วิธีชำระเงินสำหรับ Disney+ จากทุกที่ — ยังคงใช้งานได้ในปี 2022!
การชำระเงินสำหรับ Disney+ ไม่ใช่เรื่องง่ายหากคุณพำนักอาศัยอยู่ประเทศที่ไม่มีให้บริการ Disney ตรวจสอบหมายเลข IP ของคุณและประเทศของช่องทางการชำระเงิน ณ เวลาที่คุณสมัครสมาชิก – และปิดกั้นการสมัครสมาชิกของคุณหากมันไม่ตรงกัน
โชคดีที่คุณยังมีตัวเลือกอื่นหากคุณทำงานอยู่ต่างประเทศหรือบัตรเครดิตของคุณเกิดหมดอายุตอนที่คุณไปพักร้อน เครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN) สามารถเชื่อมต่อคุณกับเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกได้ซึ่งช่วยให้คุณสามารถชำระเงินสำหรับบัญชี Disney+ ของคุณด้วยหมายเลข IP ในท้องถิ่นได้
VPN ที่ดีที่สุดในปี 2022 คือ ExpressVPN ที่มีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 3000 เซิร์ฟเวอร์ใน 94 ประเทศพร้อมความเร็วที่รวดเร็ว คุณสามารถลองใช้ ExpressVPN กับ Disney+ โดยปราศจากความเสี่ยงได้เนื่องจากมันมีการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน หากคุณไม่พึงพอใจ การขอเงินคืนเต็มจำนวน (ไม่ต้องตอบคำถาม) ก็ไม่ใช่เรื่องยาก
ชำระเงินสำหรับ Disney+ ด้วย ExpressVPN
คำแนะนำลัด: วิธีชำระเงินสำหรับ Disney+ จากต่างประเทศในปี 2022
- เพื่อสมัครสมาชิก Disney+ ผ่าน Google Play Store โดยใช้อุปกรณ์ Android ให้ตรวจสอบขั้นตอนที่นี่
- สำหรับอุปกรณ์ iOS คุณสามารถลงทะเบียนและชำระเงินสำหรับ Disney+ ผ่าน iTunes ได้ – ดูวิธีการดังกล่าวโดยการข้ามไปยังคำแนะนำนี้
- หากคุณต้องการสั่งซื้อบัตรของขวัญเสมือนจริงเพื่อสมัครสมาชิก Disney+ คุณสามารถทำเช่นนั้นได้โดยการปฏิบัติตามคำแนะนำทีละขั้นตอนเหล่านี้
- นอกจากนี้คุณยังมีตัวเลือกในการลงทะเบียน Disney+ โดยใช้ PayPal ได้อีกด้วย – แค่ปฏิบัติตามคำแนะนำนี้
วิธีชำระเงินสำหรับ Disney+ บน Google Play Store
คุณสามารถใช้ช่องทางนี้ได้หากคุณมีสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต Android, สมาร์ททีวีหรือ Amazon Fire TV หรือ Firestick อย่าลืมเก็บโทรศัพท์เอาไว้ใกล้ตัวคุณ – บางครั้ง Google ก็ต้องการการยืนยันผ่านโทรศัพท์เพื่อตรวจสอบดูว่าคุณและบัญชีของคุณอยู่ในประเทศเดียวกัน
- ดาวน์โหลด VPN และเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกา ExpressVPN มีเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกาที่น่าเชื่อถือและรวดเร็วนับร้อยเซิร์ฟเวอร์ แถมการเข้ารหัสระดับทหารเพื่อปิดบังหมายเลข IP ที่แท้จริงของคุณ
- ซื้อบัตรของขวัญของสหรัฐอเมริกาบน Google Play ใน Amazon.com ส่งบัตรของขวัญไปยังที่อยู่อีเมลของคุณเพื่อที่คุณจะได้สามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย
- สร้างบัญชี Google Play ใหม่
- ไปยัง “การตั้งค่า” ของอุปกรณ์ของคุณ, คลิกที่ “Google” และจากนั้นก็คลิก “เพิ่มบัญชีอื่น”
- เพิ่มที่อยู่อีเมลใหม่ – นี่ควรเป็นที่อยู่อีเมลที่แตกต่างจากที่อยู่อีเมล Google Play หลักของคุณ
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าตำแหน่งของบัญชีใหม่ของคุณอยู่ในสหรัฐอเมริกา
- เปิดร้านค้า Google Play และลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชีใหม่ของคุณ
- แลกรับบัตรของขวัญของคุณด้วยบัญชีใหม่ Google Play Store จะยอมรับบัตรของขวัญจากสหรัฐอเมริกาเท่านั้นและร้องขอหมายเลขโทรศัพท์ในท้องถิ่นและรหัสไปรษณีย์ รหัสไปรษณีย์และหมายเลขโทรศัพท์ในสหรัฐอเมริกาใด ๆ ก็สามารถใช้งานได้
- ดาวน์โหลดแอป Disney+ ลงบนอุปกรณ์ของคุณจาก Google Play Store และสร้างบัญชีของคุณ Disney+ จะยอมรับบัตรของขวัญของคุณในฐานะช่องทางการชำระเงินในสหรัฐอเมริกา
- เริ่มรับชมรายการและภาพยนตร์ Disney+ สุดโปรดของคุณได้เลย!
ชำระเงินสำหรับ Disney+ ด้วย ExpressVPN
วิธีชำระเงินสำหรับ Disney+ บน Apple iTunes
สำคัญ: ถ้าคุณลงทะเบียนสำหรับ VPN ที่มีการรับประกันยินดีคืนเงิน อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้สมัครสมาชิกผ่านเว็บไซต์ทางการ (ไม่ใช่ Google Play หรือ App Stores) มิเช่นนั้น คุณจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกำหนดของร้านค้านั้น ๆ
คุณจะต้องมี Mac, iPhone, iPad หรือ Apple TV เพื่อชำระเงินสำหรับ Disney+ บน iTunes
- ดาวน์โหลด VPN และเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกา บริการอย่าง ExpressVPN มีเซิร์ฟเวอร์ Obfuscated ที่จะปิดบังการรับส่งข้อมูล VPN ของคุณซึ่งทำให้การเชื่อมต่อไปยังประเทศอื่น ๆ โดยไม่เปิดเผยตัวตนเป็นเรื่องง่าย
- เยี่ยมชมเว็บไซต์ Apple และสร้าง Apple ID ใหม่ ลงชื่อออกจากบัญชีที่มีอยู่แล้วของคุณก่อนและจากนั้นให้เลือกสหรัฐอเมริกาเป็น “ประเทศ/ภูมิภาค” ของคุณ ปล่อยให้ส่วน “ข้อมูลการชำระเงิน” เว้นว่างเอาไว้ (คุณสามารถใช้หมายเลขโทรศัพท์จริงของคุณได้เนื่องจากสิ่งนี้จะไม่ก่อให้เกิดปัญหาในการเปลี่ยนภูมิภาคของคุณ)
- ซื้อบัตรของขวัญ App Store บน Amazon.com ส่งบัตรของขวัญไปยังที่อยู่อีเมลของคุณ – คุณน่าจะได้รับบัตรของขวัญภายใน 30 นาที แต่บางครั้งอาจใช้เวลานานสูงสุดถึง 24 ชั่วโมง
- ลงชื่อเข้าใช้บน App Store ด้วย Apple ID ของสหรัฐอเมริกาใหม่ของคุณ ยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขและคลิก “ดำเนินการต่อ”
- เลือกตัวเลือกชำระเงินและที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา เลือก “ไม่มี” สำหรับตัวเลือกชำระเงินของคุณและกรอกที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ในสหรัฐอเมริกาลงในส่วนที่อยู่สำหรับเรียกเก็บเงิน
- Apple ID ใหม่ของคุณตอนนี้ก็พร้อมใช้งานแล้ว คลิก “ดำเนินการต่อ”
- ไปยังบัญชีของคุณและคลิก “แลกรับบัตรของขวัญ” กรอกรหัสบัตรของขวัญ App Store ของคุณจากที่อยู่อีเมลและรอให้ระบบปรับยอดเงินเข้าบัญชีของคุณ
- หากคุณยังไม่ได้ใช้งานมัน ให้เปลี่ยนอุปกรณ์ไปเป็นอุปกรณ์ที่คุณต้องการรับชม Disney+ คุณจะต้องเปิดใช้งานแอป VPN ของคุณและเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกา
- ลงชื่อเข้าใช้บน App Store ด้วย Apple ID ใหม่ของคุณ จากนั้นให้ดาวน์โหลดและเปิดใช้งานแอป Disney+
- เปิดแอป Disney+ และสร้างบัญชีของคุณ แอปจะแนะนำคุณผ่านขั้นตอนต่าง ๆ ทีละขั้นตอนตั้งแต่กรอกอีเมลของคุณไปจนถึงแผนการสมัครสมาชิก
- Apple จะชำระเงินสำหรับการสมัครสมาชิก Disney+ ของคุณโดยใช้เครดิตบัตรของขวัญโดยอัตโนมัติ ตอนนี้บัญชี Disney+ ของคุณก็พร้อมใช้งานแล้ว!
ชำระเงินสำหรับ Disney+ ด้วย ExpressVPN
วิธีรับบัตรของขวัญเสมือนจริงของสหรัฐอเมริกาสำหรับ Disney+
หากคุณไม่ต้องการสมัครสมาชิกผ่าน Google Play Store หรือ Apple App Store คุณสามารถเพิ่มเงินทุนของคุณไปยังบัตรเสมือนจริงของสหรัฐอเมริกาและชำระเงินสำหรับการสมัครสมาชิก Disney+ ของคุณได้
- ดาวน์โหลด VPNและเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกา
- เยี่ยมชมเว็บไซต์ เช่น GiftCards.com เพื่อสร้างบัตรของขวัญเสมือนจริงของสหรัฐอเมริกา บัตรเสมือนจริงเหล่านี้ใช้งานได้สำหรับการใช้งานในสหรัฐอเมริกาและพร้อมให้บริการสำหรับการสั่งซื้อออนไลน์เท่านั้น
- เพิ่มเงินทุนไปยังบัตรของขวัญเสมือนจริงของคุณและส่งมันไปยังที่อยู่อีเมลของคุณ คุณสามารถเพิ่มเงินโดยใช้บัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตก็ได้
- หลังจากที่ได้รับแล้ว ให้เปิดใช้งานบัตรของขวัญเสมือนจริงของสหรัฐอเมริกา ผู้ค้าปลีกบางรายจะเปิดใช้งานบัตรของขวัญ Visa ล่วงหน้า แต่คุณอาจเปิดใช้งานบัตรก่อนชำระเงินสำหรับ Disney+ ได้
- เยี่ยมชมเว็บไซต์ Disney+ และสร้างบัญชี หากคุณมีบัญชีเดิม คุณสามารถลงชื่อเข้าใช้และไปยังรายละเอียดบัญชีและข้อมูลการชำระเงินของคุณ
- กรอกรายละเอียดบัตรเสมือนจริงของสหรัฐอเมริกาเป็นช่องทางการชำระเงินของคุณ คุณต้องมีข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมดซึ่งรวมถึงหมายเลขบัตร วันหมดอายุและรหัสเพื่อความปลอดภัย
- ชำระเงินสำหรับการสมัครสมาชิก Disney+ ของคุณและเริ่มสตรีมมิ่งได้เลย! หลังจากที่คุณกรอกข้อมูลเหล่านี้แล้ว บัญชีของคุณจะได้รับการตั้งค่าและคุณจะสามารถรับชมเนื้อหา Disney+ ได้เลย
ชำระเงินสำหรับ Disney+ ด้วย ExpressVPN
วิธีลงทะเบียนสำหรับ Disney+ ด้วย PayPal และ Revolut
Disney+ รองรับ PayPal เป็นช่องทางการชำระเงิน แต่เฉพาะหากตำแหน่ง PayPal ของคุณตรงกับประเทศของ Disney+ เท่านั้น หากคุณมีบัญชี PayPal ที่อยู่นอกสหรัฐอเมริกา คุณจะต้องใช้ VPN เพื่อให้มั่นใจว่าบัญชีของคุณอยู่ในสหรัฐอเมริกาและคุณจะสามารถชำระเงินค่า Disney+ ได้โดยไม่มีปัญหา
- ดาวน์โหลด VPNและเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกา
- เยี่ยมชมเว็บไซต์ PayPal และสร้างบัญชีใหม่ คุณจะต้องกรอกรายละเอียดที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาของคุณ ตัวอย่างเช่นคุณสามารถกรอกบรรทัดแรกของที่อยู่ปัจจุบันของคุณ จากนั้นก็เลือกรัฐในสหรัฐอเมริกาและรหัสไปรษณีย์ (เช่น แอริโซนา 85055)
- สร้างบัญชี Revolut คุณสามารถเชื่อมโยงบัญชีนี้กับบัญชีธนาคารปัจจุบันของคุณและ Revolut จะมอบบัตรเสมือนจริงให้กับคุณ
- เชื่อมโยงบัตรเสมือนจริงของ Revolut กับบัญชี PayPal ของคุณ คุณจะพบสิ่งนี้ได้ในแดชบอร์ดบัญชีของคุณด้านล่าง “เชื่อมโยงบัตรหรือธนาคาร”
- เชื่อมต่อ VPN, เยี่ยมชม Disney+ และสร้างบัญชี นอกจากนี้คุณยังสามารถลงชื่อเข้าใช้บัญชีเดิมที่มีอยู่เพื่อเปลี่ยนช่องทางการชำระเงินได้อีกด้วย
- เลือกช่องทางการชำระเงิน “PayPal” และเลือกตัวเลือกการสมัครสมาชิกของคุณ มี 2 ตัวเลือก ได้แก่ รายเดือนหรือรายปี
- ดำเนินการสั่งซื้อของคุณ Disney+ จะดึงเงินค่าสมัครสมาชิกจากบัญชี PayPal ซึ่งเชื่อมโยงกับบัตรเสมือนจริงของ Revolut ของคุณ – การชำระเงินจะมาจากบัญชีธนาคารของคุณ
- เริ่มต้นสตรีมมิ่งเนื้อหา Disney+ ได้เลย! หลังจากที่การชำระเงินได้รับการดำเนินการแล้ว คุณจะสามารถเริ่มต้นรับชมรายการและภาพยนตร์เรื่องโปรดของคุณได้เลย
ชำระเงินสำหรับ Disney+ ด้วย ExpressVPN
VPN ที่ดีที่สุดสำหรับ Disney+ ในปี พฤษภาคม 2022
1. ExpressVPN – ความเร็วที่รวดเร็วสำหรับการสตรีมมิ่ง Disney+ โดยปราศจากการกระตุก
ฟีเจอร์หลัก:
- มีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 3000 เซิร์ฟเวอร์ใน 94 ประเทศ
- ใช้งานได้ 5 อุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน
- ฝ่ายสนับสนุนลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมงผ่านแชทออนไลน์และอีเมล
- การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน
ExpressVPN มีเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกที่รวดเร็วมาก ๆ สำหรับการสตรีมมิ่ง Disney+ ฉันประสบกับความเร็วที่ลดลงเล็กน้อยเพียง 18% จากความเร็วอินเทอร์เน็ตมาตรฐานของฉันเท่านั้น – นี่ถือเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจเมื่อพิจารณาถึงบางเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกลมากกว่า 15,000 กิโลเมตร ในกรณีส่วนใหญ่ ความเร็วในการดาวน์โหลดของฉันนั้นรวดเร็วมากพอสำหรับการสตรีมมิ่งในความละเอียดระดับ Ultra HD โดยไม่มีการกระตุก สะดุดหรือการรบกวน
ในฐานะแฟนสตรีมมิ่ง ฉันยังตื่นเต้นที่ได้พบว่า ExpressVPN ทำงานร่วมกันกับ Netflix ของสหรัฐอเมริกา, Amazon Prime Video, HBO Max, Hulu, SlingTV, YouTube TV, DAZN, BBC iPlayer และอื่น ๆ อีกมากมายได้อีกด้วย
ใช้เวลาในการดาวน์โหลดแอป VPN เวอร์ชันภาษาไทยน้อยกว่า 5 นาทีลงบนอุปกรณ์ Windows, Mac, iOS และ Android นอกจากนี้คุณยังสามารถติดตั้ง MediaStreamer เพื่อเปลี่ยนเส้นทางอินเทอร์เน็ตของคุณผ่านเซิร์ฟเวอร์ DNS ส่วนตัวในสหรัฐอเมริกาได้อีกด้วย การเชื่อมต่อ MediaStreamer นั้นไม่ได้รับการเข้ารหัส แต่ก็มีประโยชน์หากคุณต้องการสตรีม Disney+ บนอุปกรณ์ที่ไม่รองรับ VPN (เช่น เกมคอนโซล) นอกจากนี้แอปสำหรับเราเตอร์เองก็อนุญาตให้คุณเชื่อมต่ออุปกรณ์ทั้งหมดในครัวเรือนของคุณกับ ExpressVPN ด้วยเช่นกัน
คุณสามารถมั่นใจได้ว่ารายละเอียดการลงชื่อเข้าใช้ Disney+ และข้อมูลอื่น ๆ ของคุณจะไม่มีวันถูกเก็บบันทึกเอาไว้โดย ExpressVPN กิจกรรมบนอินเทอร์เน็ตทั้งหมดได้รับการป้องกันด้วยการเข้ารหัสระดับทหาร, Kill Switch และการป้องกันการรั่วไหล นโยบายความเป็นส่วนตัวของ ExpressVPN ได้รับการตรวจสอบแล้วและรับประกันได้ว่าจะไม่มีการติดตามประวัติการท่องเว็บใด ๆ ของคุณทั้งสิ้น
คุณสามารถลองใช้ ExpressVPN กับ Disney+ โดยปราศจากความเสี่ยงได้เนื่องจากมันมีการรับประกัน 30 วัน หากคุณไม่พึงพอใจ คุณสามารถขอรับเงินคืนโดยไม่ต้องตอบคำถามได้ ฉันทดสอบเรื่องนี้ด้วยตัวเองและการขอเงินคืนนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก ฉันติดต่อแชทออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมงและเจ้าหน้าที่ก็จัดการกับคำขอของฉันภายในระยะเวลาน้อยกว่า 5 นาที ฉันได้รับเงินกลับคืนมาในระยะเวลาเพียง 5 วันเท่านั้น
ExpressVPN ทำงานได้บน: Windows, Android, macOS, iOS, Linux, Chrome, Firefox, PlayStation, Xbox, สมาร์ททีวี, Apple TV, Amazon Fire Stick, Amazon Fire TV, เราเตอร์และอื่น ๆ อีกมากมาย
ExpressVPN ยังสามารถปลดบล็อก: Netflix, Amazon Prime Video, Hulu, Vudu, HBO Max, BBC iPlayer, SlingTV, SHOWTIME, DAZN, ESPN, ITV และอื่น ๆ อีกมากมาย
อัปเดต พฤษภาคม 2022! ExpressVPN ปรับลดราคาภายในช่วงระยะเวลาที่จำกัดเหลือเพียง $6.67 ต่อเดือนเท่านั้นในแผนให้บริการแบบ 1 ปี (คุณสามารถประหยัดเงินได้สูงสุดถึง 49%) + รับเพิ่มอีก 3 เดือนฟรี! นี่เป็นข้อเสนอจำกัดเวลา ดังนั้นอย่าลืมคว้ามันเอาไว้เลยตอนนี้ก่อนที่มันจะหายไป ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสนอนี้ได้ที่นี่
2. CyberGhost – เซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการปรับแต่งเพื่อการสตรีมมิ่งเพื่อรับประกันสิทธิ์ในการเข้าถึง Disney+
ฟีเจอร์หลัก:
- มีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 7 เซิร์ฟเวอร์ใน 91 ประเทศ แถมเซิร์ฟเวอร์ Disney+ ที่เฉพาะเจาะจงในอินเดีย อิตาลีและสหรัฐอเมริกา
- ทำงานได้ 7 อุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน
- ฝ่ายบริการลูกค้าที่มีแชทออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง อีเมลและฐานข้อมูลออนไลน์
- การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 45 วัน
CyberGhost มีเซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการปรับแต่งมากมายเฉพาะสำหรับการสตรีมมิ่ง Disney+ ในสหรัฐอเมริกา อิตาลีและอินเดีย เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้ได้รับการทดสอบโดย CyberGhost เป็นประจำเพื่อให้มั่นใจว่าการเชื่อมต่อของคุณนั้นราบรื่นทุกครั้ง
หากคุณต้องการสิทธิ์ในการเข้าถึง Disney+ ในประเทศอื่น คุณสามารถเชื่อมต่อกับหนึ่งในเซิร์ฟเวอร์มาตรฐานของ CyberGhost ได้ อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกเซิร์ฟเวอร์มาตรฐานจะสามารถใช้งานกับ Disney+ ได้ – ตัวอย่างเช่นเซิร์ฟเวอร์ในลาสเวกัสและนิวยอร์กสามารถใช้งานได้ แต่ไม่มีที่ไหนในสหรัฐอเมริกาที่ใช้งานได้เลย คุณอาจต้องเชื่อมต่อหลายครั้งเพื่อค้นหาเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้งานได้หรือต้องติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าหากปัญหาดังกล่าวยังคงอยู่
CyberGhost มีการรับประกันยินดีคืนเงินที่แสนใจกว้างถึง 45 วันซึ่งเหมาะเป็นอย่างยิ่งหากคุณต้องการใช้งาน VPN ในระยะเวลาสั้น ๆ คุณยังสามารถลองใช้ CyberGhost กับ Disney+ และรับเงินคืนเต็มจำนวนได้หลังจากที่คุณใช้งานเสร็จแล้ว กระบวนการขอเงินคืนนั้นเรียบง่ายมากโดยเจ้าหน้าที่แชทออนไลน์ใช้เวลาเพียงสองสามนาทีในการจัดการกับคำขอของฉัน ฉันได้รับเงินคืนเข้าบัญชีของฉันในเวลาน้อยกว่าหนึ่งสัปดาห์
CyberGhost ทำงานได้บน: Windows, Android, Mac, iOS, Linux, สมาร์ททีวี, Apple TV, Amazon Fire Stick, Amazon Fire TV, เราเตอร์และอื่น ๆ อีกมากมาย
CyberGhost ยังสามารถปลดบล็อก: Netflix, Amazon Prime Video, Vudu, HBO Max, SlingTV, SHOWTIME, DAZN, ESPN, ITV และอื่น ๆ อีกมากมาย
อัปเดต พฤษภาคม 2022! คุณสามารถสมัครสมาชิก CyberGhost ได้ในราคาแสนถูกเพียง $2.29 ต่อเดือน + รับเพิ่มฟรี 3 เดือนฟรีในแผนให้บริการแบบ 3 ปี (ประหยัดได้สูงสุดถึง 83%)! นี่เป็นข้อเสนอจำกัดเวลา ดังนั้นอย่าลืมคว้ามันเอาไว้ก่อนตอนนี้ก่อนมันจะหายไป ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสนอนี้ได้ที่นี่
3. Private Internet Access – เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่เพื่อเข้าถึง Disney+ จากทั่วโลก
ฟีเจอร์หลัก:
- มีเซิร์ฟเวอร์ 34400 เซิร์ฟเวอร์ใน 84 ประเทศ
- สตรีมได้ 10 อุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน
- มีฝ่ายสนับสนุนลูกค้าพร้อมให้บริการผ่านแชทออนไลน์และอีเมล
- การรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน
Private Internet Access (PIA) มีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่มากกว่า 34400 เซิร์ฟเวอร์ใน 84 ประเทศ ในระหว่างการทดสอบ PIA ไม่มีปัญหาในการเชื่อมต่อกับ Disney+ ด้วยเซิร์ฟเวอร์ในออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส อินเดีย เนเธอร์แลนด์ ไทย สหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ตามความเร็วของฉันช้าลงประมาณ 44% โดยเฉลี่ย ความเร็วที่ลดลงนี้เกิดขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่ฉันเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกลออกไป ฉันขอแนะนำให้เปลี่ยนโปรโตคอลจาก OpenVPN เป็น WireGuard เพื่อลดการสูญเสียความเร็วดังกล่าว แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังอาจประสบกับความล่าช้าอย่างมากได้หากคุณมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ช้า
คุณสามารถใช้ PIA บนอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ถึง 10 อุปกรณ์อุปกรณ์ในบัญชีเดียว แอปของ PIA ยังพร้อมให้บริการในภาษาไทยเพื่อประสบการณ์การใช้งานผู้ใช้ที่ดียิ่งขึ้นด้วย คุณยังสามารถลองใช้ Private Internet Access กับ Disney+ โดยไม่มีความเสี่ยงได้ด้วยการรับประกันยินดีคืนเงินภายใน 30 วัน หากคุณเกิดเปลี่ยนใจในภายหลัง คุณก็สามารถขอเงินคืนเต็มจำนวนได้ง่าย ๆ
PIA ทำงานได้บน: Windows, Android, macOS, iOS, Linux, สมาร์ททีวี, Apple TV, Amazon Fire Stick, Amazon Fire TV, เราเตอร์และอื่น ๆ อีกมากมาย
PIA ยังสามารถปลดบล็อก: Netflix, Amazon Prime Video, HBO Max, SlingTV, SHOWTIME, ESPN, ITV และอื่น ๆ อีกมากมาย
รับชม Disney+ ด้วย Private Internet Access
อัปเดต พฤษภาคม 2022! สำหรับในช่วงระยะเวลาที่จำกัดเท่านั้น ประหยัดเงิน 82% ในแผนให้บริการแบบ 2 ปี + รับเพิ่มอีก 2 เดือนฟรี! เร็วเข้าและคว้าข้อเสนอนี้ได้เลยที่นี่!
ตารางเปรียบเทียบ: จัดอันดับ VPN สำหรับ Disney+ ที่ดีที่สุดแห่งปี 2022
ปลดบล็อก Disney+ | ความเร็ว | เซิร์ฟเวอร์ | ขีดจำกัดอุปกรณ์ | การรับประกันยินดีคืนเงิน | |
ExpressVPN | ✔ | ยอดเยี่ยม | มากกว่า 3000/94 ประเทศ | 5 | 30 วัน |
CyberGhost | ✔ | รวดเร็ว | มากกว่า 7500/91 ประเทศ | 7 | 45 วัน |
Private Internet Access | ✔ | รวดเร็ว | มากกว่า 34400/84 ประเทศ | 10 | 30 วัน |
คำถามที่พบบ่อย: VPNs และ Disney+
ทำไมฉันถึงไม่สามารถชำระเงินสำหรับ Disney+ ได้?
เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าคุณไม่สามารถชำระเงินสำหรับ Disney+ ได้เพราะตำแหน่งอุปกรณ์ทางกายภาพและตำแหน่งช่องทางการชำระเงินของคุณไม่ตรงกัน คุณมีแนวโน้มที่จะพบกับข้อความผิดพลาดนี้:
ไม่สามารถสมัครสมาชิกได้:
ช่องทางการชำระเงินของคุณไม่ตรงกับประเทศที่คุณลงทะเบียน กรุณาเปลี่ยนช่องทางการชำระเงินที่ตรงกับประเทศดังกล่าว
หากคุณเดินทางไปยังต่างประเทศชั่วคราว VPN สามารถช่วยปิดบังหมายเลข IP ของอุปกรณ์ของคุณได้ ExpressVPN ใช้การเข้ารหัสขั้นสูงเพื่อปิดบังหมายเลข IP ของคุณและแทนที่หมายเลขดังกล่าวเป็นหมายเลข IP จากเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลก วิธีการนี้ คุณจะสามารถทำให้อุปกรณ์ของคุณดูเหมือนอยู่ในประเทศบ้านเกิดของคุณ (ที่ที่คุณมีช่องทางการชำระเงินที่ตรงกัน) ได้
ฉันสามารถชำระเงินสำหรับ Disney+ โดยไม่ใช้บัตรเครดิตได้ไหม?
ได้ ฉันบอกช่องทางต่าง ๆ มากมายสำหรับการลงทะเบียนการสมัครสมาชิก Disney+ หากคุณไม่มีบัตรเครดิตหรือบัตรของคุณหมดอายุในขณะกำลังเดินทางไปยังต่างประเทศเอาไว้ให้แล้ว วิธีดังกล่านั้นรวมถึงการสมัครสมาชิกผ่าน Google หรือ Apple iTunes, การใช้บัตรของขวัญเสมือนจริงหรือการชำระเงินด้วยบัญชี PayPal หรือ Revolut ของคุณ
ฉันสามารถรับชม Disney+ บนอุปกรณ์ต่าง ๆ มากกว่า 1 อุปกรณ์ได้ไหม?
ได้! ตอนที่คุณลงทะเบียนสำหรับบัญชี Disney+ คุณจะสามารถสตรีมบนอุปกรณ์ต่าง ๆ ในเวลาเดียวกันได้สูงสุดถึง 4 อุปกรณ์ หากคุณต้องการสิทธิ์ในการเข้าถึง Disney+ ด้วย VPN คุณจะต้องการบริการที่รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ในเวลาเดียวกันอย่างน้อย 4 อุปกรณ์ (เช่น ExpressVPN หรือ CyberGhost)
โชคดีที่ VPN ทั้งหมดในรายการของฉันรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์จำนวนมากกว่าจำนวนที่ Disney+ อนุญาต หากคุณต้องการเพิ่มจำนวนอุปกรณ์ที่คุณใช้ ฉันขอแนะนำ IPVanish เนื่องจากมันไม่จำกัดจำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อในเวลาเดียวกัน แค่ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้ใช้เซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกาเมื่อคุณเชื่อมต่อเนื่องจากความสามารถของ IPVanish ในการเข้าถึง Disney+ นั้นอาจถูกจำกัดได้
ฉันสามารถใช้ VPN ฟรีสำหรับ Disney+ ได้หรือไม่?
มันก็แล้วแต่ ทีมงานของฉันและฉันได้ทดสอบ VPN ฟรีที่ดีที่สุดในปี 2022 ซึ่งจะดูแลให้รายละเอียดการลงชื่อเข้าใช้ Disney+ และข้อมูลการเรียกเก็บเงินของคุณปลอดภัย – แต่ไม่มีบริการใดเลยที่สตรีมมิ่งได้ดีมาก ๆ คุณจะได้พบกับข้อมูล แบนด์วิดธ์หรือการเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ที่จำกัดซึ่งน่าผิดหวังตอนที่คุณต้องการจะดูหนังสักตอนในความละเอียดระดับ HD ให้จบ (ไม่น่าเป็นไปได้ว่าคุณจะมีข้อมูลที่มากพอที่จะรับชมภาพยนตร์ให้จบสักเรื่อง)
หากคุณกำลังมองหา VPN ฟรีที่ไม่มีขีดจำกัด ฉันขอแนะนำให้คุณค้นหาอย่างระมัดระวัง มี VPN ฟรีที่น่ากลัวมากมายที่ให้คุณ “จ่ายเงิน” โดยการติดตามการเคลื่อนไหวทางออนไลน์และจัดเก็บข้อมูลของคุณ ข้อมูลเหล่านี้จะถูกขายให้กับบุคคลที่สามตั้งแต่นักโฆษณาไปจนถึงแฮกเกอร์
นอกจากนี้ฉันยังขอแนะนำ VPN พรีเมียมอย่าง CyberGhost เนื่องจากมันมาพร้อมกับการรับประกันยินดีคืนเงินในระยะยาวถึง 45 วัน คุณสามารถใช้มันเป็นเวอร์ชันทดลองใช้งานฟรีได้ – แค่ใช้ CyberGhost ฟรีเพื่อลงทะเบียน Disney+ และจากนั้นก็ขอเงินคืนเต็มจำนวนหลังจากที่คุณใช้งานเสร็จแล้ว
ลองใช้ CyberGhost ฟรีเลยวันนี้
อย่าพลาดรายการ Disney+ สุดโปรดของคุณ
หากคุณเดินทางไปยังต่างประเทศและต้องการชำระเงินสำหรับ Disney+ คุณอาจพบกับหน้าที่ปิดกั้นเพราะช่องทางการชำระเงินของคุณไม่ตรงกับตำแหน่งของคุณ โชคดีที่บริการ VPN พรีเมียมจะปิดบังหมายเลข IP ของคุณและให้คุณชำระเงินสำหรับบริการสตรีมมิ่งได้จากทุกที่
ฉันทดสอบ VPN มากกว่า 50 บริการและฉันพบว่า ExpressVPN เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับ Disney+ ในปี 2022 เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกมีความเร็วที่รวดเร็วและแบนด์วิดธ์ไม่จำกัดซึ่งทำให้มันเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับการรับชมรายการต่าง ๆ บน Disney+ คุณยังสามารถลองใช้ ExpressVPN กับ Disney+ ด้วยตัวของคุณเองได้ หากคุณไม่พึงพอใจ คุณก็สามารถขอรับเงินคืนได้อย่างง่ายดายภายใน 30 วัน