รีวิว ExpressVPN vs NordVPN ปี 2021: การทดสอบใหม่ล่าสุด!

เว็บไซต์อื่น ๆ นั้นต่างก็โปรโมททั้ง ExpressVPN หรือ NordVPN ในฐานะโปรแกรม VPN ที่ดีที่สุด – แต่ความจริงก็คือโปรแกรม VPN ทั้งสองนั้นทำงานได้ดีมากจนคุณควรตัดสินใจตามความต้องการส่วนบุคคลของคุณ เพื่อช่วยคุณประหยัดเวลาในการทดสอบมันด้วยตัวเอง ฉันจึงได้ทดสอบแต่ละบริการใน 13 หมวดหมู่
ในการทดสอบของฉัน ExpressVPN เป็นผู้ชนะในภาพรวม (โดยมีคะแนนนำเพียงเล็กน้อย) เพราะมันมีความเร็วที่เร็วกว่าสำหรับการสตรีมมิ่ง การเล่นเกมและ Torrenting นอกจากนี้มันยังเป็นหนึ่งในโปรแกรม VPN จำนวนไม่มากที่ใช้งานในประเทศจีนได้ หากคุณไม่มั่นใจเกี่ยวกับการสั่งซื้อการสมัครสมาชิก คุณสามารถทดลองใช้งาน ExpressVPN ฟรีได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน หลังจากที่ฉันทดสอบในเรื่องนี้ ฉันก็ได้รับเงินคืนภายใน 5 วัน
NordVPN อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าหากคุณต้องการฟีเจอร์ความปลอดภัยเพิ่มเติมหรือบริการที่มีราคาน่าคบหามากกว่า แผนให้บริการที่ยาวนานที่สุดของ NordVPN มีราคาถูกกว่าแผนให้บริการของ ExpressVPN เกือบ 50% มันยังมีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่โดดเด่นอย่างเครื่องมือปิดกั้นโฆษณาและเครื่องมือปิดกั้นมัลแวร์มาให้ด้วย เพื่อดูว่ามันเหมาะกับความต้องการของคุณหรือไม่ ทดสอบ NordVPN ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน – ฉันได้รับเงินคืนใน 3 วัน
ลองใช้ ExpressVPN 30 วันโดยไม่มีความเสี่ยง
ไม่มีเวลาอ่านใช่ไหม? นี่คือบทสรุปฉบับ 1 นาทีของผู้ชนะตามหมวดหมู่
ExpressVPN เป็นผู้ชนะเพราะความเร็วที่รวดเร็วสำหรับการสตรีมมิ่ง, Torrenting และการเล่นเกม ในทางกลับกัน NordVPN มีความปลอดภัยเพิ่มเติมและราคาที่สบายกระเป๋ามากกว่า
![]() |
![]() |
|
ราคา | ราคาถูกเพียง $6.67/เดือน (แผนสมัครสมาชิก: 15 เดือน) | ราคาถูกเพียง $3.71/เดือน (แผนสมัครสมาชิก: 2 ปี) |
การปิดกั้น Netflix และการสตรีมมิ่ง | ปลดบล็อก Netflix, Amazon Prime, BBC iPlayer และอื่น ๆ อีกมากมายได้ด้วยความเร็วที่รวดเร็วมาก ๆ | ปลดบล็อก Netflix, Amazon Prime, BBC iPlayer และอื่น ๆ อีกมากมายได้ด้วยความเร็วระดับปานกลาง |
เซิร์ฟเวอร์และการหลีกเลี่ยงข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ | เซิร์ฟเวอร์มากกว่า 3000 เซิร์ฟเวอร์ใน 94 ประเทศ | เซิร์ฟเวอร์มากกว่า 5400 เซิร์ฟเวอร์ใน 59 ประเทศ |
ความเร็ว | การทดสอบความเร็วเซิร์ฟเวอร์ในท้องถิ่น: ลดลง 18% จากปกติ
การทดสอบความเร็วของเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกาที่อยู่ห่างไกล: ลดลง 32% จากปกติ |
การทดสอบความเร็วเซิร์ฟเวอร์ในท้องถิ่น: ลดลง 31% จากปกติ
การทดสอบความเร็วของเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกาที่อยู่ห่างไกล: ลดลง 43% จากปกติ |
ความปลอดภัย |
|
|
ความปลอดภัยและความเร็วในการ Torrenting | ดาวน์โหลดวิดีโอขนาด 1.37GB ใน 7 นาที | ดาวน์โหลดวิดีโอขนาด 1.37GB ใน 9 นาที |
มันใช้งานในประเทศจีนได้ไหม? | ใช้งานได้สม่ำเสมอพร้อมความเร็วที่ดีสำหรับการสตรีมมิ่ง | ใช้งานได้ไม่สม่ำเสมอ |
การเล่นเกม | มีการประมวลผลข้อมูลหนักขึ้น 24% เมื่อเทียบกับปกติ | มีการประมวลผลข้อมูลหนักขึ้น 38% เมื่อเทียบกับปกติ |
ความเข้ากันได้กับอุปกรณ์และความแตกต่างของแอป | พร้อมให้บริการบน Windows, Android, macOS, iOS, Linux และอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่มีเครื่องมือปิดกั้นโฆษณาและมัลแวร์หรือเซิร์ฟเวอร์ P2P | พร้อมให้บริการบน Windows, Android, macOS, iOS, Linux และอื่น ๆ อีกมากมาย มีเครื่องมือปิดกั้นโฆษณาและมัลแวร์และเซิร์ฟเวอร์ P2P บนแอปทั้งหมด |
ความเป็นส่วนตัวและความเป็นนิรนาม | สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในหมู่เกาะบริติชเวอร์จิ้นซึ่งอยู่นอกเขตพันธมิตร 5, 9 และ 14 Eyes | สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในปานามาซึ่งอยู่นอกเขตพันธมิตร 5, 9 และ 14 Eyes |
นโยบายการบันทึกข้อมูลและการจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้ | นโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน ได้รับการตรวจสอบอิสระ | นโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน ได้รับการตรวจสอบอิสระ |
การชำระเงินและการคืนเงิน | รองรับการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตส่วนใหญ่, Paypal, Mint และ Bitcoin | รองรับการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตส่วนใหญ่และสกุลเงินดิจิทัลมากมาย (แต่ไม่รวม Paypal หรือ Mint) |
บริการลูกค้า | แชทออนไลน์ 24 ชั่วโมงและบริการทางอีเมลที่มีประโยชน์และรวดเร็ว | แชทออนไลน์ 24 ชั่วโมงและบริการทางอีเมลที่มีประโยชน์และรวดเร็ว |
13 หมวดหมู่สำหรับการเปรียบเทียบ ExpressVPN vs NordVPN
นี่คือบทสรุปรายการเกณฑ์ฉบับเต็มที่ฉันใช้เพื่อเปรียบเทียบ ExpressVPN และ NordVPN สำหรับคำอธิบายโดยละเอียดของผลการทดสอบของฉัน ให้คลิกที่หมวดหมู่เพื่อข้ามไปดูคำตอบของแต่ละส่วน:
- ราคา – เปรียบเทียบแผนการสมัครสมาชิกและนโยบายการคืนเงินที่ผู้ให้บริการทั้งสองมีให้บริการ
- การปลดบล็อก Netflix และการสตรีมมิ่ง – ทดสอบว่าผู้ให้บริการทั้งสองสามารถปลดบล็อก Netflix และเว็บไซต์สตรีมมิ่งอื่น ๆ ได้โดยไม่มีการโหลดหรือการลดความคมชัดหรือไม่
- เซิร์ฟเวอร์และการหลีกเลี่ยงข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ – เปรียบเทียบจำนวนและตำแหน่งของเซิร์ฟเวอร์ เช่นเดียวกับความสามารถในการหลีกเลี่ยงการปิดกั้นตามภูมิศาสตร์
- ความเร็ว – ทดสอบความเร็วของเซิร์ฟเวอร์ในท้องถิ่นและเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกลบนเซิร์ฟเวอร์มากมายในออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกา
- ความปลอดภัย – วิเคราะห์การเข้ารหัสและฟีเจอร์ความปลอดภัยอื่น ๆ
- ความปลอดภัยและความเร็วในการ Torrenting – ดูว่าผู้ให้บริการนั้นมีความเป็นมิตรกับ Torrenting หรือไม่, ทดสอบความเร็วและค้นคว้าว่าแต่ละผู้ให้บริการมีเซิร์ฟเวอร์ P2P มากแค่ไหน
- มันใช้งานในประเทศจีนได้ไหม? – ดำเนินการทดสอบในประเทศจีนเพื่อดูว่าโปรแกรม VPN แต่ละโปรแกรมนั้นสามารถใช้งานในประเทศดังกล่าวได้อย่างสม่ำเสมอหรือไม่
- การเล่นเกม – ประเมินความสามารถของโปรแกรม VPN แต่ละโปรแกรมว่าสามารถรักษาความเร็วในการเล่นเกมที่ดี หลีกเลี่ยงการปิดกั้นการเล่นเกมตามภูมิศาสตร์และมอบความปลอดภัยได้หรือไม่
- ความเข้ากันได้กับอุปกรณ์และความแตกต่างของแอป – ตรวจสอบว่ามีอุปกรณ์ใดบ้างที่เข้ากันได้กับแต่ละโปรแกรม VPN และเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างแอปและระบบปฏิบัติการต่าง ๆ
- ความเป็นส่วนตัวและความเป็นนิรนาม – ตรวจสอบตำแหน่งที่ตั้งของสำนักงานบริษัทและประเทศเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของหน่วยข่าวกรองระหว่างประเทศหรือไม่
- นโยบายการบันทึกและการใช้งานข้อมูลผู้ใช้ – ตรวจสอบนโยบายการบันทึกข้อมูลของแต่ละ VPN และประเภทของข้อมูลผู้ใช้ที่พวกเขาจัดเก็บโดยละเอียด
- การชำระเงินและการคืนเงิน – ตรวจสอบช่องทางการชำระเงินที่มีให้บริการในผู้ให้บริการทั้งสองและความง่ายได้ในการรับเงินคืน
- บริการลูกค้า – ทดสอบความเร็วในการตอบกลับของทีมบริการลูกค้าทั้งสองแห่ง เช่นเดียวกับประเภทความช่วยเหลือที่มีให้บริการ
1. ราคา – NordVPN มอบความคุ้มค่าแก่เงินของคุณได้ดีกว่า
NordVPN มีราคาน่าคบหามากกว่า ExpressVPN โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแผนการสมัครสมาชิกระยะยาว นี่คือการเปรียบแผนให้บริการที่ดีที่สุดของผู้ให้บริการทั้งสอง:
ExpressVPN | NordVPN |
$6.67/เดือน (แผนสมัครสมาชิก: 15 เดือน) | $3.71/เดือน (แผนสมัครสมาชิก: 2 ปี) |
การรับประกันยินดีคืนเงิน – 30 วัน | การรับประกันยินดีคืนเงิน – 30 วัน |
เวอร์ชันทดลองใช้งานฟรี – ไม่มี | เวอร์ชันทดลองใช้งานฟรี – มีเวอร์ชันทดลองใช้งานฟรี 7 วันให้บริการบนอุปกรณ์ที่กำหนด |
เห็นได้ชัดเลยว่า NordVPN เป็นผู้ชนะโดยการเสนอราคา $3.71/เดือน (แผนสมัครสมาชิก: 2 ปี) นั่นหมายความว่า ราคาของ NordVPN สำหรับแผนสมัครสมาชิกที่ยาวนานที่สุดมีราคาถูกกว่าราคาที่ถูกที่สุดของ ExpressVPN
NordVPN ยังมีเวอร์ชันทดลองฟรี 7 วันให้บริการผ่าน Google Play Store และ Apple iTunes Store อีกด้วย – แต่ฉันไม่แนะนำให้ทดลองใช้มันด้วยวิธีนี้ หากคุณทำเช่นนั้น คุณจะเสียสิทธิ์ในการรับส่วนลดพิเศษและอาจต้องรับมือกับการจัดการขอคืนเงินผ่านบุคคลที่สาม (ซึ่งอาจส่งผลให้ได้รับเงินคืนช้าลงเป็นเวลาหลายสัปดาห์) หากคุณลงทะเบียนผ่านลิงก์นี้ คุณสามารถทดลองใช้ NordVPN โดยไม่มีปัญหาได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน (นานกว่าเวอร์ชันทดลองใช้ฟรี 7 วันบน App Store เสียอีก) แถมคุณยังสามารถรับข้อเสนอที่ดีกว่าได้อีกด้วย
ฉันยังแนะนำให้คุณทดลองใช้ ExpressVPN โดยไม่มีความเสี่ยงโดยใช้นโยบายการคืนเงินของพวกเขา หากคุณใช้ประโยชน์จากทั้งสองข้อเสนอนี้ คุณจะสามารถเปรียบเทียบได้ว่าโปรแกรม VPN ใดตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้ดีกว่าและราคาควรปัจจัยในการตัดสินสุดท้ายของคุณหรือไม่ หลังจากนั้นคุณจะสามารถขอรับเงินคืนจาก 1 หรือทั้งสองโปรแกรมก็ได้
เพื่อการประหยัดเงินที่มากกว่า คุณยังสามารถตรวจสอบรายการราคาส่วนลดสำหรับ ExpressVPN และ NordVPN ได้อีกด้วย – ฉันอัปเดตมันเป็นประจำเพื่อที่คุณจะได้สามารถประหยัดเงินได้โดยไม่ต้องมานั่งเสียเวลาค้นหาด้วยตัวเอง
ผู้ชนะด้านราคา: NordVPN
รับข้อเสนอวันคริสต์มาสจาก NordVPN! ประหยัดเงิน 68% สำหรับแผนให้บริการแบบ 2 ปี + ชนะรับเพิ่มฟรีอีก 3 เดือน! อย่ารอช้าและรีบคว้าข้อเสนอนี้ที่นี่!
2. การปลดบล็อก Netflix และการสตรีมมิ่ง – ExpressVPN มีความเร็วที่รวดเร็วกว่าสำหรับการสตรีมมิ่งอย่างราบรื่นในประเทศต่าง ๆ
หากคุณต้องการบริการที่สามารถหลีกเลี่ยงข้อจำกัดตามตำแหน่งของ Netflix ได้ งั้นทั้ง NordVPN และ ExpressVPN ต่างก็เป็นตัวเลือกที่ดี ฉันสามารถปลดบล็อกคลังข้อมูลของ Netflix ในแต่ละผู้ให้บริการได้มากกว่า 10 คลังข้อมูล – ซึ่งรวมถึงคลังข้อมูลจากสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดาและญี่ปุ่น ถึงอย่างนั้น ExpressVPN ก็เป็นผู้ชนะเพราะมันปลดบล็อกคลังข้อมูล Netflix อื่น ๆ ได้มากกว่า NordVPN อยู่เล็กน้อย
โปรแกรม VPN ทั้งสองอนุญาตให้ฉันเข้าถึงเว็บไซต์สตรีมมิ่งอื่น ๆ อย่าง HBO Now, BBC iPlayer, Disney+, Amazon Prime, Hulu (สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น), Vudu, SkyTV, HBO Go, Sky (สหราชอาณาจักร), SHOWTIME (สหรัฐอเมริกา), DAZN (กีฬา), ESPN (กีฬา) และอื่น ๆ อีกมากมายได้ พวกเขายังมอบการเชื่อมต่อที่เสถียรกับฉันอีกด้วย – ฉันไม่เคยพบกับปัญหาในการเข้าถึงแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งใด ๆ ในระหว่างการทดสอบเป็นระยะเวลา 4 วันของฉันเลย

โดยรวมแล้วฉันพบว่า ExpressVPN ทำได้ดีกว่าในเรื่องของการสตรีมมิ่งเพราะความเร็วที่รวดเร็วกว่า ฉันสามารถรับชม Criminal Minds มาราธอนบน Netflix ของสหรัฐอเมริกาในความคมชัดระดับ UltraHD ได้โดยไม่มีการกระตุก ในทางกลับกันความเร็วในการสตรีมมิ่งของ NordVPN นั้นไม่เสถียรมากนัก แม้ว่าโดยรวมแล้วฉันจะพบกับการกระตุกเล็กน้อย แต่บางครั้งฉันก็ต้องเปลี่ยนความคมชัดไปเป็น SD เพื่อหลีกเลี่ยงการกระตุก (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการใช้งานเยอะ เช่น ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์) นี่อาจเป็นปัญหาสำหรับคุณหากคุณมีความเร็วพื้นฐานที่ช้าอยู่แล้ว
ฉันประทับใจกับโปรแกรม VPN ทั้งสองโปรแกรมที่สามารถปลดบล็อกคลังข้อมูลเนื้อหาที่ใหญ่ที่สุดในแพลตฟอร์มยอดนิยมต่าง ๆ ได้อย่างต่อเนื่องและช่วยให้ฉันสตรีมได้อย่างราบรื่น อย่างไรก็ตามฉันแนะนำให้คุณทดลองสตรีมมิ่งด้วย ExpressVPN เพราะมันรวดเร็วกว่าและปลดบล็อกคลังข้อมูลของ Netflix ได้มากกว่า
ผู้ชนะด้าน Netflix และการสตรีมมิ่ง: ExpressVPN
3. เซิร์ฟเวอร์และการหลีกเลี่ยงข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ – ทั้งสองมีเครือข่ายที่กว้างขวางทั่วโลกเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดกั้น
ในหมวดหมู่นี้พวกเขาทำได้เสมอกันเพราะทั้งสอง VPN มีเซิร์ฟเวอร์จำนวนมากในประเทศต่าง ๆ (รวมถึงประเทศไทย) เพื่อช่วยคุณหลีกเลี่ยงข้อจำกัด แม้ว่า NordVPN จะมีจำนวนเซิร์ฟเวอร์มากกว่า แต่ ExpressVPN มีเซิร์ฟเวอร์ในประเทศต่าง ๆ มากกว่า
ExpressVPN | NordVPN | |
จำนวนเซิร์ฟเวอร์รวม | 3000+ | 5400+ |
ประเทศที่ตั้งเซิร์ฟเวอร์ | 94 | 59 |
หากคุณต้องการสิทธิ์ในการเข้าถึงเนื้อหายอดนิยมจากประเทศต่าง ๆ อย่างสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักรหรือแคนาดา ทั้งสอง VPN ทำงานได้ดีพอ ๆ กันเพราะพวกเขามีเซิร์ฟเวอร์มากมายในประเทศเหล่านี้
แต่หากคุณต้องการเข้าถึงเว็บไซต์ในประเทศที่เฉพาะเจาะจง จำนวนของเซิร์ฟเวอร์ที่ประเทศนั้น ๆ คือสิ่งสำคัญมากกว่าขนาดของเครือข่ายโดยรวม หากโปรแกรม VPN ไม่มีเซิร์ฟเวอร์ในภูมิภาคที่เฉพาะเจาะจง คุณอาจไม่สามารถรับหมายเลข IP ที่ต้องมีเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดได้ ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการปลดบล็อกการธนาคารออนไลน์จากประเทศกัมพูชา ExpressVPN จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเพราะมันมี 1 เซิร์ฟเวอร์ที่นั่นในขณะที่ NordVPN ไม่มีเซิร์ฟเวอร์ที่นั่นเลย ในทางกลับกันหากคุณต้องการการสตรีมมิ่งรายการ Lightbox คุณภาพสูงอย่าง High Road NordVPN เป็นบริการที่ดีกว่าสำหรับประเทศนิวซีแลนด์ – มันมี 28 เซิร์ฟเวอร์ที่นั่นในขณะที่ ExpressVPN มีเพียง 1 เซิร์ฟเวอร์เท่านั้น
อย่างไรก็ตามมีข้อยกเว้นในกฎทั่วไปนี้ หากคุณต้องใช้บริการในขณะที่อยู่ในประเทศที่มีการเซ็นเซอร์เข้มงวด ประสิทธิภาพที่ได้รับการพิสูจน์แล้วนั้นถือเป็นเรื่องที่สำคัญกว่าจำนวนเซิร์ฟเวอร์ที่หลีกเลี่ยงข้อจำกัดได้ ตัวอย่างเช่น ExpressVPN ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามันทำงานในประเทศจีนได้อย่างต่อเนื่อง เซิร์ฟเวอร์ในฮ่องกงและญี่ปุ่นจะมอบบริการที่รวดเร็วและน่าเชื่อถือกับคุณ ฉันคิดว่า NordVPN จะทำงานได้ดีกว่าเนื่องจากมันมีเซิร์ฟเวอร์ญี่ปุ่นที่อยู่ใกล้เคียงมากกว่า – แต่มันแทบใช้งานในประเทศจีนไม่ได้เลย
ก่อนที่คุณจะสั่งซื้อการสมัครสมาชิก ฉันขอแนะนำให้คุณตรวจสอบกับฝ่ายบริการลูกค้าก่อนเพราะผู้ให้บริการทั้งสองต่างก็เพิ่มเซิร์ฟเวอร์ใหม่เพื่อพัฒนาการครอบคลุมของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง
ปลดบล็อกเนื้อหาด้วย ExpressVPN
4. ความเร็ว – ExpressVPN รวดเร็วกว่า NordVPN
อย่าเข้าใจฉันผิด: จากเซิร์ฟเวอร์ของโปรแกรม VPN นับร้อยเซิร์ฟเวอร์ที่ฉันได้ทดสอบ ผู้ให้บริการทั้งสองนี้มีความเร็วมากกว่าผู้ให้บริการอื่น ๆ แต่ ExpressVPN มีความเร็วที่รวดเร็วกว่าและมีความเสถียรในการทดสอบความเร็วเซิร์ฟเวอร์ในท้องถิ่นและเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกล
เพื่อกำหนดว่าผู้ให้บริการใดที่มีความเร็วมากกว่า ฉันจึงได้ดำเนินการทดสอบความเร็ว 2 การทดสอบ ได้แก่ การทดสอบในท้องถิ่นด้วยเซิร์ฟเวอร์ออสเตรเลียและการทดสอบระยะไกลด้วยเซิร์ฟเวอร์สหรัฐอเมริกา มันเป็นเรื่องที่สำคัญที่คุณต้องทราบไว้ว่าไม่มีการทดสอบความเร็วใดที่สมบูรณ์แบบ – ปัจจัยอย่างการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เราเตอร์ ตำแหน่ง ประเภทของอุปกรณ์และตัวแปรอื่น ๆ อาจส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ที่ได้ เพื่อให้การทดสอบนี้มีความแม่นยำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ฉันจึงตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ใช้คอมพิวเตอร์และระบบปฏิบัติการ (macOS 10.13.6) เดียวกัน ฉันยังเลือกโปรโตคอล OpenVPN เหมือนกันและให้ผู้ให้บริการแต่ละรายเชื่อมต่อฉันกับเซิร์ฟเวอร์ที่รวดเร็วที่สุดที่มีให้บริการโดยอัตโนมัติอีกด้วย
ผลการทดสอบความเร็วในท้องถิ่น:
ในการทดสอบเซิร์ฟเวอร์ในท้องถิ่นของฉัน ExpressVPN รวดเร็วกว่า NordVPN ถึง 19% ด้วย ExpressVPN ฉันประสบกับความเร็วที่ลดลง 17% เมื่อเทียบกับความเร็วปกติของฉัน สำหรับ NordVPN ฉันเห็นว่ามันลดลง 31%

ผลการทดสอบความเร็วในระยะไกล:
ฉันได้ผลลัพธ์ที่คล้ายกันในการทดสอบที่สองของฉัน ExpressVPN ก็ยังเร็วกว่า NordVPN ถึง 19% ในการทดสอบเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกลด้วยเซิร์ฟเวอร์สหรัฐอเมริกา

หากคุณมีกิจกรรมที่ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมาก ฉันขอแนะนำให้คุณทดลองใช้ ExpressVPN เพื่อความเร็วที่รวดเร็วกว่า ฉันพบว่ามันเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับการสตรีมมิ่งความคมชัดระดับ HD, Torrenting ไฟล์ขนาดใหญ่และการเล่นเกมโดยไม่มีการกระตุก ExpressVPN ให้ฉันรับชม Netflix ของสหรัฐอเมริกาในความคมชัดระดับ Ultra HD จากอีกฟากหนึ่งของโลกได้โดยไม่มีการกระตุกเลย ด้วย NordVPN บางครั้งฉันต้องลดความคมชัดลงมาเป็นระดับมาตรฐานเพื่อหลีกเลี่ยงการกระตุก นี่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร แต่มันส่งผลกระทบต่อประสบการณ์การรับชมของฉัน
ผู้ชนะด้านความเร็ว: ExpressVPN
ลองใช้ ExpressVPN โดยไม่มีความเสี่ยง
5. ความปลอดภัย – NordVPN มีฟีเจอร์ความปลอดภัยเพิ่มเติม
ทั้งสองบริการต่างก็มีฟีเจอร์ความปลอดภัยหลักที่แข็งแกร่ง ถึงอย่างนั้น NordVPN ก็ชนะในหมวดหมู่นี้เพราะมันมีเซิร์ฟเวอร์พิเศษและเครื่องมือปิดกั้นมัลแวร์ภายในตัวซึ่ง ExpressVPN ไม่มีให้บริการ
ExpressVPN | NordVPN | |
การเข้ารหัส | AES-256-GCM พร้อมคีย์ 4096-บิต DH, การยืนยันตัวตน SHA-512 HMAC | AES-256-GCM พร้อมคีย์ 4096-บิต DH, การยืนยันตัวตน SHA-512 HMAC |
โปรโตคอล VPN | OpenVPN UDP, OpenVPN TCP, IPSec/IKEv2 และ IPSec/L2TP | OpenVPN UDP, OpenVPN TCP, IPSec/IKEv2, IPSec/L2TP และ WireGuard |
นโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน | ใช่ (มีการตรวจสอบภายใน) | ใช่ (มีการตรวจสอบภายใน) |
Kill Switch | พร้อมให้บริการบน Windows, macOS, Android (เวอร์ชัน 7.4 และสูงกว่า), Linux และเราเตอร์ ไม่พร้อมให้บริการบน iOS | พร้อมให้บริการบน Windows, macOS, Android, iOS และ Linux ไม่พร้อมให้บริการบนเราเตอร์ |
การป้องกันการรั่วไหล DNS และ IP | การป้องกันการรั่วไหล DNS และหมายเลข IP | การป้องกันการรั่วไหล DNS และหมายเลข IP |
เครื่องมือปิดกั้นมัลแวร์/โฆษณา | ไม่มี | มี |
Server chaining | ไม่มี | มี เสนอฟีเจอร์ Double VPN |
Onion ผ่านเซิร์ฟเวอร์ VPN | ไม่มี | มี |
IP ส่วนตัว | ไม่มี | มี |
เขียนข้อมูลลงบนฮาร์ดไดร์ฟ | เทคโนโลยี TrustedServer หมายความว่าเซิร์ฟเวอร์ทำงานบน RAM และไม่มีการเขียนข้อมูลเอาไว้บนฮาร์ดไดร์ฟ | เทคโนโลยีเซิร์ฟเวอร์ทั่วไปซึ่งเขียนข้อมูลที่เข้ารหัสลงบนฮาร์ดไดร์ฟ |
มาตรฐานการเข้ารหัส
ระดับการเข้ารหัสที่โปรแกรม VPN ใช้เป็นตัวกำหนดว่าแฮ็กเกอร์จะสามารถถอดรหัสข้อมูลของคุณได้ง่ายมากแค่ไหน ทั้ง NordVPN และ ExpressVPN ต่างก็ใช้การเข้ารหัส AES 256-บิตที่ยอดเยี่ยมที่สุดเพื่อป้องกันข้อมูลของคุณซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันกับที่ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของรัฐบาลใช้ แม้แต่หน่วยงานสายลับชั้นนำของสหรัฐอเมริกายังต้องใช้เวลานานหลายปี เงินหลายล้านดอลลาร์และสุดยอดคอมพิวเตอร์เพื่อพยายามเจาะคีย์การเข้ารหัสเดียวที่มีระดับความปลอดภัยนี้
โปรโตคอลการเข้ารหัส
โปรโตคอลการเข้ารหัสคือชุดของขั้นตอนที่กำหนดว่าข้อมูลของคุณถูกเข้ารหัสอย่างไรในขณะที่มันถูกส่งผ่านอินเทอร์เน็ต ExpressVPN และ NordVPN ใช้โปรโตคอลที่มีความปลอดภัยสูงสุดอย่าง OpenVPN และ IKEv2 เพื่อเสนอสมดุลของความปลอดภัยและความเร็วที่ดีที่สุด ฉันใช้ OpenVPN สำหรับกิจกรรมประจำวันอย่างสตรีมมิ่ง การท่องเว็บหรือการธนาคารออนไลน์ ถึงอย่างนั้นฉันก็ชอบใช้ IKEv2 สำหรับการเล่นเกมและ Torrenting มากกว่าเพราะมันมีความเร็วที่รวดเร็วกว่า
ความต่างที่สำคัญหนึ่งประการก็คือ NordVPN เสนอ NordLynx ซึ่งใช้โปรโตคอล WireGuard มันมีเทคโนโลยีการเข้ารหัสล่าสุดและมีความเร็วเร็วกว่า OpenVPN (โปรโตคอลชั้นนำปัจจุบัน) ด้วยบรรทัดรหัสมากกว่า 4,000 บรรทัด (เมื่อเทียบกับ 400,000 บรรทัดของ OpenVPN), การแก้ไขข้อผิดพลาดบน WireGuard จึงเป็นเรื่องที่ง่ายกว่า
เครื่องมือปิดกั้นโฆษณาและมัลแวร์
ฉันพบว่าการมี VPN ที่มีเครื่องมือปิดกั้นโฆษณานั้นถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับความปลอดภัยทางออนไลน์ของฉัน ไวรัสอาจปรากฏบนเว็บไซต์ที่ดูเหมือนจะไม่มีความเสี่ยงและแม้กระทั่งเว็บไซต์ที่มี “https” อยู่ข้างหน้าของ URL นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงชอบที่ NordVPN มีเครื่องมือปิดกั้นโฆษณา/มัลแวร์มาให้เพื่อดูแลให้ตัวคุณปลอดภัย มันช่วยหยุดฉันจากการเข้าถึงเว็บไซต์ที่ดูไม่ชอบมาพากลซึ่งถูกทำเครื่องหมายว่าเป็นโฮสต์ติ้งมัลแวร์หรือฟิชชิ่งสแกม ฉันผิดหวังที่ฟีเจอร์นี้ไม่มีให้บริการใน ExpressVPN ถึงอย่างนั้นนี่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เพราะ ExpressVPN เข้ากันได้กับเครื่องมือปิดกั้นโฆษณาและมัลแวร์มากมาย

การป้องกันการรั่วไหล
เมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ว่าฉันต้องเดินทางไปยังประเทศที่มีการเซ็นเซอร์เข้มงวดอย่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และอินเดีย ฉันจึงต้องระมัดระวังหน่วยงานของรัฐบาลและ ISP ของฉันที่พยายามจะดูกิจกรรมทางออนไลน์ของฉัน เนื่องจากคุณอาจถูกจำคุกในประเทศเหล่านี้สำหรับการเข้าถึงวิดีโอเกมบางอย่างหรือแพลตฟอร์มอย่าง Skype ได้ ฉันอยากทดสอบการป้องกันการรั่วไหลของโปรแกรม VPN เหล่านี้ดูเพื่อให้แน่ใจว่าฉันยังคงได้รับความเป็นส่วนตัว
ฉันดำเนินการทดสอบผู้ให้บริการทั้งสองและไม่พบการรั่วไหล DNS, IPv4, WebRTC หรือ IPv6 ใด ๆ ตอนที่ฉันเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ของสหรัฐอเมริกาและดำเนินการทดสอบการรั่วไหลของ IP โปรแกรม VPN ทั้งสองโปรแกรมก็ปิดบังตำแหน่งที่แท้จริงของฉันได้สำเร็จ (ฉันอาศัยอยู่ในออสเตรเลีย) และป้องกันการรั่วไหลได้จริง

ผู้ให้บริการทั้งสองยังมี Kill Switch อัตโนมัติเพื่อป้องกันข้อมูลของคุณจากการถูกเปิดเผยในกรณีที่มีข้อผิดพลาดทางเทคโนโลยีเกิดขึ้น นั่นหมายความว่าหาก VPN หรือการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณเกิดล้มเหลว หมายเลข IP, ตัวตนและประวัติการท่องเว็บที่แท้จริงของคุณจะยังคงถูกปิดบังเอาไว้ เนื่องจากฉันไม่สามารถเข้าถึงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เสถียรได้เสมอไปในระหว่างการเดินทาง ดังนั้นฟีเจอร์นี้จึงทำให้ฉันสบายใจ
เซิร์ฟเวอร์พิเศษ
ฉันยังพบว่า NordVPN มีตัวเลือกความปลอดภัยเพิ่มเติมที่ ExpressVPN ไม่มีด้วย (เช่น ฟีเจอร์ Double VPN และ Onion ผ่านเซิร์ฟเวอร์ VPN) ฉันพบว่าฟีเจอร์ Double VPN นั้นมีประโยชน์ในตอนที่ฉันกำลังดำเนินการธนาคารออนไลน์หรือดำเนินการชำระเงิน การกำหนดค่านี้จะส่งข้อมูลของคุณไปผ่านเซิร์ฟเวอร์ 2 เซิร์ฟเวอร์แทนที่จะเป็น 1 เซิร์ฟเวอร์ซึ่งส่งผลให้เกิดการเข้ารหัสสองชั้นที่ทำให้การเจาะนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย การตั้งค่านี้ทำให้ฉันมั่นใจว่าข้อมูลทางการเงินอันละเอียดอ่อนของฉันจะปลอดภัย 100%
ความปลอดภัยของเซิร์ฟเวอร์
ExpressVPN ใช้เทคโนโลยี TrustedServer เพื่อป้องกันข้อมูลใด ๆ จากการถูกเขียนลงบนฮาร์ดไดร์ฟของเซิร์ฟเวอร์ ข้อมูลของคุณจะถูกเขียนลงบน RAM เพียงชั่วคราวเท่านั้นและมันจะถูกลบออกไปในระหว่างการรีบูตเซิร์ฟเวอร์ นั่นหมายความว่าแฮ็กเกอร์จะค้นหาข้อมูลบางอย่างได้อย่างยากลำบากเพราะมันไม่ถูกจัดเก็บบนเซิร์ฟเวอร์เป็นระยะเวลานาน แถมทุกการรีบูตยังลบแฮ็กเกอร์ใด ๆ ออกไปด้วย ระบบนี้ปลอดภัยมากจนมันกลายเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว
ในทางกลับกัน NordVPN ใช้เทคโนโลยีเซิร์ฟเวอร์ทั่วไปซึ่งข้อมูลถูกเขียนลงบนฮาร์ดไดร์ฟของเซิร์ฟเวอร์ ระบบนี้อาจทำให้คุณตกอยู่ในความเสี่ยงที่มากกว่าเนื่องจากฮาร์ดไดร์ฟนั้นจะจัดเก็บข้อมูลนี้เอาไว้จนกว่ามันจะถูกเขียนทับหรือถูกลบโดยผู้ดูแลในระหว่างการซ่อมบำรุง หากแฮ็กเกอร์สามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ได้ พวกเขาอาจขโมยคีย์การเข้ารหัสเพื่อดูข้อมูลที่จำกัดบางส่วนเหล่านี้ได้
การตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัย
การตรวจสอบความปลอดภัยอิสระเป็นเรื่องที่หาได้ยากในอุสาหกรรม VPN (ฉันพบหลักฐานว่ามีเพียง 5 บริการชั้นนำเท่านั้นที่ยอมให้มีการทดสอบดังกล่าว) นี่เป็นเพราะมันอาจเป็นความเสี่ยงสำหรับผู้ให้บริการที่จะต้องใช้เทคโนโลยีในการวิเคราะห์ระดับนี้ ถึงอย่างนั้น ExpressVPN และ NordVPN ก็มุ่งมั่นที่จะมอบความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ที่ดีที่สุดโดยรับการตรวจสอบความปลอดภัยทางไซเบอร์มากมาย
- NordVPN: หลังจากที่ NordVPN ประสบความสำเร็จในการรับมือกับการรั่วไหลทางด้านความปลอดภัยเล็กน้อยในปี 2018 มันก็ได้รับการตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัยเพิ่มเติมจาก VerSprite (บริษัทที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์) หลังจากนั้นมันก็เผยแพร่ผลลัพธ์ของการตรวจสอบที่เป็นบวก
- ExpressVPN: ในปี 2019 มันได้รับการตรวจสอบโดย PricewaterhouseCoopers (PwC) เพื่อยืนยันว่าเทคโนโลยี TrustedServer นั้นสามารถดูแลผู้ใช้ให้ปลอดภัยได้อย่างแท้จริง มันแบ่งปันผลการทดสอบเอาไว้บนเว็บไซต์
ความโปร่งใสและความมุ่งมั่นด้านความปลอดภัยในระดับนี้เป็นเรื่องที่หาได้ยากในอุตสาหกรรม VPN การตรวจสอบเหล่านี้ทำให้ฉันมั่นใจว่าทั้งสองบริการนี้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของฉันเหนือสิ่งอื่นใด – ซึ่งรวมถึงชื่อเสียงของพวกเขาด้วย
โดยรวมแล้ว ExpressVPN และ NordVPN เป็นบริการที่ปลอดภัยที่สุดในตลาด ถึงอย่างนั้นฉันก็แนะนำให้คุณทดลองใช้ NordVPN เพื่อดูฟีเจอร์ความปลอดภัยอันโดดเด่น
ผู้ชนะด้านความปลอดภัย: NordVPN
ทดสอบความปลอดภัยของ NordVPN เป็นเวลา 30 วัน
6. ความปลอดภัยและความเร็วในการ Torrenting – ExpressVPN รวดเร็วกว่า
ทั้งสอง VPN เสนอความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยมและความเข้ากันได้กับซอฟต์แวร์ Torrenting ใด ๆ (BitTorrent, uTorrent และอื่น ๆ) แถมพวกเขายังไม่จำกัดการดาวน์โหลดตามขนาดหรือประเภทของไฟล์อีกด้วย
ถึงอย่างนั้น ExpressVPN ก็เป็นผู้ชนะด้าน Torrenting เพราะความเร็วในการดาวน์โหลดที่เร็วกว่า แม้ว่า NordVPN จะมีเซิร์ฟเวอร์ Torrenting พิเศษก็ตาม แต่มันก็ไม่สามารถเอาชนะบริการที่รวดเร็วอย่างยิ่งของ ExpressVPN ได้
ความปลอดภัยในการ Torrenting
มันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ สำหรับฉันที่ ISP ของฉันจะต้องไม่รู้ว่าฉันกำลัง Torrenting หากฉันใช้งานเกินขีดจำกัดข้อมูลของฉัน พวกเขาจะลดความเร็วอินเทอร์เน็ตของฉันลง ที่แย่กว่านั้นคือหากฉัน Torrent ไฟล์ที่มีลิขสิทธิ์โดยที่ไม่รู้ตัว ISP ของฉันอาจทำให้ฉันต้องพบกับปัญหาทางด้านกฎหมายได้ ฉันไม่สนับสนุนการละเมิดลิขสิทธิ์ แต่การป้องกันตัวเองหากคุณเผลอดาวน์โหลดไฟล์ที่มีเนื้อหาที่น่าสงสัยนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ
การเลือกโปรแกรม VPN ที่ปลอดภัยสำหรับ Torrenting นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะบางโปรแกรมก็ไม่รองรับในเรื่องนี้ – พวกเขาอาจมีนโยบายต่อต้าน Torrenting หรือฟีเจอร์คุณภาพต่ำ ExpressVPN และ NordVPN เป็นมิตรต่อ Torrenting และมอบความปลอดภัยที่ดีที่สุดให้กับคุณ ExpressVPN อนุญาตให้ Torrenting ได้ในทุกเซิร์ฟเวอร์และ NordVPN เองก็มีเซิร์ฟเวอร์ P2P ที่ได้รับการปรับแต่งเพื่อความปลอดภัยในการ Torrenting

ฉันประทับใจที่ ExpressVPN และ NordVPN ใช้ฟีเจอร์ที่ดีที่สุดที่มีให้บริการเพื่อดูแลให้ Torrenting ของคุณเป็นส่วนตัวซึ่งรวมถึง:
- นโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่เข้มงวดเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีประวัติใด ๆ ของคุณที่ถูกบันทึกเอาไว้
- การเข้ารหัสระดับทหารเพื่อปิดบังข้อมูลของคุณ
- การป้องกันการรั่วไหลที่มี Kill Switch อัตโนมัติเพื่อดูแลให้คุณเป็นนิรนาม
นอกจากฟีเจอร์เหล่านี้แล้ว ExpressVPN และ NordVPN ยังมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศที่ไม่ได้ขึ้นกับการป้องกันการละเมิดสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่เผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต (DMCA) หรือข้อตกลงทางด้านลิขสิทธิ์ระหว่างประเทศอื่น ๆ คุณสามารถข้ามไปยังส่วนความปลอดภัยเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับว่าโปรแกรม VPN แต่ละโปรแกรมนั้นดูแลข้อมูลของคุณให้ปลอดภัยไม่ว่าคุณจะ Torrenting หรือทำบางสิ่งออนไลน์หรือไม่ก็ตามอย่างไร
ความเร็วในการ Torrenting
ExpressVPN และ NordVPN ไม่มีวันจำกัดความเร็ว แบนด์วิดธ์หรือข้อมูลของคุณ นั่นหมายความว่าคุณสามารถดาวน์โหลดได้มากเท่าที่คุณต้องการและไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการลดความเร็วหรือข้อจำกัดอื่น ๆ
เนื่องจากว่า NordVPN มีเซิร์ฟเวอร์ P2P พิเศษที่ได้รับการปรับแต่งมาสำหรับ Torrenting ดังนั้นฉันจึงคิดว่ามันจะมอบความเร็วในการดาวน์โหลดที่เร็วกว่า – แต่ฉันคิดผิด แม้ว่า ExpressVPN จะไม่มีเซิร์ฟเวอร์ P2P ใด ๆ แต่เซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดมากกว่า 3000 เซิร์ฟเวอร์ก็รองรับ Torrenting
เพื่อทดสอบความเร็วในการ Torrenting ฉันได้ดาวน์โหลดวิดีโอเดียวกัน (1.37GB) โดยใช้ VPN ทั้งสอง ExpressVPN มีความเร็วมากกว่า: มันใช้เวลาในการดาวน์โหลดวิดีโอดังกล่าวประมาณ 7 นาทีเท่านั้น ในทางกลับกันเซิร์ฟเวอร์ P2P ของ NordVPN ใช้เวลา 9 นาที
มันเป็นการแข่งขันที่สูสีระหว่างโปรแกรมทั้ง 2 โปรแกรมในหมวดหมู่นี้ ทั้งสองต่างก็เสนอความปลอดภัยในการ Torrenting ที่ยอดเยี่ยม แต่การทดสอบความเร็วของฉันแสดงให้เห็นว่าเซิร์ฟเวอร์ทั่วไปของ ExpressVPN ดาวน์โหลดไฟล์เดียวกันได้เร็วกว่าเซิร์ฟเวอร์ P2P ของ NordVPN ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงขอแนะนำให้คุณลองใช้ ExpressVPN เพื่อความเร็วในการสตรีมมี่งที่ยอดเยี่ยม.
ผู้ชนะด้าน Torrenting: ExpressVPN
Torrent อย่างรวดเร็วด้วย ExpressVPN
7. มันใช้งานในประเทศจีนได้ไหม? – ExpressVPN ใช้งานในประเทศจีนได้อย่างสม่ำเสมอ
ด้วยมาตรการที่เข้มงวดในการต่อต้านโปรแกรม VPN ExpressVPN เป็นหนึ่งในบริการจำนวนไม่มากที่สามารถหลีกเลี่ยงการเซ็นเซอร์ทางออนไลน์ในประเทศจีนได้ ทีมงานและฉันได้ทดสอบโปรแกรม VPN มากกว่า 10 โปรแกรมในประเทศจีนและ ExpressVPN ก็เป็นหนึ่งในบริการจำนวนไม่มากที่ให้คุณเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกจำกัดอย่าง Facebook, Netflix ของสหรัฐอเมริกาและ YouTube ได้อย่างสม่ำเสมอ
ฉันยังพบว่า ExpressVPN ทำงานได้อย่างน่าเชื่อถือในประเทศจีนโดยไม่ต้องคำนึงถึงประเภทของอุปกรณ์หรือระบบปฏิบัติการเลย

น่าเสียดายที่ NordVPN ใช้งานในประเทศจีนไม่ได้เสมอไป ฉันพยายามใช้มันเพื่อปลดบล็อก Instagram และ Wikipedia แต่ฉันก็พบกับข้อความผิดพลาด ในบางครั้งคุณอาจจะเชื่อมต่อ NordVPN ได้ แต่ครั้งแรกฉันต้องติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าเพื่อรับคำแนะนำในการกำหนดค่ามันใหม่อีกครั้งด้วยตัวเอง – แต่สิ่งนี้กินเวลามากและทำได้ยาก (โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนอุปกรณ์ iOS ของฉัน)

ExpressVPN ยังมีความเร็วที่รวดเร็วสำหรับการสตรีมมิ่งในประเทศจีนอย่างราบรื่นด้วย นี่ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับฉันเพราะมันดูจะไม่ยุติธรรมเลยที่ฉันไม่สามารถสตรีมแพลตฟอร์มโปรดของฉันได้เพียงเพราะฉันเดินทางไปยังประเทศจีน เซิร์ฟเวอร์ญี่ปุ่นที่รวดเร็วของ ExpressVPN ช่วยให้ฉันรับชมวิดีโอ YouTube ได้โดยมีการกระตุก 3-4 วินาที ตอนที่ฉันเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์สหรัฐอเมริกาของ ExpressVPN ฉันสามารถรับชม Kim’s Convenience บน Netflix ในความคมชัดระดับ HD ได้โดยมีการกระตุกเพียงเล็กน้อย
อย่าทำพลาดเหมือนอย่างที่ฉันทำ – ติดตั้ง ExpressVPN ก่อนที่จะเดินทางไปยังประเทศจีน เพราะด้วยการเซ็นเซอร์ คุณจะไม่สามารถเข้าถึงเว็บไซต์หรือดาวน์โหลดแอปจากที่นั่นได้ หากคุณพบปัญหาอื่น ๆ ในขณะที่อยู่ในประเทศจีน ExpressVPN ก็มีหน้าแก้ไขปัญหาที่มีประโยชน์
หากคุณพบว่าตัวเองอยู่ในประเทศจีนโดยไม่มีโปรแกรม VPN ที่ใช้งานได้ คุณอาจสามารถใช้เคล็ดลับนี้เพื่อดาวน์โหลด ExpressVPN ได้ หลังจากการติดตั้งเบราว์เซอร์ Tor ให้ลองดาวน์โหลด ExpressVPN จากเว็บไซต์ .onion (http://expressobutiolem.onion) ดู สมาชิกในทีมคนหนึ่งสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมได้โดยใช้วิธีนี้
ผู้ชนะด้านการใช้งานในประเทศจีน: ลองใช้ ExpressVPN ในจีนวันนี้
8. การเล่นเกม – ExpressVPN มีการประมวลผลที่หนักขึ้นน้อยกว่าสำหรับการเล่นเกม
เนื่องจากรีวิวโปรแกรม VPN ส่วนใหญ่ไม่ได้รวมการทดสอบประสิทธิภาพการเล่นเกมของบริการโดยละเอียด ฉันจึงไม่มั่นใจนักว่า ExpressVPN และ NordVPN จะทำงานได้เป็นอย่างไร ถึงอย่างนั้นการทดสอบความเร็วพื้นฐานก็ไม่เพียงพอที่จะบอกว่าโปรแกรม VPN ส่งผลกระทบต่อประสบการณ์การเล่นเกมของคุณมากแค่ไหน!
ฉันพบว่าโปรแกรม VPN ทั้งสองโปรแกรมนั้นสามารถปลดบล็อกเกมได้อย่างง่ายดายและมอบความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเล่นเกมโดยไม่มีการรบกวน ถึงอย่างนั้น ExpressVPN ก็เป็นผู้ชนะเพราะมันมีความเร็วที่เร็วกว่า NordVPN อยู่เล็กน้อย
ความเร็วในการเล่นเกม
ในฐานะเกมเมอร์เกมผู้หลงใหล ฉันไม่อยากทำพลาดโดยการซื้อแผนสมัครสมาชิกระยะยาวสำหรับ VPN ที่จะเป็นสาเหตุให้เกิดความเร็วล่าช้าและการไม่ตอบสนอง
ฉันทดสอบ NordVPN และ ExpressVPN โดยใช้เกม Counter-Strike เพื่อดูผลกระทบต่อการประมวลผลเกม นี่เป็นการวัดเวลาที่อุปกรณ์สำหรับเล่นเกมของคุณใช้เพื่อส่งข้อมูลไป-กลับเซิร์ฟเวอร์ (โปรดทราบ: ยิ่งการประมวลผลน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี) แต่โปรแกรม VPN ทั้งสองโปรแกรมต่างก็เพิ่มการประมวลผลมากขึ้นจากปกติ – แต่ ExpressVPN มีคะแนนการประมวลผลต่ำกว่า NordVPN ซึ่งหมายความว่าเกมมีการตอบสนองมากกว่าและมีการกระตุกน้อยกว่า

ผลการประมวลนี้สอดคล้องกับประสบการณ์ส่วนตัวของฉัน ฉันไม่สังเกตเห็นความต่างใด ๆ ในการตอบสนองในตอนที่ฉันเชื่อมต่อกับ ExpressVPN เลยเมื่อเทียบกับตอนที่ไม่ได้เชื่อมต่อโปรแกรม VPN ฉันสามารถตามความเร็วที่รวดเร็วของ Counter-Strike และไม่พลาดการต่อสู้ใด ๆ
โดยส่วนใหญ่แล้ว ความเร็วการเล่นเกมของ NordVPN นั้นก็น่าประทับใจ แต่ฉันก็พบกับการกระตุกเล็กน้อยและมันไม่ส่งผลกับการเล่นเกมของฉันมากเท่าไหร่นัก ถึงอย่างนั้นการประมวลผลที่สูงกว่าของ NordVPN ก็อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อการเล่นเกมของคุณได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเร็วพื้นฐานของคุณ
การปลดบล็อกเกมและ DLC ที่ถูกจำกัดตามภูมิภาค
เนื่องจากฉันพำนักอาศัยอยู่ในประเทศออสเตรเลีย ดังนั้นบางครั้งฉันก็ไม่สามารถเข้าถึงเกมและ DLC ใหม่ ๆ จากสหรัฐอเมริกาได้เพราะประเทศของฉันไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเปิดตัวเริ่มต้น หากคุณประสบกับปัญหานี้ คุณสามารถเปลี่ยนหมายเลข IP ของคุณด้วยโปรแกรม VPN เพื่อหลอกให้เว็บไซต์เกมอนุญาตให้คุณเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกปิดกั้นได้
ตอนที่ฉันทดสอบ ExpressVPN และ NordVPN ผู้ให้บริการแต่ละรายปลดบล็อกเกมที่ถูกจำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น ฉันสามารถเข้าถึง PlayerUnknown’s Battlegrounds Lite สำหรับ PC ได้โดยการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ไทยผ่านโปรแกรม VPN ทั้งสอง

ความปลอดภัยในการเล่นเกม
ในการโจมตี DDoS แฮ็กเกอร์จะติดตามหมายเลข IP ของคุณและพยายามปิดเซิร์ฟเวอร์ของคุณลงโดยการทำให้มันทำงานหนักจนเกินไป มันอาจนำไปสู่การกระตุกอย่างรุนแรงหรือเกมปิดตัวลง ฉันคิดว่าการโจมตีเหล่านี้จะพุ่งเป้าไปที่เกมเมอร์ที่มีการแข่งขันเท่านั้น แต่มันเริ่มกลายเป็นเรื่องปกติในการเล่นเกมทั่ว ๆ ไปแล้ว คุณจะมีความเสี่ยงอย่างยิ่งหากคุณเข้าร่วมในการเล่นเกมแบบ P2P ซึ่งจำเป็นต้องมีการเชื่อมต่อระหว่างผู้เล่นโดยตรง คู่แข่งของคุณสามารถดูหมายเลข IP ของคุณและโจมตีคุณได้อย่างง่ายดาย
วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการโจมตี DDoS คือการใช้โปรแกรม VPN เพราะมันจะซ่อนหมายเลข IP ที่แท้จริงของคุณ หากคู่แข่งของคุณพยายามที่จะโจมตีคุณ สิ่งที่พวกเขาจะเห็นคือข้อมูลเข้ารหัสและตำแหน่งของเซิร์ฟเวอร์ VPN
โปรแกรม VPN ทั้งสองโปรแกรมสามารถป้องกันคุณจากการโจมตี DDoS ได้ดีพอ ๆ กันและช่วยให้คุณได้ดื่มด่ำกับการเล่นเกมที่ยุติธรรม เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเข้ารหัสและการป้องกันการรั่วไหลที่ ExpressVPN และ NordVPN ใช้เพื่อปิดบังหมายเลข IP ที่แท้จริงของคุณ ให้ข้ามไปที่ส่วนความปลอดภัย
ผู้ชนะด้านการเล่นเกม: ExpressVPN
9. ความเข้ากันได้กับอุปกรณ์และความต่างของแอป – NordVPN มีฟีเจอร์ในแอปของพวกเขามากกว่า
เพื่อตรวจสอบความเข้ากันได้ของโปรแกรม VPN แต่ละโปรแกรมด้วยตัวเอง ฉันจึงได้ทดสอบมันและพบว่าทั้งสองทำงานได้ดีโดยไม่คำนึงถึงประเภทของอุปกรณ์หรือระบบปฏิบัติการ – แต่ NordVPN มีฟีเจอร์มากกว่า
ความเข้ากันได้กับอุปกรณ์
ExpressVPN และ NordVPN ทำงานได้บน: Windows, macOS, Android, iOS, Linux, Chromecast, Roku, Amazon Fire TV, Android Smart TV, Kodi, Blackberry, Raspberry Pi, Windows Phone, ส่วนขยายสำหรับ Chrome, ส่วนขยายสำหรับ Firefox, ส่วนขยายสำหรับ Opera, PS4, Xbox One, Nintendo Switch, Steam, เราเตอร์และอื่น ๆ อีกมากมาย
ผู้ให้บริการทั้งสองเข้ากันได้กับอุปกรณ์ ระบบปฏิบัติการและส่วนขยายมากมายได้ สำหรับอุปกรณ์ที่ไม่มีแอปเฉพาะให้บริการ (เช่น เกมคอนโซลและ Kodi) พวกมันสามารถถูกกำหนดค่าไปยังเราเตอร์ที่ป้องกันอะไรก็ตามที่เชื่อมต่อกับ WiFi ของคุณได้ นอกจากนี้ ExpressVPN ยังมีภาษาไทยให้บริการในแอปอีกด้วย
ฉันยังพบว่ามันเป็นเรื่องดีที่ ExpressVPN และ NordVPN อนุญาตการเชื่อมต่อในเวลาเดียวกันได้หลายอุปกรณ์ในแต่ละบัญชี ฉันพบว่าฟีเจอร์นี้เป็นฟีเจอร์ที่สะดวกเพราะฉันไม่จำเป็นต้องลงชื่อออกจากบัญชีของฉันเพื่อให้สมาชิกในครอบครัวของฉันเชื่อมต่อได้ NordVPN มอบสิทธิประโยชน์ดังกล่าวได้ดีกว่าโดยอนุญาตให้เชื่อมต่ออุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน 6 อุปกรณ์ (ExpressVPN อนุญาตเพียง 5 อุปกรณ์เท่านั้น)
ความแตกต่างของแอประหว่างระบบปฏิบัติการ
ExpressVPN และ NordVPN มีฟีเจอร์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละระบบปฏิบัติการ
เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับบริการที่คุณต้องการ ฉันแนะนำให้ตรวจสอบแอปที่เฉพาะเจาะจงที่มีให้บริการในแต่ละผู้ให้บริการก่อนที่จะสมัครสมาชิก คุณจะเห็นว่า VPN ทั้งสองต่างเสนอเซิร์ฟเวอร์เฉพาะ โปรโตคอลการเข้ารหัส การกำหนดค่า Split Tunneling และฟีเจอร์ความปลอดภัย (เช่น เครื่องมือปิดกั้นโฆษณา/มัลแวร์) แตกต่างกันไปในแต่ละอุปกรณ์ ตัวอย่างเช่น ExpressVPN ไม่มี Kill Switch ให้บริการสำหรับ iOS (NordVPN มี) แต่มันมี Split Tunneling สำหรับ Windows (NordVPN ไม่มี)
โดยรวมแล้ว NordVPN เสนอการป้องกันอย่างเซิร์ฟเวอร์พิเศษและเครื่องมือปิดกั้นโฆษณา/มัลแวร์ที่ ExpressVPN ไม่มี มันยังเป็นโปรแกรม VPN ที่ยอดเยี่ยมสำหรับ Windows และอุปกรณ์อื่น ๆ อีกด้วย ด้วยเหตุผลดังกล่าว ฉันจึงขอแนะนำให้คุณทดลองใช้ NordVPN สำหรับฟีเจอร์ความปลอดภัยที่โดดเด่นและความเข้ากันได้กับอุปกรณ์จำนวนมาก
ผู้ชนะด้านความเข้ากันได้กับอุปกรณ์และฟีเจอร์ในแอป: NordVPN
10. ความเป็นส่วนตัวและความเป็นนิรนาม – ทั้งสองตั้งอยู่ในประเทศที่เป็นมิตรกับความเป็นส่วนตัว
โปรแกรมทั้งสองเสมอกันในหมวดหมู่นี้เพราะทั้งสอง VPN ต่างก็ตั้งอยู่ในประเทศที่มีกฏหมายเป็นมิตรกับความเป็นส่วนตัวและพวกเขาก็ได้รับการตรวจสอบอิสระแล้ว
ExpressVPN | NordVPN | |
ประเทศที่สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ | หมู่เกาะบริติชเวอร์จิ้น | ปานามา |
สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศ 5, 9, หรือ 14 Eyes | ไม่ | ไม่ |
ข้อมูลผู้ใช้ที่จำเป็นในการลงทะเบียน | ที่อยู่อีเมล | ที่อยู่อีเมล |
ช่องทางการชำระเงินโดยไม่ระบุตัวตน | Bitcoin, Mint | Bitcoin, Litecoin, Ethereum, Zcash, Ripple, Gridcoin, Dash และ Monero |
นโยบายความเป็นส่วนตัวได้รับการตรวจสอบอิสระ | ได้รับการตรวจสอบโดย PwC ในปี 2019 เพื่อรับรองนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานและเทคโนโลยี TrustedServer ทำงานได้จริงตามที่โฆษณา | ได้รับการตรวจสอบโดย PwC PwC ในปี 2018 เพื่อแสดงให้เห็นว่าแนวทางปฏิบัติในการไม่บันทึกข้อมูลนั้นสอดคล้องกับนโยบายของพวกเขา |
Warrant Canary | ไม่พร้อมให้บริการ | โพสต์การอัปเดตรายวันเพื่อยืนยันว่ามันไม่ได้รับคำขอเพื่อให้เปิดเผยข้อมูลผู้ใช้ใด ๆ จากหน่วยงานรัฐบาล |
สถานที่ที่ VPN ตั้งอยู่อย่างเป็นทางการนั้นเป็นสิ่งสำคัญเพราะนั่นอาจส่งผลกระทบต่อวิธีที่มันจัดการกับข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ ExpressVPN และ NordVPN สามารถปฏิบัติตามมาตรฐานการไม่บันทึกข้อมูลของพวกเขาได้เพราะพวกเขาตั้งอยู่ในประเทศที่ที่ไม่ถูกจำกัดโดยกฎหมายเก็บข้อมูล นี่หมายความว่าพวกเขาไม่มีความจำเป็นทางกฎหมายที่จะต้องเก็บบันทึกข้อมูลของคุณ (เช่น เว็บไซต์ที่คุณเยี่ยมชมหรือคุณดาวน์โหลดอะไร)
มันเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ให้บริการทั้งสองนั้นต้องตั้งอยู่นอกเขตพันธมิตร 5, 9 และ 14 Eyes (กลุ่มหน่วยข่าวกรองของประเทศต่าง ๆ ที่แบ่งปันข้อมูลที่ได้รับจากการสอดส่องประชากรขนาดใหญ่) นี่หมายความว่าพวกเขาไม่มีความจำเป็นทางกฎหมายที่จะต้องมอบข้อมูลของผู้ใช้ใด ๆ ให้กับหน่วยงานความปลอดภัยประจำชาติหรือระหว่างประเทศ
ออนไลน์โดยไม่ระบุตัวตนด้วย ExpressVPN
11. นโยบายการบันทึกข้อมูลและการจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้ – ExpressVPN และ NordVPN ไม่เก็บข้อมูลที่อาจเปิดเผยตัวตนของคุณ
ExpressVPN และ NordVPN มีนโนบายการไม่บันทึกข้อมูลที่เข้มงวดและไม่จัดเก็บข้อมูลผู้ใช้ที่สามารถระบุตัวตนได้ นั่นหมายความว่าจะไม่มีกิจกรรมทางออนไลน์ใดที่สามารถถูกนำมาใช้เพื่อติดตามคุณได้
นโยบายการบันทึกข้อมูล
โปรแกรม VPN เกือบทั้งหมดอ้างว่ามีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่เข้มงวด – แต่ฉันไม่เข้าใจว่าจริง ๆ แล้วพวกเขาหมายถึงอะไร ตอนที่ฉันตรวจสอบนโยบายความเป็นส่วนตัวของบริการอื่น ๆ โดยละเอียด ฉันพบว่าบางโปรแกรมบันทึกหมายเลข IP, ประวัติการท่องเว็บและอื่น ๆ อีกมากมายของผู้ใช้ ฉันไม่ชอบแนวคิดที่ VPN บันทึกข้อมูลส่วนบุคคลโดยละเอียดดังกล่าว สำหรับฉันแล้ว มันฟังดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการขายข้อมูลของฉันกับนักโฆษณา (ซึ่งมันตรงกันข้ามกับเหตุผลว่าทำไมฉันถึงใช้โปรแกรม VPN ตั้งแต่แรกอย่างสิ้นเชิง)
ฉันตรวจสอบนโยบายของโปรแกรม VPN ทั้งสองโปรแกรมและพบว่าพวกเขาพูดจริงที่ว่าพวกเขาไม่บันทึกข้อมูล ทั้งสองผู้ให้บริการไม่บันทึกหมายเลข IP, คำถามเกี่ยวกับ DNS, ประวัติการท่องเว็บ, จุดหมายปลายทางของเส้นทางหรือไฟล์ที่ดาวน์โหลด/อัปโหลด ความแตกต่างเล็กน้อยเพียงอย่างเดียวคือ ExpressVPN บันทึก ID บัญชีของคุณ วันที่เชื่อมต่อ (ไม่ใช่เวลา) จำนวนข้อมูลที่ถูกถ่ายโอนและตำแหน่งที่เชื่อมต่อจากและไปยัง เนื่องจากข้อมูลนี้ไม่สามารถเชื่อมโยงกลับไปหาคุณได้ ดังนั้นฉันจึงไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่อะไร
นอกจากนี้ทั้งสอง VPN ยังเข้มงวดอย่างมากกับนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลของพวกเขาซึ่งได้รับการตรวจสอบอิสระโดยผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ – และเผยแพร่ผลลัพธ์ที่ได้ PricewaterhouseCoopers (PwC) ยืนยันว่าแนวทางการปฏิบัติด้านการบันทึกข้อมูลของพวกเขานั้นสอดคล้องกับนโยบายของพวกเขา
ในปี 2017 นโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานของ ExpressVPN ก็ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นเรื่องจริงอีกครั้ง ตอนที่หน่วยงานตุรกีเข้ายึดเซิร์ฟเวอร์ของพวกเขาเนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของการสืบสวนอาชญากรรม พวกเขาไม่พบข้อมูลผู้ใช้ใด ๆ เพราะเทคโนโลยี TrustedServer ของ ExpressVPN ไม่ได้สร้างบันทึกที่อาจระบุตัวตนคุณได้ สำหรับฉันแล้ว ตัวอย่างในชีวิตจริงนี้เป็นหลักฐานเพิ่มเติมว่าคุณสามารถไว้วางใจนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลของ ExpressVPN ได้
การจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้
ทั้งสอง VPN เก็บข้อมูลพื้นฐานบางอย่างเกี่ยวกับคุณ (เช่น ที่อยู่อีเมล ชื่อและช่องทางการชำระเงินของคุณ) ฉันพอใจกับแนวทางการปฏิบัติเหล่านี้เพราะมันช่วยให้ฉันต่ออายุการสมัครสมาชิกใหม่ของฉันเพื่อป้องกันการแทรกแซงบริการได้และไม่มีข้อมูลใด ๆ เหล่านี้ที่สามารถเชื่อมโยงกลับไปหาสิ่งที่คุณทำทางออนไลน์ได้ ถึงอย่างนั้นหากคุณต้องการความเป็นนิรนาม 100% คุณสามารถใช้ที่อยู่อีเมลปลอมและจ่ายเงินค่าบริการด้วยบัตรเติมเงินหรือสกุลเงินดิจิทัลได้
สรุปก็คือพวกเขาเสมอกันในหมวดหมู่นี้เพราะทั้งสองผู้ให้บริการได้พิสูจน์แล้วว่าพวกเขาไม่บันทึกข้อมูลที่อาจเปิดเผยกิจกรรมทางออนไลน์ของคุณ
ออนไลน์อย่างปลอดภัยด้วย ExpressVPN
12. การชำระเงินและการคืนเงิน – ExpressVPN รองรับช่องทางการชำระเงินที่สำคัญมากกว่าเล็กน้อย
แม้ว่าทั้งสองบริการจะรองรับช่องทางการชำระเงินมากมายและมีนโยบายการคืนเงินที่แสนใจกว้าง แต่ ExpressVPN ชนะในหมวดหมู่นี้เพราะมันรองรับช่องทางการชำระเงินที่มีความหลากหลายมากกว่า
ช่องทางการชำระเงิน
ExpressVPN | NordVPN | |
บัตรเครดิตหลัก (Mastercard, Visa, American Express และอื่น ๆ อีกมากมาย) | ใช่ | ใช่ |
Paypal | ใช่ | ไม่ |
Mint | ใช่ | ไม่ |
Bitcoin | ใช่ | ใช่ |
สกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ | ไม่ | Ethereum และ Ripple |
ระบบการชำระเงินยอดนิยมอื่น ๆ | Discover, Diners Club, JCB, Alipay, Union Pay และอื่น ๆ อีกมากมาย | Discover, Google Pay, Apple Pay, Alipay, Union Pay และอื่น ๆ อีกมากมาย |
ผู้ให้บริการทั้งสองรองรับการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตหลักและสกุลเงินดิจทัลมากมาย แต่ฉันพบว่ามันมีความแตกต่างที่สำคัญบางอย่าง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณต้องการความเป็นนิรนาม 100%) ตัวอย่างเช่น ExpressVPN รองรับการชำระเงินผ่าน PayPal และ Mint ในขณะที่ NordVPN ไม่รองรับ เนื่องจากคุณไม่จำเป็นต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ กับ Mint ดังนั้นนี่จึงถือเป็นโบนัสอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้ที่ระมัดระวังเรื่องความเป็นส่วนตัวของพวกเขา
ในทางกลับกัน NordVPN รองรับการชำระเงินผ่านสกุลเงินต่าง ๆ มากมาย (Bitcoin, Ethereum และ Ripple) ในขณะที่ ExpressVPN รองรับเฉพาะ Bitcoin เท่านั้น
การรับประกันยินดีคืนเงิน
โปรแกรม VPN ทั้งสองโปรแกรมเสนอการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน ฉันพบว่าการใช้ประโยชน์จากข้อเสนอนี้คือวิธีในการทดสอบฟีเจอร์ต่าง ๆ ก่อนสั่งซื้อการสมัครสมาชิกในระยะยาวโดยไม่มีความเสี่ยง
การขอรับเงินคืนจาก ExpressVPN และ NordVPN นั้นก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่านแชทออนไลน์ ทั้งสองผู้ให้บริการดำเนินการคืนเงินของฉันภายใน 3 นาทีและฉันก็ได้รับเงินคืนภายในหนึ่งสัปดาห์
ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการลูกค้าของ NordVPN พยายามดึงให้ฉันใช้บริการต่อไป นี่เป็นเรื่องที่น่ารำคาญอยู่บ้างนิดหน่อย แต่เมื่อฉันบอกพวกเขาว่าฉันกำลังรีบ เจ้าหน้าที่ก็ดำเนินการตามคำขอของฉันอย่างรวดเร็ว ในทางกลับกันนโยบายของ ExpressVPN เป็นนโยบายแบบไม่ต้องตอบคำถามอย่างแท้จริงและดำเนินการคืนเงินให้กับฉันทันที
ในระหว่างการค้นคว้าของฉัน ฉันยังพบว่าขั้นตอนการคืนเงินนั้นจะเป็นเรื่องที่ยากมากยิ่งขึ้นหากคุณสั่งซื้อโปรแกรม VPN ผ่านร้านค้าเสมือนอย่าง Apple App Store ในกรณีนี้ผู้ค้าบุคคลที่สามจะเป็นผู้จัดการกับการคืนเงิน (ซึ่งอาจหมายความว่ามันอาจล่าช้าเป็นเวลาหลายสัปดาห์) ด้วยความต่างในเรื่องนโยบายการคืนเงิน ฉันจึงขอแนะนำให้คุณดาวน์โหลดโปรแกรม VPN โดยตรงผ่านเว็บไซต์ผู้ค้า
ผู้ชนะด้านการชำระเงินและการคืนเงิน: ExpressVPN
ออนไลน์อย่างปลอดภัยด้วย ExpressVPN
13. บริการลูกค้า – ทั้งสองมีบริการลูกค้าที่มีประโยชน์และตอบกลับรวดเร็ว
ExpressVPN และ NordVPN มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการลูกค้าที่มีความสามารถที่ตอบกลับอย่างรวดเร็ว (โดยปกติแล้วจะใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีผ่านแชทออนไลน์หรือในไม่กี่นาทีผ่านทางอีเมล)
ไม่มีอะไรแย่ยิ่งไปกว่าการสั่งซื้อการสมัครสมาชิกโปรแกรม VPN และไม่สามารถรับความช่วยเหลือใด ๆ ได้ในตอนที่คุณมีปัญหา คุณจะไม่พบกับปัญหาดังกล่าวในผู้ให้บริการ VPN เหล่านี้ – ผู้ให้บริการทั้งสองเสนอแหล่งข้อมูลมากมายในการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น พวกเขามีบล็อกเพื่อการศึกษาที่มีคำถามที่พบบ่อยและหน้า How-to นอกเหนือจากบริการลูกค้าที่มีประโยชน์
ความเร็วของฝ่ายบริการลูกค้า
ทั้งสองผู้ให้บริการมีการตอบกลับทางแชทออนไลน์แทบจะโดยทันทีตลอด 24 ชั่วโมง ฉันติดต่อฝ่ายบริการทั้งสองในเวลาที่ต่างกันไปของวันและไม่เคยต้องนั่งรอนานเกินกว่าหนึ่งนาทีเพื่อรอให้เจ้าหน้าที่ตอบกลับ พวกเขายังตอบกลับทางอีเมลภายใน 30 นาที ในกรณีของ NordVPN พวกเขายังรองรับการบริการลูกค้าในภาษาไทยอีกด้วย
ExpressVPN | NordVPN | |
แชทออนไลน์ | ใช่ | ใช่ |
ระยะเวลาโดยเฉลี่ยสำหรับการตอบกลับผ่านแชท | 10 วินาที | 12 วินาที |
บริการทางอีเมล | ใช่ | ใช่ |
ระยะเวลาโดยเฉลี่ยสำหรับการตอบกลับผ่านอีเมล | 10 นาที | 18 นาที |
บริการผ่านตั๋ว | ใช่ | ใช่ |
บริการทางโทรศัพท์ | ใช่ | ใช่ |
บทความช่วยเหลือที่ค้นหาได้ | ใช่ | ใช่ |
วิดีโอแนะนำ | ใช่ | ใช่ |
ความสามารถของฝ่ายบริการลูกค้า
ฝ่ายบริการลูกค้าทั้งของ ExpressVPN และ NordVPN ต่างก็มีความสามารถ
คำถาม | ระยะเวลาในการตอบกลับครั้งแรกทางอีเมล | แก้ไขปัญหาได้ | จำนวนอีเมล | |
ExpressVPN | ExpressVPN มี Split Tunneling บน iOS หรือเปล่า? | 15 นาที | ใช่ | 1 |
เทคโนโลยี TrustedServer คืออะไร? | 6 นาที | ใช่ | 1 | |
NordVPN | ฉันสามารถ Torrent บนเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่ใช่ P2P ได้หรือไม่? | 12 นาที | ใช่ | 1 |
CyberSec พร้อมให้บริการบน Android หรือเปล่า? | 24 นาที | ใช่ | 2 |
นี่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับฉันเพราะไม่มีอะไรน่ารำคาญมากไปกว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการลูกค้าที่ไม่รู้วิธีช่วยเหลือ ฉันติดต่อทั้งสอง VPN เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาในการสตรีมมิ่ง ร้องขอเงินคืนและขอคำอธิบายเกี่ยวกับว่าฟีเจอร์ต่าง ๆ ทำงานอย่างไร เจ้าหน้าที่จากทั้งสองบริษัทตอบคำถามฉันได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำเสมอ
และผู้ชนะก็คือ… ExpressVPN (ด้วยคะแนนนำเล็กน้อย)
อ้างอิงตามการทดสอบของฉัน คะแนนสุดท้ายคือ 6 ชัยชนะสำหรับ ExpressVPN, 3 ชัยชนะสำหรับ NordVPN และเสมอกัน 4 ExpressVPN เป็นผู้ชนะในหมวดหมู่ส่วนใหญ่ แต่ NordVPN ก็เป็นอันดับสองที่สูสีอย่างมาก
-
- ราคา: NordVPN
- การปลดบล็อก Netflix และการสตรีมมิ่ง: ExpressVPN
- เซิร์ฟเวอร์และการหลีกเลี่ยงข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์: เสมอ
- ความเร็ว: ExpressVPN
- ความปลอดภัย: NordVPN
- ความปลอดภัยและความเร็วในการ Torrenting: ExpressVPN
- มันใช้งานในประเทศจีนได้ไหม?: ExpressVPN
- การเล่นเกม: ExpressVPN
- ความเข้ากันได้กับอุปกรณ์และความแตกต่างของแอป: NordVPN
- ความเป็นส่วนตัวและความเป็นนิรนาม: เสมอ
- นโยบายการบันทึกข้อมูลและการจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้: เสมอ
- การชำระเงินและการคืนเงิน: ExpressVPN
- บริการลูกค้า: เสมอ
สรุปก็คือบริการทั้งสองเป็นบริการที่ยอดเยี่ยมและคุณควรตัดสินใจตามความต้องการ VPN ที่เฉพาะเจาะจงของคุณ
หากคุณต้องการการสตรีมมิ่ง การเล่นเกมหรือ Torrenting โดยไม่มีการรบกวน ให้ลองใช้ ExpressVPN และความเร็วที่ยอดเยี่ยมของพวกเขา มันยังสามารถเอาชนะ NordVPN ในเรื่องการหลีกเลี่ยงการปิดกั้นทางภูมิศาสตร์ในประเทศที่มีการเซ็นเซอร์เข้มงวดอย่างประเทศจีนได้มากกว่าอีกด้วย
ถึงอย่างนั้นฉันก็แนะนำให้คุณลองใช้ NordVPN หากคุณมีงบประมาณจำกัดหรือต้องการโปรแกรม VPN ที่มีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่เฉพาะเจาะจง (เช่น เครื่องมือปิดกั้นโฆษณาและมัลแวร์หรือ Double VPN)
หากคุณยังไม่สามารถตัดสินใจได้ ฉันขอแนะนำให้คุณทดลองใช้ทั้งสอง VPN ฟรีโดยใช้การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วันของพวกเขา เมื่อคุณดำเนินการทดสอบในช่วงเวลาดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่คุณต้องทำคือขอเงินคืนจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการลูกค้า นี่เป็นวิธีที่ปราศจากความเสี่ยงที่ดีที่สุดในการทำให้มั่นใจได้ว่าคุณเลือกโปรแกรม VPN ที่เหมาะสม
ผู้ชนะโดยรวม: ExpressVPN