะเล่นไฟล์ดังกล่าว เพื่อส่งออกวิดีอใน Premiere Pro ง่าย ๆ เพียงไปที่ File > Export > Media สิ่งนี้จะเปิดหน้าต่าง Export Settings ขึ้นมา ในหน้าต่าง Export Settings คุณจะสามารถเลือกสกุลไฟล์ ขนาดของกรอบ เฟรมเรทและบิตเรทสำหรับวิดีโอของคุณได้ นอกจากนี้คุณยังสามารถเลือกตัวเลือกในการส่งออกไฟล์อื่น ๆ เช่น จะส่งออกไฟล์วิดีโอพร้อมเสียงและคำบรรยายหรือไม่

จะตัดวิดีโอใน Adobe Premiere Pro ได้อย่างไร?

เลือกคลิปวิดีโอที่คุณต้องการตัดในแผงควบคุม Timeline และเปิดแผงควบคุม Effects ขึ้นมา หาเอฟเฟกต์ Crop และลากและวางมันลงในคลิปวิดีโอในแผงควบคุม Timeline ตอนนี้คุณก็สามารถปรับแถบเลื่อนเพื่อตัดวิดีโอเป็นขนาดที่คุณต้องการได้แล้ว คุณสามารถดูตัวอย่างวิดีโอที่ตัดได้โดยการโดยการเลื่อนดู Timeline หรือกดสเปซบาร์เพื่อเล่น

จะซูมเข้าใน Adobe Premiere Pro ได้อย่างไร?

เพื่อซูมเข้าในคลิปวิดีโอใน Adobe Premiere Pro ให้เริ่มโดยการเลือกคลิปวิดีโอในแผงควบคุม Timeline จากนั้นให้ไปยังแผงควบคุม Effect Controls และภายในแผงควบคุมดังกล่าว ให้เลื่อนลงมาหาส่วน Transform ขยายส่วน “Transform” เพื่อเปิดเผยการควบคุมที่ใช้งานได้ ที่นี่คุณจะสามารถปรับเอฟเฟกต์การซูมของคุณได้โดยการปรับแถบเลื่อน Scale

นอกจากนี้ คุณยังมีตัวเลือกในการปรับตำแน่งของการซูมโดยใช้การควบคุม Anchor Point ได้อีกด้วย หลังจากที่ได้ระดับซูมและตำแหน่งที่ต้องการแล้ว ง่าย ๆ เพียงกดปุ่ม OK เพื่อยืนยันการตั้งค่าของคุณ

Premiere Pro เข้ากันได้กับโปรแกรม Adobe Creative Cloud อื่น ๆ หรือเปล่า?

หนึ่งในข้อได้เปรียบอย่างยิ่งของการใช้ Premiere Pro แทนโปรแกรมตัดต่อวิดีอื่น ๆ คือมันเข้ากันได้กับชุดเครื่องมือ Adobe ทั้งหมด คุณสามารถตัดต่อรูปภาพใน Photoshop, InDesign, และ Illustrator และผสานรวมไฟล์เหล่านั้นลงในวิดีโอของคุณได้โดยไม่ปัญหา

จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ช่วงเวลาทดลองใช้งาน Adobe Premiere Pro 7 วันสิ้นสุดลง?

คุณจะสามารถใช้ Adobe Premiere Pro ต่อไปใดจนกว่าสมาชิกของคุณจะหมดอายุ เพื่อป้องกันการเรียกเก็บเงินที่ไม่พึงประสงค์ อย่าลืมตรวจสอบให้มั่นใจว่าคุณได้ยกเลิกบัญชีของคุณแล้วก่อนที่ช่วงเวลาทดลองใช้งานฟรีจะสิ้นสุดลง

บทสรุป

Adobe Premiere Pro เป็นซอฟต์แวร์ตัดต่อวิดีโอชั้นนำสำหรับมืออาชีพและมือสมัครเล่น ซอฟต์แวร์มีเครื่องมือทั้งหมดที่คุณต้องมีเพื่อสร้างวิดีโอให้มีรูปลักษณ์ในแบบที่คุณต้องการ เครื่องมือดังกล่าวนั้นรวมถึงกระดานตัดต่อสไตล์ไทม์ไลน์ เครื่องมือสำหรับการตัดแต่งคลิปวิดีโอทั้งสี่เครื่องมือ การตัดต่อเสียง การปรับขนาด การปรับเฟรมและฟีเจอร์ AI ที่สร้างทรานสิชันที่ราบรื่น การจับคู่สี การตัดต่อฉากและอื่น ๆ อีกมากมาย

คุณสามารถทดลองใช้งาน Adobe Premiere Pro ได้ฟรี 7 วันและรับสิทธิ์ในการเข้าถึงฟีเจอร์อันทรงพลังทั้งหมด เวอร์ชันนี้มอบเวลาให้คุณมากพอที่จะทดสอบผลิตภัณฑ์และฟีเจอร์ต่าง ๆ ด้วยตัวเองหรือแม้กระทั่งทำโครงงานตัดต่อวิดีโอเล็ก ๆ สองสามโครงงานให้เสร็จ

ดาวน์โหลด Adobe Premiere Pro ตอนนี้เลย!