Adobe InDesign เป็นหนึ่งในโปรแกรมเลย์เอาท์ออกแบบกราฟิกชั้นนำที่มีเครื่องมือมากมาย มันกลายมาเป็นซอฟต์แวร์ทางเลือกสำหรับทั้งนักศึกษาและมืออาชีพที่กำลังออกแบบเลย์เอาท์สำหรับสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อสิ่งพิมพ์ออนไลน์เชิงโต้ตอบ
แม้ว่ามันจะเป็นซอฟต์แวร์ที่ครอบคลุมที่มาพร้อมกับเครื่องมือที่ซับซ้อน แต่พื้นฐานของ InDesign ก็ไม่ได้ยากขนาดนั้นและค่อนข้างที่จะสร้างความเชี่ยวชาญได้ค่อนข้างง่าย มีบทเรียนและคำแนะนำมากมายที่จะช่วยให้คุณเรียนรู้เครื่องมือที่ซับซ้อนต่าง ๆ อีกมากมายด้วยเช่นกัน
InDesign เป็นส่วนหนึ่งของชุดแอป Creative Cloud ที่ต้องสมัครสมาชิก อย่างไรก็ตามฉันจะแสดงวิธีดาวน์โหลด Adobe InDesign เวอร์ชันฟรี 7 วันให้คุณดูเอง
ลอง Adobe InDesign ฟรีเป็นระยะเวลา 7 วัน!
วิธีดาวน์โหลดและติดตั้ง Adobe InDesign ฟรี
- คลิกที่นี่และหน้าดาวน์โหลด Adobe InDesign อย่างเป็นทางการจะเปิดขึ้นมาในแท็บใหม่
- คลิกลิงก์ Free Trial ที่อยู่ตรงแถบเมนู
- Adobe จะมอบตัวเลือกให้คุณสองตัวเลือก คุณสามารถดาวน์โหลด Creative Cloud ทั้งหมดซึ่งรวมแอปต่าง ๆ กว่า 20 แอป เช่น Photoshop, Illustrator, Acrobat Pro และอื่น ๆ อีกมากมายหรือคุณสามารถเลือกดาวน์โหลดเฉพาะ InDesign อย่างเดียวก็ได้ ในตัวอย่างนี้ฉันเลือกดาวน์โหลดเฉพาะ InDesign แต่ขั้นตอนนั้นก็เหมือนกันในทั้งสองตัวเลือก หลังจากที่คุณเลือกแผนให้บริการเรียบร้อยแล้ว ให้คลิกที่ปุ่ม Start Free Trial
- กรอกที่อยู่อีเมลของคุณและกดดำเนินการต่อหากคุณมีบัญชี Adobe อยู่แล้ว คุณจะได้รับการแจ้งเตือนให้ลงชื่อเข้าใช้หากคุณไม่มีบัญชี
- แม้ว่านี่จะเป็นการทดลองใช้งานฟรีและไม่มีการรับประกันยินดีคืนเงิน แต่ Adobe ก็ยังต้องการให้คุณกรอกข้อมูลชำระเงินของคุณก่อนดำเนินการ เมื่อคุณดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว กดที่ปุ่มยอมรับและดำเนินการต่อ
- หลังจากที่ระบบยืนยันบัตรเครดิตของคุณแล้ว ระบบจะดาวน์โหลดตัวติดตั้ง Creative Cloud ลงคอมพิวเตอร์ของคุณโดยอัตโนมัติ
- เมื่อดาวน์โหลดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้เปิดตัวติดตั้งและกรอกรหัสผ่านของคุณ
- Creative Cloud จะติดตั้งลงบนคอมพิวเตอร์ของคุณ เมื่อดำเนินการติดตั้งเรียบร้อยแล้ว Creative Cloud จะเริ่มดาวน์โหลด InDesign โดยอัตโนมัติ หากคุณเลือกติดตั้งแอป Creative Cloud ทั้งหมด แอปทั้งหมดก็จะได้รับการติดตั้งในตอนนี้ โปรดทราบว่าไฟล์เหล่านี้นั้นมีขนาดใหญ่และอาจใช้เวลาสำหรับการติดตั้งทุกอย่างนานสองสามชั่วโมง
ลอง Adobe InDesign ฟรีเป็นระยะเวลา 7 วัน!
ภาพรวมของ Adobe InDesign
Adobe InDesign กำหนดมาตรฐานสำหรับซอฟต์แวร์ดีไซน์เลย์เอาท์ นักเรียนและผู้เชี่ยวชาญใช้มันเพื่อออกแบบและเผยแพร่โปสเตอร์ โบรชัวร์ส่งเสริมการตลาด นิตยสาร อีบุ๊กและอื่น ๆ อีกมากมาย
ความนิยมส่วนใหญ่นี้เกิดขึ้นเพราะข้อเท็จจริงที่ว่าโปรแกรมนั้นใช้งานง่าย มันมีชุดเครื่องมือสำหรับการแก้ไขเลย์เอาท์ที่ครบครันตั้งแต่หัวเรื่องและฟุตเตอร์ไปจนถึงการปรับขนาดรูปภาพ การแก้ไขไฟล์ PDF และการเลือกจากคอลเลกชัน Adobe Fonts ของตัวเลือกการเรียงพิมพ์
InDesign เป็นส่วนหนึ่งของ Adobe Creative Cloud นี่ทำให้การนำเข้าและอัปโหลดไฟล์ .psd จาก Photoshop, รูปภาพเวกเตอร์จาก Illustrator และไฟล์จากผลิตภัณฑ์ Adobe อื่น ๆ กลายเป็นเรื่องง่าย
อินเทอร์เฟซของ InDesign นั้นคล้ายกันกับเลย์เอาท์ของผลิตภัณฑ์ Adobe อื่น ๆ หากคุณไม่เคยใช้งานผลิตภัณฑ์เหล่านี้มาก่อน อย่าลืมใช้ประโยชน์จากบทเรียนภายในตัวเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการใช้เวิร์กสเปซและเครื่องมือต่าง ๆ
ฟีเจอร์ของ InDesign
อัปเดต: การเผยแพร่ InDesign เวอร์ชันล่าสุดอาจสร้างความแตกต่างอย่างมากเมื่อทำงานร่วมกันกับเอกสารที่มีขนาดใหญ่หรือซับซ้อน นี่คือการปรับปรุงสำคัญบางส่วน:
- ความเร็วโดยรวม: InDesign เวอร์ชันใหม่รวดเร็วกว่าเวอร์ชันก่อนหน้านี้สูงสุดถึง 30%
- การจัดการไฟล์: เปิดและบันทึกไฟล์ขนาดใหญ่ได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้นและทำงานได้อย่างลื่นไหลโดยไม่กระตุกหรือมีอาการค้าง
- การเรนเดอร์: เห็นการเปลี่ยนแปลงเอกสารของคุณเกือบจะโดยทันทีและส่งออกไฟล์ได้รวดเร็วกว่าเมื่อก่อน
- ความเสถียร: อาการค้างหรือข้อผิดพลาดอื่น ๆ น้อยลง
โดยรวมแล้ว การปรับปรุงประสิทธิภาพใน InDesign ทำให้ซอฟต์แวร์มีประสิทธิภาพ การตอบสนองและความเสถียรที่ดีมากยิ่งขึ้น สิ่งนี้สามารถช่วยคุณประหยัดเวลาและสร้างเอกสารที่ดูเป็นมืออาชีพได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น
จุดสนใจหลักของ InDesign คือการมอบเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการสร้างเลย์เอาท์หน้าที่น่าสนใจและเป็นมืออาชีพทั้งหมดกับคุณ
มันเป็นซอฟต์แวร์ที่เต็มไปด้วยฟีเจอร์และเครื่องมือนับร้อยซึ่งมีมากจนฉันไม่สามารถพูดถึงได้หมดในบทความนี้ ฉันจะพูดถึงฟีเจอร์หลัก ๆ สองสามอย่างและพูดถึงเครื่องมือบางส่วนเพื่อช่วยให้คุณเริ่มต้นใช้งานได้ Adobe มีคำแนะนำและคู่มือโดยละเอียดที่คุณสามารถใช้เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องมือและฟังก์ชันที่เฉพาะเจาะจงได้
ทุกสิ่งที่คุณต้องมีเพื่อออกแบบเลย์เอาท์ของคุณ
InDesign มีตัวเลือกเทมเพลตเลย์เอาท์มากมายที่คุณสามารถใช้สำหรับโปรเจกต์ของคุณได้ อย่างไรก็ตามหากคุณต้องการออกแบบเลย์เอาท์ของคุณเอง InDesign ก็มีทุกสิ่งที่คุณต้องมีเพื่อทำให้หน้าของคุณเป็นไปในแบบที่คุณต้องการ
- Master page: ฟีเจอร์ที่ช่วยประหยัดเวลาได้อย่างแท้จริงหากโปรเจกต์ของคุณมีหลายหน้า Master page จะรวมองค์ประกอบที่คุณต้องการให้ปรากฏในหน้าทุกหน้าเอาไว้ ตอนนี้คุณไม่จำเป็นต้องทำงานเดิมซ้ำหลายครั้งหรือคัดลอก/วางจากหน้าไปยังอีกหน้าหนึ่ง
- เพิ่มวัตถุ: เพิ่มทุกสิ่งตั้งแต่หมายเลขหน้า หัวเรื่องและฟุตเตอร์ เส้นแบ่งตอน รูปภาพและองค์ประกอบอื่นใดที่คุณต้องการเพื่อจัดระเบียบเลย์เอาท์ของคุณได้ง่าย ๆ
- การออกแบบเชิงโต้ตอบ: InDesign มีเครื่องมือ a Liquid Layout ที่จะปรับขนาดหน้าโดยอ้างอิงขนาดของหน้าจอที่แสดงผล มันจะปรับองค์ประกอบทั้งหมดในหน้าเมื่อดูบนอุปกรณ์มือถือหรือเปลี่ยนจากโหมดแนวนอนเป็นแนวตั้งให้โดยอัตโนมัติ
- สร้างส่วน: คุณสามารถออกแบบเลย์เอาท์ของคุณได้ตามต้องการด้วยการแบ่งส่วนที่ใช้งานง่าย เพิ่มเส้นได้มากเท่าที่คุณต้องการไม่ว่าจะเป็นรูปสี่เหลี่ยม วงกลม สี่เหลี่ยมผืนผ้า รูปแปดเหลี่ยมหรือคุณแค่ต้องการปรับแต่งทุกอย่างในคอลัมน์ต่าง ๆ ได้ สามารถปรับแต่งส่วนเหล่านี้ได้อย่างเต็มรูปแบบ
- เพิ่มตาราง: คุณสามารถใช้ตารางเพื่อจัดระเบียบเนื้อหาในหน้าของคุณได้ ด้วย InDesign คุณจะสามารถสร้างและออกแบบตารางของคุณเองหรือนำเข้าจากแอปพลิเคชันอื่น ๆ ก็ได้
ตัวเลือกการพิมพ์ที่ยอดเยี่ยม
เมื่อออกแบบสื่อส่งเสริมการขายหรือตีพิมพ์หนังสือ ตัวอักษรจะต้องดูสมบูรณ์แบบยิ่งกว่ารูปภาพ ตัวอักษรจะบอกเรื่องราวของหน้าของคุณและการมีฟอนต์ ขนาดและการออกแบบที่เหมาะสมสามารถสร้างความแตกต่างทำให้คนหยุดเพื่อดูที่ผลงานที่พิมพ์ของคุณหรือมองหาอย่างอื่นต่อ
- จัดการข้อความ: ด้วยการใช้เครื่องมือ Adobe Sensei InDesign ทำให้การจัดการข้อความในแบบที่คุณต้องการเป็นเรื่องง่าย ตั้งแต่ตัวเลือกพื้นฐานอย่างการจัดไปทางซ้าย จัดกึ่งกลางหรือซ้ายสุดไปจนถึงเทคนิคขั้นสูงกว่า เช่น การพันไปรอบ ๆ รูปภาพหรือวัตถุ
- ฟอนต์: ไม่เพียงแต่คุณจะได้เห็นฟอนต์นับร้อยที่มีให้บริการผ่าน Adobe Fonts เท่านั้น แต่คุณยังสามารถอัปโหลดฟอนต์ของคุณเองได้อีกด้วย InDesign รองรับฟอนต์ OpenType SVG
- เข้ากันได้กับภาษาต่าง ๆ มากมาย: InDesign ทำงานร่วมกันกับข้อความที่เรียงจากซ้ายไปขวาและขวาไปซ้ายได้ มีตัวเลือกภาษาภายในตัว ดังนั้นคุณจึงสามารถสร้างผลงานของคุณในภาษาญี่ปุ่น อาราบิกและตัวอักษรอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษได้ นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือ Glyph มาให้ด้วยหากคุณต้องการเพิ่มมนตร์และอักขระพิเศษลงในหน้าของคุณ
- Drop caps: การเพิ่มขนาดของตัวอักษรแรกของย่อหน้าหรือส่วนเป็นตัวเลือกการออกแบบยอดนิยมสำหรับโบรชัวร์และหนังสือมากมาย InDesign ทำให้การตั้งตัวอักษรแรกหรือ “Drop Cap” และสร้างขอบที่สวยงามเป็นเรื่องง่าย
ประหยัดเวลาด้วย Auto Style
Auto Style คือฟีเจอร์ใหม่ที่ InDesign เพิ่งปล่อยออกมา ฟีเจอร์นี้ใช้ Adobe Sensei เพื่อปรับใช้รูปแบบกับข้อความโดยอัตโนมัติโดยการระบุองค์ประกอบของข้อความทั้งหมดและปรับใช้ Style Pack กับข้อความที่ไม่มีรูปแบบ สิ่งนี้จะช่วยคุณประหยัดเวลาและความพยายามได้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทำงานร่วมกันกับเอกสารที่มีความยาวหลายหน้าหรือซับซ้อน
Auto Style สามารถจดจำองค์ประกอบต่าง ๆ ของข้อความได้ เช่น ส่วนบน ส่วนเนื้อหา รายการและตาราง มันยังสามารถปรับใช้สไตล์รูปแบบต่าง ๆ กับประเภทข้อความที่แตกต่างกันได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น มันจะปรับใช้ฟอนต์ตัวหนากับส่วนบนและฟอนต์ที่มีขนาดเล็กกว่ากับส่วนเนื้อหา
แม้ว่า Auto Style จะยังคงอยู่ในระหว่างการพัฒนา แต่ผมก็พบว่ามันเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังมาก ๆ ผมใช้ฟีเจอร์นี้เพื่อให้มั่นใจว่าข้อความทั้งหมดในเอกสารนั้นได้รับการจัดรูปแบบอย่างเหมาะสม ซึ่งทำให้เอกสารดูมีความเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น
ตัวเลือกเครื่องมือแก้ไขดี ๆ มากมาย
มีเครื่องมือแก้ไขอยู่ด้วยกันสี่ประเภท เครื่องมือเหล่านี้ทำให้การแก้ไขเอกสาร กราฟิกและข้อความเป็นเรื่องง่าย:
- Selection: ลูกศรดำเป็นหนึ่งในเครื่องมือตัวเลือกที่สำคัญที่สุดในกล่องเครื่องมือของ InDesign ใช้มันเพื่อเปิดใช้งานเลย์เยอร์หรือเลือกวัตถุ หลังจากที่เปิดใช้งานแล้ว คุณจะสามารถย้ายวัตถุไปรอบ ๆ เปลี่ยนสี สร้างเงาหรือจัดกลุ่มกับวัตถุอื่น ๆ ได้
- Transformation: คุณสามารถใช้เครื่องมือการแปลงเพื่อปรับสัดส่วนของวัตถุ เปลี่ยนการนำเสนอและขนาดได้ ข้อมูลทางเรขาคณิตเกี่ยวกับแต่ละวัตถุนั้นอยู่ในเครื่องมือ Transform ข้อมูลนี้รวมถึงค่าของสัดส่วน ขนาด การหมุนและการตัด
- Drawing and type: คุณสามารถใช้เครื่องมือปากกาและดินสอเพื่อเพิ่มภาพประกอบและวัตถุลงในเลย์เอาท์ของคุณได้ง่าย ๆ
- Modification and navigation: ใช้เครื่องมือเหล่านี้เพื่อวัดวัตถุและตรวจสอบให้แน่ใจว่าการออกแบบของคุณนั้นไม่ “รก” จนเกินไป
เข้ากันได้กับไฟล์ PDF แบบโต้ตอบ
ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจที่ Adobe บริษัทที่สร้าง PDF จะทำให้ PDF เข้ากันได้กับ InDesign กระบวนการดังกล่าวนั้นได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นในการเผยแพร่ InDesign เวอร์ชันล่าสุดโดยทำให้ผู้ใช้สามารถแก้ไข PDF ได้โดยตรงผ่าน InDesign ได้โดยไม่ต้องแก้ไขงานใน Acrobat ก่อนจากนั้นจึงค่อยนำเข้าโปรเจกต์ของคุณ คุณสามารถแบ่งปันไฟล์ PDF และดูความคิดเห็น หมายเหตุหรือการเปลี่ยนแปลงที่สมาชิกในทีมคนอื่น ๆ ดำเนินการได้
PDF สามารถรวมฟีเจอร์เชิงตอบโต้อย่างปุ่ม คลิปวิดีโอ บุ๊กมาร์ก การแปลงสำหรับเอกสารหลายหน้าและเสียงได้ ฟีเจอร์เหล่านี้มีประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อสร้างเลย์เอาท์และการออกแบบสำหรับเว็บไซต์
เพิ่มลิงก์สำหรับการตีพิมพ์ทางออนไลน์
หากคุณกำลังทำโปรเจกต์ที่จะได้รับการตีพิมพ์ทางออนไลน์ การเพิ่มเนื้อหาที่ผู้ใช้สามารถคลิกเพื่อข้ามจากหน้าหนึ่งไปยังอีกหน้าหนึ่งได้นั้นถือเป็นส่วนที่สำคัญมาก แม้ว่านี่จะเป็นการดำเนินการง่าย ๆ เมื่อทำงานร่วมกับ HTML หรือการสร้างเว็บไซต์ แต่มันไม่ได้ง่ายเมื่อสร้างหน้าเว็บ อีบุ๊กหรือโบรชัวร์ผ่าน InDesign ด้วย InDesign คุณจะสามารถ:
- เพิ่มไฮเปอร์ลิงก์: คุณสามารถลิงก์จากคำหรือรูปภาพที่เฉพาะเจาะจงเพื่อนำผู้อ่านหรือผู้ใช้ของคุณไปยังหน้าอื่น ๆ ภายในเว็บไซต์หรือเว็บนอกได้
- ออกแบบปุ่ม: ไม่ว่าคุณจะต้องการให้ผู้อ่านกดติตามผลงานของคุณหรือคลิกที่ปุ่มเพื่อลงคะแนน คุณก็สามารถเพิ่มปุ่มที่ดำเนินการที่เฉพาะเจาะจงด้วย InDesign ได้
- บุ๊กมาร์ก: หากคุณกำลังให้ผู้อื่นดาวน์โหลดไฟล์ PDF ขนาดใหญ่ งั้นคุณก็สามารถเพิ่มบุ๊กมาร์กเพื่อให้พวกเขากลับมายังหน้าหรือข้อความที่เฉพาะเจาะจงภายในเอกสารได้
- นำเข้าลิงก์จาก Microsoft Word: หากคุณจัดการกับการเขียนซึ่งรวมถึงเพิ่มลิงก์ทั้งหมดใน Microsoft Word คุณจะต้องมีความสุขที่ได้ยินว่า InDesign จะยังคงรูปแบบและลิงก์เอาไว้ให้เหมือนเดิมเพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องมานั่งทำงานเดิมซ้ำสองครั้ง
Preflight จะตรวจสอบเอกสารของคุณเพื่อมองหาข้อผิดพลาด
Preflight คือฟีเจอร์ใน Adobe InDesign ที่จะตรวจสอบเอกสารของคุณเพื่อมองหาข้อผิดพลาดก่อนที่คุณจะส่งออกมัน สิ่งนี้สามารถช่วยคุณหลีกเลี่ยงปัญหาเมื่อคุณพิมพ์หรือเผยแพร่เอกสารของคุณได้
ฟีเจอร์นี้ทำงานโดยการเปรียบเทียบเอกสารของคุณกับชุดกฎเกณฑ์ที่กำหนดเอาไว้ล่วงหน้า ระบบจะใช้กฎเกณฑ์เหล่านี้เพื่อตรวจสอบข้อผิดพลาดต่าง ๆ เช่น:
- ฟอนต์ที่หายไป: หากว่าฟอนต์เกิดหายไปจากเอกสารของคุณ Preflight จะทำเครื่องหมายผิดพลาดเอาไว้ สิ่งสามารถช่วยให้มั่นใจได้ว่ามีการพิมพ์หรือเผยแพร่เอกสารของคุณอย่างเหมาะสม
- รูปภาพฝั่งที่มีความคมชัดต่ำ: หากรูปภาพที่ฝังไว้มีความคมชัดต่ำ Preflight จะทำเครื่องหมายผิดพลาดเอาไว้ สิ่งนี้สามารถช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าเอกสารที่พิมพ์หรือเผยแพร่ของคุณจะออกมาโดยมีรูปภาพที่มีคุณภาพสูง
- ข้อความซ้อนทับ: หากมีข้อความซ้อนทับกัน นั่นหมายความว่ามีช่องว่างไม่มากพอสำหรับข้อความทั้งหมดในหน้าเดียว Preflight จะทำเครื่องหมายผิดพลาดนี้เอาไว้ ซึ่งสามารถช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงปัญหาเมื่อคุณพิมพ์หรือเผยแพร่เอกสารของคุณ
- ความไม่สอดคล้องกันของสี: หากมีสีที่ไม่สอดคล้องกันในเอกสารของคุณ Preflight จะทำเครื่องหมายผิดพลาด สิ่งนี้สามารถช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าเอกสารที่พิมพ์หรือเผยแพร่นั้นมีสีที่ถูกต้องแม่นยำ
- ปัญหาความเข้ากันได้กับ PDF: หากมีปัญหาความเข้ากันได้กับ PDF เกิดขึ้นกับเอกสารของคุณ Preflight จะทำเครื่องหมายผิดพลาด สิ่งนี้สามารถช่วยให้ผู้อื่นเปิดและดูเอสการของคุณได้
เพื่อเริ่มต้นใช้งาน ให้เปิดแผงควบคุม Preflight (Window > Preflight) จากนั้นให้เลือกโปรไฟล์ Preflight จากเมนูแบบดึงลง จะมีการกำหนดโปรไฟล์ Preflight เอาไว้ให้ล่วงหน้า ซึ่งคุณสามารถใช้เพื่อตรวจสอบเอกสารของคุณเพื่อมองหาข้อผิดพลาดที่เฉพาะเจาะจงได้ นอกจากนี้ยังมีโปรไฟล์ Preflight อื่น ๆ อีกมากมายที่ใช้งานได้ ดังนั้นคุณจึงสามารถเลือกตัวเลือกเฉพาะเจาะจงกับประเภทเอกสารที่คุณกำลังทำงานร่วมด้วยอยู่และวางแผนการส่งออกไฟล์ของคุณได้
หลังจากที่คุณเลือกโปรไฟล์ Preflight เรียบร้อยแล้ว ให้คลิกที่ปุ่มวิเคราะห์ (Analyze) เพื่อเริ่มการตรวจสอบ Preflight Preflight จะสแกนเอกสารของคุณเพื่อมองหาข้อผิดพลาด หากมีการตรวจพบข้อผิดพลาดใด ๆ Preflight จะสร้างรายการข้อผิดพลาดเหล่านั้นขึ้นมาในแผงควบคุม Preflight จากนั้นคุณก็สามารถตรวจสอบข้อผิดพลาดอีกครั้งเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนั้นได้
เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาด ง่าย ๆ เพียงคลิกแก้ไข (Fix) จากนั้น Preflight จะพยายามแก้ไขข้อผิดพลาดโดยอัตโนมัติ หาก Preflight ไม่สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดโดยอัตโนมัติได้ คุณจะต้องดำเนินการแก้ไขด้วยตัวคุณเอง
หลังจากที่คุณแก้ไขข้อผิดพลาดทั้งหมดในเอกสารของคุณเรียบร้อยแล้ว คุณก็สามารถส่งออกเอกสารของคุณได้ด้วยความมั่นใจ
ตีพิมพ์ผลงานของคุณทางออนไลน์
คุณสามารถตีพิมพ์โปรเจกต์ของคุณทางออนไลน์ผ่าน InDesign ได้ทันทีโดยไม่ต้องดาวน์โหลดซอตฟ์แวร์หรือติดตั้งปลั๊กอินเพิ่มเติมใด ๆ โปรเจกต์ที่เสร็จแล้วของคุณจะมี URL ที่สามารถแบ่งปันได้และสามารถรับชมบนคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์มือถือได้ คุณสามารถอัปเดตเอกสารที่ตีพิมพ์ของคุณที่มีรูปภาพ วิดีโอหรือองค์ประกอบมัลติมีเดียอื่น ๆ และตีพิมพ์ไฟล์ที่อัปเดตล่าสุดของคุณได้ง่าย ๆ เสมอ
InDesign เพิ่มการอัปเดตที่สำคัญเมื่อมีการเผยแพร่เอกสารที่ให้ผู้ใช้ค้นหาข้อความที่เฉพาะเจาะจงในเอกสารดังกล่าวได้ จริง ๆ แล้วผมประหลาดใจที่พวกเขาใช้เวลานานมากกว่าจะปล่อยการอัปเดตเรื่องนี้ แต่ผมก็ดีใจนะที่สุดท้ายแล้วมันก็เกิดขึ้นสักที
เพื่อเปิดใช้งานข้อความที่ค้นหาได้เมื่อเผยแพร่ทางออนไลน์ คุณแค่ต้องเปิดใช้งานตัวเลือก “อนุญาตให้ผู้ดูค้นหาและคัดลอกข้อความในเอกสารที่เผยแพร่” เมื่อคุณเผยแพร่เอกสาร หลังจากที่เผยแพร่เอกสารของคุณแล้ว ผู้อ่านจะสามารถค้นหาข้อความได้โดยใช้แถบค้นหาที่อยู่ด้านบนของเอกสาร
การมีข้อความที่ค้นหาได้ทำให้เอกสารที่เผยแพร่แล้วของคุณเข้าถึงได้ง่ายขึ้นและมีความเป็นมิตรต่อผู้ใช้มากขึ้น มันมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการค้นหาข้อมูลอย่างรวดเร็วและง่ายดาย
การผสานรวมกับ Google Analytics
หลังจากที่คุณเผยแพร่โครงงานของคุณ ตอนนี้คุณก็สามารถผสานรวมผลงานกับ Google Analytics ได้ ฟีเจอร์นี้ถูกเพิ่มเข้ามาในการปล่อยตัว InDesign ล่าสุดและมันช่วยให้คุณติดตามการรับชมข้อมูลและการมีส่วนร่วมในเอกสารที่คุณเผยแพร่ได้ มันจะมอบข้อมูลเชิงลึกที่นำไปปฏิบัติได้ เช่น ใครที่กำลังโต้ตอบกับโครงงานของคุณ พวกเขามีส่วนร่วมอย่างไร พวกเขามาจากที่ไหนและอื่น ๆ อีกมากมาย จากนั้นคุณก็สามารถนำข้อมูลที่ได้ไปปรับเปลี่ยนกับเอกสารของคุณเพื่อยกระดับ ROI
คุณจะต้องมีบัญชี Google ก่อนคุณจึงจะสามารถตั้งค่าการผสานรวมได้ หลังจากที่มีการเปิดใช้งานบัญชีแล้ว ให้เปิดเอกสาร InDesign ของคุณและคลิกที่ปุ่มไฟล์ (File) จากนั้นคลิกเผยแพร่ทางออนไลน์ (Publish Online) และคลิกที่แท็บการวิเคราะห์ (Analytics) คุณจะได้รับการแจ้งเตือนให้กรอก ID การติดตาม Google Analytics ของคุณและสุดท้ายให้กดที่ปุ่มเผยแพร่ (Publish)
หลังจากที่คุณเผยแพร่เอกสารของคุณแล้ว คุณจะสามารถติดตามการรับชมและการมีส่วนร่วมในบัญชี Google Analytics ของคุณได้
เพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจากการผสานรวมนี้ คุณสามารถสร้างบัญชี Google Analytics แยกต่างหากสำหรับเอกสาร InDesign ของคุณได้ สิ่งนี้จะทำให้การติดตามการรับชมข้อมูลและการมีส่วนร่วมในเอกสารของคุณเป็นเรื่องง่ายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ อย่าลืมตั้งเป้าหมายเพื่อที่คุณจะได้สามารถติดตามได้ว่าผู้คนกำลังตอบสนองต่อเอกสารของคุณและดำเนินการการปฏิบัติบางอย่างให้เสร็จเช่น การดาวน์โหลดไฟล์หรือการคลิกลิงก์อย่างไร
ความง่ายในการใช้งาน
ในตอนแรก InDesign ดูเหมือนจะเป็นโปรแกรมที่มีความซับซ้อนอย่างมาก อย่างไรก็ตามหากคุณมีผลิตภัณฑ์ Adobe อื่น ๆ คุณจะพบว่าการใช้งานเลย์เอาท์และทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบแผงควบคุมการทำงานที่ที่เครื่องมือถูกจัดเก็บเอาไว้นั้นง่ายมาก
แม้ว่าการเรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องมือต่าง ๆ จะไม่ใช้เรื่องยากและคุณก็ไม่ต้องเป็นนักการตลาดหรือนักออกแบบกราฟิกมืออาชีพในการใช้งาน แต่คุณก็อาจจะต้องใช้เวลาในการทำความคุ้นเคยกับทุกอย่าง InDesign มีคู่มือที่มีประโยชน์มาก ๆ ซึ่งจะอธิบายเครื่องมือและแผงควบคุมต่าง ๆ โดยละเอียด คุณสามารถปรับแต่งแผงควบคุมเพื่อที่คุณจะได้เข้าถึงเครื่องมือที่คุณใช้บ่อยได้อย่างรวดเร็ว หากคุณไม่มั่นใจว่าเครื่องมือไหนเรียกว่าอะไร คุณก็สามารถนำเมาส์ไปชี้ที่เครื่องมือดังกล่าวสักสองสามวินาทีและระบบจะแสดงชื่อของเครื่องมือกับคุณ จากนั้นคุณก็สามารถค้นหาคู่มือสำหรับเครื่องมือดังกล่าวเพื่อเรียนรู้วิธีการใช้งานได้
InDesign มีเทมเพลตที่สวยงายซึ่งจะช่วยให้คุณเริ่มต้นใช้งานได้ไม่ยาก คุณคัดกรองพวกมันตามการออกแบบเว็บไซต์ สื่อสิ่งพิมพ์และมือถือเพื่อค้นหาเทมเพลตที่ตอบโจทย์กับความต้องการของคุณได้ ฉันพบว่าสิ่งนี้มีประโยชน์มาก ๆ ในการเริ่มต้นก่อนที่ฉันจะพยายามสร้างเลย์เอาท์ของฉันเองแต่แรก
อินเทอร์เฟซ
Adobe สร้างอินเทอร์เฟซที่ปรับแต่งได้โดยสมบูรณ์สำหรับ InDesign มันสอดคล้องกับแอป Adobe อื่น ๆ โดยการใช้เวิร์กสเปซสีเทาดำ แต่คุณสามารถเปลี่ยนสีได้หากคุณต้องการบางสิ่งที่ดูมีชีวิตชีวากว่านี้
เวิร์กสเปซหลักอยู่ที่ตรงกลางของหน้าจอโดยมีเครื่องมือที่มักใช้อยู่บ่อย ๆ อยู่ทางซ้าย ตัวเลือกเครื่องมือต่าง ๆ อยู่ที่ด้านบนและแผงควบคุมและตัวเลือกที่ปรับแต่งได้จะอยู่ทางด้านขวา
เวิร์กสเปซคือสิ่งที่ให้ InDesign ใช้งานง่ายมาก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโปรเจกต์ขนาดใหญ่ คุณสามารถสร้างเวิร์กสเปซมากมายได้โดยที่แต่ละเวิร์กสเปซก็จะมีไว้สำหรับงานที่แตกต่างกันและสามารถสลับใช้ได้อย่างรวดเร็ว
ฉันพบว่าสิ่งนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อทำงานกับโปรเจกต์ที่มีทั้งสิ่งพิมพ์และโปรเจกต์เชิงโต้ตอบบนเว็บ แต่ละหน้าจะมีข้อกำหนดเลย์เอาท์เป็นของตัวเองและฉันก็มีเวิร์กสเปซเฉพาะสำหรับแต่ละงาน
เวิร์กสเปซ์พื้นฐานนั้นมีชื่อเรียกว่า Essentials และคุณสามารถเพิ่มหรือลบเครื่องมือโดยอ้างอิงสิ่งที่คุณกำลังทำงานอยู่ได้ นอกจากนี้ยังมีเวิร์กสเปซเฉพาะสำหรับหนังสือ สิ่งพิมพ์และการตรวจสอบและการพิมพ์อีกด้วย คุณสามารถเปลี่ยนเวิร์กสเปซได้โดยการคลิกที่ชื่อเวิร์กสเปซที่แถบด้านบนของหน้าจอของคุณ
คุณสามารถใช้เวิร์กสเปซเป็นจุดเริ่มต้น ทำความคุ้นเคยกับเครื่องมือต่าง ๆ และปรับแต่งตามความต้องการของคุณได้ InDesign ยังให้คุณควบคุมการล็อกเวิร์กสเปซและปลดล็อกสิ่งที่คุณไม่ต้องการหรือตั้งค่าให้เครื่องมือดังกล่าวลอยตัวได้อีกด้วย
ความเข้ากันได้
InDesign มีให้ใช้เฉพาะบน Windows และ Mac และไม่มีแอป InDesign อย่างเป็นทางการสำหรับแท็บเล็ตหรือโทรศัพท์ อย่างเช่นใน Google Play และ iTunes app stores อย่างเช่นใน Google Play และ iTunes app stores อย่างเช่นใน Google Play และ iTunes app stores นี้เป็นบทเรียนหรือแอปที่ปลอมเป็น InDesign แต่ถ้าคุณดูผู้พัฒนา คุณจะเห็นว่าไม่ใช่จาก Adobe
ข้อกำหนดของระบบสำหรับ InDesign บน PC และ Mac
ข้อกำหนดด้านล่างเป็นข้อกำหนดขั้นต่ำที่จำเป็นในการใช้ InDesign ถ้าระบบของคุณไม่มีหน่วยประมวลผล, RAM หรือแผงวิดีโอที่ได้รับการสนับสนุนให้ติดตั้งโปรแกรมอย่างเหมาะสม อย่างเช่นในการตรวจสอบใบอนุญาตในระหว่างการติดตั้ง นอกจากนี้ InDesign ยังต้องการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต แต่บางห้องสมุดและบริการจะสามารถใช้ได้เฉพาะในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
Windows
| หน่วยประมวลผล | Intel multicore หรือ AMD Athlon |
| ระบบปฏิบัติการ | Windows 10, 11 (64-bit) |
| RAM | 8 GB |
| พื้นที่ว่างในฮาร์ดดิสก์ | 3.6 GB |
| ความละเอียดของจอ | 1024 x 768 และสนับสนุนการแสดงผล HiDPI |
| แผงวิดีโอที่ได้รับการสนับสนุน | แผงวิดีโอ 32 บิต |
macOS
| หน่วยประมวลผล | หรือ Intel multicore หรือ Apple Silicon/M1 และต้องมี SSE4.2+ SIMD Engine |
| ระบบปฏิบัติการ | 10.15 (Catalina) หรือสูงกว่า |
| RAM | 8 GB |
| พื้นที่ว่างในฮาร์ดดิสก์ | 4.5 GB |
| ความละเอียดของจอ | 1024 x 768 พร้อมสนับสนุนการแสดงผล Retina |
| แผงวิดีโอที่ได้รับการสนับสนุน | แผงวิดีโอ 32 บิต |
แม้ว่าคอมพิวเตอร์ของคุณจะเป็นไปตามข้อกำหนดขั้นต่ำ แต่คุณก็สามารถใช้ประโยชน์จากเคล็ดลับเหล่านี้เพื่อยกระดับประสิทธิภาพของ InDesign ได้:
- ใช้คอมพิวเตอร์ที่มีการประมวลผลแข็งแกร่งและ RAM มากมาย ข้อมูลจำเพาะขั้นต่ำจะถือว่าใช้ได้ แต่การประมวลผลและ RAM ที่ดีกว่าที่คุณมีจะทำให้ซอฟต์แวร์ทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น
- ทำงานบนไดรฟ์ภายในเครื่องแทนไดรฟ์เครือข่าย
- ปิดโปรแกรมที่ไม่จำเป็นใด ๆ ที่ทำงานอยู่ในพื้นหลัง
- ดูแลให้การติดตั้ง InDesign เป็นเวอร์ชันล่าสุด
- ใช้แผงควบคุมประสิทธิภาพ (Performance) เพื่อตรวจสอบทรัพยากรของระบบของคุณและระบุว่ามีพื้นที่ใดบ้างที่คุณสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพได้
วิธียกเลิกการติดตั้ง Adobe InDesign
ในตอนสิ้นสุดช่วงระยะเวลาทดลองใช้งานฟรี คุณสามารถยกเลิกการติดตั้ง Adobe InDesign ได้ในง่าย ๆ ภายในไม่กี่ขั้นตอน หากคุณกำลังมองหาซอฟต์แวร์การเรียงพิมพ์และสื่อสิ่งพิมพ์บนเดสก์ท็อป ให้ลองดูทางเลือกฟรีด้านล่าง
- พิมพ์ Add or Remove Programs ในแถบค้นหาของ Windows และกดที่ปุ่ม Enter
- ค้นหา Adobe InDesign ในรายการโปรแกรมที่ติดตั้งและกดที่ปุ่มยกเลิกการติดตั้ง
- แอป Adobe Creative Cloud จะเปิดตัวขึ้นมาและถามว่าคุณต้องการบันทึการตั้งค่า InDesign เอาไว้บนคอมพิวเตอร์ของคุณหรือไม่ หากคุณไม่มีเจตนาที่จะติดตั้งซอฟต์แวร์นี้อีกครั้ง ให้คลิกที่ไม่
- หน้าต่าง Adobe Uninstallation จะลบ InDesign จากคอมพิวเตอร์ของคุณ
วิธียกเลิกบัญชี Adobe InDesign ของคุณ
เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเรียกเก็บเงิน คุณจะต้องห้ามลืมยกเลิกบัญชี Adobe ของคุณในตอนสิ้นสุดระยะเวลาทดลอง 7 วัน คุณไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลในการยกเลิกบัญชีของคุณ จะมีเพียงแบบสอบถามอัตโนมัติเท่านั้น ไม่มีคนขายน่ารำคาญที่พยายามจะโน้มน้าวให้คุณสั่งซื้อการสมัครสมาชิกแบบเต็มรูปแบบ
- ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Adobe ของคุณ
- เปิดตัวเลือก Plans ที่อยู่บนแถบเมนู
- คลิกที่ Manage Plans
- กดที่ปุ่ม Cancel Plan
- หน้าใหม่จะเปิดขึ้นมาพร้อมกับคำถามเกี่ยวกับว่าทำไมคุณถึงยกเลิกบัญชี คุณสามารถข้ามคำถามและคลิกลิงก์ยืนยันได้ที่ด้านล่างของหน้า
- หลังจากที่ยกเลิกบัญชีของคุณแล้ว คุณจะสูญเสียสิทธิ์ในการเข้าถึง InDesign โดยทันที
แอป Adobe Creative Cloud เพิ่มเติม
- Adobe Photoshop: เครื่องมือแก้ไขกราฟิกชั้นนำที่ทำให้ทุกอย่างง่ายมากขึ้น Photoshop เวอร์ชันล่าสุดมีเครื่องมือที่ใช้งานง่ายสำหรับการปรับแต่งรูปลักษณ์ของใบหน้าของมนุษย์ เปลี่ยนสีท้องฟ้าได้อย่างรวดเร็วและยกระดับเครื่องมือตรวจหาฟอนต์ที่ตรงกัน ทั้งหมดนี้เป็นส่วนเสริมสำหรับเครื่องมือระดับสูงและวิธีการวางเลเยอร์ที่ Photoshop ขึ้นชื่อ
- Adobe Illustrator: หากคุณกำลังทำงานร่วมกันกับรูปภาพเวกเตอร์ งั้น Adobe Illustrator ก็เป็นโปรแกรมที่คุณต้องดาวน์โหลด มันมาพร้อมกับชุดเครื่องมือการสร้าง แก้ไขและผลิตรูปภาพเวกเตอร์ที่ปรับขนาดได้แบบสมบูรณ์ Illustrator มีตัวเลือกเทมเพลตและบทเรียนวิดีโอมากมายที่จะสอนคุณเกี่ยวกับวิธีการใช้แต่ละเครื่องมืออย่างเหมาะสมหากคุณเป็นมือใหม่
- Adobe Premiere Pro: ไม่ว่าคุณจะกำลังสร้างภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยฟีเจอร์ต่าง ๆ หรือนำคลิปต่าง ๆ มารวมกันให้เพื่อน Adobe Premiere Pro เป็นเครื่องมือแก้ไขวิดีโอที่คุณต้องห้ามพลาด ซอฟต์แวร์แก้ไขแบบกลายแทร็กช่วยให้สามารถแก้ไขมุมกล้องหลายตัว ปรับสีและความสมดุล เพิ่มเอฟเฟกต์ภาพและอื่น ๆ อีกมากมายได้
คำถามที่พบบ่อย
Adobe InDesign ฟรีหรือเปล่ส?
ไม่มีการดาวน์โหลดฟรีเพื่อการใช้งานในระยะยาวสำหรับ Adobe InDesign สามารถสั่งซื้อซอฟต์แวร์พรีเมียมนี้ได้ผ่านทางหนึ่งในแพ็กเกจการสมัครสมาชิก InDesign ได้เท่านั้น หลีกเลี่ยงเว็บไซต์ใด ๆ ที่เสนอ InDesign เวอร์ชันฟรีในระยะยาวเพราะมันอาจเป็นทางเลือกปลอม ละเมิดลิขสิทธิ์หรือมีมัลแวร์ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อเอาข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ สิ่งที่คุณสามารถทำได้คือปฏิบัติตามขั้นตอนข้างต้นและรับเวอร์ชันทดลองใช้งานฟรี 7 วันเมื่อคุณดาวน์โหลดและติดตั้ง Adobe InDesign สิ่งนี้จะมอบเวลาให้คุณได้ทดสอบซอฟต์แวร์นานพอหรือใช้สำหรับโครงงานระยะสั้นได้ฟรี
ฉันจะเพิ่มเลขหน้าใน InDesign ได้ยังไง?
มีวิธีในการเพิ่มเลขหน้าด้วยกันสองสามวิธี วิธีแรกคือการสร้างกรอบข้อความที่ที่คุณต้องการให้หมายเลขหน้าปรากฏในแต่ละหน้า จากนั้นให้พิมพ์เลขหน้าปัจจุบันลงในกรอบข้อความ InDesign จะอัปเดตหมายเลขหน้าให้โดยอัตโนมัติในขณะที่คุณเพิ่มและลบหน้าออกจากเอกสารของคุณ
อีกทางเลือกหนึ่งมีดังต่อไป:
- ไปยัง Layout > Numbering & Section Options
- ในกล่องข้อความ Numbering & Section Options ให้ติ๊กถูกที่ช่อง Start Section
- ด้านล่าง Section Prefix ให้กรอกชื่อสำหรับส่วนของคุณ
- ด้านล่าง Start Page Number ให้กรอกหมายเลขที่คุณต้องการให้เริ่มการใส่หมายเลขหน้า
- คลิกตกลง
จะบันทึกไฟล์ InDesign ในรูปแบบ PDF ได้อย่างไร?
ในฐานะผู้สร้างไฟล์ PDF ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ Adobe จะผสานรวมฟังก์ชันการใช้งาน PDF ภายใน InDesign เอาไว้ เพื่อบันทึกไฟล์ในรูปแบบของ PDF ให้คลิกที่ปุ่มไฟล์ (File) และเลือกส่งออก (Export) กล่องข้อความจะปรากฏขึ้นมาและคุณจะสามารถเลือก PDF จากรายการแบบเมนูสกุลไฟล์แบบดึงลงและกดบันทึกได้ นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกที่ปรับแต่งได้ด้วย เช่น ความเข้ากันได้กับ PDF, คุณภาพของรูปภาพและการบีบอัด
จะปิดการใส่เครื่องหมายจุดใน InDesign ได้อย่างไร?
InDesign เสนอตัวเลือกในการควบคุมการใส่เครื่องหมายจุดมากมาย คุณสามารถใส่เครื่องหมายจุดสำหรับทุกส่วนหรือบางส่วนของเอกสารของคุณได้หรือคุณสามารถระบุจำนวนตัวอักษรขั้นต่ำและสูงสุดที่ต้องอยู่ก่อนและหลังเครื่องหมายจุดได้ นอกจากนี้คุณยังสามารถระบุตัวอักษรที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ใส่เครื่องหมายจุดได้อีกด้วย
เพื่อเข้าถึงการตั้งค่าเครื่องหมายจุดใน InDesign ให้ไปยัง Text > Paragraph Styles และดับเบิลคลิกที่รูปแบบย่อหน้าที่คุณต้องการเปลี่ยน ในกล่องข้อความ Paragraph Style Options ให้คลิกแท็บเครื่องหมายจุด (Hyphenation)
จะเพิ่มฟอนต์ลงใน InDesign ได้อย่างไร?
InDesign มาพร้อมกับตัวเลือกการพิมพ์ที่ยอดเยี่ยมเพื่อทำให้โครงงานของคุณออกมาเป็นแบบที่คุณคิดเอาไว้ หากฟอนต์ที่คุณต้องการใช้นั้นไม่ได้อยู่ใน Adobe Fonts ที่มีมาให้ คุณสามารถอัปโหลดฟอนต์ OpenType SVG ประเภทอื่น ๆ ได้โดยการปฏิบัติตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
- ไปยัง Window > Type > Font Book
- ในแผงควบคุม Font Book panel ให้คลิกที่ปุ่ม +
- ไปยังไฟล์ฟอนต์ที่คุณต้องการเพิ่มและกดเปิด (Open)
ฟอนต์จะถูกเพิ่มไปยังแผงควบคุม Font Book ของคุณ ดังนั้นคุณจึงสามารถใช้มันกับเอกสารของคุณได้
จะแทรกรูปใน InDesign ได้อย่างไร?
มีวิธีการต่าง ๆ ในการแทรกรูปภาพใน InDesign อยู่ด้วยกันสองสามวิธีโดยขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณ ขั้นตอนแรกเลยคือให้คลิกที่ปุ่มไฟล์ (File) ก่อนเสมอ จากนั้นให้เลือกวาง (Place) และเลือกรูปภาพ เท่านี้คุณก็สามารถแทรกรูปภาพได้ทุกที่ที่คุณต้องการบนเอกสารและปรับขนาดได้แล้ว
หากคุณต้องการเพิ่มรูปภาพลงในกรอบที่มีอยู่แล้ว คุณจะต้องเลือกกรอบก่อน จากนั้นจึงเลือก File>Place และกล่องข้อความจะปรากฏขึ้นมาและคุณจะสามารถเพิ่มรูปเข้าไปได้
วิธีที่สามคือลากและวางรูปภาพจากโฟลเดอร์ในคอมพิวเตอร์ของคุณไปยังเวิร์กสเปซ รูปภาพจะถูกอัปโหลดไปยัง InDesign และคุณจะสามารถเคลื่อนย้ายมันไปรอบ ๆ, ปรับขนาดหรือลากมันไปยังกรอบและแทรกมันลงในนั้นก็ได้
Adobe InDesign ปลอดภัยไหม?
มีมาตรการด้านความปลอดภัยมากมาย งผ่าน Adobe Creative Cloud และกับผลงานที่ถูกสร้างบนเดสก์ท็อปของคุณ เพื่อป้องกันผู้ใช้ที่ไม่พึงประสงค์จากการดูผลงานของคุณ มันเป็นเรื่องสำคัญที่คุณจะต้องดาวน์โหลด InDesign เวอร์ชันทางการและหลีกเลี่ยงเวอร์ชันแคร็กหรือเวอร์ชันที่ละเมิดลิขสิทธิ์เพราะมันอาจมีข้อผิดพลาดด้านความปลอดภัยที่ร้ายแรง
InDesign เข้ากันได้กับผลิตภัณฑ์ Adobe อื่น ๆ ไหม?
ใช่ จริง ๆ แล้วนั่นเป็นหนึ่งในข้อดีอย่างยิ่งสำหรับการใช้ InDesign ตั้งแต่การผสานรวมและการเพิ่มไฟล์ PDF ไปจนถึง PSD จาก Photoshop หรือรูปภาพจาก Premiere Pro และ Illustrator มันเป็นการผสานรวมแบบไร้ที่ติที่สามารถทำให้เลย์เอาท์และการออกแบบออกมางดงาม
ฉันจะถูกเรียกเก็บเงินตอนที่ช่วงเวลาทดลองใช้ InDesign ฟรีของฉันสิ้นสุดลงไหม?
ต้องการให้คุณเพิ่มช่องทางการชำระเงินเมื่อลงทะเบียนใช้เวอร์ชันทดลองฟรีเพื่อที่พวกเขาจะได้สามารถเรียกเก็บเงินหลังจากที่ช่วงเวลาทดลองใช้งานฟรีสิ้นสุดลง เพื่อป้องกันสิ่งนี้ ให้ตั้งการแจ้งเตือนเพื่อยกเลิกบัญชีของคุณตอนที่สิ้นสุดระยะเวลาวันที่ 7 เพื่อป้องกันการเรียกเก็บเงินที่ไม่พึงประสงค์
บทสรุป
Adobe InDesign เป็นซอฟต์แวร์เลย์เอาท์ชั้นนำสำหรับทั้งการพิมพ์และมีเดียออนไลน์ ซอฟต์แวร์มีฟีเจอร์และเครื่องมือที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้เลย์เอาท์ในแบบที่คุณต้องการ ซึ่งรวมถึงตัวเลือกการพิมพ์มากมาย เทมเพลตที่หลากหลาย หน้าต้นแบบ การออกแบบเชิงโต้ตอบและเครื่องมือแก้ไขหลายประเภท ซอฟต์แวร์ยังมีฟีเจอร์ Preflight ที่ตรวจสอบเอกสารเพื่อมองหาข้อผิดพลาดประเภทต่าง ๆ ก่อนที่จะมีการเผยแพร่หรือส่งออกโครงงานที่เสร็จแล้ว
คุณสามารถลองใช้ Adobe InDesign ได้ฟรี 7 วันเพื่อดูว่ามันเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช่สำหรับคุณหรือไม่หรือใช้เพื่อทำโครงงานเลย์เอาท์อย่างรวดเร็วให้เสร็จได้ฟรี
อ่านเพิ่มเติม
